❤️ เจ้าดวงเดือนในใจลูกสาว พ-วงเดือน ช่วงนี้หลายท่านทักเข้ามาถามคำถามพี่น้ำตาลมากมาย ด้วยความระลึกถึง "เจ้าแม่" พี่น้ำตาลจึงขอโอกาสนี้ที่จะออกมาพูดเรื่องของแม่ หลังจากที่ท่านจากพวกเราไปแล้ว 2 ปี 🥰 "เราก็คิดถึง แม่เรานะคะ" 🎵 "โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย" เรียบเรียงโดย ณัฐ ยนตรรักษ์ ผศ.ดร.พัธ ธ รังษี บรมวงศ์ไพศาล เพจ เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ 9 พฤศจิกายน 2567

😊เรือพระสุพรรณหงส์สวยงามมากเลยที่จุดใดในโลก🎉🎉❤❤๕ขอให้จัดแบบนี้ไวๆนะในหลวงขอโทษครับที่พูดไปเรื่องนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด

🙏🍊🍏💐🌷

❤️โอ้ละหนอ___ดวงเดือน เอย "เจ้า" คือ "คำถามนี้มีคำตอบที่ต่างมุมมองของแต่ละบุคคล แต่สำหรับ เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ นั้น "เจ้าคือ" ในความเป็นจริง และสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แล้วจะได้เห็นมุมมอง บริบทของสังคมและความเป็นจริงในมติที่คุณยังไม่เคยเห็น "เจ้า" อย่างไรก็ตาม "เจ้า" ก็ยังคงความเจ้า แต่สำหรับพวกคุณนั้น "เจ้า" คืออะไร ? นี่คือคำถามที่คำตอบอาจจะแตกต่างกันแล้วแต่ละความคิด ความเข้าใจ และการได้สัมผัส มีความจริงที่แน่นอนและเป็นจริงเสมอนั่นคือ การเกิดขึ้น การตั้งอยู่ และการจากไป พร้อมความทรงจำที่ยังคงอยู่มิรู้ลืม เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ บุคคลอันเป็นที่รัก เคารพนับถือของใครหลายๆคน ยังเป็นตำนานทางประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม และประเพณี อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างของสตรีนักสู้ ที่มีเอกลักษณ์แบบฉบับความเป็นสตรีล้านนา ที่ยังตราตรึงไปอีกนานเท่านาน 💠 เจ้าดวงเดือน ในดวงใจ 💠 คณานุสรณ์ เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ 💠 เพจ The Lost Princess 💠 ภาพยนตร์สั้นที่ควรดู The Lost Princess 💠 คำว่า "เจ้า" สำหรับคุณ คือ ? facebook.com/share/AKZyAvshjg2vM1bu/ ผศ.ดร.พัธ ธ รังษี บรมวงศ์ไพศาล 2 พฤศจิกายน 2567

น่าจะทรงร้อนน่าดู

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ❤

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

⭐ ขอกราบสำหรับพระคุณครับ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ทรงพระเจริญ

เรือ⛵พระที่นั่งสุพรรณหงส์เรือ⛵พระราชพิธีเป็นสมษัตคู่บ้าน🏡คู่เมืองขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน❤❤❤

ลองหาผู้ที่เล่นโทรศัพท์กลางวันก็เปิดไฟกลางคืนก็เปิดไฟบางทีมันก็ดับเองมันมันมีกี่คนเรียกตัวให้หมดว่ามันทำตามใครครับ❤

