670803 ทำทาน ศึกษาธรรม ต้องรู้คิดพิจารณา

Рет қаралды 1,106

เสถียรโพธิญาณ ณ สัพพัญญู

Күн бұрын

Пікірлер: 27

@สุนันทาสังข์ศิริ-ฮ2ฅ 3 ай бұрын

กราบสาธุ...ในพระธรรมคำสอนค่ะหลวงปู่

@วิชลร่มเย็น-ฬ8ต 2 ай бұрын

ก่ราบนมัสการครับหลวงพ่อที่เคารพ ที่กำลังออกสืบทอดและต่อยอดศาสนาธรรมต่อจากพระพุทธองค์ เพื่อปฎิวัติโลกให้เกิด ธรรมความเสมอภาคและสันติสุขอย่างถ้วนหน้ากัน โดยไม่แบ่งชาติ ศาสนาภาษา ชนชั้นและวรรณะอีกต่อไป แม้ว่าพ่อเป็นพระศรีอาริย์ แต่เข้ามาฟังสมณะ ผู้ปฏิบัติปฏิบัติชอบ เดินตามรอยของพระผู้มี พระภาคอย่างแท้จริง พ่อจึงเข้ามาฟังตลอดครับ หลวงพ่อพูดถูกทุกประการครับ มีใครรู้หรือ ไม่ว่าหลายคนในครั้งพุทธกาลได้ฆ่าพระพุทธ องค์ทางอ้อม เพราะพระองค์ทรงตามใจทุกคน ใครจะเอาอะไรมาถวายให้ฉันก็ทรงรับโดยไม่ ปฏิเศษ แม้จะแสลงต่อโรคที่ทรงเป็นอยู่ก็ตาม อย่างเช่นพระองค์ทรงฉันเนื้อหมูไม่ได้ เพราะ มันแสลงต่อโรคริดสีดวงลำไส้ อย่างครั้งสุด ท้ายทรงฉันเนื้อหมูผัดเห็ดของนายจุนทะ แม้ พระอานนท์ทรงผลักแล้ว แต่พระองค์ทรงบอก ก่อนล่วงหน้ามาก่อนว่า วันนี้ถ้ามีผู้นำอาหารมา ถวายก็อย่าบอกปัด ซึ่งพระอานนท์รู้ด้วยญาณ ว่าถึงเวลามารมานิมนต์เข้านิพพานแล้ว ขาวบ้านเขาไม่รู้ไม่เข้าใจเรื่องธรรมะของพระ พุทธองค์ เพราะมันยาก ละเอียดลึกซึ้ง ไม่ใช่จะ เข้าใจได้ง่ายๆ อย่าว่าแต่ชาวบ้านธรรมดาเลย แม้แต่เหล่าพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจเลย เช่นทำไมพระองค์เอาตัวอวืชชาลงมาเป็นตัว แรก ในกฏอิทัปปัจจยตาที่ว่าเมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย จึงทำให้สิ่งนี้สิ่งนี้เกิดขึ้น ตามหลักปฏิจ จสมุปบาท ในเมื่ออวิชชาเป็นปัจจัย สังขารย่อม มี ก็แปลว่าเมื่อมีสิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น ซึ่งพูดผิด เพราะไปจับเอาที่อวิชชาคือสื่งนี้เป็น ปัจจัย จึงทำให้สังขาร คือสิ่งนี้เกิดขึ้น แต่มันผิด ต่อกฎอิทัปปัจจยตา แสดงว่ารู้ไม่จริง และไม่รู้ ว่าอิทัปปัจจยตา เป็นอะไร ส่วนปฏิจจสมุปบาท เป็นอะไร ถ้าจะถามให้ยากขึ้นไปอีกขอถามว่า อนันตจักรงาลเกิดจากอะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และเกิดขึ้นกี่ขั้นตอน อม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ ตอบไม่ได้ นอกจากพ่อพระศรีอารืย์ตัวจริงเท่า นั้น เพราะฉะนั้นตัวปลอมจงหยุดได้แล้ว ดังเช่น ถามว่าพระพุทธองค์เอาตัวใหนอย่างไรในหลัก ปฏิจจสมุปบาท ปัจยาการเป็นหลักอริยสัจสี่ ซึ่ง ใครตอบได้ก็ขอให้เอาไปตัดคอเสียบประจาน เสีย พ่อไม่ได้อวดอุตริมนุษยธรรมแต่ประการใด แต่บอกให้รู้ว่าพระศรีอาริย์ต้องมีปัญญา สามารถ อำนาจและธรรม อีกทั้งเป็นใหญ่กว่า ใครในอนันตจักรวาลทั้งหมดนี้ มิงั้นจะรวมเป็น ศาสนาเดีบวที้งโลกไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ทำ แบบมักง่ายนะครับ ต้องรู้จริงในสรรพสิ่งครับ กราบนมัสการครับ จากพ่อพระศรีอารืย์ตัวจริงครับ

