คาปาซิเตอร์ที่อยู่ในกีตาร์ ตัวราคาแพงทำให้เสียงดีจริงมั๊ย มาพิสูจน์กัน

[@ปี่ใต้สตูดิโอ]

ต้องใช้คาปาชิเตอร์​ค่าเดียวกันมาเปรียบเทียบจึงจะสามารถเปรียบเทียบระหว่างของแพงกับของถูกได้ตรงจุดถ้าค่าต่างกันเสียงมันจะเปลี่บนไปตามค่านั้นเช่นค่ามากมันจะทำให้รู้สึกว่าจะเห็นผลในการปรับมากกว่าเพราะการต่อในวงจรของคาปาคือบายพาสสัญญาณ​ลงกราวนด์​ฉะนั้นเมื่อค่ามากกว่าสัญญาณ​จะถูกปรับให้ลงกราวนด์​ได้มากกว่าความถี่ใดๆที่ถูกปรับลงกราวนด์​ไปก็เป็นไปตามค่าคาปาชิ​เตอร์​ตัวนั้นๆ

[@Re-Fav]

มันจะมีผลเนื่องด้วย ปิ๊กอัพค่าความต้านทานของขดลวดด้วยครับจะทำให้ได้ย่านเสียงความถี่เสียงแบบไหน ค่าของมันอาจจะ ทำให้แหลมให้ทุ้มได้แตกต่างกันไปอีกครับ คือพูดง่ายๆว่า ใส่ค่าเดียวกันในกีตาร์ตัวอื่นๆก็อาจจะไม่ได้เสียงเหมือนกันครับ

[@supsavaipol1]

คหสต เสียงสุดท้าย ตัวสีส้ม ค่า 0.022 ชอบเสียงนี้ เด้งดี น่าเสียดายที่ไม่ได้ลองค่าเท่ากันหมด

[@Re-Fav]

เป็นการเปรียบเทียบความจุให้เห็นว่า เสียงมันต่างกันเพราะ ค่าความจุ ครับผม แหลม ขึ้น เพราะค่าความจุของ C ครับผม

[@phisitja01]

ขอบคุณครับ เยี่ยมมากครับ

[@Re-Fav]

ยินดีครับผม

[@sinrockcompany7487]

ขอบคุณมากๆๆ

[@Re-Fav]

ยินดีครับผม

[@dashic2431]

ขอเสริมครับ แค่อยากแชร์มุมมองครับ📝 ทั้งคาปาฯ C และ พอท VR. คือตัวลดสัญญาณเสียงทั้งคู่ สมมุติให้เห็นภาพว่า เนื้อเสียงเดิมๆจากปิ๊กอัพเป็นรูป พีระมิด ปลายยอดบนสุดคือเสียงแหลม ฐานล่างคือเสียงทุ้ม *คาปาฯ C จะเป็นค่าบอกว่าจะตัดปลายยอดแหลมของปิระมิดลงมามากสุดกี่เมตร สมุมติ คาปาฯตัวนี้ ค่าบอกว่าตัดยอดแหลมพีระมิดลงมามากสุดคือ 10เมตร ส่วน *พอท VR ที่ติดกับคาปาฯจะเป็นตัวปรับละเอียดอีกที ว่าจะตัด ขนาดไหนระหว่าง 0-10 เมตร น่าจะพอเห็นภาพครับ😅🙏

[@Re-Fav]

ตามหลักการอิเล็กทรอนิกส์แล้วมันก็คือวงจร RLC กรองความถี่ ครับถ้าดูในภาพรวม L คือ Pickup R คือ Pot Volume C ก็คือ Capacitor ที่เราใส่เข้าไปนี่แหละครับ มันเป็นวงจรที่ทำให้เราเลือกความถี่เสียงได้แค่นั้นครับผม ถ้าเราจะคำนวณให้ได้เสียงหรือความถี่ที่เราต้องการก็ใช้สูตร RLC Filter ได้เช่นกันครับ

[@ตบเกรียนพวกเรียนน้อย]

คาปามันตัดเสียงทุ้ม ใอควาย

[@MrPiyabud]

capacitor ค่ามาก เสียงอิ่มอ้วนขึ้น ค่าน้อยเสียงแหลมใสขึ้น ครับ สำหรับผมยี่ห้อ ราคา เกี่ยวน้อยมากครับ ชอบเสียงย่านไหนก็ทดลองเปลี่ยนเอาที่ชอบ หรือใส่ selecter​ ไว้เลือกก็สนุกดี

