เหตุใดเราเกิดมาอาภัพนัก ? บุญวาสนาแข่งไม่ได้ยืนยันไม่จริง 10วิธีสร้างวาสนาตัวเองฉับพลันเห็นผลชาตินี้

Рет қаралды 9,768

Күн бұрын

ท่านผู้ฟังสามารถให้การสนับสนุนช่องของเรา เพื่อให้ได้ผลิตเนื้อหาสาระดีๆแบบนี้ต่อไปได้โดยการสมัคสมาชิกของช่องของเรา ที่ปุ่มสมัครข้างปุ่มติดตาม หรือตามลิ้งค์นี้ได้เลย / @อานนท์เล่าเรื่อง
เรื่องเล่าประสบการณ์แปลกๆ เร้นลับน่ากลัว หรือเรื่องของเวรกรรมที่ประสบพบเจอมาด้วยตนเองหรือของคนรอบข้างหรือได้ยินได้ฟังมา มาบรรยายถ่ายทอดให้ได้รับฟังกัน ทั้งเพื่อความบันเทิง และเป็นคติเตือนใจ ให้ผู้คนเกรงกลัวละเว้นจากบาปกรรม ต่อไป ด้วยความเครพอย่างสูงยิ่ง กระผม อานนท์
เครดิต เพลงประกอบ outro : The Evening of Departure โดย Twin Musicom ได้รับอนุญาตภายใต้ ใบอนุญาต Creative Commons Attribution (creativecommon...)
ศิลปิน: www.twinmusicom...
#อานนท์เล่าเรื่อง #สาระความรู้ #คติธรรมสอนใจ