@phonephone8086 3 ай бұрын

สาธุ

@อุ่นเรือน-ค7บ 3 ай бұрын

พระอาจารย์พูดถูกเจ้าค่ะ

@รวินันท์ศังขะฤกษ์ 3 ай бұрын

สาธุค่ะ

@sukhoy6585 3 ай бұрын

สาธุครับ

@หนึ่งหนึ่ง-ม2ผ 3 ай бұрын

🙏🙏🙏

@joynam7522 3 ай бұрын

คำกล่าวนี้มาในบทสวตมนต์แปลของ ยานีให่ญคับ ได้อธิบายภพภูมเกีดของ โสดา สกทาคา อานาคา อรหันต์ไว้ชัดเจนคับ🙏🏻🙏🏻🙏🏻🌹🌹🌹

@Kitchen-Ae-Channel 3 ай бұрын

หลวงปู่พูดผิด(ผิดจากที่พวกเขาเคยฟังและเข้าใจ) สาธุๆๆ

@น.ส.ธัญจิราบัวอ่อน 3 ай бұрын

ใช่เจ้าค่ะถ้าไม่กลับมาเกิดใหม่ในโลกมนุษย์นี้คงจะไม่มีคยดี

@joynam7522 3 ай бұрын

โพธิสัตว์คือผู้บำเพ็ญบุญปารมีมาแล้วนานแสนนานจึ่งจะได้มาอุบัติบังเกีดขื้นเป็นพระพุทธเจ้า ต้องขื้นอยู่กับการบำเพ็ญบุญของท่านนั้นๆที่มีมากน้อยไม่เท่ากันคับเนาะ เมื่อถูกพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนื่ง มาแล้ว เมื่อภพชาติสุดท้ายของท่านมาถึงคราวนั้นจะเป็นยกศาสนาของท่านคับ ถ้าจะถามว่าคำว่าพระโพธิสัตว์เป็นพระอิริยะบุคคลไหม? โพธิสัตว์คือพระอริยะบุคคลขั้นต่ำคับ โสตา ปฏิยังคะ มี7ชาติเป็นอย่างสูง ส่วนพระสกทาคามีแค่ชาติเดียวเป็นที่สุดคับ ส่วนพระอานาคามี พระอรหันต์ไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้มาเกีด อย่างไร คำว่า พระอานาคามี บาลีก็แปลแล้วว่า ไม่กลับมาอีก ส่วน อาคามี แปลว่า กลับมาอีกคับเนาะสาธุในธรรม🙏🏻🙏🏻🙏🏻🌹🌹🌹

@เปรียบดั่งจันทรา 3 ай бұрын

อธิบายกับผู้ยึดติดถือมั่นในทิฐิก็เหนื่อยอยู่ครับ ข้อแตกต่างก็ชัดอยู่แล้วพระโพธิ์สัตว์ผู้ยังมีความกลัวอยู่ พระอรหันต์คือผู้ที่หมดกลัวแล้ว แค่ก็โต้เถียงไม่ขึ้นแล้วครับ จะป่วยการกล่าวไปใยถึงเรื่องกาม เรื่องโกรธ

