คำคม "มหาตมะ คานธี" นักสู้ผู้ถืออหิงสเป็นศาตราวุธ (Gandhi) / คำคนคมคม

Рет қаралды 33,862

Күн бұрын

Пікірлер: 23

@ComeConComCom 2 жыл бұрын

::::: รู้จัก มหาตมะ คานธี ใน 1 นาที :::::: คานธีจบนิติศาสตร์จากอังกฤษ สมัยไปเป็นทนายที่แอฟริกา เขาถูกไล่ลงจากรถไฟชั้นหนึ่งที่ห้ามคนผิวสีขึ้นใช้ และเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขากลายเป็นนักสิทธิมนุษยชน คานธีได้รวบรวมชาวอินเดียในชุมชนให้ลุกขึ้นต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน ปัญหาชาติพันธุ์ ด้วยหลักอหิงสา หรือการไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ทั้งทางกายและวาจา แต่ใช้ร่างของตนและกลุ่มผู้ติดตามนอนขวางแทน ในช่วง 20 ปีเขาถูกรัฐบาลแอฟริกาจับกุมทั้งสิ้น 6 ครั้ง เมื่อคานธีกลับถึงอินเดียในปี 1915 ก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมืองด้วยการเป็นผู้นำกลุ่มปลดปล่อยอินเดียจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษสำเร็จในปี 1947 ก่อนจะถูกมือสังหารประกบยิงเสียชีวิตอีก 6 เดือนต่อมา แต่ตำนานของมหาตมะคานธียังคงอยู่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักสู้รุ่นหลังทั่วโลก อย่างเนลสัน แมนเดลา, มาติน ลูเธอร์ คิง และ มหาจำลอง สมกับที่ฉายามหาตมะ ที่แปลว่าผู้มีดวงวิญญาณอันยิ่งใหญ่

@ป้าเปิ้ลเชิญชม 2 жыл бұрын

คลิปคุณมีคุณค่ามากๆค่ะ

@menamjaikeeree3348 2 жыл бұрын

"Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever." ผมคิดว่าคำพูดนี้สุดยอดแล้วครับ เป็นคำแนะนำที่ไม่มีทางผิดพลาดสำหรับทุกคน เพราะชีวิตคนเราอาจสิ้นสุดลงเมื่อใดก็ได้ แต่คนเรามักจะหลงลืมความจริงข้อนี้ บางคนก็เสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นสาระ ไม่ช่วยให้ตัวเองเก่งขึ้นหรือดีขึ้น ไม่เป็นประโยชน์ ถึงแม้จะโชคดีตายโดยไม่รู้ตัว (เลยไม่ทันคิดว่าในชีวิตเคยเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ) ชีวิตของเขาก็ไร้ค่า โบราณเรียกว่าเสียชาติเกิด แต่มันจะไม่เป็นอย่างนั้นเลยถ้าหากเขาเรียนรู้ตลอดเวลา ราวกับว่าจะอยู่ไปชั่วนิจนิรันดร์ ตัวอย่างที่ดีก็มีมาแต่เก่าก่อน ตั้งแต่พระพุทธเจ้าจนถึง Steve Jobs ที่เหลือก็คือพวกเราที่ยังหายใจอยู่นี่แหละ จะตายอย่างมีค่าหรือไร้ค่าผมว่าขึ้นอยู่กับคำพูดนี้เลย ขอบคุณที่นำเสนอคำคมนี้นะครับ

@ComeConComCom 2 жыл бұрын

::::: ขยายความคม :::::: 1:23 "หลักอหิงสา คือศาสตราของผู้เข้มแข็ง" อหิงสาคือการไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ไม่ว่าจะทางกายหรือวาจา โดยกลุ่มของคานธีจะใช้วิธีรวมกลุ่มกันเงียบๆ นั่งสมาธิ ใช้ร่างกายเข้าขวางแทน 1:42 "ใช้แล้ว ข้าพเจ้านับถือฮินดู แถมยังเป็นมุสลิม.." แม้ท่านจะนับถือฮินดู แต่ด้วยความที่เป็นนักเรียนนอก ทำให้ท่านเปิดใจรับความรู้จากศาสนาอื่นด้วย ด้วยแนวคิดที่ว่าไม่ว่าเราจะนับถือศาสนาใดก็มีพระเจ้าองค์เดียวกัน 2:17 "พระเจ้าไม่ได้นับถือศาสนาใด" แน่นอนว่านี่ไม่ได้เป็นการลบหลู่ ตรงกันข้ามกลับเป็นการเชิดชูพระองค์ ที่ยิ่งใหญ่ได้โดยไม่ต้องอาศัยการชี้ทางจากใคร ในขณะเดียวกันก็เตือนสติว่า การจะเป็นคนดีหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าท่านนับถือศาสนาใด 7:00 "มีคนมากมายบนโลก ที่หิวโหยเสียจนพระผู้เป็นเจ้า..." จริงๆคานธีเป็นคนมีอารมณ์ขันนะครับ อันนี้จึงหมายความติดตลกว่า เวลาที่คนเรายากจนท้องหิว ก็มักจะทำมาหากินจนไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องอื่น แม้แต่เรื่องศาสนา ซึ่งเปรียบดังว่ามองไม่เห็นพระเจ้าที่อยู่ตรงหน้า จนพระองค์ต้องจำแลงกายเป็นขนมปัง พวกเขาที่หิวมากถึงจะเห็น 7:29 "เหตุใดข้าพเจ้า ถึงยังลำบากลำบนเดินทางโดยรถไฟ.." นักข่าวถามว่า ทำไมบุคคลระดับคานธีที่เดินทางไปพบผู้นำมาแล้วทั่วโลก ถึงยังนั่งรถไฟชั้น 3 ที่เป็นชั้นที่ถูกที่สุดอยู่ ท่านเลยเล่นมุกกลับไปว่า ถ้ามีถูกกว่านี้ก็คงไม่นั่งหรอกชั้น 3 เนี่ย 8:10 "ข้าพเจ้าเชื่อว่า ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันยกเว้น.." งานนี้นักข่าวโดนจิกครับ แต่ก็เป็นการจิกแบบขำๆตามประสาคนมีอารมณ์ขันน่ะครับ พวกเราคงรู้ดีว่าปาปารัสซี่สมัยก่อนนั้นมีพฤติกรรมยังไง 8:20 "ชีวิตของข้าพเจ้า คือสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการสื่อ" ท่านหมายถึง ท่านเอาตัวเองเป็นแบบอย่างให้พวกเราปฏิบัติตามน่ะครับ ต่างจากผู้นำบางคนที่ปากบอกให้เราทำอย่าง แต่พอกลับบ้านก็ใช้ชีวิตอีกอย่าง