Пікірлер: 37

@อานนท์เล่าเรื่อง 5 ай бұрын

#สำหรับผู้ไม่สะดวกรับฟังด้วยเสียง พุทธวิธี “ชนะคนไม่มีศีล” ที่มาด่าทอต่อว่า เกิดเป็นคน ต้องสู้ทน ต่อคำด่า แม้ทำดี ทำบ้า ถูกด่าหมด ทำซื่อ ๆ ก็ถูกด่า ว่าไม่คด ทำเลี้ยวลด ก็ถูกด่า ว่าไม่ตรง เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงประทับอยู่ที่เมืองโกสัมพี (เสด็จมาใหม่ ๆ) พระนางมาคันทิยา ซึ่งมีความโกรธพระศาสดา มีความประสงค์จะให้พระองค์ออกจากเมืองโกสัมพี จึงได้ว่าจ้างให้คนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่เลื่อมใสพระรัตนตรัย ช่วยกันรุมด่าให้พระองค์เสด็จหนีไปเมืองอื่น มูลเหตุที่นางมาคันทิยาผูกอาฆาตพระพุทธเจ้า เกิดจากเมื่อตอนที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ใหม่ ๆ พระพุทธเจ้าทรงเสด็จไปโปรดแสดงธรรมแก่บิดาและมารดาของนางมาคันทิยา (ตอนนั้นยังเป็นเด็กรุ่น) เมื่อบิดามารดาของนางคันทิยาเห็นรูปลักษณะของพระพุทธเจ้า จึงประสงค์จะยกลูกสาวที่ใคร ๆ ก็ชมว่าสวยงามมาก ให้เป็นภรรยาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงตรัสทำนองว่า อย่าประสงค์ยกลูกสาวให้พระองค์เลย เพราะแม้แต่ปลายเล็บ พระองค์ก็ไม่พึ่งประสงค์ที่จะมองเลย นางคันทิยาได้ฟังจึงโกรธแค้นและผูกอาฆาตมาตั้งแต่นั้น แต่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้บิดานางคันทิยาบรรลุเป็นพระอนาคามี ส่วนมารดาบรรลุเป็นพระโสดาบัน หลังจากนั้นนางคันทิยาก็ได้มาอาศัยอยู่กับน้า ในกรุงโกสัมพีนี้ แล้วน้าของนางเห็นว่านางมีรูปสดสวยสมควรแก่พระราชา จึงยกนางคันทิยาให้กับพระเจ้าอุเทน และด้วยความหลงในรูป พระเจ้าอุเทนจึงแต่งตั้งให้เป็นมเหสีองค์หนึ่ง และเมื่อนางทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมายังเมืองโกสัมพี นางจึงเริ่มระบายความอาฆาตดังที่กล่าวข้างต้น ครั้นยามเช้าพระศาสดาเสด็จเข้าไปในเมืองเพื่อบิณฑบาต ก็มีพวกทาสกรรมกรบ่าวไพร่ที่ได้รับค่าจ้าง ติดตามด่าว่าพระพุทธองค์ด้วยคำด่า ๑๐ ประการซึ่งถือว่าเป็นคำด่าที่แสบที่สุดในยุคนั้น คือ เจ้าเป็นโจร เจ้าคนพาล เจ้าคนหลง เจ้าอูฐ เจ้าโค เจ้าลา เจ้าสัตว์นรก เจ้าสัตว์เดียรัจฉาน สุคติของเจ้าไม่มี เจ้าหวังแต่ทุคติเท่านั้น พระอานนท์ผู้เดินตามหลังพระศาสดาทนไม่ได้ที่มีบุคคลมากล่าวล่วงเกินพระพุทธองค์ซึ่งเป็นผู้ที่ตนเคารพสูงสุดท่านจึงกราบทูลว่า “เมืองนี้เขาด่ามากเหลือเกินพระพุทธเจ้าข้า เราไปเมืองอื่นเถิดพระพุทธเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ไปเมืองไหนอานนท์ ?” พระอานนท์ตอบว่า “ไปเมืองที่เขาไม่ด่า พระพุทธเจ้าข้า” พระองค์ตรัสถามอีก “ถ้าคนในเมืองนั้นด่าอีก เราจะไปที่ไหนอานนท์ ?” “เราก็ไปเมืองอื่นจากเมืองนั้นอีกพระพุทธเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “แล้วคนในเมืองนั้นด่าอีกจะไปไหน ?” “ก็ไปเมืองอื่น ๆ อีกพระพุทธเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “เราทำอย่างนั้นไม่ควร ทำใจร้อนใจด่วนไม่สมควรแก่สมณะ เรื่องเกิดขึ้นที่ไหนควรให้ดับที่นั่นก่อนเราค่อยไปที่อื่น คนที่ด่านั้นคือพวกไหนกัน ?” พระอานนท์ “คือเริ่มแต่พวกทาส กรรมกรเป็นต้นไปพระพุทธเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “อานนท์ เราเป็นเช่นกับช้างที่เข้าสู่สงคราม การอดทนต่อลูกศรที่แล่นมาจาก ๔ ทิศเป็นภาระของช้างที่เข้าสู่สงครามฉันใด การอดทนต่อถ้อยคำที่คนทุศีลเป็นอันมากกล่าวแล้วเป็นภาระของเราฉันนั้น เราจักอดกลั้นต่อคำล่วงเกิน ดังช้างศึกที่อดทนต่อลูกศร เพราะคนเป็นอันมากเป็นผู้ทุศีล บุคคลผู้อดกลั้นต่อคำล่วงเกินได้ ฝึกตนดีแล้ว เป็นผู้ประเสริฐในหมู่มนุษย์ การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง ฉันใด เมื่อฝ่ายตรงข้ามสงบนิ่ง ทำหูทวนลมเสีย การด่าอยู่แต่ฝ่ายเดียวก็ไร้ประโยชน์ ฉันนั้น พวกปากรับจ้างด่าจนเมื่อยปาก ก็เกิดความเบื่อหน่าย เลิกด่าไปเอง เรื่องก็สงบลงใน ๗ วัน” เมื่อพระองค์ตรัสจบอย่างนี้ คนมากมายที่รับสินบนมาด่าตามถนน ๓ แพร่ง ๔ แพร่ง เป็นต้น เหล่านั้น ก็ได้บรรลุโสดาบัน เป็นคนดีเลิกด่า เป็นคนดีตั้งแต่บัดนั้นตลอดชีวิต

