Рет қаралды 440,088
นายวชิระ อริยะพงษ์กรณ์ อายุ41ปี นำหลักฐานเป็นสำเนาเอกสารการฝากเงินเข้าบัญชีของธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท(ธสิกรไทย สาขาวัดสิงห์) มาร้องทุกข์กับนักข่าวเรา โดยเล่าว่าเมื่อวันที่27เมษายนที่ผ่านมา ตนซึ่งเป็นพนักงานร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ ได้รับมอบหมายจากนายจ้างให้นำเงินสด จำนวน80,000บาทไปเข้าบัญชีธนาคารตามปกติ ซึ่งตนก็นับเงินต่อหน้านายจ้างว่าครบถ้วน ก่อนนำเงินจำนวนดังกล่าวที่มีทั้งแบ๊งค์1,000บาทและแบ๊งค์500บาทใส่กระเป่ากางเกงไปยังเคาเตอร์ธนาคาร และเขียนเอกสารนำฝากจำนวน80,000บาทตามจำนวนเงิน แล้วส่งให้พนักงานทำการตรวจนับและออกสลิปรายการรับฝากให้ โดยตนไม่ได้ตรวจรายละเอียดในสลิปเพราะไม่เคยเกิดปัญหาขึ้น
จนกระทั่งผ่านไป2วันนายจ้างของตนได้นำเงินสดไปเข้าบัญชีเองจำนวน110,000บาทแต่เจ้าหน้าที่ธนาคารลงรายการรับเงินเพียง11,000บาท ซึ่งพนักงานยอมรับว่าทำงานผิดพลาดและได้แก้ไขรายการให้ ทำให้นายจ้างเริ่มไม่มั่นใจการทำงานของพนักงานธนาคาร จึงนำเอกสารรับฝากที่เก็บไว้ออกมาตรวจสอบ จึงพบว่าเอกสารรับฝากวันที่27เมษายนที่ตนเป็นคนนำเงินไปฝาก มียอดการรับฝากไม่ตรงกัน คือตนเขียนยอดฝากและส่งเงินให้พนักงาน80,000บาทแต่ในสลิปออกรายการรับฝากให้เพียงแค่40,000บาทเท่ากับมีเงินหายไป40,000บาทเมื่อสอบถามไปทางธนาคารเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่านับเงินได้เพียง40,000บาท โดยเปิดภาพวีดีโอจากกล้องวงจรปิดให้ดูเป็นการยืนยัน ทำให้ตนเองตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ายักยอกเงินนายจ้าง จึงต้องการขอความเป็นธรรม เพราะจากภาพกล้องวงจรปิดพบพิรุธบางอย่างที่พนักงานธนาคารมีการแยกเงินออกเป็น2ส่วนแล้วนำไปเข้าเครื่องนับเพียงส่วนเดียว แล้วเก็บอีกส่วนเข้าลิ้นชักโดยไม่มีการตรวจนับ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้ยอดเงินหายไปหรือไม่ ตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อยเวรที่ตนไปลงบันทึกประจำวันไว้ ช่วยตรวจสอบภาพโดยละเอียดจากมุมกล้องอื่นๆเพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยของตน เพื่อความกระจ่างในกรณีดังกล่าว ตามคำแนะนำของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาทที่ตนไปร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือเมื่อเร็วๆนี้ เพราะหากตนพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ ก็จะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนคดโกง และที่ร้ายที่สุดอาจจะต้องติดคุกติดตารางด้วย
ขณะที่ นางสายสุนีย์ อู๋เพชร อายุ54ปีนายจ้างของนายวชิระได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องดังกล่าวผ่านมาเกือบ2เดือนแล้วแต่ยังไม่มีความชัดเจนจากทางธนาคาร ทำให้ตนเองไม่วางใจในการทำงานของพนักธนาคาร เพราะยอดเงินที่หายไปยังไม่ถูกตรวจสอบหาข้อพิสูจน์อย่างจริงจังว่าหายไปได้อย่างไร ทำให้ยังไม่ได้เงินกลับมา และพฤติกรรมของพนักงานคนรับเงินที่มีการแยกเงินเป็น2ก้อน แต่นับเพียงก้อนเดียวนั้น ถูกต้องหรือไม่อย่างไร และปัจจุบันพนักงานคนดังกล่าวก็ยังทำงานอยู่ตามปกติ
ส่วนของนายวชิระเองทางร้านเคยให้นำเงินไปเข้าบัญชีแบบนี้อยู่เป็นประจำ และหลายครั้งที่ยอดเงินสูงกว่านี้ ก็ไม่เคยมีปัญหา ซึ่งในเรื่องนี้ตนเองต้องการให้ ธนาคารและตำรวจเร่งพิสูจน์ข้อเท็จจริงดังกล่าว ว่าพนักงานธนาคารกระทำการทุจริต หรือลูกน้องของตนยักยอกเงิน เพื่อให้เกิดความกระจ่าง บุคคลที่เกี่ยวข้องจะได้พ้นมลทิน คนกระทำผิดจะได้รับการลงโทษ เพราะถ้าหากนายวชิระผิดตนเองก็ไม่เอาไว้เช่นกัน และถ้าหากพนักงานของธนาคารผิดก็ควรจะต้องได้รับโทษเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวของเราติดต่อสอบถามเรื่องดังกล่าวไปยังธนาคารที่เกิดเหตุ ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ประจำสำนักงานใหญ่ ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งยังไม่มีมติออกมาว่าจะมีมาตรการดำเนินการอย่างไร จึงทำได้เพียงรอมติและเอกสารสั่งการอย่างเป็นทางการต่อไป