Generation Sick Note ปัญหาของพวกเด็ก Gen Z | คำนี้ดี Highlight

แนวคิด Generation Sick Note สามารถสะท้อนถึงการที่สังคมและสภาพแวดล้อมการทำงานในปัจจุบันมีผลกระทบต่อสุขภาพของคนรุ่นใหม่อย่างไร ร่วมพูดคุยไปกับ ‘วีร์ ราชากรกิจ’ และ ‘บิ๊กบุญ ภูมิชาย’ ได้ในรายการ คำนี้ดี #XZ
สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ
/ @kndstudio
---------------
Join KND Club! เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ที่: cutt.ly/7EseUvK
กดติดตาม และ กดกระดิ่ง: bit.ly/42ricGb
ติดตาม คำนี้ดี ในช่องทางอื่นๆ
Facebook Page: / thestandard.knd
TikTok: @knd.thestandard bit.ly/3ToZnyY
Instagram: @kndstudio.official / thestandard.knd
Facebook Group: / kndgroup
Apple Podcasts: apple.co/3sWRwvF
Spotify: spoti.fi/3kGS4ms
SoundCloud: bit.ly/385nOwc
#GenerationSicknote #GenZ #kndXZ #KNDStudio #คำนี้ดี #ภาษาอังกฤษ

[@KNDStudio]

🚨 เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมเล่นเกมและรับชมงานแล้ว! งานอีเวนต์เกมโชว์ครั้งแรกของคำนี้ดี! 🚨 KND GAME NIGHT LIVE ON STAGE: Play Your Way to Better English! เล่นๆ แต่เก่งขึ้นจริง 💪🏻 เปิดโอกาสให้แฟนๆ รายการและผู้ที่มีใจรักในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ สมัครเข้ามาร่วมเล่นเกมดวลภาษากันแบบตัวเป็นๆ กลางสยามพารากอน 📍 เปิดรับสมัครแล้ววันนี้! - 31 พฤษภาคม 2567 เวลา 18.00 น. เท่านั้น 📍 ลิงก์ลงทะเบียน www.zipeventapp.com/e/KND-GAME-NIGHT-Play-Your-Way-to-Better-English อีกทั้งยังได้พบปะพูดคุยกับทีมงาน ‘คำนี้ดี’ ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กบุญ ภูมิชาย, วีร์ ราชากรกิจ, จีต๊วย ศมะ และทีมงานอีกมากมายที่เตรียมยกขบวนมาเจอกับแฟนๆ รายการ รวมไปถึงแขกรับเชิญสุดพิเศษอย่าง ฟ้า-บุญฑิกา รัตนประสิทธิ์กุล หรือล่ามฟ้า จากเพจ Engbypfah ที่จะมาส่งต่อแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาอังกฤษให้สนุกและเก่งไปพร้อมๆ กันได้แม้ไม่ได้เรียนต่อต่างประเทศ วันและเวลาจัดงาน 📅 วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 ⏰ เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป 📍ณ ลาน SCBX NEXT STAGE ชั้น 4 สยามพารากอน

[@Zeth001]

ถ้ามีซับจะดีมาก ไม่ต้องเป็นซับไทยก็ได้ เป็นซับอังกฤษก็จะดีจะได้รีเช็คว่าฟังถูกไหม สำหรับคนหัดฟังภาษาอังกฤษ เพราะเป้าหมายช่องก็เป็นพอดแคสเพื่อการเรียนรู้อยุ่แล้ว

[@beliveth37]

เป็นคนGen Y ที่มีลูกน้องและต้องเป็นพี่เลี้ยงฝึกงานน้องๆ Gen Z หลายๆคน น้องหลายคนไม่คิดจะฟังหรือทำตามที่เราสอน คิดว่าในinternet มีทุกอย่าง บางคนหาแค่ข้อมูลกระทู้ถามตอบ ในinternet ไม่มีที่มา มาใช้ทำงาน แต่ก็ปล่อยให้ลองผิดลองถูก เราเป็นคนรับผิดชอบก็รับแรงกระแทกไป จริงๆหลายรอบก็แอบเหนื่อยครับ