สาธคุ

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

วัดพระธาตุหริภุญชัย อดีตมักจะเรียก วัดเจดีย์หลวง เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 28 ไร่ มีตำนานมูลศาสนา และตำนานพระธาตุเจ้าหริภุญชัย ว่า ครั้นพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาบิณฑบาตในหมู่บ้านของเหล่าเม็งคบุตร แล้วเสด็จเลียบลำน้ำแม่ระมิงค์ แม่น้ำปิง พวกเม็งตามเสด็จมาถึงที่สถานที่หนึ่งทางทิศตะวันตกของแม่น้ำ พระพุทธเจ้าปรารถจะนั่ง ก็มีแท่นหินก้อนหนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้นดิน พระพุทธเจ้าจึงทรงวางบาตรและประทับเหนือแท่นหินนั้น ชมพูนาคราชและพญากาเผือกออกมาอุปัฏฐากพระองค์ ลัวะผู้หนึ่งได้ถวายหมากสมอ เมื่อพระพุทธเจ้าฉันเสร็จได้ซัดเมล็ดสมอลงเหนือพื้นดิน เมล็ดสมอหมุนเวียน 3 รอบ แล้วจึงได้ฝังพระเกศาแล้วเอาผลสมอทับไว้ มีพุทธพยากรณ์ว่า ในภายภาคหน้าเมื่อพระเจ้าอาทิตยราชเสวยราชย์ สถานที่นี้จะเป็นที่ตั้งของมหานครใหญ่ชื่อ "หริภุญชัย" เพราะพระพุทธเจ้าได้มาฉันหมากสมอที่นี้ ที่พระพุทธเจ้านั่งจะเป็นที่ตั้งของเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีธาตุกระดูกพระเศียร ธาตุกระดูกอก ธาตุกระดูกนิ้ว และธาตุย่อย รวม 1 บาตรเต็ม ณ มหานครแห่งนี้ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จกลับไปแล้ว พญากาเผือกเมื่อได้ยินพุทธพยากรณ์ก็จำได้สิ้น เมื่อบินกลับถึงป่าหิมพานต์จึงเรียกกาดำผู้เป็นหลานมาเล่าพุทธพยากรณ์ พร้อมให้กาดำอยู่เฝ้ารักษาสถานที่ เหล่าเทวดา อสูร ฤๅษี พากันมาบูชาแท่นหินนั้นเป็นนิตย์ ตำนานพระธาตุเจ้าหริภุญชัยว่าแท่นหินนั้นจมลงไปในดินตามเดิม ภายหลังพระยาศรีธรรมาโศกราชได้นำพระธาตุใส่ในกระบอกไม้รวก แล้วใส่ในโกศแก้วลูกใหญ่ 3 กำ บรรจุใต้ที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งฉันหมากสมอ ตำนานมูลศาสนาว่าตรงกับปีที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว 1,008 ปี ตำนานพระธาตุเจ้าหริภุญชัยว่า พ.ศ. 1420 จามเทวีวงศ์ว่า พ.ศ. 1586 ชินกาลมาลีปกรณ์ พ.ศ. 1590 ก็กล่าวเรื่องตำนานนี้อีกทิศทางหนึ่งซึ่งไม่ตรงกันนัก แต่จะว่าด้วยเรื่องราวหรือตำนานใดๆ ก็ตามก็จะกล่าวสรุปไปในทางเดียวกันถึงความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์ สำคัญของพระบรมธาตุหลวงแห่งนี้ ทั้งสิ้น 💠 พระธาตุหริภุญชัย พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร 💠 พระอารามหลวง 💠 นครหริภุญชัย เมืองบุญหลวง 💠 ตำนานมูลศาสนา 💠 วัดงามคู่นคร ผศ.ดร.พัธ ธ รังษี บรมวงศ์ไพศาล ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน 19 ตุลาคม 2567

❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤

ถ้าเราตกเป็นเมืองขึ้นเราทั้งหลายไม่มีทางที่จะได้เห็นสิ่งเหล่านี้ ภาษาวัฒนธรรมและประเพณีเราจะถูกทําลายไปหมดสิ้น เราคงความยิ่งใหญ่ได้ก็ด้วยพระบารมีของพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทํานุบํารุงความเป็นชาติไทยมาตลอด

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ข้าพเจ้าคนรุ่นใหม่จะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไปตราบเท่าชีวิต ภูมิใจที่เรามีภาษาและวัฒนธรรมที่ไม่มีที่ใดในโลกจะเทียบเท่าได้

ผมบอกความในใจของผมไม่ถูกครับ สิ่งดีๆ ทุกอย่าง น้ำตาผมหยดไหลเสมอ

ชอบฟังเสียงร้อง มันก้องกังวานในใจ

ทรงพระเจริญ

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ❤

ชอบฟังเสียง​ร้องมากจับใจ

"วัดเวียงแห่งนครา" วัดพระธาตุลำปางหลวง "ไทยถิ่นเหนือ" ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองลำปาง 18 กิโลเมตร วัดตั้งอยู่บนเนินสูง หรือที่เรียกว่า "ดอยม่อนน้อย" มีการจัดวางผังและส่วนประกอบของวัดสมบูรณ์แบบที่สุดในการจัดสร้างวัดตามคติความเชื่อของชาวล้านนา มีสิ่งก่อสร้าง และสถาปัตยกรรมต่าง ๆ บริเวณพุทธาวาสประกอบด้วย องค์พระธาตุลำปางหลวง ซึ่งเป็นประธาน มีบันไดนาคที่จะนำขึ้นไปสู่ซุ้มประตูโขง ถัดจากซุ้มประตูโขงขึ้นไปเป็น วิหารหลวง บริเวณทิศเหนือขององค์พระธาตุมีวิหารบริวารตั้งอยู่นั้น มีวิหารน้ำแต้ม และ วิหารต้นแก้ว ด้านทิศตะวันตกขององค์พระธาตุประกอบด้วย วิหารละโว้ หอพระพุทธบาท ด้านทิศใต้มี วิหารพระพุทธ และอุโบสถ ทั้งหมดนี้จะแวดล้อมด้วยแนวกำแพงแก้วทั้งสี่ด้าน นอกกำแพงแก้วด้านใต้มีประตูที่จะนำไปสู่เขตสังฆาวาส ซึ่งประกอบด้วยอาคาร หอพระไตรปิฎก กุฏิที่ประดิษฐาน พระแก้วดอนเต้า อาคารพิพิธภัณฑ์และกุฏิสงฆ์ นอกเขตกำแพงแก้ว ล้วนถูกจัดวางได้อย่างลงตัวและเหมาะสมยิ่ง 💠 วัดพระธาตุลำปางหลวง 💠 ดอยม่อนน้อย 💠 วัดแห่งเวียง 💠 นครลำปาง 💠 วัดคู่นครเขลางค์อาลัมภางค์ ผศ.ดร.พัธ ธ รังษี บรมวงศ์ไพศาล ที่ วัดพระธาตุลำปางหลวง นครเขลางค์อาลัมภางค์ 12 ตุลาคม 2567

