@@อําพร-ห6ญ สุดยอดเลยครับ🎁

@@auibuddhawordss ศาสนาต่างๆถูกกั้นม่านให้มีมิติความศรัทธาที่มีความน่าเชื่อถือ.. ไม่สามารถล่วงรู้กันได้ แต่พระเจ้า ที่ถูกแปรเปลี่ยนโฉมให้มีมากมายหลายนามหลายชื่อ หลากหลายพระนาม แม้กระทั่งพระเจ้าศาสนายิวกับศาสนาอิสลาม คือ..คนเดียวกัน แต่ถูกทำให้มีหลายชื่อ ถูกทำให้เหมือนเป็นคนละคน คำสอนที่สั่งสอนพระศาสดาแต่ละศาสนา..(ก็ไม่เหมือนกัน)..ทั้งที่พระเจ้าสูงสุดคนเดียวกัน และในยุคพระพุทธเจ้าเมื่อ 2500 ปีที่ผ่านมานั้น ถ้าพระพุทธเจ้าเดินทางไปประเทศอิสราเอล ก็จะพบผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าอยู่ที่นั่นมากมาย แล้วพระเจ้าก็อยู่กับพวกเขา เป็นเพราะถูกกั้นเขตไม่ให้รวมรู้กันได้ อนึ่ง..ศาสนาถูกวางระยะห่าง 400-600 ปีเช่นศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม สรุปแล้ว พระเจ้ายิว พระเจ้าคริสต์ พระเจ้าอิสลาม..เป็นพระเจ้าคนเดียวกัน ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่ง 6 วัน วันที่ 7 ทรงพักผ่อน เช่น..กับพราหมณ์ที่ชื่อในพระพรหมสร้างโลกต่างๆคล้ายๆกัน ที่ทรงสร้างสรรพสิ่งแล้วพระพรหมจึงเหน็ดเหนื่อยแล้วเผลอหลับไป จึงขโมยคัมภีร์ไป ศาสนาพุทธกล่าวถึง ก่อนที่จะมีจักรวาลนั้น..มีน้ำมาก่อน พระองค์นี้แหละผู้ทรงสถิตเหนือน้ำ..ที่พระพุทธเจ้าไม่รู้จัก พระองค์ถูกแปรเปลี่ยนโฉมมาเป็นพระเยซูคริสต์ผู้ทรงประสูติ ในครรภ์สาวพรหมจรรย พระองค์ไม่เคยแตะต้องกาม ทรงสมบูรณ์ด้วยพรหมวิหาร 4 พระพุทธเจ้าเกิดจากน้ำกามและมีเวรมีกรรมมีบาป แม้จะบําเพ็ญซึ่งไม่สามารถมีญาณหยั่งถึงพระองค์ได้ พระองค์เสด็จมาเพื่อเป้าหมายมนุษย์ทุกคนจะต้องไม่มีบาป..เช่นพระองค์ และเพื่อทุกคนจะต้องสมบูรณ์แบบพรหมวิหาร 4เหมือน..เช่นพระองค์ เพราะพระพุทธเจ้าก็ยังไม่สมบูรณ์แบบแห่งพระวิหาร 4 ที่จะทำมนุษย์ไปสู่ความมีสูงสุดได้ คือ..เมตตากรุณามุทิตาอุเบกขา เงาของพระเยซูก็คือศาสนาพราหมณ์ที่ศรัทธาพระพรหม หรือพรหมวิหาร 4 และเงาของพระศรีอริยเมตไตรย แปลว่า.. ศรี..สวยงาม อริยะ..ผู้ประเสริฐ เมตไตร..เมตตา รวมก็คือ..