[@user-dm3xo9fg2v]

ผมมีน้องเป็นแอดมินช่อง และผมเตือนเรื่องลิทสิทธ์ว่าอย่าทำ แต่น้องบอกว่าพี่อย่าซี ช่องอื่นเค้าทำกันทั่ว วันก่อนช่องหมื่นซับถูกปิด น้องบอกก็แค่สร้างใหม่ปวดใจมากครับ น้องไม่ฟังประสบการณ์เราเลย เก่งงานมากแต่น้องไม่ชอบอยู่ในกรอบ น้องบอกว่ามันไม่ make sense เวลาพลาดมีราคาที่ต้องจ่ายแพงเสมอเลย😭

[@kawanchiraguna4381]

ผมอายุ 54 ผมพอจะ relate กับ topic วันนี้ back and forth ได้นะครับ ก่อนอื่นผมอยากจะบอกว่าคนอกหัก คนผิดหวัง อย่าไปอยู่กับคนอกหักและผิดหวังด้วยกัน เพราะไม่งั้นจะพากันพินาศ สันตะโร โลกทั้งใบอาจจะคว้าคุณไม่ทันก็เป็นได้ ตรงกับสถานการณ์การที่คิดว่าตัวเองซึมเศร้า ผันตัวไปเป็นสมาชิกสมาคม ku ผู้ซึ่งซีมเศร้าแห่งประเทศโลก แล้วมุ่งหน้าพุ่งชีวิตและพลังงานทั้งหมด ลงไปใน pool of different types of ความซึมเศร้า We simply get sucked into those needles for worse........เอาหล่ะ เข้าเรื่อง ผมจะแบ่งเป็น 9 paragraph นะครับ จะแยกเป็นเรื่องๆ .1) Burning out...รุ่นผมคือ ."ไม่ไหวแล้ว". "รับไม่ได้แล้ว" แก้ปัญหาโดยการ นอน กิน เม้าท์ ขี้เกียจอย่างมีเหตุผลประกอบ แล้วค่อยหาแรงบันดาลใจไปต่อ อย่างน้อยก็ กระดึ้บ กระดึ้บไป เลื่อยไปช้าช้าก็ยังดีวะ หรือพุ่งหาเพื่อน ที่ยินยอม ฉุดเราไปได้ เพราะสมัยนั้นไม่มีกลุ่มที่จะชวนเราให้ดิ่งไปพร้อมพร้อมกัน. 2) เรื่อง quitting มีน้อย เพราะเรา took it as we were learning something else which might be useful at some points in the future. แล้วเราจะให้ time frame ว่าจะทนถึงเมื่อไหร่ หรือ until we find something to replace สิ่งที่เราทำอยู่. 3) Work Life Balance ก็น่าจะมี จำไม่ได้เพราะแต่ละคนไม่เอามา share กันครับ มันเป็น personal technic or choice..คนใน gen ผม จะไม่ดึงเรื่องไกลตัว มาประกอบการตัดสินใจมากนัก จะบริหารจัดการอารมณ์ เป็นขั้นๆ เป็นจุดจุด เช่นตัวผม ผมจะไม่ทำงานไกลบ้าน ต้องสามารถเดินไปได้ หรือขึ้นรถเมล็ 3 ป้าย สมัยนั้นผมจะเดินกลับบ้านแล้วแวะรับงานแปลมาทำต่อ เก๋ๆ เดือนหนึ่ง บางเดือน มีรายได้มากกว่าเงินเดือนประจำ แล้วที่สำคัญผมจะไม่บอกใคร เพราะผมถือว่า ain't nobody biz คือเอาจริง งานประจำที่ผมทำหน่ะ มันไม่ตรงกับสาขาที่เรียน แต่ผมคิดว่ามัน ให้ grounding ที่ดีต่ออนาคต การได้รับงานพิเศษ คือ ทำให้ผมมีความสุขกับการทำงานสาขาที่ผมเรียนมา ดังนั้นสมการคือ ได้รับการแก้ไข.