Рет қаралды 2,519
Mae Sai (Thai: แม่สาย, pronounced [mɛ̂ː sǎːj]; Shan: မႄႈသၢႆ, pronounced [mɛ.sʰǎj]) is the northernmost district (amphoe) of Chiang Rai province in northern Thailand. The town of Mae Sai is a major border crossing between Thailand and Myanmar. Asian Highway Network AH2 (Thailand Route 1 or Phahonyothin Road) crosses the Mae Sai River to the town Tachileik in Myanmar.
One-day passes for non-Burmese nationals crossing into Myanmar are issued at Myanmar customs in Tachileik. Passports are confiscated and a temporary travel permit is issued; the permit is exchanged for the traveler's passport upon crossing back into Thailand. (No longer available as of 2016.) Since the changes in Thai immigration policy since March 2016, crossing this border as a foreign national is highly depended on individual Thai customs officers, as they have discretion.
Mae Sai is 259 km (161 mi) north of Chiang Mai, 61 km (38 mi) north of Chiang Rai, and 850 km (528 mi) north of Bangkok.
Neighboring districts are (from the east clockwise): Chiang Saen, Mae Chan, and Mae Fa Luang. To the north is Myanmar, separated by the Mae Sai River and the Ruak River. The westernmost part of the district is dominated by the hills of the Daen Lao Range, the most important one is the Doi Tung with the Wat Phra That Doi Tung temple on top. Doi Nang Non is another notable mountain in Mae Sai District.
The minor district (king amphoe) Mae Sai was created on 1 March 1939, when the two tambons Mae Sai and Pong Pha were split off from Chiang Saen District. The area was upgraded to a full district on 1 May 1950.
แม่สาย (ไทยถิ่นเหนือ: ; พม่า: မယ်ဆိုင်; ไทใหญ่: မႄႈသၢႆ) เป็นอำเภอเหนือสุดของจังหวัดเชียงรายและเหนือสุดของประเทศไทย ตั้งที่ว่าการที่ตำบลเวียงพางคำ มีด่านชายแดนไทย-พม่าเรียกว่า "ด่านแม่สาย" สามารถผ่านด่านข้ามไปยังจังหวัดท่าขี้เหล็กของพม่าได้โดยมีแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกเป็นพรมแดนที่มีการปักปันเขตแดนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเมียนมาเมื่อปี พ.ศ. 2534
การคมนาคมจากอำเภอเมืองเชียงรายไปอำเภอแม่สายโดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (พหลโยธิน ตอนเชียงราย-แม่สาย) ระยะทาง 63 กิโลเมตร
อำเภอแม่สาย แรกตั้งเป็นกิ่งอำเภอแยกจากอำเภอแม่จันเมื่อ พ.ศ. 2481[1]ยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2493
อำเภอแม่สายนั้น เดิมเป็นที่ตั้งของเมือง เวียงศรีทวง เป็นเมืองของพวกลวะ หรือลั๊วะ เป็นเมืองขึ้นเมืองหนึ่งของอาณาจักรโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น (อำเภอเชียงแสนในปัจจุบัน) สร้างโดยปฐมกษัตริย์ พระนามว่า พระเจ้าสิงหนวัติราช ก่อนที่จะกล่าวถึงประวัติเมืองเวียงศรีทวง-เวียงพาน-เวียงพานคำ จนถึงเวียงพางคำในปัจจุบัน กล่าวถึงประวัติเมืองโยนกนครไชยบุรีศรีช้างแส่น พอสังเขป
เมืองโยนกนครไชยบุรีศรีช้างแส่น (เมืองเวียงพัธุสิงหนวัตินคร) นครโยนกไชยบุรีศรีช้างแส่นนั้น เป็นเมืองโบราณตามตำนานดอยตุงกล่าวไว้ว่า นครนี้สร้างขึ้นสมัยก่อนพุทธกาล แต่ก่อนเคยเป็นอาณาจักรสุวรรณโคมคำ แต่โบราณกาล และเปลี่ยนแปลงมาเป็นอาณาจักรโยนกไชยบุรีศรีช้างแสน เหตุที่เรียกชื่ออย่างนี้เพราะว่า สร้างนครขึ้นโดยอนุภาพแห่งพญาธุราคราช และพระเจ้าสิงหนวัติราช ซึ่งตรงกับตำนานสิงหนวัติที่เขียนไว้ว่า
".....นครทั้งมวลตั้งแต่ปฐมมูล สิงหนวัติกุมาร มาแต่เมืองนครราชคฤห์ หลวงไทยเทศ มาตั้งให้เป็นเมืองพันธุสิงหนวัตินคร......ครันต่อมา ก็กลายเป็นเมือง "โยนกนครราชธานีไชยบุรีศรีช้างแสน... กล่าวตำนานเมืองโยนกนครราชธานีศรีช้างแสน ก็สิ้นห้องหนึ่งแต่เท่านี้ก่อนแล....."