พระบารมี คือศักดิ์ศรีคู่แผ่นดินไทย

น.อ.แตงหล่อมาก

สมพระเกียรติยศ

🙏 "ขอความสุขสวัสดิ์ร่มเย็นและความแคล้วคลาดปราศจากภัยอันตรายจงบังเกิดขึ้นด้วยเทอญ" ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนภัยพิบัตินานานับประการ นอกเหนือจากเราต้องตั้งสติให้มั่น ที่จะช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดอย่างเป็นสุข รวมทั้งรอรับการช่วยเหลือจากภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะเข้ามาช่วยเหลืออีกส่วนหนึ่ง กำลังใจอีกหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนนั้นก็คือความเชื่อความศรัทธาจากที่พึ่งทางจิตใจ เชื่อกันว่าการบูชาท้าวเวสสุวัณจะทำให้บังเกิดสิ่งที่ดี เชื่อว่าจะทำให้ทรัพย์สมบัติมั่นคง ไม่มีใครจะมาทำลายหรือแย่งชิงไปได้เพราะท้าวเวสสุวัณเป็นผู้ชื่อว่าปกป้องรักษาขุมทรัพย์สมบัติ "ยักษ์เฝ้ารักษาขุมทรัพย์ไว้" รวมทั้งเชื่อว่าการบูชาท้าวเวสสุวัณจะป้องกันมนต์ดำจากผู้ไม่หวังดีที่มุ่งประสงค์ให้กิจการค้าขายหรือครอบครัวและ "ความเดือดร้อน" อยู่ไม่สุข เพื่อปลอดภัยและผ่านวิกฤตนานานับประการไปได้ด้วยดี จึงได้ถือเอาโอกาสนี้ทำกาลบุญพิธีพลีบวงสรวงและยอกฉัตรถวายแด่ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งจัดขึ้นในวัน แรม 5 ค่ำ เดือน 10 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ลานท้าวเวสสุวรรณ วัดม่อนศรีบุญโยง ในงานมี เจ้าภาคินัย ณ เชียงใหม่ อีกทั้งมี เจ้าเจือจันทร์ และคุณถาวร ณ เชียงใหม่ เป็นประธานประกอบพิธี อีกทั้งยังมีผู้ร่วมบุญพิธีประกอบด้วย พ.ต.อ.กฤษฎา พงษ์สุวรรณ ผกก.สภ.เกาะคา วรพล จิรารัตน์วัฒนา มูลนิธิเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ อำนาจ จงยศยิ่ง ผ่องพรรณ จงยศยิ่ง สิริกุล อัศวินวงศ์ ณ ลำปาง อ.การช์วิทย์ วงศ์ทอง อ.ศรัณย์ปพร ศรีจันทร์ ดร.ธนัชธาวิชญ์ ทนุก้ำ ยุทธนา คำเหลือง กรการันต์ คำใส ณภัทร เวียงมูล ประภาพรณ์ ทองคำ พรรณปพร โตเจริญมงคลทรัพย์ อาจารย์ ชุติพันธ์ แสงโสดา อาจารย์ ภูริวัฒน์ พรหมกิ่งแก้ว ส.จ พิเชรษฐ ทิ่นอยู่ สจ.เกาะคา ผู้ใหญ่ ตุลธร เรืองฤทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหัวแต คณะศรัทธาและกัลยาณมิตรมวลหมู่ ร่วมในงานบุญพิธีครั้งนี้ และมี ดร.กตัญญู เรือนตุ่น เป็นผู้ประกอบเทวพิธีอ่านโองการบวงสรวง และยอยกฉัตร และได้รับเมตตาธรรมจาก "หลวงพ่อ" พระครูสุเขตรัตนานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดนาแก้ว ตะวันตก ที่ปรึกษา เจ้าคณะอำเภอเกาะคา พระปลัดเกียรติชัย อิสลธัมโม เลขานุการเจ้าคณะอำเภอเกาะคา พระครูโสภิตกิตติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดม่อนศรีบุญโยง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ประกอบบุญพิธีเพื่อเป็นศรีสวัสดิ์มงคล 🙏 "หวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยอนุภาพแห่งพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเป็นที่ตั้ง จะส่งผลให้คณานุภาพแห่งท้าวเวสสุวรรณนี้จะบังเกิดอภิวัฒนผลอันเรืองฤทธิไพบูลย์ที่อุดมด้วยเทวนุภาพที่จะบังเกิดฤทธานุภาพและเป็นอีกหนึ่งที่พึ่งของมวลศรัทธาสืบไป" 💠 บุญพิธีบวงสรวงและยกฉัตรท้าวเวสสุวรรณ วัดม่อนศรีบุญโยง อำเภอเกาะคา 💠 คณานุภาพช่วยขจัดร้ายกลายดี 💠 เทวานุภาพอันเรืองฤทธิ์ 💠 ท้าวเวสสุวรรณ 💠 วัดม่อนศรีบุญโยง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ผศ.ดร.พัธ ธ รังษี บรมวงศ์ไพศาล กาลพิธีบวงสรวงและยกฉัตรท้าวเวสสุวรรณ วัดม่อนศรีบุญโยง ลำปางเขลางค์นคร 23 กันยายน 2567

