จิตเดิมแท้ มาจากไหน?

[@Neverwalkalone225]

อะไรคือทุกข์ อะไรคือสุข อะไรคือความวางเฉย แล้วอะไรคือประโยชน์และไม่ประโยชน์

[@anansunday4803]

จิตเกิดพร้อมกับวิชชาเรียบร้อย มันเป็นอณูเกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อไล่ฐานจิตเป็นจะรู้ได้เลยว่าอะไรเกิดก่อน ตาเกิดก่อน ตามด้วยหู และร่างกายตามลำดับ

[@paladhamma-kx9lo]

ล้วนแต่ เป็นธรรมชาติ แต่ความหลง อวิชชา พาให้มีตัวเรา จิตรเรา เท่านั้นเอง.

[@Topten383]

🎉🎉🎉

[@นรพัทธ์พัฒนาการจิต]

พี่พูดประโยคแรกนั่นแหละถูกแล้วจิตเดิมแท้คือจิตแรกเริ่มของเราเป็นจิตที่ปภัสสร เป็นจิตที่บริสุทธิ์ไร้กิเลส เมื่อต่อมา เราเวียนว่ายตายเกิดจิตประภัสสรอันนี้จึงมัวหมองด้วยกิเลสอวิชชา สุดท้ายจิตอันนี้จึงต้องเวียนว่ายตายเกิดไปสู่ภพภูมิใหม่หรือรูปร่างใหม่หรือเรียกว่าเรียกว่ากรงขังใหม่พี่พูดถูกแล้วจิตจะเก็บข้อมูลเอาไว้ทุกภพทุกชาติเรื่องราวต่างๆจะเก็บไว้ในจิต แม้เราจะไปเกิดใหม่เรื่องราวต่างๆก็ยังติดตามเราอยู่เพราะถูกบันทึกไว้ในจิตจึงก่อให้เกิดกฎแห่งกรรมที่ทุกคนจะต้องชดใช้หรือเรียกว่าสัญญาคือความจำนั่นเองลองไปศึกษาดูคำสอนของ ท่าน พระพุทธธาตุ จะกล่าวถึงจิตเดิมแท้หรือลองศึกษาพระสูตรของท่านเว่ยหล่างดูครับ เพราะฉะนั้นเราจะต้องปฏิบัติให้เข้าถึงจิต เดิมแท้ ซึ่งหมดสิ้น. อาสวะกิเลส จิตเดิมแท้เราจะปรากฏและกลับสู่แดนนิพพานได้อย่างพระพุทธองค์

[@ประพัสราเหมริหนี-ฐ1ห]

ธรรมชาติจิตนี้บริสุทธิ์ผ่องใส มีรัศมีเหมือนดวงจันทร์ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ครับ

[@legendcomment]

@@ประพัสราเหมริหนี-ฐ1ห ถ้าจิตจริงๆไม่ใครเห็นหรอกครับ..ที่เราจับมันได้เพราะมัน+วิญญาณ+เวทนา เรียกว่าเจตสิก จิตจริงเๆหมือนเรากระพริบตาไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าตากระพริบ

[@legendcomment]

@@ประพัสราเหมริหนี-ฐ1ห พูดถึงดวงจันทร์ 555 ก๊ากนิดนึงครับ.. พุทธองค์ชี้ให้เหล่าสาวกเห็นว่านั่นไง..ดวงจันทร์มันมีอยู่.. เหล่าสาวก เห็นก็พาจินนาการพรรณาถึงความงาม บางคนมัวแต่ไปมองเมฆที่ลอยเข้ามาบัง ซ้ำยังไปดูวิเคราะห์รูปร่างก้อนเมฆอีก ไม่มีใครสนใจที่พุทธองค์บอกว่าแค่.." มีดวงจันทร์"

[@pichayasakunnee5692]