พระผู้ที่ประเสริฐสวยงามด้วยเมตตาพรหมวิหาร 4 สะท้อนให้เห็นพระเยซูองค์นั้น ที่เป็นพระพุทธเจ้าคนสุดท้าย ซึ่งจะนำมนุษย์ให้หมดการเวียนว่ายตายเกิด แท้จริง..มนุษย์ถูกออกแบบให้มีศาสนาต่างๆมากมาย มีพระเจ้ามากมาย มีเทพเจ้ามากมาย มีพระเป็นเจ้ามากมาย นั้นๆแท้จริงบาปเดียวกัน ความดีต่อกัน และมารเดียวกันทุกศาสนา มนุษย์ถูกศาสนาล็อคคอไว้ ให้เชื่อมั่นในแนวทางของตนที่มีความน่าเชื่อถือ ศาสนาอิสลามมีนบีมูฮัมหมัดที่มีอภินิหารต่างๆมีคำสอนต่างๆที่มีความน่าเชื่อถือเป็นศาสนาที่ใหญ่รองจากศาสนาคริสต์ ศาสนาพุทธก็มีพระพุทธเจ้าซึ่งแสดงอภินิหารต่างๆ มีบทคำสอนต่างๆที่มีความน่าเชื่อถือมีหลักการที่สามารถพิสูจน์ได้ พระเยซูทรงดำรงอยู่ก่อนโลกกำเนิดทรงสถิตเหนือน้ำ ไตรปิฎก เล่าขานตำนาน ก่อนที่จะมีโลกกำเนิด มีน้ำเพียงน้ำ พระเยซูเป็นคำตอบที่สมบูรณ์ที่สุดมากกว่าศาสนา ศาสนาพุทธกล่าวถึงวันสิ้นโลก ความร้อนจะทำลายโลกเท่ากับดวงอาทิตย์ 7 ดวง พระเจ้ามีรหัสตัวเลขตอง 7 (ฉะนั้นพระเจ้าเท่านั้นที่รู้การเวลาที่จะทำลายโลก) ศาสนาคริสต์ไม่มีใคร ไม่เข้าใจความหมายถึงเลข7 ส่วนเลข 6 นั้นเป็นเลขของพญามาร ศาสนาคริสต์เข้าใจดีทุกคน ถึงหมายเลขเหล่านี้.. พญามารในศาสนาพุทธ ปกครองสวรรค์ชั้นสูงสุดคือชั้น 6 มัน เพราะหมายเลขของมันก็คือเลข 6 แท้จริงอย่างเดียวกันแต่ถูกทำให้ซับซ้อนซ่อนเร้นลึกลับ พระเยซูตรัสถึงสัญญาณวันสิ้นโลกว่า ท่านทั้งหลายจะได้ยินข่าวลือเรื่องสงครามโรคระบาดหนัก 1.(สงครามโลกครั้งที่ 3 ใกล้ปะทุแล้ว) 2.(โรคระบาดหนักมันให้เกิดขึ้นแล้ว) พระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกครั้ง วันสิ้นโลกมนุษย์ทุกศาสนาจะเห็นพระองค์กลับมากับกองทัพเหล่าเทวดาทูตสวรรค์ของพระองค์ หลังจากวันสิ้นโลกหมดวาระเรียนว่ายตายเกิด มนุษย์ทุกศาสนาจะต้องยืนต่อหน้าบัลลังก์พระเยซู รับพิพากษาเข้าสู่สวรรค์นิรันดร์และนรกนิรันดร์ วันนั้นจะหมดวาระเวียนว่ายตายเกิด จะไม่มีสวรรค์ใดๆทั้งสิ้นมีเพียงสวรรค์นิรันดร์และนรกนิรันดร์สองทางเท่านั้นครับ แท้จริงพระเยซูสถิต อยู่เหนือน้ำก่อนโลกกำเนิด ทรงเป็นผลแรกแห่งธรรมะ แล้วไปจุดสิ้นสุดของธรรมะครับ

