Рет қаралды 48,641
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้แถลงข่าวถึงรายละเอียดประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ระหว่างวันที่ 24 - 27 กุมภาพันธ์ และการจัดกิจกรรม “จากโคราชถึงการปฏิรูปกองทัพ” ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาในวันพรุ่งนี้ (15 ตุลาคม 2563)
ธนาธรกล่าวว่า เพื่อเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคอนาคตใหม่ได้ตั้งทีมศึกษาข้อมูลและเตรียมการตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 โดยเราได้ตั้งชื่อทีมงานนี้ว่า Project Pinocchio หรือ “ปฏิบัติการพิน้อคคิโอ” โดยมีตนเป็นหัวหน้าทีมด้วยตนเอง
“เหตุผลที่เราเลือก พินอคคิโอมาเป็นชื่อรหัสปฏิบัติการ เพราะตัวละครพินอคคิโอคือตัวละครที่ทำผิดซ้ำซาก แล้วก็สร้างเรื่องขึ้นมาปกปิดความผิดของตนเองจนเรื่องบานปลายจนปกปิดความผิดไม่ได้อีกต่อไป เปรียบเสมือนรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สามารถปกปิดความผิดจากการกระทำที่ผ่านมา 5 ปีหลังรัฐประหารจากสาธารณะได้โดยไม่โดนตรวจสอบ ภายใต้ข้ออ้างของความสงบเรียบร้อย ข้ออ้างเรื่องการปราบคอรัปชั่น แต่แท้จริงคือการลิดรอนสิทธิมนุษยชน” ธนาธรกล่าว
สำหรับรายละเอียดของการอภิปรายในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่า หากหนึ่งวัน ประมาณการการอภิปรายไม่ไว้วางใจไว้ที่ 12 ชั่วโมงต่อวัน เราจะมีเวลาอภิปรายทั้งสิ้น 42 ชั่วโมง พรรคอนาคตใหม่ได้ขอเวลาจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการอภิปรายไว้ 11 ชั่วโมงสำหรับผู้อภิปราย 16 คน หรือร้อยละ 26 ของเวลาทั้งหมด ผู้อภิปรายจากพรรคอนาคตใหม่จะได้เวลาจัดสรรเฉลี่ยคนละ 42 นาทีต่อคน โดยหนึ่งคนจะอภิปรายในเชิงภาพรวม ส่วนอีก 15 คนจะทำการอภิปรายรายประเด็น 15 คน 15 เรื่องไม่มีเรื่องที่ซ้ำกัน
ญัตติที่พรรคฝ่ายค้านยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล 6 คน ซึ่งในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ จะทำการอภิปรายรัฐมนตรี 5 คนด้วยกัน ประกอบไปด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง, วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ธนาธรกล่าวว่า การอภิปรายของพรรคอนาคตใหม่จะเน้นการอ้างอิงเอกสารชั้นต้น หลักฐานแวดล้อม ข้อกฎหมาย หลักนิติรัฐนิติธรรม และความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง เพื่อเปิดโปงความจริงที่ผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้ประชาชนรู้ ให้ประชาชนและเพื่อน ส.ส.เข้าใจได้ง่าย ไม่เน้นโวหาร ไม่พูดยืดยาว พาดพิงผู้เกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด
เนื้อหาของการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ แบ่งออกเป็น 5 ด้าน
1. การบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาด
2. การเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องและกลุ่มทุนใกล้ชิด
3. นโยบายที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศ
4. ความมั่นคงและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
5. คุณสมบัติและจริยธรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
-----
ส่วนในประเด็นที่สอง เกี่ยวกับการจัดกิจกรรม “จากโคราชถึงการปฏิรูปกองทัพ” ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัวตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป
ธนาธรระบุว่า ก่อนอื่นตนต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบและความสูญเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และตนต้องการเรียนให้ทราบว่า การจัดงานในครั้งนี้ไม่ใช่การตีกินช่วงชิงทางการเมืองหรือจะทำร้ายกองทัพ แต่เราต้องยอมรับความจริงว่าสาเหตุของความโกรธแค้นของผู้ก่อการ มาจากความไม่ยุติธรรมในกองทัพ ซึ่งตัว ผบ.ทบ. เองก็ยอมรับในข้อนี้แล้ว ตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเราจำเป็นต้องปฏิรูปกองทัพอย่างแท้จริงเพื่อป้องกันไม่ให้ฝันร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีก และนี่คือเหตุผลที่จะมีการจัดงานในวันเสาร์นี้
ในการจัดกิจกรรม จะมี ส.ส. จากพรรคอนาคตใหม่ 2 คน และตนขึ้นชี้แจง ได้แก่ พล.ท.พงศกร รอดชมภู และวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ โดยทั้งสองคนจะมาพูดถึงโครงสร้างความอยุติธรรมที่ทำให้เกิดกรณีโคราช ส่วนตนอยากใช้โอกาสสนทนากับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ในเนื้อหาการปฏิรูปกองทัพ ที่ตนได้มีการนำเสนอกับประชาชนไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนการที่ พล.อ.อภิรัชต์ ออกมาให้ข่าวถึงแนวทางที่จะปฏิรูปแหล่งรายได้นอกงบประมาณของกองทัพนั้น ธนาธรกล่าวว่า การปฏิรูปกองทัพด้วยตัวกองทัพเองโดยลำพังเป็นไปได้ยาก ต้องมีฝ่ายการเมืองเข้ามาร่วมลักดันด้วย เพราะมีผู้กระทำผิดอยู่ในกองทัพ และสิ่งที่เราเห็นมาตลอดคือวัฒนธรรมคนผิดลอยนวลของผู้มีอำนาจในกองทัพ เราจะเห็นได้ว่าไม่มีผู้มีอำนาจในกองทัพคนไหนใครเคยถูกลงโทษจากกรณีใดๆ เลย มีแต่การมีส่วนร่วมของประชาชน และสื่อมวลชน เท่านั้น ที่จะทำให้การปฏิรูปกองทัพประสบความสำเร็จได้
-----
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเตรียมการสำหรับกรณีการยุบพรรค ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ธนาธรกล่าวว่าตนได้พูดตั้งแต่วันที่มีการจัดแฟลชม๊อบ (14 ธันวาคม 2562) แล้วว่า “เราไม่ถอยไม่ทน ถ้าเรากลัวผู้มีอำนาจก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่เขาใช้คดีความคำร้องเรียนต่างๆมาทำลายผู้ที่ลุกขึ้นสู้กับความอยุติธรรม ถ้ากลัวพวกเขาจะประสบความสำเร็จ ส่วนจะกระทบการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น หากเกิดการยุบพรรคขึ้นจริง เนื้อหาบางส่วนที่เป็นของกรรมการบริหารพรรคก็คงจะหยิบมาอภิปรายนอกสภาแทน”
ทั้งนี้ ตนอยากชวนตั้งคำถามว่า "เพราะผู้มีอำนาจต้องการปกปิดข้อมูลบางอย่างหรือไม่ จึงมีการเลือกวันอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงไม่กี่วัน
และได้พ่วงท้ายอีกคำถามหนึ่งที่เกี่ยวข้องกันและสมควรได้รับคำตอบว่า "วุฒิสภาได้ผ่านรายชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านใหม่ 4 คนแล้ว รอทูลเกล้าฯ แต่ทำไมจึงยังไม่ทูลเกล้าฯ หรือต้องการให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันตัดสินคดีในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้เสร็จสิ้นเสียก่อนหรือไม่"