สาธุ

🙏 ขอเชิญร่วมงานบุญมงคลพิธีบวงสรวง และพลีเครื่องสังเวย ท้าวเวสสุวรรณ และยกฉัตรฉลองฐานท้าวเวสสุวรรณ วัดม่อนศรีบุญโยง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ในวันแรม 5 ค่ำ เดือน 10 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2567 ในเวลา 11:00 น. 🔹️ ท้าวเวสสุวรรณนั้น บางทีก็เรียกว่าท้าวไวศรวัน (เวสสุวัณ) ภาษาทมิฬจะเรียก "กุเวร" ว่า "กุเปรัน" ซึ่งปรากฏในเรื่องอยู่ในรามเกียรติ์ว่า เป็นพี่ต่างมารดาของทศกัณฐ์ และทศกัณฐ์ไปแย่งบุษบกของท้าวกุเวรไป ท้าวกุเวรมีรูปร่างพิการผิวขาว มีฟัน 8 ซี่ และมีขาสามขา (ภาพท้าวเวสวัณจึงมักเขียนท่ายืนแยงแย่ ถือไม้กระบองยาว อยู่หว่างขา) เมืองท้าวกุเวรชื่อ "อลกา" อยู่บนเขาหิมาลัย มีสวนอุทยานอยู่ไหล่เขาแห่งหนึ่งของเขาพระสุเมรุ ชื่อว่า "สวนไจตรต" หรือ "มนทร" มีพวกกินนรและคนธรรพ์เป็นผู้รับใช้ ท้าวกุเวรเป็นโลกบาลประจำทิศเหนือ คนจีนเรียกว่า "ตัวเหวิน" 🔹️ เชื่อกันว่าการบูชาท้าวเวสสุวัณจะทำให้ค้าขายดี และเชื่อว่าจะทำให้ทรัพย์สมบัติมั่นคง ไม่มีใครจะมาทำลายหรือแย่งชิงไปได้เพราะท้าวเวสสุวัณเป็นผู้ชื่อว่าปกป้องรักษาขุมทรัพย์สมบัติ (ตามตำนานที่ท้าวเวสสุวัณจะสั่งให้คุยหกะยักษ์เฝ้ารักษาขุมทรัพย์ไว้) รวมทั้งเชื่อว่าการบูชาท้าวเวสสุวัณจะป้องกันมนต์ดำจากผู้ไม่หวังดีที่มุ่งประสงค์ให้กิจการค้าขายหรือครอบครัวเดือดร้อนอยู่ไม่สุข หรือใช้เล่ห์เหลี่ยมมาแกล้ง เพื่อเป็นการทำลายคู่แข่งทางการค้าได้เป็นอย่างดี และยังเป็นสิริมงคลอีกด้วย การบูชาท้าวเวสสุวรรณ ถือเป็นมงคลอีกประการหนึ่งเพื่อเพิ่มพูลสิริสวัสดิ์เจริญผล มั่มมี มั่งคั่ง และรุ่งเรืองด้วยศรีสวัสดิ์ทุกประการ 💠 บวงสรวงและยกฉัตรท้าวเวสสุวรรณ 💠 เทพเจ้าแห่งทรัพย์สิน เงินทอง 💠 ป้องกันภยันตรายนานาประการ 💠 วัดม่อนศรีบุญโยง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง 💠 วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2567 💠 เวลา 11:00 น. 💠 พระครูโสภิตกิตติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดม่อนศรีบุญโยง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง 📎 ผู้ประสงค์จะร่วมทำบุญสามารถร่วมโอนปัจจัยได้ที่ พระศิริพงษ์ สิริวณโณ ธนาคารออมสิน เลขบัญชี 051100710352 "ขอบารมีและอนุภาพแห่งท้าวเสสุวรรณ จงปกป้องรักษาคุ้มครอง และประทานโชคลาภ ด้วยเทอญ 🙏" ผศ.ดร.พัธ ธ รังษี บรมวงศ์ไพศาล งานบวงสรวงและยกฉัตรท้าวเวสสุวรรณ วัดม่อนศรีบุญโยง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง 18 กันยายน 2567

