กว่าจะได้เป็น พระพุทธเจ้า ตอน ๒

◉อธิบาย พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พุทธธรรม ยังดำเนิน และเดินหน้า
สู่มรรคา อริยะ ละตัณหา
เป็นพุทธแท้ ธรรมพุทธ จุดปัญญา
เพื่อนำพา ให้พ้นทุกข์ สุขนิพพาน
ปรวี ทัพซ้าย
13/9/2567

[@ghjghhj4774]

ลัทธิแขก ลัทธิผี อีศวรพรหม พราหมณ์ร่วมบ่ม ปมบิดเบือน พุทธปัญญา พุทธองค์ มิทรงสอน ศาสนา สอนปัญญา พาหลุดพ้น แอกทั้งปวง พุทธองค์ มิทรงตั้ง ศาสนา สอนปัญญา ที่เกิดมา พร้อมโลกนี้ ศาสนา เพิ่งมีมา ห้าพันปี ทรงเน้นที่ เอกภพนี้ ล้วนมายา พุทธศาสนา ถูกปลอมมา ครอบงมงาย แต่อย่าหมาย ได้หลบหนี อนัตตา อนันตกาล ร่วมผลาญสิ่ง โดยมิช้า สุญญตา พาว่างเปล่า สิ่งทั้งปวง From Anatta, Sunyata and Anantakarn.

[@ghjghhj4774]

สรรพสิ่ง วิ่งไปสู่ ความว่างเปล่า ชีพชั่วคราว แก่นสารใด ไม่มีจริง อนัตตา สุญญตา มาเร็วยิ่ง ตามความจริง ทุกสิ่งเป็น เพียงมายา จับไขว่คว้า มายึดมั่น ไม่ได้แล ล้วนผันแปร แลยึดถือ ก็ไม่ได้ เกิด,ดับไป ในความว่าง เปล่าทุกราย สิ่งทั้งหลาย อย่าหมายหนี อนันตกาล ทั้งจักรวาล สมมุติไว้ ไม่มีจริง ผันแปรยิ่ง สิ่งอยู่ใน อวกาศว่างเปล่า ทยอยดับ ไม่กลับคืน ทุกหมู่ดาว ทุกชีพก้าว เท้าสู่ความ ไร้ตัวตน From Anatta, Sunyata and Anantakarn. ( พลังธรรมชาติ ที่ทรงพลังมากที่สุด เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง เหนือเอกภพ ก็ คือ อนันตกาล อนัตตา และ สุญญตา ไม่มีจุดเริ่มต้น และสิ้นสุดใดใด ไม่มีการดับ ทั้งสามพลังธรรมชาติ มีความนิรันดร์ แม้จะหมด พลังงานความร้อนและแสงสว่าง ในจักรวาล จนหมดสิ้น สิ่งมีชีวิตมารับรู้ได้ ทั้งสามพลัง ธรรมชาติ ก็ยังมีอยู่ ตลอดไป ดังนั้นจึงทำให้ จักรวาล เป็นอวกาศ ที่ว่างเปล่า มาตลอดไม่มีขอบเขตใดใด ไม่มี จุดเริ่มต้นใดใด และ ทุกหมู่ดาว ต้อง ไปสู่ การดับไปในความว่างเปล่ามืดมิด เย็นสนิท กว่าน้ำแข็งใดใด จนทำให้ไม่สามารถมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้ อีกต่อไป แต่สามพลัง ยังคงอยู่ ตลอดกาล )

[@ghjghhj4774]