อีกอย่างหนึ่งคือในรุ่นผม ใครจะซื้ออะไรพิเศษ หรือ แพงแค่ไหน ไปเที่ยวเมืองนอก อะไร เขาก็ไปกัน แต่เขาไม่ feel the need to publize it at all เพราะมันเป็นความสุขส่วนตัวที่ฉันเก็บไว้เป็นของฉัน เป็นวิธีลับอาวุธทางชีวิตพิเศษส่วนตัวของฉัน 4 )Blaming the system มีมาตลอด เหมือนในเพลงที่แต่งไว้นานๆๆๆๆๆๆแล้ว เพลง The living year. "Every generation blames the generation before". ดังนั้นเชื่อผมได้เลยครับ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของโลกใบนี้ แต่ในรุ่นผมเท่าที่ผมเห็น คนจะ blame ไป และ observe หาทาง หาช่อง เพื่อให้เอาชนะให้ได้ (เพราะ benefit ที่เราเห็นมันชัดเจน ถ้าอันไหนไม่ชัดเจน เรา would not even bother to try or to even complain about it) 5) อายุ 30 ควรมีบ้านแล้ว?? รุ่นผม จะเน้น 4 C คือ Credit card, car, cellular phone, and condo. เป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ ตอนนั้น แต่โชคดีที่ไม่มีสื่อสังคม มาชี้ เป็น ชี้ตายให้เรา ดังนั้น มันจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ adore ไอ้ 4 C เป็นสารณะแห่งลมหายใจ แล้วกมีเที่ยวมาสอนชาวบ้าน ว่ามันต้องเป็นต้องมีแบบนี้นะ ซึ่งสมัยผม คนจะเป็น individualistic กันมาก บางคนก็แค่คิดว่า เอออ นะ just a cellular phone will do for now cos it's the only thing that would justify กับชีวิตและงานของเรา 6)เรื่องการบ่น สมัยผมคนก็มีบ่นครับ แต่เพราะว่าเรา focus ที่การ making it through เราอาจจะบ่นเพื่อ ปรึกษาตนเอง เพื่อให้ได้คำตอบ U know it is like u keep hearing your own complaint so much that u get sick of it, and feel u need to do something about it. ......การบ่นมากมาก เพื่อนร่วมงาม ก็จะรำคาญ คนในบ้านก็จะมีเซ็ง แล้วจะมีคำถามตามมาว่า So yeahhhhh what r u gonna do about it? U know people just wanted u to finalize it and may b move on to whine about something else???? ความเห็ส่วนตัวของผมก็คือ ในที่สุดแล้ว ไม่ว่าคนจะอยู่ใน generation ไหน คนคนนั้นจะเป็นคนอย่างไร คิดแบบไหน No body really cares about you ครับ Coz they have their own problems. They are alllll swimming to survive. พวกเขาอาจจะเพียงต้องการ "พวก" อีกอย่าง ตามสถิติแล้วจะมี คนอยู่ 20 % ที่ ทำได้ดีกว่าอีก 80 % ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ กรรมพันธ์ทางสมองของแต่ละคน และต้องเป็นการทำงานของสมองของเราโดยลดคลื่นรบกวนทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่เราไม่รู้จัก "ความสามารถในการตระหนัก ในการฉุกคิดขึ้นมาได้ของตัวเราเองนี่แหล่ะครับ ที่จะพาเราไปต่อได้" ความสามารถในการฉุกคิด และการตระหนักรู้ของเรา จะทำให้เราเห็น main dish ที่เราชอบ เรื่องอื่นเป็นแค่ side dishes ครับ

[@silvermoonknight]