ทรงพระเจริญ

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

เชียงใหม่เคยเป็นอาณาจักรของตนเอ็งครับ ท่านมาอยู่กรุงเทพเป็นในตำแหน่งพระราชชายา ภรรยาเจ้าท่านนึงของร.5 พูดอะไรให้เกียรติด้วยนะครับ การที่ไหว้ผมยาวถึงพระบาทคือธรรมเนียมสาวชาวเหนือล้านนา ครับจะไม่ติดผมเด็ดขาด ผมเป็นศรีสหลีของสูง เส้นผมจะตัดก็ต่อกรณีสำคัญบูชาพระธาตุเจ้า ทำเป็นแส้ การที่เราไม่รู้ธรรมเนียมโบราณของท้องถิ่นไม่ผิดครับ แต่วิจารณ์แรงๆทั้งที่ไม้รู้เรียกอวดเก่งอวดโง่ และะถ้ารู้แล้วเปลี่ยนความคิดชะใหม่นะครับ

"ดารารัศมี นุสรณ์คะนึง" เจ้าดารารัศมี พระราชชายา มีพระนามเดิมว่า "เจ้าดารารัศมี" พระนามลำลองเรียก "เจ้าน้อย" และในพระญาติวงศ์เรียกว่า "เจ้าอึ่ง" ประสูติเมื่อวันอังคาร ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีระกา หรือตรงกับวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2416 ณ คุ้มหลวงกลางเวียง นครเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันคือโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เป็นพระธิดาในพระเจ้าอินทวิชยานนท์กับเจ้าทิพเกสร มีพระเชษฐภคินีร่วมพระอุทรหนึ่งพระองค์คือเจ้าจันทรโสภา เมื่อทรงพระเยาว์ เจ้าดารารัศมีทรงพระอักษรทั้งฝ่ายล้านนา สยาม และภาษาอังกฤษ จนแตกฉาน ทั้งยังได้ทรงศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ จนนับได้ว่าทรงเป็นผู้รอบรู้ในด้านขนบประเพณีอันเก่าแก่เหล่านั้นดีที่สุดคนหนึ่งทีเดียว และโปรดการทรงม้าเป็นอย่างยิ่ง ปี พ.ศ. 2426 เมื่อเจ้าดารารัศมีมีพระชนมายุได้ 11 พรรษา พระบิดาได้จัดให้มีพิธีโสกันต์เจ้าดารารัศมี ซึ่งเป็นพิธีโสกันต์ครั้งแรกในล้านนา โดยมีพระยาราชสัมภารากร (เลื่อน สุรนันท์) ข้าหลวงสามหัวเมือง เป็นธุระในเรื่องการจัดพิธีโสกันต์ตลอดงาน ภายหลัง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร (เวลานั้นดำรงตำแหน่งข้าหลวงประจำภาคพายัพ) ได้อัญเชิญพระกุณฑล (ตุ้มหู) และพระธำมรงค์เพชร ไปพระราชทานเป็นของขวัญโกนจุก แก่เจ้าดารารัศมี และในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2429 จุลศักราช 1248 ในปี 2429 นั้น พระเจ้าอินทวิชยานนท์ได้เสด็จลงมายังกรุงเทพฯ เพื่อร่วมในพระราชพิธีลงสรง และสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เจ้าดารารัศมีได้โดยเสด็จพระบิดาลงมากรุงเทพฯ ในครั้งนี้ด้วย และได้ถวายตัว รับราชการฝ่ายในเป็นเจ้าจอม ตำแหน่งพระสนมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยโปรดให้ประทับอยู่ที่พระที่นั่งดำรงสวัสดิ์อนัญวงศ์ ห้องผักกาด หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และอยู่ในพระราชอุปถัมภ์ของพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินี เลยประทับอยู่ ณ กรุงเทพมหานครนับแต่นั้นมา เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2451 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศ "เจ้าจอมมารดาดารารัศมี" ขึ้นเป็นเจ้านายในราชวงศ์จักรี มีตำแหน่งเป็นพระมเหสีพระองค์หนึ่งออกพระนามว่า "เจ้าดารารัศมี พระราชชายา" นับเป็นพระอิสริยยศในตำแหน่งพระมเหสีเทวีที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงนับได้ว่า "เจ้าดารารัศมี พระราชชายา" เป็นพระมเหสีลำดับที่ 5 ในเวลานั้น พระองค์สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476 เมื่อเวลา 15.14 น. ณ คุ้มรินแก้ว สิริพระชันษา 60 ปี 3 เดือน 13 วัน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศกุดั่นน้อยและเครื่องสูง พระกลดขาวลายทอง และให้ข้าราชบริพารไว้ทุกข์มีกำหนด 7 วัน เป็นเกียรติยศ "ด้วยสำนึกในพระกรุณาอันหาที่สุดมิได้" 💠 เจ้าดารารัศมี 💠 พระราชชายา เจ้า 💠 พระราชวงศ์ฝ่ายเหนือ 💠 ทิพยจักราทิวงศ์ "สายน้ำแห่งทิพยจักร์" 💠 พระภรรยาเจ้า 💠 พระราชวงศ์ฝ่ายใน ผศ.ดร.พัธ ธ รังษี บรมวงศ์ไพศาล "ดารารัศมี นุสรณ์คะนึง" 27 สิงหาคม 2567