ความโกลาหลบนความมีแบบแผน มั่นคงแต่ไม่มั่นคงบนความมีแบบแผน ว่างเปล่าแต่เป็นองค์..เวลาจึงเท่ากับ 0 (เมื่อมนุษ์รู้ทันจักรวาล) สาธุ

[@babyboowave5618]

หลวงปู่ดุลย์ อตุโล กล่าวไว้ว่า จิตเดิมแท้ ไม่มีที่มาที่ไปไม่ต้องไปถามหา

[@หายใจลึกๆ]

นิพานคือ..สถานที่หรืออารมณ์ จิตเกิดดับ แล้ว ตอนดับ จิตไปอาศัยอะไรเพื่อดำรงอยู่

[@terdphanpongcharoenchai1166]

จิตเดิมแท้เป็นกรรม เกิดดับตลอดวันตลอดคืน ตายก็เกิดทันที

[@sarijunya5308]

พบผู้รู้ทำลายผู้รู้ พบจิตก็ทำลายจิต ดังนั้นจึงจะพบความบริสุทธิ์

[@themaximoff2949]

ไม่รู้ รู้แค่ว่า จิต นี้แหละตัวดีเลยดึงธาตุสี่มาเรากันเป็นเรา ดิน น้ำ ไฟ ลม ถูกยึดโดย จิต เรียก สัตตานัง และเราก็ดันไปหลงอยู่ในธาตุสี่สะงั้น

[@เชาวฤทธิ์ขัดสี]

จิตเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งเกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัย คือมีรูปเป็นที่ตั้งอาศัย เรียกสั้นๆง่ายๆว่ารูปและนาม ธรรมชาติของจิตเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เกิดดับอยู่ตลอดเวลา จิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นดวงหนึ่งดับไปตลอดคืนตลอดวัน แต่จิตนี้ลหุเบาเกิดดับสืบเนื่องกันไปอย่างรวดเร็ว แม้จะอุปมาอุปไมยก็มิใช่จะกระทำได้โดยง่าย นี้คือสัพพัญพยุตญานระดับพระพุทธเจ้านะครับ ฉะนั้นปุถุชนผู้มิได้สดับจึงไม่รู้ว่าจิตนี้เกิดดับตลอดเวลา จิตนี้ประภัสสร เมื่อจะรับรู้ก็รับรู้ได้ด้วยจิตนี้นี่แหล่ะ จิตที่ฝึกดีแล้ว ควรแก่การงานกระทำให้เป็นดุจดั่งยานนำไป เรียกว่าญาณทัศนะ คืออาศัยจิตนี้นี่แหล่ะไปรับรู้ได้เป็นเอนกอนันต์ จิตที่มีกำลังสามารถบังคับให้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ได้มากมาย เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์ก็ด้วยอิทธิฤทธิ์ของจิตด้วยคุณสมบัติพิเศษของจิตนี้นี่แหล่ะ ด้วยคุณวิเศษของจิตเช่นนี้เอง เมื่อจะติด เมื่อข้องแล้ว ที่สุดก็ข้องในจิตนี้นี่เองอีกเช่นกัน จนหลงสำคัญผิดคิดไปว่านี้เป็นเรา นี้เป็นของๆเรา นี้เป็นตัวตนของเรา พวกเราต่างถูกจิตนี้คดโกง หลอกลวงแล้วมาตลอดกาลอันยืดยาวนาน ขนาดมีสมณพราหมณ์ลัทธิความเชื่ออื่นที่มีความเห็นผิดคิดว่า จิตดวงเดียวดวงนี้นี่แหล่ะท่องเที่ยวไป แล่นไปในสังสารวัฏ ตามภพน้อยภพใหญ่ ภพภูมิต่างๆ นี้คงเป็นที่มาของคำว่าจิตเดิมแท้ เป็นอัตตาเที่ยงแท้แน่นอน เป็นอมตะนิรันดร์กาล ซึ่งผิดไปจากธรรมชาติความเป็นจริง ต่อคำถามที่ว่าทำไมจิตเดิมแท้ไม่มี ก็ด้วยสังสารวัฏนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เคยมีภิกขุผู้มีฤทธิ์สามารถระลึกชาติได้วันละแสนกัป หนึ่งกัปนี้ก็นับประมาณไม่ได้แล้วว่านี้ล้านปี ล้านล้านปี หมู่สัตว์เกิดและตายนับชาติไม่ได้ นับชาติไม่ถ้วน แค่เพียงหนึ่งกัปที่เกิดตายอยู่อย่างนี้ กองกระดูกที่นับรวมกันได้ก็มากกว่าภูเขาเอเวอเรสต์ แล้ววันละร้อยกัปจะมากมายขนาดไหน นั่นแหล่ะความเร็วของการเคลื่อนไปของจิตที่เกิดดับต่อเนื่องกันไปในหนึ่งวัน นี้แค่กำลังของจิตที่ฝึกดีแล้วของภิกขุที่เป็นสาวกนะ แล้วพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ฝึกจิตมาดีแล้ว บีบบังคับจิตมาดีแล้วตลอดสี่อสงไขยกับเศษอีกแสนมหากัป นับตั้งแต่วันที่ได้รับพุทธพยากรณ์ เมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์แบบปัญญาธิกะ จะรวดเร็ว มีฤทธิ์มากอานุภาพมากแค่ไหนก็คงสุดที่พวกเราๆท่านๆจะคิดตริตรึกและจินตนาการได้ ด้วยสิ่งนี้เป็นอจินไตย ภิกขุรุปนั้นระลึกชาติได้อยู่อย่างนี้ ตลอดร้อยปี ตายไปสังสารวัฏก็ยังมีให้ดูตลอด ไม่มีที่สิ้นสุด ภิกขุรูปที่สองก็ตามดูอยู่อย่างนี้ วันละร้อยกัปตลอดร้อยปีตายไป รูปที่สาม รูปที่สี่ ก็ตามดูต่อไป ตายไปแล้วสังสารวัฏก็ยังมีให้ดูไม่จบไม่สิ้น พระพุทธเจ้าก็ทรงเลิกพยากรณ์ ด้วยหาประโยชน์ไม่ได้ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด ดับไม่เหลือซึ่งทุกข์ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อมรรคผลนิพพาน ก็ในเมื่อสังสารวัฏกำหนดเบื้องต้นไม่ได้ หาเบื้องต้นไม่ได้ ในขณะที่จิตเกิดดับอยู่ตลอดเวลา แล้วจิตดวงแรก จิตเดิมแท้จะหาได้มาจากที่ไหนเล่า ซึ่งความเชื่อนี้ก็มีในพุทธศาสนานิกายเซน ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดที่ร้ายแรง เหมือนจะดี แต่ที่สุดคือยาพิษ หากเป็นเมื่อครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าคงเรียกภิกขุเหล่านั้นว่าเป็นโมฆะบุรุษ ก็คงประมาณนี้ตามที่ความทรงจำและกำลังสติปัญญาของผมจะบอกเล่าได้ในตอนนี้ หากปราถนาที่จะรู้ให้ลึก รู้ให้ละเอียด ก็ศึกษาเพิ่มเติมในธรรมวินัยต่อได้เลยครับ ทุกๆคำถาม พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัส ได้ทรงบัญญัติไว้ดีแล้ว อยู่ที่จะค้นเจอรึเปล่า ก็แค่นั้น !!!

[@qAfdyuz...]