Agreed with you. I have subordinates from gen Y and Z (mostly Z) and they always think uncommonly and need more attention to explain what is going on. Always complain about the system and want the other people/organization to change as they want (which some is possible but need time and some seem impossible). Once feeling unhappy, they always expose the negative expression, affecting the working atmosphere of whole team. Can't accept any suggestion and like saying "if so, I will quit". 😂😂

[@kawanchiraguna4381]

@@silvermoonknight Imagine if there were 10 gen z working together and each of them wanted the system changed into 10 different direction ซิครับ. อีกอย่างส่วนตัวผมคิดว่า gen z แบกรับทุกข์รับสุขที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง จากการที่ได้ไปรับรู้เรื่องของคนอื่นที่ตนไม่รู้จักนับหมื่นนับแสนคน จากสื่อ แล้วก็วิ่งห่างไกล reality ของตัวเองไปมาก การเข้ากลุ่ม ถกประเด็นต่างๆ เยอะๆ จากคนที่เราไม่รู้จักมากมาย มันทำให้เกิดความหนักหนาสาหัส กว่าคนติดนิยายอีกนะผมว่า

[@cgengine]

ผมว่า "คนยุคนี้" ข้อมูลมันเข้าเยอะขึ้น มันขึ้นอยู่กับว่า จะจัดความสำคัญกับมันยังไงมากกว่า ถ้าเอาแต่จดจ่อกับ สิ่งที่คิดว่า"ปัญหา" ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ไปหมด มันก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ในชีวิต มันจะมีการจัด severity ตั้งแต่ issue -> incident -> problem วิธีรับมือ มันก็จะต่างกัน แต่คนที่ประสบการณ์น้อย มักจะ treat ทุกอย่างเป็น problem และเสียสมาธิไปกันหมด ที่ใช้คำว่า คนยุคนี้ ก็เพราะคน gen อื่นก็เป็นเหมือนกัน แต่อาจจะจำนวนน้อยกว่า เพราะมีประสบการณ์จัดลำดับความสำคัญมาบ้างแล้ว

[@kawanchiraguna4381]

Information bombardment syndrome

[@basline1145]

ฟังจนจบแล้วผมค่อนข้างเห็นด้วยครับ จากประสบการณ์คนแต่ละgen มันจะมีความคิดคนละแบบ ขึ้นอยู่กับว่าคนไหนสามารถเปิดรับความคิดใหม่ๆได้หรือยึดติดกับความคิดเดิมโดยไม่ยอมรับฟังอะไรเลย

[@timpornvitoonpong3085]

GenY เรียน ทำงาน ออกกำลัง สู้ตายค่ะ ไม่เก่งไม่เลิก สาละวน ไม่ปล่อยเลย ออกแนว workhard, play harder, eat hardest

[@shagara.9138]

รู้สึกว่า Social Media มันส่ชผลกับทุกเจนแบบต่างกัน แต่เรื่องนี้จริงมากๆว่าคนเจน Z มันหาเหตุผลให้ตัวเองจากการ‘ท่องเน็ต’มากกว่าคุยกับคนจริงๆ จมข้อมูลแต่แยกแยะไม่ได้เพราะผระสบการณ์ในโลกจริงมันน้อย ส่วนคนเจน Z ที่ดีก็ดีมากๆจนอยากจะกราบไหว้บูชา

[@Micropiontsoo]

จากใจเจนอะไรก็ไม่รู้ไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกัน ส่วนตัวมองว่าการใช้ "I'm an introvert" จะเป็น excuse ก็ต่อเมื่อใช้ในการทำงานแบบจริงจัง แบบว่า คุณมีงานที่ต้องพบลูกค้าต่อหน้า ต้องไปเอ้าท์ติ้ง หรือโดยเนื้องานนั้น ๆ เป็นงานบริการต่าง ๆ ที่ต้องพบปะผู้คนเป็นประจำสม่ำเสมออยู่แล้ว แล้วมาบอกว่า I'm an Introvert คือไปพักค่ะ มันคือ responsibility ที่ต้องทำสิ่งนั้นอยู่แล้วเพื่อให้งานมันดำเนินการต่อไปได้และองค์กรไม่ชะงัก แต่ถ้าสมมติโดนชวนให้ไปปาร์ตี้แสงสีเสียง หรือไปเดินห้าง ที่ต้องเจอผู้คนเยอะหน่อย อะไรก็ตามที่ casual ไม่ได้เป็นทางการแล้วบอกว่า "I'm an Introvert" อันนี้จะเข้าใจค่ะว่าอยากอยู่คนเดียวจริง ๆ