จากอาณาจักร "ละโว้ สู่หริภุญชัยทวีป" โดยอ้างอิงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ได้เมื่อปี พ.ศ. 1298 พระนางจามเทวีนำช่างละโว้ ปัจจุบันคือ จังหวัดลพบุรี มาสร้างเจดีย์ "สุวรรณจังโกฎ" เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย ทุกด้านมีพระพุทธรูปยืนปางประทานพร ศิลปกรรมของลพบุรีมีพระพุทธรูปยืนอยู่ในซุ้มพระทั้งสี่ด้าน ด้านละ 15 องค์ รวม 60 องค์ ภายในบรรจุอัฐของพระนางจามเทวี ภายในเจดีย์บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี เดิมมียอดพระเจดีย์หุ้มด้วยทองคำ มีตำนานเล่าว่าในปีราว พ.ศ. 1184 มีพระฤๅษีไปพบทารกหญิง ถูกพญานกคาบมาทิ้งไว้บนใบบัวหลวง จึงเลี้ยงดูและสอนสรรพวิทยาการต่าง ๆ ให้ เมื่อพระนางจามเทวี เจริญวัยได้ 13 พรรษา พระฤๅษีจึงต่อนาวายนต์พร้อมด้วยฝูงวานรเป็นบริวารลอยล่องไปตามลำน้ำ ถึงยังท่าน้ำวัดชัยมงคล เมื่อพระเจ้ากรุงละโว้และพระมเหสีพบเห็น จึงได้นำกุมารีน้อยนั้นเข้าสู่พระราชวัง และตั้งให้เป็นพระราชธิดา นามว่า "จามเทวีกุมารี" และให้ศึกษาศิลปวิทยาการตำราพิชัยสงครามทุกแขนง 🔹️ พ.ศ. 1198 พระนางจามเทวีมีพระชนม์ 14 พรรษา ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายราม แห่งนครรามบุรี 🔹️ พ.ศ. 1204 พระนามจามเทวีมีพระชนม์ 20 พรรษา เป็นกษัตรีย์วงศ์จามเทวีแห่งนครหริภุญชัย โดยพระนางเจ้าได้อัญเชิญพระแก้วขาว "พระเสตังคมณี" จากเมืองละโว้ เมื่อปี 700 ขึ้นมา เพื่อประดิษฐานเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ซึ่งปัจจุบัน พระเสตังคมณีองค์นี้ยังประดิษฐานอยู่ที่วัดเชียงมั่น จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการถาวร พระนางจามเทวี มีพระโอรส 2 องค์ องค์พี่มีนามว่ามหายศ "มหันตยศ" องค์น้องมีนามว่าอินทวร "อนันตยศ" โดยพระเจ้ามหายศ ได้ขึ้นเสวยครองเมืองหริภุญชัยนคร แทนพระมารดา ส่วนพระองค์น้องพระเจ้าอินทวรไปครองเมืองเขลางค์นคร หรือนครลำปาง ในปัจจุบัน ที่มหาพรหมฤๅษี และสุพรหมฤๅษีร่วมกันสร้างขึ้นใหม่ให้พระองค์โดยเฉพาะ ส่วนพระนางจามเทวีมีพระชนม์ได้ 60 พรรษา ได้สละราชสมบัติทุกอย่าง ให้พระโอรสทั้งสอง โดยพระนางออกบวชชีบำเพ็ญพรตอยู่ที่วัดจามเทวีแห่งนี้ ราวปีพ.ศ. 1276 พระนางจามเทวีได้ปฏิบัติธรรมอยู่ในวัดแห่งนี้ พระชนม์ครบ 92 พรรษา พระนางจึงได้สวรรคต ซึ่งทางพระมหันตยศ และพระอนันตยศ ก็ได้จัดถวายพระเพลิงภายในวัดดังกล่าวอย่างสมพระเกียรติ และได้สร้างเจดีย์สี่เหลี่ยมบรรจุพระอัฐิของพระนางไว้ ณ ที่นี้ โดยให้ชื่อเจดีย์ว่า สุวรรณจังโกฎเจดีย์ ที่ได้เป็นต้นแบบของเจดีย์ในแถบล้านนาทวีปสืบต่อมา หลังจากนั้นนับพันปีสืบมา “สุวรรณจังโกฎเจดีย์” ได้ชำรุดผุพัง ยอดพระเจดีย์ได้หัก และหายไป กลายเป็นวัดร้าง และชาวบ้านได้เรียกวัดนี้ว่า "วัดกู่กุด" "กู่กุด" เป็นภาษาล้านนา แปลว่า เจดีย์ยอดด้วน วันนี้จึงนับเป็นโอกาสดีที่ได้ย้อนรอยจากละโว้ สู่หริภุญชัยนคร ถือเป็นมงคลดังนี้แล 💠 วัดกู่กุด ที่ตั้งแห่ง สุวรรณจังโกฎเจดีย์ 💠 จามเทวีวงศ์ 💠 วันร้างนับพันปีสู่วัดรุ่งเรืองทางศิลปะกรรม 💠 วัดจามเทวี 💠 นครหริภุญชัย ผศ.ดร.พัธ ธ รังษี บรมวงศ์ไพศาล วัดจามเวที ที่ตั้งแห่ง สุวรรณจังโกฎเจดีย์ นครหริภุญชัย สิงหาคม 2567