☆ ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายด้วยภาษาได้ .. ธรรมชาติมีสองส่วนคือธรรมชาติที่ไม่เกิดดับ(วิมุตติธรรม/อสังฆตธรรม) และธรรมชาติที่เกิดดับ(โลกียธรรม/สังฆตธรรม)... ธรรมที่เกิดดับ(วัฏฏะ) จะเกิดดับบนฐานของธรรมที่เป็นวิมุตติธรรม (นิพพาน)... จิตที่เกิดดับคือจิตสังสาร เป็นวัฏฏะ จิตที่ไม่เกิดดับคือจิตเดิมแท้.. ไม่อยู่ในวัฏฏะ คือไม่เกิดดับ... เมื่อออกจากอวิชชาได้.. ก็จะแจ้งในธรรมทั้งสอง... ที่พูดมาทั้งหมดนี้เป็นการใช้สมมุติในการอธิบาย... ธรรมแท้ๆไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูดใดๆ.. จึงเป็นที่มาของคำว่า... จิตก็ไม่มี เพราะคำว่าจิตเป็นเพียงสมมุติเอามาเพื่อสื่อสารเท่านั้นเอง...

[@ODOG-00]

ในความเข้าใจของผม ถ้าผิดก็แย้งได้ครับ จิตเดิมแท้เป็นภาษาของนิกายเซน หมายถึงความรู้สึกตัวทั่วพร้อมที่รู้ทั้งรูปและนามโดยปราศจากอวิชาตัณหาอุปาทาน จิตเดิมแท้มีอยู่ตามธาตุธรรมชาติ แต่มีอยู่แบบเกิดดับสืบเนื่องกันไวมากเหมือนเปลวไฟจากเทียนไข ไม่อาจกล่าวว่ามีอยู่หรือไม่มีอยู่โดยสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งได้ เพราะ ถ้ายังมีเหตุก็มี ถ้าหมดเหตุก็ไม่มี เพราะจิตเดิมแท้ถ้ายังไม่ประภัสสร คือยังมีอวิชาความเข้าใจผิดว่าจิตเป็นเราอยู่ ตัวเราในจิตนั้นเองที่จะเป็นเชื้อแปดเปื้อนให้จิตเกิดภพชาติต่อไป ในภาษาครูบาอาจารย์บ้านเราท่านจะพูดว่า จิตเดิมแท้ตามเซนบ้าง จิตผู้รู้บ้าง ฐีติจิตบ้าง ธาตุรู้บ้าง ถ้าทางอภิธรรมหรือบาลีจะเรียกว่า จิต มโน หรือวิญญาน จิตมีหน้าที่รับรู้อาการทั้งหมดผ่านอายตนะทั้ง6 ไม่ใช่ตัวเราเป็นคนไปรู้อาการ น่าจะประมาณนี้ครับ

[@khunkokinspired8248]

ขอบคุณนะครับ ผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วยครับ 😊

[@พิชญ์วรัญช์ธม]

จิตเดิมแท้คือความรู้สึกที่่่่วิ่งไปวิ่งมา ที่กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม วิ่งไปที่ มโนกรรมก็จะคิดเรื่องหนึ่งๆวิ่งออกมาความคิดความคิดนั้นๆก็หายไป เป็นต้น

[@KingSittisak]

จิตเดิมแท้ หรือจิตหนึ่ง(one mind) ในความหมายของเซน ไม่ใช่จิตชาติแรกครับ เป็นธาตุรู้ เป็นอมตะ ไม่เกิดไม่ดับ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วตลอดเวลา เหมือนของที่แปะที่หน้าฝาก เป็นสิ่งที่ยืนเป็นพื้นฐาน แม้จะมีจิตเกิดดับ สิ่งๆนี้ก็ยังมีอยู่ จะเป็นอะไรนั้นก็คงต้องศึกษาดู หากเจอแล้วก็จบกันไม่ต้องทำอะไรมันจะพัฒนาตัวเอง ส่วนถ้าเห็นว่าไม่มีก็ไม่เป็นไรมันเป็นแค่ทางๆนึงอาจจะผิดก็ได้ อย่าซีเรียดกับหนทางมาก คิดว่าไปทางไหนก็ดีทั้งนั้น ขอให้ได้ฝึกฝนจิตใจ

[@somsak8116]

ไม่มีใครรู้จริงก็ไม่สามารถสื่อได้ชัดเจน

[@napanach]