@อานนท์เล่าเรื่อง 5 ай бұрын

#ใครบอกว่าบุญวาสนาแข่งกันไม่ได้ เราอาจเคยได้ยินมาว่า.. "แข่งเรือแข่งพายยังแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้" ความเชื่อแบบนี้ผมขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ! เพราะแม้แต่พระเกจิชื่อดังอย่างเช่น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านก็ยังยืนยันว่า.."บุญวาสนา"เป็นสิ่งที่สร้างได้ ! ดังนั้น คุณสามารถเป็น"คนมีบุญ"หรือ"คนมีวาสนา"ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเราล้วนเกิดจาก"เหตุ"และ"ปัจจัย" ถ้าเราสร้างเหตุปัจจัยที่จะทำให้เกิด"บุญวาสนา" บุญวาสนาก็จะเกิดการสะสมโดยอัตโนมัติ มีการกระทำอยู่ 10 ลักษณะที่ส่งผลให้เกิด"บุญ" เราเรียกการกระทำเหล่านั้นว่า"บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ" ได้แก่.. #๑_การให้ทาน (ทานมัย) คือการเสียสละทรัพย์ สิ่งของ เงินทอง ตลอดจนกำลังกาย สติปัญญา ความรู้ความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น รวมถึงการละซึ่งกิเลสตัญหาออกจากจิตใจ จนถึงการสละชีวิตอันเป็นสิ่งมีค่าที่สุดเพื่อการปฏิบัติธรรม #๒_การรักษาศีล (สีลมัย) คือการตั้งใจรักษาศีล และการปฏิบัติตนไม่ให้ละเมิดศีล ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ก็ตาม เพื่อรักษากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา #๓_การภาวนา (ภาวนามัย ) คือการอบรมจิตใจให้ละซึ่งกิเลส ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นโดยใช้สมาธิปัญญา รู้ทางเจริญและทางเสื่อม จนเข้าใจอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค อันจะเป็นหนทางไปสู่การบรรลุมรรคผลนิพพานได้ในที่สุด #๔_การอ่อนน้อมถ่อมตน (อปจายนมัย) คือการให้ความเคารพผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ ๓ ประเภท คือ ผู้มีวัยวุฒิ ได้แก่พ่อแม่ ญาติพี่น้องและผู้สูงอายุ ผู้มีคุณวุฒิหรือคุณสมบัติ ได้แก่ ครูบาอาจารย์ พระภิกษุสงฆ์ และผู้มีชาติวุฒิ ได้แก่พระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์ #๕_การทำกิจที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย) คือ การกระทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดีที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม โดยเฉพาะทางพระพุทธศาสนา เช่น การชักนำบุคคลให้มาประพฤติปฏิบัติธรรม มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น #๖_การให้ส่วนบุญ (ปัตติทานมัย) คือ การอุทิศส่วนบุญกุศลที่ได้กระทำไว้ ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งปวง การบอกให้ผู้อื่นได้ร่วมอนุโมทนาด้วยทั้งมนุษย์และอมนุษย์ ได้ทราบข่าวการบุญการกุศลที่เราได้กระทำไป #๗_การอนุโมทนา (ปัตตานุโมทนามัย) คือ การได้ร่วมอนุโมทนา เช่น กล่าวว่า “สาธุ” เพื่อเป็นการยินดี ยอมรับความดี และขอมีส่วนร่วมในความดีของบุคคลอื่น #๘_การฟังธรรม (ธัมมัสสวนมัย) คือ การตั้งใจฟังธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน หรือที่เคยฟังแล้วก็รับฟังเพื่อได้รับความกระจ่างมากขึ้น บรรเทาความสงสัยและทำความเห็นให้ถูกต้องยิ่งขึ้น จนเกิดปัญญาหรือความรู้ การพยายามนำเอาความรู้และธรรมะนั้นนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สู่หนทางเจริญต่อไป #๙_การแสดงธรรม (ธัมมเทสนามัย) คือ การแสดงธรรมไม่ว่าจะเป็นรูปของการกระทำ หรือการประพฤติปฏิบัติด้วยกาย วาจา ใจ ในทางที่ชอบ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่บุคคลอื่น ให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา มาประพฤติปฏิบัติธรรมต่อไป #๑๐_การทำความเห็นให้ตรง (ทิฏฐชุกัมม์) คือ ความเข้าใจในเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ สิ่งที่เป็นแก่นสารสาระหรือที่ไม่ใช่แก่นสารสาระ ทางเจริญทางเสื่อม สิ่งอันควรประพฤติสิ่งอันควรละเว้น ตลอดจนการกระทำความคิดความเห็นให้เป็นสัมมาทิฏฐิอยู่เสมอ วันนี้ถ้าเราอยากจะแข่งอะไรกับใคร ผมคิดว่าเราน่าจะแข่งกัน"สร้างความดี"น่าจะดีกว่านะครับ เพราะถ้าเป็นการ"สร้างทรัพย์สินเงินทอง" สุดท้ายเราก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี แต่"บุญวาสนา"จะติดตัวเราทุกภพทุกชาติไป และหากเราสร้าง"บุญ"ให้ถึงพร้อม บางที..ทรัพย์สินเงินทองมันจะวิ่งมาหาเราเอง โดยที่เราอาจไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ !

@อานนท์เล่าเรื่อง 5 ай бұрын

#วิธีทำใจให้เย็น แบบรวดเร็วเพียงพลิกฝ่ามือ ที่จริงแล้วความใจร้อนไม่ใช่อะไรเลย นอกจากดอกผลของความโกรธ คนใจร้อน คือคนที่สะสมความโกรธไว้ในตัวเองมากมาย หากเป็นเรื่องที่จี้ใจดำ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ทำให้คุณขาดสติ ระเบิดอารมณ์รุนแรงออกมาได้ และสามารถทำร้ายจิตใจหรือร่างกายของผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่หมั่นสลายความโกรธออกไป ความโกรธก็จะบ่มเพาะอยู่ในตัวเราและเจริญเติบโตขึ้น จนเป็นอันตรายต่อตัวเองและคนรอบข้าง ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนตัวเอง ทำใจให้เย็น เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ มาฝากดังนี้ 1. เช็กสัญญาณอันตราย ขณะกำลังสนทนาให้เราถามตัวเองบ่อย ๆ ว่า ฉันกำลังพูดเร็วไปหรือเปล่า หายใจเร็วไปไหม เพราะการพูดเร็วหายใจเร็วคือสัญญาณเริ่มต้นของการควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ 2. รู้จุดอ่อนของตัวเอง รู้ว่าเรามักจะโกรธด้วยเรื่องอะไร อะไรคือเรื่องที่เราไม่อยากได้ยินมากที่สุด เพราะการรู้ตัวล่วงหน้า แม้เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้เรามีเวลาหยุดคิด และสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น 3. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ลองสมมุติตัวเองว่า หากคุณเป็นคนขับแท็กซี่ที่ตระเวนขับรถมาทั้งวัน แต่ไม่มีผู้โดยสารเลยสักคน และมีค่าใช้จ่ายรออยู่มากมาย หรือเป็นพนักงานแผนกลูกค้าสัมพันธ์ ที่ต้องรับโทรศัพท์วันละหลายร้อยสาย ฯลฯ คนที่ทำให้คุณโกรธ อาจทำผิดด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานาที่คุณนึกไม่ถึง เช่น ทำไปเพราะกำลังป่วย เพราะกำลังเครียดอย่างหนัก เพราะวัยที่ต่างกัน ทำให้มองโลกต่างกันถ้าหากคุณรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา คุณก็จะไม่โกรธใครง่าย ๆ 4. ฟังด้วยความกรุณา การฟัง เป็นเรื่องที่ต้องการการฝึกฝน หลายคนนั่งเงียบ ๆ ไม่เคยพูดขัดจังหวะใคร แต่กลับไม่เคยเข้าใจอีกฝ่ายเลยสักนิด เพราะการฟังที่แท้จริงต้องเริ่มที่การเปิดใจ พร้อมที่จะรับฟังปัญหาและความทุกข์ของอีกฝ่ายเป็นสิ่งแรก ต่อจากนั้นคือการเปิดหูเปิดตา ตั้งใจฟังข้อความที่อีกฝ่ายพูดอย่างแท้จริง ทำเช่นนี้ความกรุณาจึงเกิดขึ้น และช่วยให้ความขัดเคืองใจที่มีสลายไป จนสามารถรับฟังความจริง และเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องได้ เพียงเท่านี้ ใจคุณก็จะเย็นลง แบบพลิกฝ่ามือแล้วครับ #ขอให้ได้พิจารณาด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยภูมิธรรม คุณพระรักษาเทวดาคุ้มครอง ขอให้มีความเจริญในธรรม ทุกท่าน ทุกคนครับ