กราบสวัสดีตอนเช้าวันพระนะครับพระองค์ท่านสิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครองสุขภาพแข็งแรงครับพระองค์ท่าน❤

พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม!

มีสื่อช่องไหนถ่ายทอดบ้าง สมัยในหลวง รัชกาลที่9 ยังได้ดูถ่ายทอด คนอยู่ไกลไม่มีวาสนาได้ชื่นชม น่าเสียดายจังเลย

ทรงพระเจริญ😊

ทรงพระเจริญ

เจ้าเจือจันทร์ และ คุณถาวร ณ เชียงใหม่ ดำริอุปถัมภ์ให้ความอนุเคราะห์รับเป็นเจ้าภาพบูรณะซ่อมแซม ปรับปรุงศาลาปฏิบัติธรรมอเนกประสงค์ เนื่องจากศาลาดังกล่าวเกิดการทรุดตัวของฐานและกำแพง เกิดเป็นแนวร้าวขนาดใหญ่ อาจจะเกิดอันตรายได้เพื่อให้เกิดความแข็งแรงและมั่นคงถาวรกลับคืนมาและสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างยาวนานสืบต่อไป เจ้าเจือจันทร์ และ คุณถาวร ณ เชียงใหม่ จึงปวารณารับอุปถัมภ์ในการซ่อมแซมและปรับปรุงศาลาปฏิบัติธรรมอเนกประสงค์เพื่อให้เรียบร้อยสมบูรณ์ แข็งแรงและเกิดประโยชน์สืบไป วัดม่อนศรีบุญโยง อำเภอเกาะคา เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งมีพระธาตุเจดีย์ที่ ครูบาเจ้าขาวปี ได้มาสร้างบูรณะสร้างทับจากธาตุเจดีย์เดิมในอดีต ตามตำนานพระเจ้าเลียบโลกล้านนา มีอายุเก่าแก่ในราวสร้างดอยม่อนน้อย หรือเมืองเกาะคาโบราณ จากตำนานการสร้างบ้านแปลงเมืองเขลางค์ ตำนานพระธาตุลำปางหลวง แหล่งกำเนิดปฐมวงศ์"ทิพยจักร" เจ้าวงศ์เจ็ดตน ผู้เป็นปฐมวงศ์แห่งสายสกุล ณ ฝ่ายเหนือทุกมหาสาขา คำว่า "เกาะคา" มีประวัติความเป็นมาคือ บริเวณที่ตั้งตำบลแต่เดิมเป็นทางน้ำของลำน้ำแม่ยาว ซึ่งไหลมาจากทิวเขาขุนตาล เขาผีปันน้ำ เขตติดต่อกับจังหวัดลำพูน ผ่านตำบลใหม่พัฒนาและตำบลไหล่หินมาบรรจบกับแม่น้ำวังที่ตำบลเกาะคา ครั้นนานเข้าน้ำได้พัดเอาตะกอนดิน หิน และทราย มากองรวมกันจนกลายเป็นสันดอนทรายขึ้น (สันดอนทราย ชาวบ้านพื้นเมืองเรียกว่า เกาะ) ภายหลังลำน้ำแม่ยาวได้เปลี่ยนทางเดินของร่องน้ำทำให้เกิดสันดอนทรายเป็นบริเวณกว้าง แล้วกลายสภาพเป็นพื้นดินปนทรายซึ่งมีหญ้าคาขึ้นงอกงามเต็มที่ เมื่อมีชาวบ้านไปตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนในบริเวณดังกล่าว ชาวบ้านจึงเรียกว่า "เกาะคา" "ขอความสุขสวัสดีจงบังเกิดแด่ เจ้าเจือจันทร์ และ คุณถาวร ณ เชียงใหม่ ให้จงอุดมด้วยสิริสวัสดิ์มงคลทุกประการเทอญ ขอเจริญพร" พระครูโสภิตกิตติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดม่อนศรีบุญโยง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง 💠 เจ้าเจือจันทร์ และ คุณถาวร ณ เชียงใหม่ 💠 ศาลาปฏิบัติธรรมอเนกประสงค์ 💠 วัดม่อนศรีบุญโยง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง 💠 อำเภอเกาะคา ตำนานการสร้างเมืองเขลางค์ ณ ดอยม่อนน้อย 💠 บูรณะซ่อมแซม ผศ.ดร.พัธ ธ รังษี บรมวงศ์ไพศาล ที่ วัดม่อนศรีบุญโยง อำเภอเกาะคา ลำปาง 20 สิงหาคม 2567