ไม่ควรใช้คำว่า “จิตเดิมแท้” มันคือธาตุรู้ที่บริสุทธิ ขันธ์5ไม่ใช่เรา จิตก็ยังไม่ใช่เรา

[@Topten383]

ปล่อยไปเถอะครับฟังมาหลายคลิปเค้ากำลังหลงอะไรบางอย่างสรุปไม่ได้โดยแท้แล้วมาพูดปาววว แบบนี้ พระท่านว่า อวิชาครับ😂😂

[@keep.kindness1111]

เมื่อเราเริ่มกำหนดให้มี มันจึงมีตามที่เรากำหนด และมันจะหายไปได้ ก็ต่อเมื่อเราไม่กำหนดถึงการมีแล้วเท่านั้น

[@TheOneSolo]

แล้วเราคืออะไร

[@parkingaruda4868]

ศึกษาอนุตตรธรรมดู😂

[@paladhamma-kx9lo]

แต่ที่ซาบซึ้งก็คือ เห็นโยมคนหนุ่มพูดธรรมของพุทธะได้ละเอียดขนาดนี้.ยังวิเศษไปกว่าพระนักบวชยุคนี่ที่ฉันอาหารชาวบ้านที่เขาถวายด้วยสัทธา แต่ตัวพระเป็น มิจฉาทิฏฐิ. ก็แค่คำพูดหรอกนะ ใครเขาทำอะไร ไม่ใช่ธุระของ อาตมา Non of my business!!!

[@terdphanpongcharoenchai1166]

เคยชนะจิตไหม ดับดังวุบรู้ตื่นเบิกบานทันที ไร้ทุกข์เป็นอมตะ😇

[@harnsakvallasiri3348]

พระสูตรก็เป็นเพียงการบรรยายด้วยภาษา เช่น เมื่ออวัยวะภายในตา กระทบรูป ทำให้เกิดผัสสะ ทำให้เกิด เวทนา อุปทานต่อไป.จนมรณะวินาสะ โดยยไม่อธิบายทางกายภาพหรืออาการได้ด้วยอวัยวะเพราะเหตุใด ?????? แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่า รูป รส กลิ่น เสียง กายสัมผัส และธรรมารมย์ มันเกิดขึ้นอย่างไรตามธรรมะชาติหรือความเป็นไปของร่างกาย(ด้วยอวัยวะ ชนิดไหน เกิดสัญญาณคลื่น(แสง คลื่นแม่เหล็ก คลื่นความร้อน หรือคลื่นเสียง ) ทุกวันนี้ ลองเรียนวิชาว่าด้วย AI สร้างเสียงปลอมให้เป็นไปตามที่คิดได้ หรือเพราะภาษา ที่ธรรมชาติสร้างมา ลองศึกษาเรื่องโพรงจมูกที่เป็นตัวกรองหรือปรุงแต่งสัญญาณต่างๆ ได้ครบทั้ง อายาตนะหก แล้วจะเข้าใจว่า ทำไมพระพุทธเจ้าจึงเน้นให้ทำอานาปานสติ ที่จะทำให้พบ ปฏิจจสมุปบาท โดยไม่ต้องท่องโดยที่ไม่เห็นว่าชั่วลมหายใจเข้า และออก จะเกิดอาตนหกและเกิดผัสสะและเวทนา ของจริง เช่น เมื่อลมหายใจข้างซ้ายเข้ามาทางรูจมูกซ้ายเข้าโพรงหัวคิ้วเจอต่อมจับกลิ่น ส่งสัญญาณไปให้ส่งcellที่จับเชื้อโรคหรือสารแปลกปลอม และเมื่อผ่าน โพรงเพดานปาก(maxillary sinus)จะกรองสารอื่นให้เป็นประโยชน์อวัยวะอื่น เป็นต้น ส่วนลมหายใจเจ้ารจมูกขวาจะเข้า ต่อมน้ำตาlacrimal และไหลไป โพรงหลังตาหรือsphenoid sinus เพื่อปรับแต่งแสง และคลื่นinfraredรวมทั้งเหนือแสงultra violet. แปลงสัญญาณแปลงเป็นภาพหรือสัญญาณอื่นๆเป็นต้น รวมทั้งการผ่านการกรองอากาศในกระดูกขากรรไกรล่าง ก็เป็นอายาตนะ รส และ เสียง การรับฟังหรือการพูด ที่ทำให้เกิดผัสสะ รวมทั้งอายาตนธรรมรมย์ด้วยผ่านต่อมน้ำเหลืองบางต่อม นี่คือปฏิจจสมุปบาทครบวงจร ในทุกอายาตนะ มีการเกิดดับของเซลล์ระดับนาโน ทั้งชีวะเคมี (ด้านซ้ายร่างกายเช่นม้าม )และเคมี(ด้านขวาร่างกายเช่นตับ) นี่เป็นตัวอย่างเล็กน้อยที่ต้องมีการสมดุลของสองข้างของร่างกาย ตามกฏของธาตุสี่ดินน้ำลมไฟสภาพลบในด้านซ้าย และ ธาตุสี่ ในสภาพบวกหรือกุศลธาตุ โดยมีระดับขั้นตอน metrics ความสมดุล พลังศักย์=พลังจนล์ รวมทั้งอิเลคตรอนโปรตรอน และนิวตรอนอานุภาคปีศาจ หรือความเร็วจิต ผ่านเม็ดน้ำเหลืองในร่างกาย