จากเวียงศรีทวง-เวียงพาน-เวียงพานคำ สู่เวียงพางคำ ครั้นพระองค์เพียง กษัตริย์เมืองโยนกนครราชธานีไชยบุรีศรีช้างแสน ขึ้นเสวยราชสมบัติศักราชได้ 259 ตัวปีกัดไส้ สวรรคตลงพระองค์พังจึงขึ้นครองเมืองโยนกนครราชธานีศรีช้างแสนเมื่ออายุได้ 18 ปี ต่อมาได้มีพระขอมดำ เจ้าเมืองอุโมงค์เสลานคร ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโยนกนครฯ เห็นว่าพระองค์พังยังเยาว์ จึงมาตีแล้วขับไล่พระองค์พังออกจากเมืองโยนกนครฯ แล้วตั้งตนเป็นกษัตริย์แทน แล้วขับพระองค์พังไปเป็นแก่บ้าน ตั้งอยู่ที่เวียงศรีทวง ดังตำนานกล่าวว่า
".....พระยาขอมดำตนนั้นก็ยกเอากำลังมาแสนหนึ่ง แล้วก็มาฟื้นลุกชิงเอาเมืองที่นี้ เดือน 5 แรมค่ำหนึ่ง วันอาทิตย์.....พระองค์เจ้ามีใจอันบ่กล้าแข็ง ก็ถวายเมืองให้แก่พระยาขอมดำ.....ครั้นมันได้เมืองแล้ว มันก็ขับพระองค์พัง.....ส่วนพระยาขอมตนนั้นก็เป็นกษัตริย์เสวยเมืองโยนกนคร บุรีศรีช้างแสนที่นั้นแล....."
".....แล้วมันก็ขับพระองค์พังเจ้าไปเป็นแก่บ้าน ตั้งอยู่เวียงลวะศรีทวง ริมหนตะวันตกเฉียงเหนือ ริมแม่น้ำใส (แม่น้ำสาย) ภายตะวันออกเฉียงใต้ธาตุเจ้าถ้ำแก้วที่นั้น....."
สาเหตุที่เรียกว่า เวียงศรีทวง เนื่องจากเป็นเมืองของลวะ ขึ้นอยู่กับเมืองโยนกฯ จึงต้องส่งส่วยให้ปีละ "สี่ตวงหมากพิน" (หมากพิน=ผลมะตูม) ดังตำนานกล่าวว่า
".....เหตุใดแลว่า เวียงศรีทวง นั้นจา...ยังมีขุนลวะผู้หนึ่งเป็นลูกปู่เจ้าลาวจก เป็นแคว้นดอยธุงนั้น (ดอยตุง) ผู้พี่ชื่อลวะกุมโภนั้นมาตั้งอยู่ที่นั้น แล้วส่วยคำแก่พระยาอุชุตราช กษัตริย์เจ้าของเวียงโยนกนครที่นั่นแล ปีละสี่ทวงหมากพินหน่วยน้อยจึงได้ชื่อว่า เวียงศรีทวงด้วยเหตุอันนั้นแล....."