ณ วัดราชมณเฑียร พิงคนครเชียงใหม่ วัดราชมณเฑียร หรือ "วัดมณเฑียร" ตั้งวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1974 โดยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ซึ่งเป็นวัดแรกที่พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์สมัยราชวงศ์มังราย ทรงสร้างขึ้นเมื่อพระองค์ทรงราชาภิเษกเป็นพระเจ้าแผ่นดินขึ้นนั่งปกครองนครเชียงใหม่ โดยได้ทรงรื้อพระตำหนักราชมณเฑียรส่วนพระองค์ มาสร้างเป็นวัด โดยพระองค์ทรงพระราชทานนามวัดนี้ว่า "วัดราชมณเฑียร" ดังปรากฏข้อความว่า 📌 "เมื่อ พ.ศ. ๑๙๗๔ เดือน ๗ ในปีนั้นชาวเมืองทั้งหลายพร้อมกันปลงศพ พระยาสามฝั่งแกน แล้วจึงอาราธนาเอาลูกท่าน ชื่อท้าวลกมากินเมืองเชียงใหม่ เดือน ๘ ออก ๕ ค่ำ เม็งวันอังคาร ได้ราชาภิเษกชื่อว่า อาทิตตราชดิลก หรือ ติโลกราช และท่านรู้ข่าวว่า พระมหาญาณคัมภีร์เถรเจ้า ไปเอาศาสนามารอด ท่านก็ยินดีมากนัก และพระยาอาทิตย์ และพระมหาเทวี จึงพร้อมกันให้รื้อหอราชมณเฑียรหลังเก่าไปสร้างที่พระมหาเถรเจ้าจักอยู่ และได้ชื่อว่า วัดราชมณเฑียร ดังนี้แล" เมื่ออาณาจักรล้านนาล่มสลายลง ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า วัดในอาณาจักรล้านนาจึงรกร้าง กระทั่งเมื่อพระเจ้ากาวิละได้กอบกู้เอกราชของแคว้นล้านนาคืนมา จึงได้บูรณะวัดราชมณเฑียรขึ้นใหม่ตามประวัติที่กล่าวมานี้ 💠 วัดราชมณเฑียร 💠 พระเจ้าติโลกราช 💠 วัดร้างและได้บูรณะสร้างขึ้นมาใหม่ 💠 พระเจ้ากาวิละ 💠 นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ผศ.ดร.พัธ ธ รังษี บรมวงศ์ไพศาล ที่ วัดราชมณเฑียร นครพิงค์เชียงใหม่ 20 สิงหาคม 2567

หนูจะปกป้องผู้มีพระคุณของชาติด้วยเสียงเล็กๆไม่มีค่าของหนูคะ😊

เพลงเฮ่เพราะจริงฟังแล้วสมพระเกยีรตของขบวนเสด็จจริงเสยีงเพรงเฮ่ช่างกังวารอ่อนหวานหยดย้อยจับใจจริงๆ❤❤❤🇹🇭🇹🇭🇹🇭❤️❤️❤️🙏🏽🙏🏽🙏🏽

ทรงพระเจริญ

ทรงพระเจริญเทอญ

❤ 🙏

ขอพระองค์ท่านทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน❤

ในหลวง-ราชีนีสุทิดารัชกาลที่10

ทรงพระเจริญ

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน🙏🇹🇭♥️🇹🇭🙏