@nattawanheerunrat1276 5 ай бұрын

ขอบพระคุณมากค่ะที่ให้สาระดีๆค่ะ❤❤❤❤❤

@แซมคับ-ค2ฦ 5 ай бұрын

น้อมกราบสาธุคับ

@SodsaiMobile-e2m 5 ай бұрын

อนุโมทนาสาธุๆๆค่ะ

@doniversen5039 5 ай бұрын

อนุโมทนา สาธุ ครับ คุณอานนท์ 🙏🌷😇😊❤️

@somjitja 5 ай бұрын

สาธุอนุโมทามิ🙏🌻

@leksamkhoklek9299 5 ай бұрын

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุในธรรมครับ 🙏🌹🙏🌹🙏🌹

@jhoyjhoy1151 5 ай бұрын

น้อมกราบสาธุๆๆเจ้าค่ะ

@วาสนาแก้วทองดี-ด6ซ 5 ай бұрын

😊😊😊ขอบคุณน่ะค่ะ

@จรรยกรพวงธรรม-ฎ4ณ 5 ай бұрын

สาธุสาธุสาธุค่ะ

@วรรณาลัยดวงเดือน 5 ай бұрын

หวัดดีค่ะขอบคุณคำสอนชี้แนะสาธุ

@น้องใบเฟิร์น-ศ5ฝ 5 ай бұрын

สาธุๆๆค่ะ

@fullmoon-s8g 5 ай бұрын

สาธุค่ะ 🙏❤️

@chanyaenjoylife4096 5 ай бұрын

ขอบคุณค่ะ

@teelek8981 5 ай бұрын

อนุโมทนาสาธุค่ะ

@อรวรรณคืนมาเมือง 5 ай бұрын

กราบสาธุค่ะ

@user-ix5jy8nm5f 5 ай бұрын

ขอบคุณคะ

@rungtivadeemee4168 4 ай бұрын

ชอบฟังรายนี้คะ

@SodsaiMobile-e2m 5 ай бұрын

ใช่ค่ะ

@จรรยกรพวงธรรม-ฎ4ณ 4 ай бұрын

ขอบคุณมากนะค่ะ❤❤❤❤😂😂😂🎉🎉🎉

@pichaifueangchan3159 5 ай бұрын

สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญร่วมกันทุกท่านครับผม🙏🙏🙏

@SodsaiMobile-e2m 5 ай бұрын

เลยต้องใช้พลังถายในจิตฝ่ายสุงและพลังงานบวกจากธรรมชาติรอบตัวเอามาผสานเพื่อดับความโกรธค่ะพยายามให้ใันเหบือน้อยที่สุดค่ะส่วนใหญ่จะใช้กับคนนอกคอบคัวค่ะแต่คนในชั้นจะไม่เกบเพาะถ้าเกบกับคนในเราเจอทุกวันๆเหมืินนำ้สนิมที่หยดลงกลางใจเราสุดท้ายนำ้สนิมนั้นจะกลัดกร่อนใจเราหากไม่รุ้จักวิธีการเอาออกค่ะ