[@sorawity]

10:09 เคย burnout ก่อนที่สังคมจะพูดถึงเรือง burnout แล้วชีวิตแย่มากเพราะไม่สามารถเข้าใจสาเหตุทึ่ตัวเองหมดพลังหมดใจไม่อยากทำอะไรตื่นมาก๋ไม่อยากกระทั้งลุกออกจากเตียง และก็หาทางออกไม่ได้เพราะไม่เข้าใจที่มาของปัญหานี้ สุดท้ายพออกจากงานออกจาก toxic environment จิตใจก็ดีขึ้นมาก ชีวิตกลับมาเป็นปกติ ได้มารู้จักคำว่า burnout ก็หลังผ่านชีวิตนรกช่วงนั้นมาแล้ว ก็ได้แต่เจ็บใจว่าเราเกิดไวไป 😂 แต่เข้าใจว่าปัญหาของ genz คือการที่มีข้อมูลท่วมตัว อาจทำให้เราตีตนไปก่อนำไข้ และทำใหัยากในการประเมินว่าเราแค่เหนื่อย หรือเรา burnout, เราแค่เครียดหรือเราเป็นโรค depression

[@Janethecurly]

สำหรับเราgen z คำ quit คือคำที่ดี เช่น quit บุหรี่, quit แอฮกอฮอร์, quit drugs Quit สิ่งที่ทำลายชีวิตเอง ทำให้ชีวิตดีขี้น พอมาใช้ ก็คือ mindset แบบนี้เลย เลย quit toxic people, quit social media, quit some addiction that ruins my life แต่ก็อย่างที่ว่า จะ quit ๆ อย่างเดียวไม่ได้ ต้องอดทนและมองข้อดีของสิ่งที่มี ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย

[@FungChanT]

ไม่ว่าจะกับเรื่องงานหรืออะไรก็แล้วแต่ การเข้าใจตัวเราเองเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ถ้าเรา respect ตัวเองมากพอ เราก็จะ respect คนอื่นได้ดีเช่นกันค่ะ

[@Xtremer846]

พูดได้ตรงจุด รู้สึกนะ แต่ไม่สามารถ อธิบายออกมาได้ แล้วก็เราเป็นคนเกิด 1993 มองว่าเด็กหลังๆๆ Hedonistic จนเราตกใจว่าทำไม เขามองหาแต่ความสุขจัง จนเราเป้นยุคตรงกลางก็แอบงงๆๆ

[@KrichyNursing]

ผมทำงานกับคนทุก Gen ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกว่ามันจะมีปัญหาขนาดนั้น เป็นมนุษย์เหมือนกันพากันมานั่งโตะคุยกันด้วยเหตุ-ด้วยผล ไม่มีทางที่จะคุยกันไม่รู้เรื่อง

[@robot1k.588]

ชอบรายการแบบนี้มากเลยครับ ช่วยผมได้สัมผัสการฟังอังกฤษได้อย่างจริงจัง เพราะมีประโยคไทยเว้นอังกฤษ ฟังเข้าใจง่ายมากขึ้นจริงๆครับ ❤❤❤

[@blueskyzsea9774]

มาเจอGen Alpha ยิ่งกว่านี้ หลานๆที่อายุ3-8ขวบ แต่พูดจาฉะฉาน รู้ทุกเรื่อง กล้าโต้แย้งกับผู้ใหญ่ ชอบซักถาม เวลาจะสั่งจะห้ามอะไรเค้าต้องมีเหตุผลว่าเพราะอะไร มีความเป็นตัวของตัวเองสูง

[@rattaponinsawangwong5482]

I think the main issue is the unrealistic expectations of Gen Z. Gen Z spends a lot of time on social media, and their expectations are based on what they perceive from it. Social media also generates echo chambers where you only get feedback from people similar to you. As a result, you think what is real on social media is real life, while it’s actually just a summary of the good parts of everyone’s life. It’s not the truth. The truth is that the world is composed of both good and bad things that happen in life.

