เจาะลึก! ฉีดไขมัน VS ฉีดฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

การฉีดไขมัน VS การฉีดฟิลเลอร์ เป็นสองเทคนิคยอดนิยมในการเติมเต็มและปรับรูปหน้า
ให้ดูอ่อนเยาว์และสดใส แม้จะให้ผลลัพธ์คล้ายกัน แต่ทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกันอย่างมาก
ทั้งในแง่ของแหล่งที่มาของสาร วิธีการทำ ระยะเวลาการคงอยู่ ผลลัพธ์ที่ได้
รวมถึงผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
.
✨ แหล่งที่มาของสารที่ใช้ ✨
▶ การฉีดไขมันจะใช้ไขมันจากร่างกายของเราเอง
โดยการดูดมาจากบริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก
▶ การฉีดฟิลเลอร์จะใช้สารสังเคราะห์ เช่น กรดไฮยาลูรอนิก HA หรือสารจากธรรมชาติ
เช่น คอลลาเจน เป็นต้น
.
✨ กระบวนการฉีดรักษา ✨
ทั้งสองแบบก็มีความแตกต่างกัน แต่มีกรรมวิธีการฉีด ดังนี้
▶ การฉีดไขมันจะเริ่มจากการดูดไขมันจากบริเวณที่ต้องการ
จากนั้นนำไขมันมาปั่นด้วยเครื่องมือพิเศษเพื่อแยกเอาเฉพาะไขมันบริสุทธิ์
แล้วจึงค่อย ๆ ฉีดกลับเข้าไปบริเวณใบหน้า
▶ การฉีดฟิลเลอร์จะฉีดเข้าไปในชั้นผิวหรือเนื้อเยื่อใต้ผิวโดยตรง
ซึ่งทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า ไม่ต้องผ่านกระบวนการดูดและปั่นไขมัน
.
✨ ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน ✨
ระยะเวลาการคงอยู่ของสารก็เป็นอีกหนึ่งความแตกต่างสำคัญ
▶ การฉีดไขมัน เนื่องจากเป็นไขมันจากร่างกายของเราเอง เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว
ไขมันจะค่อย ๆ ถูกดูดซึมและสามารถอยู่ได้นานเป็นปีหรือถาวร ขึ้นอยู่กับการดูแล
และสุขภาพของแต่ละคน
▶ การฉีดฟิลเลอร์ มีสารประกอบหลัก คือ HA ซึ่งมีคุณสมบัติในการย่อยสลาย
ได้เองตามธรรมชาติ ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นแบบชั่วคราว
อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือนเท่านั้นหลังจากนั้นค่อย ๆ สลายไป
.
เมื่อพูดถึงผลลัพธ์ การฉีดไขมันมักให้ลุคที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
เพราะเป็นการใช้ไขมันของเราเองในการเสริม อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปหน้าได้มากกว่า
ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ สวยงาม เป็นธรรมชาติ ในขณะที่การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับเติมเต็มเป็นหลัก
ปรับรูปหน้าได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจให้ลุคที่ดูไม่ธรรมชาติเท่าการฉีดไขมัน
.
อย่างไรก็ตาม การฉีดไขมันอาจมาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากกว่า เนื่องจากเป็นการผ่าตัด
ที่ค่อนข้างใหญ่และซับซ้อน ตั้งแต่การดูดไขมันและฉีดเข้าสู่ใบหน้าในปริมาณมาก
จึงอาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการบวมมาก เลือดคั่ง ช้ำ ระคายเคือง ติดเชื้อ หรือเกิดเป็นก้อนไขมัน
ที่จับตัวกันใต้ผิว หากไขมันดูดซึมเข้าสู่ร่างกายไม่ดี ในทางตรงกันข้าม การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการ
ที่ค่อนข้างง่ายและรวดเร็วกว่า ใช้เพียงยาชาเฉพาะที่ อาการแทรกซ้อนที่พบได้ก็มักจะไม่รุนแรง
เช่น บวมเล็กน้อย แดง คัน หรือแพ้สารที่ฉีด ซึ่งมักจะหายเองได้ในไม่กี่วัน
จึงถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าการฉีดไขมัน
.