ใช่ครับปรุงแต่งเฉพาะคนที่ทำไม่ได้ครับ ส่วนที่ทำได้เขาก็เกิดแก่เจ็บตายเหมือนคนที่ทำไม่ได้เช่นกันครับ พระองค์ก็เลยให้รีบสมาทานเรื่องสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นกับทุกๆคนซึ่งไม่มีใครรอดพ้นไปได้เลยครับ

สาธุๆๆ

ครับมนุษย์มีความโลภเยอะมากครับและอีกอย่างมีดวงอาทิตย์เทียมที่สร้างจากฝีมือมนุษย์อีกหลายดวงเลยตอนนี้

คนสมัยก่อนจะฟังพระอรหันต์กันแบบนอบน้อมแล้วก็มาเตือนตัวเองไม่ให้ประมาทครับ สมัยต่อๆมาก็เลยเลือนลางไปเรื่อยๆครับ ต้องรื้อฟื้นกันใหม่และให้คำสอนของพระองค์ท่านยังสืบทอดต่อไปให้ได้ครับ

ธรรมชาติการวนลูปของสิ่งเป็นปกติครับ

ขอบคุณ FC ทุกท่านครับ

@@ทํากินบ้านๆ-ภ5ฬ สาธุๆครับ

สิ่งมีชีวิตอยู่โลกไม่ถึง2พันล้านปีข้างหน้าหรอก เพราะโลกร้อนขึ้นจากการขยายตัวของดวงอาทิตย์

แต่ละดวงอาทิตย์ เกิดขึ้น และ ดับไป ทีละดวงครับ ไม่ได้อยู่ยาว จนครบ 7 ดวง (รายละเอียดอยู่ในดวงที่ 2 ที่จะปรากฎขึ้นในเวลากลางคืน ส่องสว่างสลับกับดวงเดิมจนไม่มีกลางคืนยาวนาน แล้วดับไปเหลือดวงเดียวเหมือนเดิม เว้นระยะไป ดวงที่ 3 ก็จะมาประมาณเดียวกัน ) แต่ดวงที่ 6 กับ 7 นี่แหละครับประเด็น เพราะ เขาพระสุเมร ถึงกับแตกสลาย ตั้งแต่ดวงที่ 6 แล้ว เจออีกครั้ง ดวงที่ 7 แทบจะเรียกว่าระเหยเป็นไอไปเลย (ตรงนี้อ่านดูเหมือน โลก แตก ถึง 2 ครั้ง แตกครั้งแรก แล้วกลับมาก่อตัว แล้วก็แตกอีกในดวงอาทิตย์ดวงที่ 7 แต่เรียกได้ว่า ระเหยไปเลยจะดีกว่า) ซึ่งมันก็น่าจะเป็น แอนโดรเมด้า น่ะแหละครับ เพียงแต่วันนั้น อยู่ในสถานะ "ดาราจักรกัมมันต์ " หรือ QUASAR ที่มีเปลวพลาสม่าลุกโชตช่วงแล้ว (ไม่ได้ชนกันแบบที่นักวิทยาศาสตร์เข้าใจในปัจจุบัน เพราะถ้าเป็น QUASAR มันจะดูดเข้าไปเลยทั้งดาราจักรทางช้างเผือก และถูกทำลายด้วยความร้อนที่สูงที่สุดที่เอกภพจะมีให้ได้) อิสสลาม ก็เจอเหมือนกันนะครับ แต่จะเข้าใจ วันสิ้นโลก และ แสงสว่างจ้า เหมือนเป็นดวงอาทิตย์อีกดวงนี้ในวันนัั้น (เชื่่อว่าเป็นวันฟื้นคืนชีพเพื่อการพิพากษาแล้ว ที่โลกแตกไปครั้งนึ่งแล้ว ถูกประกอบกลับมา (คนก็ฟื้นกลับมาอีกรอบเช่นกัน) มีระบุไว้ชัดเจนว่า "ตะวันในวันนั้น เสมือนอยู่ห่างไปเพียงปลายเล็บ หรือ 1 มีล เท่านั้นเอง") แต่เราไม่ได้เรียกว่าดวงอาทิตย์ครับแสงนั้น "เราเรียก ญาฮันนัม" ซึ่งแปลมาทางไทย โดยลักษณะกายภาพแล้ว มันคือ "อเวจีมหานรก" นั่นเองครับ (บ่อ หรือ เหวลึก ที่มีเปลวไฟรุนแรงที่สุดที่เคยถูกสร้างในเอกภพ หรือ ภาษาไทยก็ ทรงพลังที่สุดที่มีอยู่ในจักรวาล มีลักษณะของ ลำ jet plasma ถูกเขียนไว้ในคัมภีร์ด้วยเช่นกัน โดยใช้คำว่า " เสาของเปลวไฟที่สูงชลูด " ซึ่งออกมาจากก้นหลุมนั้น)