[@the4everhmong]

Not just generation, but even countries has their own mindset and standards. For example, beauty standards in Thailand vs United States are totally different. Just a real fact that western countries has lower beauty standards and Asia has crazy higher beauty standards.

[@simplebudd]

People of every generation has to choose their priority - no matter what priority of the time is. But communication media at present allow for public expressions and attention through callouts. Generation gap is always there and no generation is better than others.

[@jackKNY]

มานี้ เดี้ยว Gen y จะเชื่อมให้ทุกสิ่ง ณ เวลานี้ 😂😂😂😂

[@AK-cp3bw]

As long as you can handle your life, you are free to do what you want. But when you can't, you may need to consider to cope with something.

[@LuckyLV030]

ผมอยากได้ซับในคลิปนี้จังเลยคับ

[@some1there]

ยกมือค่ะ นี่เป็น Gen Y แก่ๆ 55555+ burnout ของเราตอนนู้นพูดแค่ "เบื่อ" ค่ะ 5555555+ เบื่อแล้ว ไม่อยากเรียนแล้ว ไม่อยากทำงานแล้ว ไม่เอาแล้วโว้ยยย เบื่ออออ แบบเนี่ย แต่ฉันเป็น Gen Y แก่ๆที่ได้รับการสอนจากพ่อแม่รุ่น Baby boomer ว่า "ไม่มีงานที่มั่นคง คนที่มั่นคงคือบริษัท ไม่ใช่ตัวเรา งานที่มั่นคงของเราคืองานที่ทำเงินได้มาก และเจริญเติบโตอยู่ตลอด ไม่ต้องไปยึดติดกับบริษัทนะลูก" ที่บ้านก็เปลี่ยนบริษัทไปเรื่อยเลยจ๊ะ สำคัญคือการพัฒนาตัวเอง ทักษะกับประสบการณ์คืออาวุธ แล้วไปต่อเรื่อยๆ

[@amygdalacsnan2018]

🥰ชอบเสียงคุณวี กับลุคเท่ห์ๆของเค้า

[@nonnon5978]

ปัญหาคือตัวปัญหา ก็แค่เอาตัวปัญหาออกไป แล้วก็ไม่ไปยุ่งกับตัวปัญหาแค่นี้ก็หมดปัญหาแล้ว

[@MrDeraphy]

งานหนักไม่เคยฆ่าคนค่ะ คือสิ่งที่ได้ยินบ่อยมากตอนเด็กๆ

[@hedfang]

I would say “อิ่มตัว“ 😄 ไม่ลบไม่บวก กลางๆ ไม่เป็นพิษภัยกับใครดีค่ะ:)

[@MegaSuperwind]

เห็นด้วย โตมาคนละสิ่งแวดล้อม ที่จะหล่อหลอมเพื่อรับมือกับโลก ณ.ตอนนั้น

[@user-ej6tw6or1u]

ขอบคุณนะคะ 😍

[@woradavariety]

I'm 40+ I was worked hard play hard during first ten years after that work life balance because no work til now, more Life😂

[@Gghhfdhhnnn]

GenZอ่อนแอแต่คิดว่าตัวเองเก่งเท่าที่สัมผัสมาน้ะอาจไม่ทุกคนเขาจะรู้มั้ยเขาอยู่ในยุคที่ยากลำบาก

[@dz.prince9625]

อ่านทีแรกเป็นกันซึ เออเอาดิสมองฉัน ก็คิดอยู่ว่าเออเรื่องมันก็สนุกนะมีปัญหาอะไรหว่า พออ่านรอบ2อ่อกุอ่านผิด😂😂

