Рет қаралды 75,611
หยุด !! ถ้าไม่อยากหน้าพัง ควรรู้ก่อนใช้ สารผลัดเซลล์ตัวช่วยผิวขาวใส AHA BHA LHA และ PHA ต่างยังไง ตัวไหนใช้แล้วระคายเคือง ผิวเป็นสิวควรเลือกใช้ตัวไหน ?
1. AHA (ALPHA HYDROXY ACID)
หน้าที่ของ AHA คือเร่งผลัดเซลล์ให้เร็วขึ้น
ความเข้มข้นที่ไม่เกิน 10% สำหรับคนผิวธรรมดา เพื่อลดความไวต่อแสงแดด
ความเข้มข้นที่ไม่เกิน 20% สำหรับคนโรคผิวหนัง เป็นขุย เป็นสิว
โรคผิวหนังบางชนิดอาจใช้ที่ 70%
ข้อดีของ AHA
-ระคายเคืองต่ำนิยมใช้เป็นตัวช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า(Lactic Acid) ให้ผิวดูกระจ่างใส
-เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
-กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอยเล็กๆ
ข้อเสียของ AHA
-AHA บางตัวไม่เหมาะกับผิวบอบบางระคายเคืองง่าย
-ไม่แนะนำในคนที่เป็นสิวอักเสบ
2. BHA (BETA HYDROXY ACID)
เป็นสารที่ละลายในไขมันได้ จึงสามารถซึมเข้าสู่รูขุมขนได้ล้ำลึก ทำความสะอาดรูขุมขนได้
ความเข้มข้น 0.5-10% เหมาะกับการลดสิวและ 30% ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า
ข้อดีของ BHA
-ซึมลึกถึงรูขุมขน ช่วยให้ทำความสะอาดรูขุมขนได้ดี ลดสิวอุดตัน
-ลดสิวอักเสบ ลดหน้ามัน
-ออกฤทธิ์ได้ดีตั้งแต่ความเข้มข้นน้อยๆ ไม่ต้องใช้เยอะ ตรงนี้บางสูตรคนที่ระคายเคืองง่ายก็ใช้ได้
ข้อเสียของ BHA
-ใช้ความเข้มข้นสูงก็ระคายเคืองได้
-นิยมใช้ในสกินแคร์รักษาสิวมากกว่าผลัดเซลล์ผิว
3.LHA (Beta-Lipohydroxy Acid)
เป็นอนุพันธ์ของ SALICYLIC ACID ดังนั้นการออกฤทธิ์เค้าจะคล้ายกันเลยค่ะ สามารถใช้ LHA แทนหรือใช้ร่วมกับ BHA ได้นะคุณๆ
ข้อดีของ LHA
-เหมาะกับคนเป็นสิวทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตัน
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสตินและ Hyaluronic acid ด้วย
ข้อเสียของ LHA
-ยังเจอน้อยในกลุ่มของสกินแคร์
4.PHA (Poly Hydroxy Acid)
ข้อดีของ PHA
-ผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวใส
-ระคายเคืองต่ำ เหมาะกับผิวบอบบาง อ่อนแอ
-กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้
ข้อเสียของ PHA
-ประสิทธิภาพการผลัดเซลล์ไม่เท่า AHA BHA
#Aha #Bha #ผลัดเซลล์ผิว #ผลัดเซลล์ผิวหน้า