@@limpbizkiz338 ที่จริงเรื่อง เวลา ในอวกาศ หลังจากค้นพบ การสั่นพ้องของ space-time ในอวกาศห้วงลึกแล้ว มันก็ไม่น่าจะคำนวนได้เป๊ะๆ หรอกครับ ว่าที่จริง แอนโดรเมด้า จะมาถึงเมื่อไหร่ เพราะการยืด - หด ของเวลา ในพื้นที่อวกาศมืดดำ ที่ไม่มีสสารให้สังเกตุการณ์ มันไม่สามารถประเมินออกมาได้ว่า เวลาเดินเร็ว - ช้าแค่ไหน ? (เรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับเรื่อง Dark matter ของดาราจักร และ ประเภท ดาราจักร Elliptical ด้วยครับ)

พระองค์ตรัสว่าธรรมธาตุย่อมตั้งอยู่แล้วนั่นเทียว เป็นกฏตายตัวเป็นธรรมดา ถ้ามีคนเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งสร้างดินสร้างสร้างน้ำสร้างอากาศสร้างไฟ สร้างภูเขา สร้างต้นไม้ฯ เป็นการเข้าใจผิด แต่ถ้าคิดว่าพระเจ้าคือธรรมชาติ และ คิดว่าพระเจ้าคือปฏิจจสมุปนธรรม อย่างนี้คิดถูกต้องเพราะเป็นสิ่งที่อาศัยซึ่งกันและกันแล้วจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดานั่นเองครับ

ภพต่างๆเกิดจากกรรม ของสัตว์สรรรสร้าง เช่นโลกแบบนี้ของเรา จักรวาล นรก เช่นกันในพระศรีอริยเมตไตรย มุนษย์อุดมสมบูรณ์ด้วย สัตว์ในยุตนั้นมีบุญมาก ความเดือดร้อนจึงมีน้อย ถ้าจะมีพระเจ้าสร้างโลก พระเจ้านั้นคืออวิชชาที่คอยสร้างภพให้สัตว์ไปรับรองการเวียนตายเวียนเกิดนั้นล่ะครับ ดังนั้นคนในนิพพาน ภพของเขาจึงสูญเพราะ ไม่มีภพให้รับรองแล้วครับ

สาธุพระธรรมตถาคตครับ สาธุ ๆ ๆ

^_^ ^_^ ^_^

ทั้ง2ท่านมีฤทธิ์ทั้งคู่ก็เกรงใจกันที่จะเหาะขึ้นไป พระปิณโฑลฯก็เลยตัดสินใจไปเองเลยครับ

ไม่แน่ใจนะครับ คงไม่มีฤทธิ์ครับ ถ้ามีฤทธิ์น่าจะลอยตัวได้ครับ แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ

@@มะเดื่อทอง สมัยนี้น่าจะอวดกันเยอะครับคิดว่าเล่นมายากลด้วยอีกส่วนหนึ่งในสมัยนี้นะครับ

ใช่ครับ ท่านห้ามพระในสังกัดของพระองค์เพื่อไม่ให้ชาวบ้านยึดติดกับอภินิหาริย์ครับ เดี๋ยวจะฟังธรรมไม่รู้เรืองครับ