[@md_madiow6134]

In my opinion, if all generations has the respect to others, social environment will be nicer and less problem. This problem could be solved by family unit

[@oatato]

เมื่อก่อนมีคำที่คนชอบพูดว่า "หมดไฟ" ก็น่าจะคล้ายกันนะครับ

[@KT-zk4pr]

อยากให้มี cc eng/thai ด้วย🎉🎉🎉

[@Coolday3606]

Thank you my gen z 199x

[@thebearsbearkillers3551]

เจนวาย ปลายๆ burnout ใช้คำว่า เปื่อย ค่ะ 5555

[@jaywath3409]

burn out นี่น่าจะโหมงานหนักอะไรแบบนี้ไหมครับ

[@HaeBomIsSeaLion]

หล่อ

[@jeabinkorea]

แง๊ๆๆๆ ฟังไม่ออก ไม่มีซัป

[@ganeshanamah5299]

GEN Z ในยุคนี้ คิด วิเคราห์ แยกแยะ ไม่เป็น. แถมมีความคืดกรูถูกเสมอ. ไม่ฟังใคร. เข้าโชเชียล ยังไม่รู้ข้อมูลเท็จจิงใดใดเชื่อไปก่อนละ. ทำงานกับ GEN Z ยุคนี้เพลียใจมาก. ตอนนี้ปลงละ.

[@rewplaypark]

บอก Every generation has their own issues แต่ทำแต่คลิป Gen Z 😂😂😂

[@burning6506]

อาจเพราะเจนนี้กำลังจะต้องขับเคลื่อนสังคมต่อในอนาคตต่อจากรุ่นก่อนแหละครับ จริงๆก็อยากจะลองฟังคลิปพูดถึงเจนอื่นๆบ้างเช่นกันว่าเป็นอย่างไร

[@readwrite1815]

คนเจน Z มีดีที่จู๋ใหญ่

[@besttie24]

ทุก Gen มีปัญหา แต่ gen Z จะโพสบ่นปัญหา ว่าหนักกว่า คนอื่นไม่เข้าใจ ลงโซเชียลมากกว่า

[@Out-of-Bound]

ที่นิยามว่าหนักกว่า มันสเกลที่ความรู้สึก นั่นเพราะความต่างของความหวังหรือ Hope แต่ละ Gen ต่างกัน, รอดู Alpha และเจนใหม่ ๆ กว่านั้น จะหนักว่า , มันคือทฤษฎี Gain Loss ยิ่งตั้งหวังไว้สูงจะเสียใจและ Down มากกว่าคนที่ตั้งความหวังน้อยกว่า ยุคคุณคืออะไรอย่างมากก็ฝันเป็น หมอเป็น ตำรวจ เพราะสิ่งแวดล้อมครอบครัวปลูกฝัง ถ้าผิดหวังก็แค่จากตำรวจเป็นกรรมกร แต่ยิ่งเจนต่อไปความหวังจะมากขึ้น คุณลองคิดดูเด็กตั้งความหวังว่าตัวเองจะมีเงิน 30 ล้าน เป็นดารา หรือเป็น KZbinr เดือนละล้าน แต่ถ้าผิดหวังมาเป็นยามใช้เงินเดือนชนเดือน คือมันแตกต่างกันมากนะ ระหว่างความฝัน แล้วมันเปลี่ยนไม่ได้ของแบบนี้ไม่ใช่นั่งสมาธิเดินจงกลมแล้วหาย มันคือรอยหยักในสมองที่จะติดตัวคนนั้นให้คิดคล้าย ๆ แบบนั้นตลอด ที่โลกป้อนมาให้

[@nonnon5978]

ปัญหาคือตัวปัญหา ก็แค่เอาตัวปัญหาออกไป แล้วก็ไม่ไปยุ่งกับตัวปัญหาแค่นี้ก็หมดปัญหาแล้ว