[@spingburs5702]

❤

[@เมขลาไพรรี]

จิตไม่ได้มีอยู่จริงถูกแล้ว จิตเป็นสิ่งเกิดขึ้นตั้งอย่ดูขณะหนึ่งแล้วจึงดับหายไป จิตนี้จึงไม่ใช่ของเรา เราเป็นสิ่งๆหนึ่งที่ รู้แจ้ง รู้ตื่น และเบิกบาน ในความเกิดและในความดับ

[@legendcomment]

จิตเดิมแท้..คือ "ถ่านนาฬิกาCPU" ถึงคอมจะรีเซตจอดับหรือโดนล้างกี่รอบๆ มันก็มีหน้าที่คือเซตเวลาให้Bios ส่วนรุ่นของ biosคือกิเลสที่จิตเดิมมันมี.. ไม่ว่าคอมเราจะลงวินโดวส์อะไรอะไร รุ่นbios มันก็ยังเลือกไดร์เวอร์จำเพาะของมันเอง.. สุดท้ายขึ้นกับว่า.. จิตเดิม มันอัพเดทภูมิไปสูงหรือต่ำแค่ไหน.. สุดท้ายความเหวี่ยงของมัน..ก็ขึ้นกับโปรแกรมที่เราใช้งาน..ว่ามันเหมาะกับชาติปัจจุบันขนาดไหน..แค่นั้น ที่มันเป็นอยู่ 0/1/0/0/1/0/1 เกิดดับทั้ง 1.จิตเดิม(ชาตะ,มรณะ) , 2.จิต,เจตสิก(เกิด,ดับ,ในวงปฎิจสมุปบาท)

[@legendcomment]

พุทธสอนให้เราเข้าเป็นadmin เสียเพื่อถึงbiosแล้วไปลบข้อมูลbiossทิ้งเสีย..เข้าใจเสียว่าถ่านCPU ไม่ใช่เรานี่นา.. จิตมันก็จะคลายออก..จากการยึดมัน"ตัวกูของกู" มันก็จะจบกันแค่ชาตินี้แหละครับ..สิ้นชีพ..สิ้นทางแยกย้าย..จิตเดิมเรื่องของมึง..ไปไหนก็ไป..ไม่มีกูให้มึงยึดเกาะละ

[@kjtpboyinote1384]

อุปมา ได้ดีครับ

[@kongthongasset.3242]

จิตดวงเก่าดับไปจิตดวงใหม่เกิดขึ้น ตลอดวันตลอดคืน

[@paladhamma-kx9lo]

จิตร เดิมแท้ ไม่มีจริง!