พุทธองค์ทรงเน้นสอน ง่ายๆ ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาและสุญญตา เป็นปัญญาของการหลุดพ้นพวกมายาคติ และหลุดพ้นอัสมิมานะ ,ทรงสอนว่า "" บุญ "" คือกิเลส มาจากภาษาสันสกฤต หมายถึง "" หัวใจบวม พองขึ้นมา ฟูขึ้นมา เพราะสิ่งที่ตนเองคาดหวัง ปรารถนา อยากได้ หรือสิ่งที่ตนคิดว่าได้แล้ว "" จึงเป็นกิเลส และคำว่าพุทธ ยังหมายถึง ผู้สอนเรามิให้มีการปรุงแต่งใจใดใด ทรงสอนว่า พระสงฆ์ หมายถึง "" ผู้บำเพ็ญตนสันโดษ คือต้องไม่มีกิเลสตัณหาอุปาทานความอยากใดใด การปรุงแต่งใจใดใด มาเป็นเพื่อนอยู่ในใจ และต้องไม่ อยู่กับ พวกที่แสดงถึงกิเลสตัณหาอุปาทานความอยาก และการปรุงแต่งใจ ใดใด"" ทรงสอนพื้นฐาน ให้ข้าม สามสิ่งนี้คือ 1. รูปธาตุ=การตกเป็นทาสบ้าคลั่งไคล้ พวกวัตถุและรูปลักษณ์ อยู่ใต้อำนาจของพวกวัตถุและรูปลักษณ์ ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของพวกวัตถุและรูปลักษณ์ได้ ดังนั้นชาวพุทธไม่ควรหลงใหลในวัตถุและรูปลักษณ์ เช่นพวกพระพุทธรูป,เจดีย์ สถูป พระธาตุ โบสถ์วัดวิหาร ที่ทำให้หรูหรา เป็นวิมาน พวกสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายรูปบูชาสารพัน วัตถุบูชาสารพัด 2. อรูปธาตุ= การตกเป็นทาสของสิ่งที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง สิ่งงมงาย มายาคติ โลกมายา ไสยศาสตร์ อวิชชา สิ่งที่กุปั้นปรุงแต่งขึ้นมา พวกสิ่งที่สมมุติขึ้นมา สิ่งที่เพ้อเจ้อเพ้อฝัน เช่นบุญ นรกสวรรค์ ผีวิญญาณ ชาติหน้า เวรกรรม กรรมเก่า ภพหน้าภพหลัง อภินิหาร ปาฏิหาริย์ อิทธิฤทธิ์ สิ่งวิเศษ สิ่งเหนือธรรมชาติ แม้แต่การสวดมนต์สวดคาถา สวดอภิธรรม ก็ย้อนแย้ง กับ พุทธปัญญา ในสมัยพระพุทธองค์ ไม่มีการสวดมนต์สวดคาถาบูชาใดใด ทรง สอนว่างมงาย 3. กามธาตุ= การตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาราคะ ความอยากสารพัด สรุปคำสอนง่ายๆ ของพระพุทธองค์ คือ ไตรลักษณ์ อนิจจังทุกขัง อนัตตา หรือสุญญตา คือล้วนเกิดขึ้นแล้วดับไปในความว่างเปล่าของสิ่งทั้งปวง คำสอนของพระพุทธองค์ ต้องไม่ขัดกับ อนัตตา สุญญตา ธรรมชาติบริสุทธิ์ วิวัฒนาการธรรมชาติบริสุทธิ์ และวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์, บริสุทธิ์ หมายถึงต้องไม่มีการปรุงแต่ง ใดใด ให้ผิดเพี้ยน เพื่อ แสวงหาผลประโยชน์ ,ความเชื่อ งมงาย ความเชื่อผิดๆ ,เช่นเอาบุญมาล่อ,จัดโต๊ะหมู่บูชา อลังการล่อให้ดูศักสิทธิ์ ดูขลัง สายสิญจน์ น้ำมนต์ วัตถุบูชา พระพุทธรูป สถูปเจดีย์ ,การสวดมนต์คาถา อภิธรรม ล้วนส่อเป็นไสยศาสตร์ ทั้งสิ้น ย้อนแย้ง พุทธปัญญา ทั้งสิ้น

[@ghjghhj4774]

พุทธองค์ ทรงเน้นสอน อนัตตา อนิจจา สุญญตา มาสังวรณ์ ความตายใด จึงไม่มี จริงดั่งสอน พึงสังวร เรามิใช่ สิ่งใดเลย From Anatta, Sunyata and Tathata.

