เห็นทุกข์ . รู้ทุกข์ . ออกจากทุกข์

[@user-md4mt5yi8s]

ส่วนตัวชอบ ภาพ นี้ มาก็เลย

[@ampholbupphasuwann7282]

ปฎิจจสมุป เป็นหัวใจพุทธศาสนา /ท่านพุทธทาส/ ธรรมคือ 1 ธรรมชาติ 2กฎธรรมชาติ 3หน้าที่ 4ผลของหน้าที่/ชีวิตคือตัวธรรมชาติ กฎ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มีหน้าทีหาอาหาร/กิริยา ผลก็คือวิบากกิริยาทำไปจนกว่าดับ นี่คือธรรมชาติของชีวิต จิตของชีวิตนี้คือจิตนิพานที่พุทธเได้ค้นพบ ซึ่งไม่มีทุกข์

[@suphapteslarp3636]

จากคำกล่าวของท่าน เข้าใจได้ว่าจิตท่านหลุดพ้นแล้ว (ตามสัมมาทิฏฐิของท่าน) พื้นฐานของสัมมาทิฏฐิจองท่านคือว่าอย่างไร เป็นอย่างไร ส่วนสัมมาทิฏฐิที่ตรงต่อคำสอนขอพระพุทธศาสดาท่านเข้าใจว่าเป็นอย่างไร รบกวนท่านทบทวน แล้วท่านจะเข้าใจอย่างแท้จริวถึงคำว่า สูงสุด คืนสู่สามัญ นี่เป็นความคิดเห็นของเรา พระพุทธองค์ทรงมีพระปัญญาเป็นเลิศ หาที่เปรียบมิได้ เรากล่าวว่าอย่างนี้

[@suphapteslarp3636]

สัพพะปาปัสสะ ฯ นี่คือหัวใจของพระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์

[@user-dz8ln1fw9r]

อนุโมทนาสาธุสาธุ ครับ

[@user-ih8tc1cy9j]

โอกาศที่แสนดี เมื่อยอมเสียเวลา จึงจะรู้ว่า ใช้เวลาอย่างมีค่า ขออนุโมทนา สาธุ

[@user-zo1kk8tv3y]

ผัสสะ และเวทนา เป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับ การดำเนินชีวิตค่ะ ทำงานในลักษณะ passive .. รับรู้ รับความรู้สึก โดยระบบประสาทของร่างกาย หรือ รูป ร่วมกับขันธ์อื่นๆ ได้แก่ วิญญาณ เช่นว่า เมื่อจักขุวิญญาณ มีผัสสะรับแสงจ้า ย่อมเกิดเวทนา คือ ความไม่สบาย แทบจะในขณะเดียวกัน เป็น ระบบ reflex เพื่อป้องกันภัย อันตราย ที่อาจมีต่อชีวิต นอกเหนือไปจากการให้ความรู้สึก สบาย (สุขเวทนา) มีข้อสังเกตว่า ในกรณีที่ รูป มีความเสียหาย เช่น ภาวะสมองตาย หรืออัมพาต .. ผัสสะ จะเสียหายไปด้วย กระทบถึง เวทนา ที่ไม่สามารถรับรู้ความสบายหรือไม่สบายได้ ทีนี้ ความทุกข์ ที่จะตามมานั้น จะแค่ไหน ก็จะเป็นในส่วน สังขารขันธ์ ที่ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายหนุน/นำ ที่ได้แก่ มนสิการ เจตนา ฉันทะ วิริยะ ปีติ สมาธิ จะเข้าคู่กับสังขารฝ่ายดี หรือฝ่ายร้าย ปุถุชนโดยมาก ที่ติดในรูปรสกลิ่นเสียง ฯลฯ เมื่อได้เวทนา อันเป็นสุข หรือทุกข์แล้ว จิตก็มักแล่นไปในทางสังขารฝ่ายร้าย เช่น ตัณหา อิสสา โทสะ อุทธัจจะ กุกกุจจะ .. วงจรทุกข์ ก็จะถูกหมุนไป ตามปัจจยาการ ๑๒ แต่หาก สังขารขันธ์ ส่วน สติ และปัญญา มีกำลังมากพอ วิถีที่ ถัดจากเวทนา ย่อมมีแนวโน้ม ที่จะแล่นไหลไปในทาง เกิดความรู้เท่าทัน ในสัจธรรม ในเหตุปัจจัย เกิดธัมมวิจย จิตก็จะไม่แล่นต่อไปในทางตัณหา อุปาทาน ที่ทำให้เกิดทุกข์.. แต่จะสามารถพลิกมาเป็น จิตแห่งอุเบกขา ที่จะพิจารณา เห็นในเหตุปัจจัยอันเป็น ทางแก้ไขทุกข์ ป้องกันปัญหา และแม้กระทั่ง สร้างสรรค์ความเจริญ ดังนั้น ผัสสะ และเวทนา จึงคือ เครื่องมือ ที่ธรรมชาติให้มา เราจึงไม่ต้องไปตัดส่วนนี้ออก แต่ให้ รู้อย่างเท่าทัน และรู้ใช้ไปในการอันเป็นประโยชน์แก่ชีวิต และสังคม ซึ่งอาจเห็นได้จาก โลกปัจจุบัน ที่วิทยาการ เทคโนโลยีต่างๆ ที่เนื่องกับปัจจัย ๔ ไม่ว่า อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค .. ผู้พัฒนา ล้วนต้องอาศัย ผัสสะ และเวทนาทั้งนั้น ในการสร้างสรรค์งาน แม้กระทั่ง การทำกับข้าวที่บ้าน หรือกระทั่ง ความระแวดระวังในมลพิษต่างๆ รอบตัว อันที่จริงแล้ว ขันธ์ ๕ คือ เครื่องมือ อันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของชีวิต ตั้งแต่กำเนิดมา หากขันธ์ใดขันธ์หนึ่งเสียหาย ชีวิต ย่อมดำเนินชีวิตได้ยาก อีกทั้ง ยังทำให้ขาดพร่องซึ่งความสามารถในการรับรู้ เรียนรู้ พัฒนาความรู้ เพื่อดับอวิชชา ในขณะเดียวกัน เช่น คนเสียจริต คนสูญเสียความทรงจำ หรือความบกพร่องในการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น ตา หู เป็นต้น สิ่งที่ต้องตัด เพื่อดับทุกข์ หรือปิดทางเกิดแห่งทุกข์ จึงไม่ใช่ การตัดที่ขันธ์.. แต่ท่านให้ ตัด "ความเข้าไปยึด" ใน "ผลผลิต" ที่เกิดจากกระบวนการทำงานของขันธ์ อันได้แก่ อุปาทาน ๔ และตัณหา ส่วนที่ขออนุญาตเพิ่มเติม ก็คือ ปัจจยาการ ๑๒ นี้ เป็นเพียงส่วน ฟากฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสุขทุกข์ของมนุษย์ เท่านั้น ที่พระพุทธองค์ท่าน high light แต่ก็ยังมี ปฏิจจสมุปบาท ทางฟากฝ่ายธรรมชาติ ที่ดำเนินไปตามธรรมดาของมัน และยังมีความสัมพันธ์กับกิจกรรม การดำเนินชีวิตของมนุษย์ ในลักษณะที่เป็นเหตุปัจจัย แก่กันและกัน ในขณะเดียวกัน อาทิเช่น วิกฤติภาวะโลกร้อน ที่มี กรรมของมนุษย์ เป็นเหตุปัจจัยสำคัญ ที่หมุนอาการแห่งไตรลักษณ์ ให้เป็นไปในทางเสื่อมอยู่ขณะนี้ เป็นต้นค่ะ