[@paladhamma-kx9lo]

ไม่แย้งหรอก เห็นตรงกันเปะเลย!!

[@_pp1981]

พระพุทธเจ้า มิใช่ผู้นำด้านจิตวิญญาณ แต่เป็น..นักวิทยาศาสตร์เอกของโลก จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ศึกษาธรรมต้องแยก สัจจะความจริงออกจากนิทานสมมุติ ก่อน เวียนว่ายตายเกิด นรก สวรรค์ อรหันต์ นิพพาน เป็นเรื่องแต่งเติม มาแต่ภายหลังส่วนที่เป็นธรรมสัจจะ เช่น ปฎิจจสมุปบาทอันแสดงถึงความ ไม่มีตัวตน ต่างหากที ควรนำมา พิจารณาให้เข้าใจตามที่ทรงแสดงไว้ ซึง...ศาสนานี้ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไรเลย ทรงมีดำริจะไม่สอนใครเลยด้วยซ้ำ ..มันเหมาะกับผู้ที่แสวงหา...สัจจะ ของชีวิตมากกว่า..จึงได้ทรงเมตตา แสดงไว้ในโลกนี้..สาธุ..ครับ

[@Topten383]

ตลกครับ อรหันคือผู้รู้อมตะธรรมแล้วครับ คือชื่อตำแห่งของบุคลที่ยกระดับจิตไปสูงสุดแล้วครับ จิตและใจรู้ว่าทุกอย่างในจักวาลหรือตัวเราเองก็แค่เกิดและดับ สามารถ นิพานเพื่อไรก็ได้😂😂😂 แต่ที่ยังท่านพระพุทธยังไม่นิพานก็เพื่อจะทำความรู้ที่ตรัสรู้อัมตะธรรมมาบอกพวกเราที่ว่าท่านไม่สอน ไม่จริงครับถ้าท่านจะไม่สอน ท่านคงจะนิพานไปเลยตั่งแต่ตอนตรัสรู้แล้วละครับ คงไม่อยู่ไห้ถึง80และมีรู้ศิษเยอะแยะขนาดนี้หรอกครับ ไปอ่านตามคำภีนะครับ 😂😂😂

[@TanaTaweeset]

kzbin.info/www/bejne/gonZhGB_adKde6c

[@TanaTaweeset]

เท่าที่เข้าใจ...จิตเดิมแท้ มาจากไหน? ...มาจากธรรมชาติ ที่เป็นธรรมธาตุอันเกิดขึ้นพร้อมกับอวิชชา... มันเกิดขึ้นพร้อมกัน // เมื่อสลัดคืนหรือเปลื้องอวิชชา ออกจากระบบของปฏิจสมุปบาทได้เสียแล้ว ก็หลุดออกจากระบบของสังสารวัฏ เหลือแต่จิตเดิมแท้จริง ๆ ซึ่งเป็นเพียงธาตุรู้เฉย ๆ ไม่ได้ยึดติดว่าจิตนี้เป็นเราหรือเป็นใคร เหลือแต่พลังงานของจิตดวงนั้น ๆ อยู่ โดยที่อวิชชาไม่อาจกลับเข้ามาผนึกรวมได้อีก

[@kohphanganlifechannel6082]

คืนวันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าท่านได้ย้อนกลับไปดู. แรกสุดของการเกิดกลับไม่พบแต่สิ่งที่พบคืออะวิชาเลยเป็นเหตุที่ว่าหากรัฐทั้งหมดซึ่งอภิชาต์ตัดสังโยชน์ได้ทั้ง 10 แล้วก็จะเป็นอิสระสรุปคือไม่ต้องไปถามว่าจิตเดิมแท้มาจากไหนแต่ให้ละอวิชา