ผมเป็น FC ช่องนี้ครับ ผมได้มุนมองเยอะมากในการทำงาน ซึ้งอาชีพหลัก ผมเป็นเชฟน่ะครับ ที่คุณโจ้กล่าวมา มันจริงครับ เรื่องธุรกิจน่ะครับ
@thitawanteankasiri267510 ай бұрын
ค่อนข้างเห็นด้วยโดยเฉพาะในกลุ่มอาชีพที่ต้องใช้ความชำนาญสูง และคิดไว้แล้วว่าต้องมีคนเห็นแย้ง เหตุผลเพราะในปัจจุบันคนส่วนใหญ่แทบจะไม่มีใครอย่างทำสายนี้กันแล้วเพราะมันต้องใช้ทั้งทุนทรัพย์และเวลานานมากกว่าจะชำนาญและหากดูแนวโน้มของเด็กในรุ่นต่อๆ ไปคิดว่าจะยิ่งมีคนอยากเข้ามาสายนี้น้อยลงไปอีก เพราะปัจจัยเรื่องเวลาและทุนที่ต้องลง (มันรวยช้า) ดังนั้นจึงต้องเอา AI มาทดแทนตำแหน่งในสายงานนี้ที่อาจจะน้อยลงเรื่อยๆ นอกจากนี้หากคนที่เคยตามข่าว AI มาจะรู้ว่าในหลายๆ เรื่อง AI เริ่มที่จะมีความสามารถเหนือมนุษย์ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในสายวิชาชีพผมเริ่มทราบมาบ้าง เช่น ในสายกฎหมายเคยมีคนลองเอา AI มาแข่งร่างสัญญาสู้กับทีมบุคคลากรที่ทำงานใน law firm ชั้นนำของประเทศหนึ่ง สรุปคือ AI ใช้เวลาในการร่างที่ไวกว่า ซ้ำคุณภาพที่ได้นั้นพอๆ กัน หรือในบางประเทศเริ่มมีการใช้ AI มาตัดสินคดีในคดีเล็กๆ แล้วก็มี อีกเรื่องเหมือนอ่านผ่านๆ คือ มีแม่คนหนึ่งมีลูกที่ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย จนลองป้อนข้อมูลโดยเอาผลการวินิจฉัยของหมอแต่ละคนให้ AI และ AI สามารถวิเคราะห์หาโรคที่แท้จริงเจอจนสามารถรักษาให้หายขาดได้ และเท่าที่ทราบนี่ยังไม่ใช่ศักยภาพสูงสุดของ AI มันยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีก สิ่งที่กังวลมีเพียงอย่างเดียวคือเหตุผลด้านศีลธรรม เช่น ความรู้สึก ความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งในอนาคตอาจจะน้อยลงเรื่อยๆ
เห็นการประเมินว่า อาชีพนี้กะนักการเมืองจะถูก AI แทนที่เป็นลำดับท้ายๆเลยค่ะ 😅 จนกว่าจริยธรรมให้ AI จะพัฒนาหรือได้ข้อสรุป ไม่งั้นเราคงมี AI คลุมอำนาจ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวสุดตอนนี้ค่ะ
จริงๆคืิอ วิทย์สุขภาพทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI กันมาตลอดนะ ทุกวันนี้บุคลากรต้องพัฒนาให้ทันองค์ความรู้ที่เปลี่ยนไป ลองถามตัวเองว่า อยากรักษากับ AI หรือคนจริงๆ มองว่า AI มาแทนในรายละเอียดของพวกประเมินอาการเบื้องต้นมากกว่า เช่น วัดอุณภูมิ BP อะไรทำนองนี้มากกว่า
AI แทนได้แค่บางอย่าง หลายอย่างการมีผู้เชี่ยวชาญคุม คนใช้บริการจะมั่นใจมากกว่า เช่น จะพัฒนาให้ AI นำเครื่องบินพานิชย์บินแทนนักบินก็ได้ แต่ทุกวันนี้ และต่อๆไปก็ยังต้องมีนักบิน AI จะมาในรูปแบบเป็นเครื่องมือมากกว่ามาแทนที่อาชีพครับ