Рет қаралды 124,284
#vihantaweesak#กฎแห่งกรรม#อโหสิกรรม#อภัยทาน#บุญกุศล# กฎแห่งกรรม เรื่อง อโหสิกรรม คือ อภัยทานที่เป็นบุญกุศลอันสูงยิ่ง คืนหนึ่งในเดือนมิถุนายน ๒๕๑๑ ข้าพเจ้ากำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องหนังสือ ในยามเงียบสงัดปราศจากเสียงรบกวนทำให้อารมณ์สงบ เด็กเข้ามาบอกว่า มีผู้ต้องการพูดด้วยทางโทรศัพท์ ข้าพเจ้าก็ต้องรีบวางงานออกจากห้องไปรับโทรศัพท์ กล่าวขอโทษที่มารับโทรศัพท์ช้าไป เพราะห้องที่ทำงานกับโทรศัพท์อยู่คนละแห่ง
เมื่อท่านผู้นั้นได้ทราบว่าข้าพเจ้าเป็นผู้พูด ก็แสดงความดีใจและกล่าวคำขอโทษที่รบกวนในยามค่ำคืนดึกดื่นเช่นนี้ บอกชื่อและที่อยู่ให้ทราบ แล้วท่านก็เริ่มระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัวออกมา ทั้งโกรธแค้นเจ็บใจที่อัดไว้แน่นออกมาในเสียงทางโทรศัพท์ ข้าพเจ้าก็นิ่งฟังด้วยจิตสงบ ให้ความสนใจและเห็นใจ
เราพูดกันอยู่คนละฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเราไม่เห็นตัว ทำให้นึกเดากิริยาท่าทางของผู้พูด ซึ่งพูดออกมาเสียงขุ่นๆ ตอนหนึ่งว่า
“คุณเขียนแต่เรื่องพบคนดี ทำไมไม่เขียนเรื่องพบคนชั่วบ้าง คิดว่าคุณไม่เคยพบคนชั่ว คุณเป็นคนโชคดีพบแต่คนดี แต่ผมโชคร้าย หนีไม่พ้นคนชั่ว มันน่าเจ็บใจเหลือเกิน มนุษย์สมัยนี้บางคนมีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่จิตใจมันโสมมยิ่งกว่าสัตว์ที่น่ารังเกียจ เพราะหาความแน่นอนไม่ได้ มีแต่ความสับปรับ แม้แต่ภายนอกมันจะแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษ กิริยาอ่อนน้อม และนั่งรถยนต์ราคาแพง แต่มันก็แฝงความชั่วไว้ภายใน ห่อหุ้มฉาบหน้าแสดงท่าเป็นสุภาพบุรุษไว้ภายนอก ผมได้พบมนุษย์ชนิดนี้มาแล้ว”
แต่แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังกว่าปกติคล้ายอารมณ์เสียว่า “นี่คุณฟังอยู่หรือเปล่า”
ข้าพเจ้าสะดุ้งแล้วรีบตอบ “ผมกำลังฟังอยู่ด้วยความสนใจทุกคำ ทุกประโยค โปรดพูดต่อไปเถิดครับ ผมคอยฟังอยู่แล้ว”