@phathanachotsumongalo4568 3 ай бұрын

คนมีตาดีนั่งมองคนเขลา ที่พยายามจะเอาสีระบายอากาศ ตั้งใจจะให้สีติดอากาศ ก็มีแต่จะเหนื่อยและคับแค้นใจเปล่า ยิ่งถ้อยคำที่กระทบกระเทียบผู้อื่น แฝงไปด้วยความโกรธซ่อนอยู่ภายใน ยิ่งพูดมากเท่าไหร่..คนอื่นๆก็ยิ่งมองให้เห็นความต่ำทรามมากเท่านั้น...กล่าวผู้อื่นยึดตำรา แต่ตนเองยึดตำราพุทธวงศ์ ว่าผู้อื่นไม่เคยได้ปฏิบัติ แต่ตนเองไม่เคยแม้แต่จะพบเจอใคร กลับกล่าวหาลอยๆดังเช่นคนพาล ยิ่งด่าคนอื่นออกไป ก็มีแต่กลับเข้าตัวหมด ก็เพราะไม่รู้จักประมาณตน " ("..ถ้อยคำปรารภเรื่องปัญญา ย่อมเป็นถ้อยคำชั่วของคนทรามปัญญา") "..คนทรามปัญญาที่มีมิจฉาทิฏฐิ แม้ผู้มีปัญญาใดๆก็ตาม จะคอยขนาบ จะคอยเตือนสติ ชี้โทษ บอกโทษ ชี้หนทางปัญญาด้วยการกล่าวตามพระศาสดา กล่าวด้วยเหตุด้วยผล กล่าวด้วยถ้อยคำที่เป็นประโยชน์ เป็นสัมมาทิฏฐิ และเป็นสัมมาวาจาก็ตาม แต่คนทรามปัญญา มักแสดงความโกรธ ความขัดเคืองปรากฏในที่นั้นๆ สำคัญตนว่าตนรู้แล้ว และมีความคิดอย่างนี้ว่า "คนอื่นเค้าเบียดเบียนเรา เค้าคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดีกับเรา " " คนพาลที่มีความปราถนาลามก มักจะมีลักษณะเช่นนี้คือ เป็นผู้มักโกรธ ผูกโกรธ มักลบหลู่ หัวดื้อ ตีเสมอ ริษยา ตระหนี่ โอ้อวด พูดเล่ห์เหลี่ยม ยิ่งในท่ามกลางที่ประชุม พูดจาไพเราะดังพระสมณะที่ดี มักพูดโอ้อวดความดีของตนเอง ปิดบังความชั่วที่ตัวทำ มีวาจาไม่เอื้อเฟื้อ พูดเลอะเลือน พูดเท็จ มีวาจาหยาบคาย คือพูดกระทบกระเทียบผู้อื่น แสบเผ็ดต่อผู้อื่น แวดล้อมอยู่ด้วยความโกรธ..นี้คือคนพาลที่มีความปรารถนาลามก ดังเช่นพระเทวทัตต์" *มีครั้งหนึ่งเทวทัตพร้อมพรรคพวกที่ตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์ วางแผนเพื่อทำให้เกิดสังฆเภท ด้วยการทูลขอวัตถุ ๕ประการจากพระพุทธเจ้า วัตถุ ๕ ประการได้แก่ 1.ภิกษุทั้งหลายควรอยู่ป่าตลอดชีวิต. 2.ภิกษุทั้งหลายควรเที่ยวบิณฑบาตตลอดชีวิต. 3.ภิกษุทั้งหลายควรถือผ้าบังสกุลตลอดชีวิต. 4.ภิกษุทั้งหลายควรอยู่โคนไม้ตลอดชีวิต. 5.ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันปลาและเนื้อตลอดชีวิต ภิกษุใดฉันปลาและเนื้อโทษพึงถูกต้องภิกษุนั้น. "ครั้นเมื่อเทวทัตพร้อมพวกเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ทูลขอวัตถุ ๕ประการ จากพระพุทธเจ้า..ปรากฏว่าพระพุทธองค์ตรัสห้ามเทวทัตว่า.. "..อย่าเลยเทวทัต ภิกษุใดปรารถนาก็จงอยู่ป่า ภิกษุใดปรารถนาก็จงอยู่บ้าน ภิกษุใดปรารถนาก็จงเที่ยวบิณฑบาต ภิกษุใดปรารถนาก็จงยินดีการนิมนต์ ภิกษุใดปรารถนาก็จงถือผ้าบังสุกุล ภิกษุใดปรารถนาก็จงยินดีผ้าคหบดี ดูกรเทวทัต เราอนุญาตรุกขมูลเสนาสนะตลอด ๘ เดือนเท่านั้น เราอนุญาตปลาและเนื้อที่บริสุทธิ์ด้วยอาการ ๓ อย่าง คือ ๑.ไม่ได้เห็น ๒.ไม่ได้ยิน ๓.ไม่ได้รังเกียจ." พอพระพุทธเจ้าตรัสห้ามไม่อนุญาติวัตถุ๕ประการ ที่เทวทัตทูลขอ เทวทัตร่าเริงยินดี แล้วหลีกไป..จนในที่สุด ก็เกิดสังฆเภทเกิดขึ้นในสงฆ์ . **เรายกพระสูตรในสังฆาทิเสสบทที่๑๐ มาคร่าวๆ ก็เพื่อที่จะขจัด อสัทธรรมที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ แก้ไขคนพาลที่คอยทำให้เกิดสัทธรรมปฏิรูป ความปราถนาชั่วและความคิดชั่วของพระเทวทัตและพรรคพวก ที่มีในอดีต มาปรากฏอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับผู้ที่อ้างตัวเป็นพุทธสาวก ถ้าอยากรู้รายละเอียดรู้ลึกก็ให้เข้าไปดูพระสูตรเต็ม ได้ที่ พระไตรปิฏกเล่ม๑ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค๑ สิกขาบทที่๑๐ และเล่มที่๗ จุลวรรคภาค๒ หน้า๑๐๔ (สังฆเภทขันธ์กะ) ว่าเทวทัตมีความปรารถนาลามกยังไง และอีกอย่าง ถึงแม้ว่าบุคคลๆนี้จะไม่มีหิริโอตัปปะ ทรามปัญญา ทำลายพระธรรมวินัยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ความคิดความเห็นผิดเหล่านั้น มันมีแนวโน้มในการเสพเมถุนธรรมได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะถ้าคิดว่าตนเองก็เป็นอริยะเจ้าผู้หนึ่ง ถ้าเราจักเสพเมถุนธรรม ก็ทำได้เพราะเราพ้นทุกข์แล้ว แต่เราปราถนาที่จะบรรลุสรรพัญญุตญาณ ต่อไปในภายภาคหน้า ลูกศิษย์ทั้งหลายจงเชื่อเรา ว่าเรามีศีลสะอาดหมดจด อย่างนี้แลอาจเป็นไปได้ .