[@nuntapongjatu-ps5md]

ลึกชัดเข้าใจง่าย สาธุๆ

[@user-iy6nv7id4l]

เจอแล้วกระทบแล้วสะท้อนแล้ว

[@user-mt1wl1cc1n]

สาธุธรรมครับ

[@attawit1st]

แต่ก่อนกลัวตาย ตอนนี้กลัวเกิด…มากกว่า

[@yohiniethinymephuasam8784]

ท่องหัวข้อ เรียกชื่อได้ แต่เมื่อมีอวิชาก็ขาดปัญญาที่จะรู้ เมื่อมีจิตก็ไม่รู้เพราะไม่มีปัญญา บรรยายภาพศิลป์คล้ายกับที่ปราสาทสัจจธรรมที่พัทยา แต่การให้ข้อมูลว่าพระพุทธองค์ตรัสรู้ปฏิจสมุปบาท นั้นผิดเลยเทียว โดยแท้จริงแล้วพระธรรมที่ท่านทรงตรัสสอนย่อมเป็นไปตามลำดับ และท่านตรัสรู้อริยสัจ ๔ การเห็นปฏิจจสมุปบาทเป็นการเห็นอริยสัจที่ครบ เรียกว่า “ดวงตาเห็นญาณ” นั่นหมายความว่าต้องเห็นอริยสัจก่อนถึงจะเห็นปฏิจสมุปบาท

[@user-qr2hr2ml5w]

มีแต่พระอรหันต์เท่านั้นที่จะอธิบายสภาวะใน ปฏิจจสมุปบาทได้ ญาณทัศนะนั้นก็ไม่สามารถสรุปได้ด้วยตัวหนังสือหรือรูปภาพ

[@ampholbupphasuwann7282]

การเรียนรู้ทางปริยัติใครก็รู้ได้ตามพระไตรปิฏก แต่ปฎิบัติให้ได้ปฏิเวธยากและที่ยากกว่าคือการรักษาให้นิพานถาวร

[@yohiniethinymephuasam8784]

@@ampholbupphasuwann7282 ใครก็รู้ได้ตามพระไตรปิฎกอย่างนั้นหรือ ไม่ทราบว่าอ่านไปถึงไหนแล้ว ไหนลองกล่าวถึงจิต ในพระอภิธรรมปิฎกหน่อยสิ ขอดูปัญญาขั้นปริญัติหน่อยพออธิบายเกี่ยวกับภพภูมิของจิต ความวิจิตรของจิตและกิริยาจิตหน่อย พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าอย่างไร