[@ghjghhj4774]

บทสรุปคำสอนกาลามสูตรของพระพุทธองค์ดังนี้ 1. อย่าเพิ่งเชื่อ พวกสิ่งที่เล่าต่อๆๆ กันมา อย่าเพิ่งเชื่อพวกเรื่อง ปรัมปรา, พวกตำนานใดใด 2. อย่าเพิ่งเชื่อพวกสิ่งที่ ถูกเขียนจารึกบันทึกใดใด หนังสือตำราใดใด 3. อย่าเพิ่งเชื่อพวกกระแสข่าวลือในสังคม ชุมชน 4.อย่าเพิ่งเชื่อ พวก ธรรมเนียมประเพณี ปฏิบัติใดใด 5. อย่าเพิ่งเชื่อตามตรรกศาสตร์ เพราะมิใช่จะถูกต้อง 100% เสมอไป 6. อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะสิ่งเหล่านั้น ตรงกับความคิดความเชื่อในใจของตน ที่ถูกเสิ้ยมสอน มา 7. อย่าเพิ่งเชื่อตามการเปรียบเทียบเปรียบเปรย ตามปรัชญา เช่น เหมือนขี่ ช้างจับตั๊กแตน เป็นต้น 8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะภายนอกดูดีมีลักษณะน่าเชื่อถือ มีลักษณะ ดลบันดาลใจ มีลักษณะ ที่ สมบูรณ์ 9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นผู้สูงอายุ มีความน่าเชื่อถือ มีรูปลักษณ์ดี น่าศรัทธา มีตำแหน่งดี ตำแหน่งสูง ฐานะดี 10. อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะ ผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ เป็นศาสดา เป็นนักบวช ผู้ก่อตั้งลัทธิ หรือศาสนา

[@ghjghhj4774]

ถ้าเป็นชาวพุทธ ที่แท้จริง ย่อมต้องตอบคำถามสำคัญเกี่ยวกับพระพุทธองค์ได้ ดังนี้ 1. พุทธองค์ทรงสอนอะไรมากที่สุด? อันเป็นปัญญาและความรู้ ไปถึงที่สุดแล้วของเอกภพและสามารถครอบคลุมเหนือโลกและเอกภพได้อย่างไร ? 2. พุทธองค์ทรงประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน ตรงกันได้อย่างไรในวันวิสาขบูชา? 3. พุทธองค์ ทรงเพียรพยายาม หลายๆ แสนชาติ ก่อนตรัสรู้ หมายความว่าอะไร? 4. ทำไมคำสอนของพระพุทธองค์ มิใช่ศาสนาใดใด แต่อยู่เหนือศาสนาทั้งปวง ? 5 . Buddha มีถึงสี่ความหมาย คืออะไร? 6. พุทธองค์ทรงหยิบใบไม้ ขึ้นมาแล้วทรงถามพวกพระสงฆ์ว่า ใบไม้ในมือกับในป่า อย่างไหนมีมากกว่ากัน ?แล้วก็ทรงปล่อยใบไม้ ทิ้งลงไปจากพระหัตถ์ ,ทรงสอนสัจธรรม หลักที่สำคัญสามประการ คืออะไร ? 7. คำต่อไปนี้ เกี่ยวกับพระพุทธองค์ แปลว่าอะไร India, Nepal, the Himalayas, the Ganges (มิได้แปลว่า แม่น้ำคงคา), Varanasi (พาราณสี) , Sri Lanka, และ Kashmir แคว้นแคชเมียร์ ถ้าตอบไม่ได้ย่อมมิใช่ชาวพุทธแท้จริงแต่อย่างใด และถ้าตอบ แบบหนังแขก มีอภินิหาร ปาฏิหาริย์ อินทฤทธิ์ มหัศจรรย์ เหนือธรรมชาติ ,ขัดกับธรรมชาติบริสุทธิ์ วิวัฒนาการธรรมชาติบริสุทธิ์ และวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ ย่อมมิใช่ชาวพุทธแท้แต่อย่างใด ส