จะเห็นได้ว่า การฉีดไขมันและการฉีดฟิลเลอร์ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
ไม่มีคำตอบตายตัวว่าอะไรดีกว่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการ งบประมาณ
และข้อจำกัดของแต่ละบุคคลเป็นหลัก
.
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกทำศัลยกรรมความงามด้วยวิธีใดก็ตาม สิ่งสำคัญคือ
ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เราไว้วางใจ เพื่อให้คำแนะนำถึงวิธีการที่เหมาะสมกับสภาพผิว
โครงสร้างใบหน้า และไลฟ์สไตล์ของเรา รวมถึงควรศึกษาถึงข้อดี ข้อเสีย ความเสี่ยง ข้อควรระวัง
และการดูแลตัวเองหลังทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติมากที่สุด
โดยไม่เกิดผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวค่ะ
.
หากสนใจ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสม
และวางแผนการทำ Fat Grafting ให้เหมาะกับความต้องได้
.
📌 ติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่
rwcclinic.com/...
rwcclinic.com/...
ติดตามช่องทางอื่น ๆ ของหมอขนม
IG : dr_kanom
Tiktok : / dr_kanom
website : doctorpatchano...
#รางวัลและความสำเร็จของเรา
🏆 รางวัลฉีดฟิลเลอร์สูงสุดระดับประเทศต่อเนื่องทุกปี 🥇จาก 𝐑𝐞𝐬𝐭𝐲𝐥𝐚𝐧𝐞 และ 𝐉𝐮𝐯𝐞𝐝𝐞𝐫𝐦
👉🏻 bit.ly/3I7SeiT
🏆 รางวัล ICONIC PREMIUM FILLER CENTER 3 ปีซ้อน จาก 𝗣𝗿𝗮𝗲𝘄 𝗜𝗰𝗼𝗻𝗶𝗰 𝗕𝗲𝗮𝘂𝘁𝘆 𝟮𝟬𝟮𝟭-𝟐𝟎𝟐𝟑🥇
👉🏻 bit.ly/3RJ4vyz
🏆 รางวัลคลินิกปรับรูปหน้าที่ได้ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด 2 ปีซ้อน จาก 𝗛𝗘𝗟𝗟𝗢 𝗕𝗲𝗮𝘂𝘁𝘆 𝗔𝘄𝗮𝗿𝗱𝘀 𝟮𝟬𝟮𝟭-𝟐𝟎𝟐𝟐🥇
👉🏻 bit.ly/3DTVUDf
🏆 รางวัล BEST FIILER Clinic จาก 𝗘𝗟𝗟𝗘 𝗕𝗲𝗮𝘂𝘁𝘆 & 𝗪𝗲𝗹𝗹𝗻𝗲𝘀𝘀 𝗖𝗲𝗻𝘁𝗲𝗿𝘀 𝗔𝘄𝗮𝗿𝗱𝘀 𝟮𝟬𝟮𝟭- 𝟐𝟎𝟐𝟐🥇
👉🏻 bit.ly/3JZc2Yh
🏆 รางวัล คลินิกฉีดฟิลเลอร์ยอดนิยม 2020 ในงาน สุดสัปดาห์ 𝗕𝗘𝗔𝗨𝗧𝗬 𝗔𝗪𝗔𝗥𝗗𝗦 𝟮𝟬𝟮𝟬 🥇
👉🏻 bit.ly/3HMM47A
🏆 อันดับ 1 คลินิกฉีดฟิลเลอร์จาก 𝗧𝗛𝗔𝗜𝗧𝗢𝗣𝗖𝗟𝗜𝗡𝗜𝗖 🥇
👉🏻 bit.ly/382YNVU
---------------------------------------
สอบถามเพิ่มเติม จองคิว ติดต่อ
📥ID Line @rwc1
📥หรือคลิก lin.ee/dyBcDPC
(ตอบไลน์ไวมากค้า😊)
📥Tel.[phone]
📥FB : RWC Clinic