เสียงหัวเราะในทางโทรศัพท์ว่า “ขอบคุณที่ได้สนใจฟังอย่างสงบ เผลอไปคิดว่าคุณไม่ได้ฟัง ขอโทษด้วย นึกว่าปล่อยให้ผมพูดอยู่คนเดียว เหตุที่ผมต้องโทรศัพท์มารบกวนในยามค่ำคืนนี้ ก็เพราะเหตุที่คุณเป็นผู้เขียนเรื่อง “พบคนดี" ในชุดกฎแห่งกรรม เมื่อได้อ่านแล้วทำให้จิตใจสบายซาบซึ้งถึงคุณธรรมสูงของท่านที่ประกอบกรรมทำดี เป็นผู้เสียสละมิได้เห็นแก่ตัว แม้จะเป็นคนในประเทศหรือนอกประเทศ รู้สึกมีชีวิตที่ราบรื่น โลกนี้น่าอยู่มีแต่ความสดชื่นสวยงาม อบอวลไปด้วยกลิ่นของคุณธรรมสูง ชื่อเสียงบริสุทธิ์เหมือนดอกไม้ที่สวยสดงดงามและกลิ่นหอม เป็นที่เคารพนับถือของคนที่รู้จักทั่วไป ผู้ใดประสบการณ์เข้าไปอยู่ในหมู่คนดีมีศีลธรรม ก็นับว่าเป็นโชคดีที่สุดในโลก มีความอบอุ่นด้วยคุณธรรม”
ผู้พูดหยุดระยะหนึ่งแล้ว พูดต่อไปว่า “ผมอยากทราบว่า ถ้าคุณพบคนชั่วที่แฝงอยู่ในร่างมนุษย์ คุณจะทำอย่างไร จะหาทางสั่งสอนมันด้วยเลือดให้สมกับความชั่วของมันไหม คุณจะเขียนเรื่องพบคนชั่วไหม”
ได้ฟังผู้พูดระบายความรู้สึกออกมาตามอารมณ์แล้ว ข้าพเจ้าก็หัวเราะพูดปลอบใจว่า “คนเราเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ในโลก หนีไม่พ้นที่จะต้องพบทั้งคนดีและคนชั่ว ผิดแต่ว่าเมื่อเราจะชักจูงให้การเห็นผิดเป็นชอบกลับมาเป็นผู้ที่เกิดมีศีลธรรม เห็นว่าตนหลงมัวเมากลับจิตใจได้หรือไม่ ถ้าไม่สามารถช่วยให้กลับตัวได้ เพราะสันดานชั่วติดแน่น เราก็แผ่ความสงสารให้มาก แล้วก็ทำจิตใจให้อยู่ใน “อุเบกขา” เพราะรู้ว่าเขาจะต้องรับเคราะห์กรรม ที่เขาก่อขึ้นตามสนองอย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว
มีตัวอย่างมากมายที่ผู้ก่อกรรมชั่วขึ้นเอง เป็นต้นเหตุให้เคราะห์กรรมติดตามให้ผลภายหลัง ผมจึงไม่สมัครใจจะเขียนเรื่อง “พบคนชั่ว” เพราะยุคนี้มีผู้ทำชั่วกันมาก สำหรับผู้สร้างกรรมดีนั้นหาได้น้อยมาก เหมือนเพชรเป็นสิ่งที่หายากจึงมีค่าสูง สำหรับศึกษาเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องส่งเสริมคนสร้างกรรมดี เพราะจะทำให้ผู้เขียนและผู้อ่าน ผู้ฟัง มีจิตใจเบิกบานอิ่มเอิบสดชื่น ส่วนเรื่องคนชั่วนั้น อยู่ที่ไหนก็ทำให้คนดีเดือดร้อน และชื่อเสียงเหม็นที่นั่น เป็นที่รังเกียจของคนดีทั่วไป เมื่อฟังแล้วก็มีแต่ความเศร้า จิตใจหดหู่ มีแต่เรื่องฆ่า เรื่องปล้น เรื่องยิง เรื่องฟันกันตาย เรื่องหักหลังล้างแค้น ทำลายพระพุทธรูป เห็นจะไม่มียุคใดสมัยใดที่มนุษย์ชั่วจิตเหี้ยมโหดใจทมิฬ ตัดเศียรพระพุทธรูป มีข่าวประจำ ทำลายจิตใจชาวพุทธส่วนรวมทั้งประเทศ พากันสลดใจเศร้าหมอง กรรมหนักก็จะติดตามสนองมนุษย์ชั่วชาติในบั้นปลายของชีวิต