@หนึ่งหนึ่ง-ม2ผ 3 ай бұрын

@@phathanachotsumongalo4568ด้วยความนับถือท่าน โปรดกรุณาอธิบายศีล 5 อย่างละเอียดด้วย เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าท่านละเอียดหมดจดเพียงใดในศีลสมาธิและปัญญา สาธุ เพราะโดยทั่วไปพื้นฐานแล้วบุคคล ส่วนใหญ่หรือทั้งมวลสามารถเข้าถึงและพิสูจน์จับต้องได้ เป็นการบ่งบอกฐานของท่าน🙏🙏🙏..

@หนึ่งหนึ่ง-ม2ผ 3 ай бұрын

@phathanachotsumongalo4568 3 ай бұрын

@@หนึ่งหนึ่ง-ม2ผ ก่อนที่จะพิสูจน์ว่าผู้อื่นมีความละเอียดหมดจดในศีล สมาธิ ปัญญาขนาดไหน เราขอย้อนถามกลับไปว่า..อะไรเป็นเครื่องยืนยันความละเอียดหมดจดในศีล สมาธิ ปัญญาของแต่ละบุคคลไหนลองอธิบายมาซิ แล้วกองศีล กองสมาธิ กองปัญญา แต่ละกองมีอะไรบ้าง? ไหนลองอธิบายโดยละเอียดมาซิ ?😂