พระพุทธเจ้าเวลาแสดงจะทำเมื่อเวลาจำเป็นครับ แต่สาวกท่านไม่ได้เป็นสัพพัญญูพระองค์ก็เลยป้องกันไว้เพื่อไม่ให้เลยเถิดครับ

บางศาสนาเขายึดความเป็นตัวตนครับเขาก็เลยยังมีทิฏฐิ 62 อยู่ครับ พระพุทธบอกว่าชาติก่อนหน้านั้นไม่ปรากฏครับเพราะสงสาร(สังสารวัฏกำหนดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้เลย)ครับ ถ้ามีโอกาศผมจะทำคลิปเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคาครับว่ามันมีมากมายขนาดไหน

@auibuddhawords2 ช่วยทำคลิปอธิบายเรื่องนี้หน่อยคับ เพราะมันเป็นเรื่องอจินไตย

คำตอบคือ เพราะมีอวิชชา(ความไม่รู้ในอริยสัจสี่(ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับไม่เหลือของทุกข์ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์)เป็นปัจจัยจึงมีสังขารทั้งหลาย (กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร)ความเป็นเราจึงอุบัติขึ้นเพราะสิ่งๆหนึ่งเข้าไปหลงยึดว่าเป็นเราสิ่งๆหนึ่งใช้เรียกว่า สัตว์ หรือ สัตตานังฯ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่าสัตว์ๆดังนี้ อันว่าสัตว์มีได้ด้วยเหตุเพียงเท่าไหร่พระเจ้าข้า! ราธะ!ความพอใจอันใด ราคะอันใด นันทิอันใด ตัณหาอันใดมีอยู่ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณเพราะการติดแล้วข้องแล้วในสิ่งนั้นๆเพราะฉะนั้นสิ่งนี้จึงเรียกว่่า สัตว์ ดังนี้

สาธุครับใช่ครับ คนจะไม่สนใจพระธรรมครับ

แปลผิดหรอ คงไม่ใช่หรอก

พระศรีอริยเมตไตรย์ นอจุติเป็นมนุษย์ชาติสุดท้ายอยู่หมายความว่าปัจจุบันท่านไม่ใช่มนุษย์ในปัจจุบัน ท่านอยู่บนสวรรค์ ส่วนคุณตอนนี้ครึ่งท่อนล่างอยู่ในนรกแล้ว

พระพุทธเจ้าตรัสในทำนองว่าเวลาท่านพูดจะพูดแต่เรื่องจริง(คือสัจจะ)ไม่ได้ที่จะล้มลัทธิใด และพระองค์ก็ตรัสในเรื่องศาสนาของพระองค์ว่าที่มีสมณะที่1-2-3-4 มีเฉพาะในศาสนานี้ครับ

ภูมิไหนชั้นไหนก็มีมิจฉาทิตฐิครับ เทวยังไม่บรรลุ ให้คุณให้โทษได้ มีเมีย มีผัว มีกิเลส ยกเว้นพระโพธิสัตว์ที่สะสมมาเต็ม

อยู่ในเล่มพระไตรปิฏกเรื่องแรกจะอยู่ในมหาจุฬา1ครับ

@@auibuddhawordss ยากที่จะกล่าวว่าการเหาะเหิรเดินอากาศได้เป็นเรื่องจริง...คืออยากให้กล่าวในแง่มุมที่ว่าพุทธศาสนาเป็นอย่างไรเสียมากกว่า ไม่อยากให้เน้นไปในทางการปาฏิหารย์..เชื่อในธรรมพิจารณาด้วยเหตุและผลศรัทธาในคุณงามความดี

ท่านเป็นบุคคลลักษณะมหาบุรุษแข็งแรงก็พูดง่ายๆเป็นบุคคลพิเศษซึ่งมี1เดียวครับ