@phathanachotsumongalo4568 3 ай бұрын

@@หนึ่งหนึ่ง-ม2ผ ขนาดเราย้อนถามในคำถามที่เธอถามมา ยังหาคำตอบให้ไม่ได้เลย. เปรียบเหมือนชายที่ออกตามหาหญิงงามในฝัน เดินเข้าไปในหมู่บ้านยันท้ายบ้านก็ยังไม่พบเจอ พอมีคนถาม”ตามหาใคร”? ก็บอกว่าตามหาผู้หญิงในฝัน แล้วผู้หญิงชื่ออะไร? ก็บอกไม่รู้. สูงประมาณเท่าไหร่ ?ก็บอกไม่รู้ รูปร่างหน้าตายังไง?ก็บอกไม่รู้ ดำหรือขาว?ก็บอกไม่รู้ อ้วนหรือผอม? ก็บอกไม่รู้ . ก็จะรู้ได้ยังไงขนาดคำถามของตนยังไม่รู้คำตอบ และต่อให้เรากล่าวถูกธรรม กล่าวอิงอรรถอิงธรรม กล่าวตามพระศาสดาก็ตาม เธอผู้มีอคติกับเรา ผู้ที่ศรัทธาเจ้าลัทธิย่อมไม่ยินดีในคำตอบของเรา. *จะฝากให้เอาไปคิดนะ สมมุติว่า มีพระอรหันตขีณาสพ มีประมาณ1,000 รูป พากันบัญญัติอภิธรรม บัญญัติอภิวินัยขึ้นมา. ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเอง ก็บัญญัติอภิธรรม อภิวินัยขึ้นมาเช่นกัน. เราถามเธอว่า ระหว่างพระอรหันต1,000รูป กับพระผู้มีพระภาคเจ้า เธอจะเชื่อใคร ? ถ้าเลือกพระอรหันต1,000รูป ก็แสดงว่า ลังเลสังสัยในพระพุทธ ยังไม่ศรัทธาในพระพุทธ ถ้าเลือกทั้งสองฝั่ง ก็แสดงว่า ยังไม่หยั่งลงมั่นในพระพุทธเจ้า แต่ถ้าเลือกพระพุทธเจ้าโดยส่วนเดียว พระพุทธเจ้าเรียกบุคคลนั้นว่า “สัทธาสัมปทา” (ผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา) แม้เราก็ไม่ลังเลสงสัยในพระพุทธเจ้าแม้แต่นิดเดียว แม้ในธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ เราตามขจัดขยะผู้ทำลายพระสัทธรรม ผู้ที่กล่าวตู่พระพุทธเจ้า กล่าวดูถูกธรรมและวินัย และบิดเบือนคำสอนของพระพุทธองค์ “

@ภูมินทร์-ว2ป 3 ай бұрын

น่าสงสารคนที่คล้อยตามสมณะรูปนี้จริงๆ

@joynam7522 3 ай бұрын

โพธิสัตว์คือผู้จะได้ตัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้าคับเนาะ คือผู้ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนื่งมาก่อนแล้ว โพธิสัตว์ส่วนมากจะเป็นมหากษัตรย์ พระมหา จักรพรรดิ มากกว่า ถือว่าเป็นอริยะบุคคลเช่นกัน แต่ก็เป็นอริยะบุคคลขั้นต่ำคือขั้นพระโสดาบันคับเพราะว่าพระโสดาบันจะกลับมาเกีดแค่7ชาติเท่านั้นคับ โสตะ ปฏิยังคะ.🙏🏻🙏🏻🙏🏻🌹🌹🌹

@Channel-pt8yo 3 ай бұрын

นี่คือผลไม้พิษที่ฟังจากคนสอนผิด...พระโพธิสัตย์กับพระอริยะบุคคลมันคนละอย่าง พระอริยะตั้งแต่โสดาบันขึ้นไปนั้น ไม่มีพระโพธิสัตย์องค์ใดเป็นพระอริยะบุคคล เมื่ออาจารย์เพี้ยนลูกศิษย์จึงเพี้ยนแบบนี้หละ ดูตัวอย่างพระเทวทัตบรรลุฌาน 4 แต่โสดาบันยังไม่บันลูกเลย....คุณอย่าเอาการบันลุฌานอภิญญาของเหล่าฤาษี ดาบส ปริพาชก ฯลฯ มาโมเมคิดเองเออเองว่าเป็นพระอริยะบุคคล การบันลุฌานที่เป็นโลกิยะ กับได้ญาณหยั่งรู้ไปสู่อาสวัคคญญาณอันเป็นโลกุตร มันคนละส่วนกัน พาอาจารย์คุณไปเรียนมาใหม่ ฟังชื่อก็บ้าแล้ว**** สเถียรโพธิญาณ ณ สัพพัญญู//**เอาคำสรรพนามพระพุทธเจ้าอันสูงส่งมาตั้งโดยไม่รู้ว่าบาป