[@Re-Fav]

ครับผม

[@interinter65]

มันไม่ได้อิ่มขึ้นพี่ชาย มันนวลขึ้น เพระมันกักความถี่ เเหลมไว้ มากหรือน้อยเเค่นั้นเอง นึกง่ายๆ เหมือนเราใช้eqต่าง ยี่ห้อกัน บางที มันทำไห้คอมเพรสด้วย ไม่ชอบเท่าไร สำหรับคาปา สำหรับผม

[@Studio-fp8gg]

อยากได้ตัวสีส้มครับพี่ แต่ยังหาซื้อไม่ได้ขอเฟสบุ๊คพี่หน่อยได้ไหมครับ

[@Re-Fav]

ในลาซาด้ามีครับผม จากไทยและจากจีนครับผม หรือที่ร้าน guitar shop Thailand ครับผม😃

[@Studio-fp8gg]

@@Re-Fav อ๋อครับพี่ expensive capacitor 0.022 ผมพิมพ์ชื่อสินค้าแบบนี้ถูกต้องไหมครับ

[@Re-Fav]

พิมพ์ว่า ตัวเก็บประจุสีส้ม ได้เลยครับผม

[@Studio-fp8gg]

@@Re-Fav ขอบคุณมากนะครับพี่

[@Re-Fav]

@@Studio-fp8gg ยินดีครับผม😀🫶🏻

[@baranana5319]

กีต้าร์ผม HSH มีหนึ่งโวลุ่มหนึ่งโทน ใช้คาปาตัวสีส้มได้ไหมครับ

[@Re-Fav]

ได้หมดครับผม ขึ้นอยู่กับค่าของมันครับที่จะทำให้เสียงสว่างขึ้นมากแค่ไหนก็จะต้องสัมพันธ์กับ ความต้านทานของ ขดลวด Pick up ครับผม ยิ่งใส่ค่าน้อย ก็จะได้เสียงที่แหลมขึ้นครับ

[@baranana5319]

@@Re-Fav แล้วทางพี่ได้มีขายไหมครับ

[@baranana5319]

@@Re-Fav อีกอย่างครับกีต้าร์ผมย่านเสียงกลางมาเยอะครับ

[@Re-Fav]

ไม่ได้ขายค๊าบบผม ซื้อมาแค่พอใช้งานครับ

[@Re-Fav]

ถ้าอยากให้ได้แหลมขึ้นมาใส่ค่าตัวเลขที่น้อยกว่าที่ใส่อยู่ครับผม เช่นใส่ 473 อยู่ ก็ ซื้อ 333 หรือ 223 มาใส่แทนครับจะได้ย่านแหลมมา

[@pongthonyim]

คือผมมีสไควเออร์ cv50 เคยแกะแต่ไม่ได้ดูค่า(เสียงกลมๆไม่บางแหลม) กับกีต้าร์ถูกๆอีกตัวแหลมบางมาก มันจะเกี่ยวกับคาปานี้ไหมครับ (เปิดโทนสุดทั้งคู่)

[@Re-Fav]

ไม่เชิงนะครับส่วนใหญ่คาปาซิเตอร์จะทำหน้าที่กรองความถี่ต่ำให้ความถี่สูงผ่าน มันเลยทำให้เราได้ยินความทุ้มแหลม ครับ แต่ปัจจัยหลักก็มาจาก ปิ๊กอัพว่าแท้จริงเสียงมันไปทางไหนครับผม เปลี่ยนอาจจะใสขึ้นแต่บางเพราะปิ๊กอัพมันโทนไปทางแหลมอะไรทำนองนั้นครับ

[@washilongstu7384]

สีส้มเสียงต่างมากครับดีสมราคามาก

[@Re-Fav]

ค่ามันค่อนข้างเหมาะสมด้วยครับผม

[@RedRace.]

เปลี่ยนใส่ปิ๊กอัพ ฮัม ของwillkinson ตัวหลัง ตอนนี้ คาปาเดิม ใส่คาปาแบบไหนดีครับ อยากไห้หนาขึ้นครับ

[@Re-Fav]

ถ้าต้องการย่านเบส ใส่ค่ามากขึ้นกว่าตัวเดิมครับผม ถ้าเดิม 2A47 ไปใช้ 2A68 อะไรประมาณนั้นครับ ถ้าใส่ค่าที่น้อยลงเช่น 223 มันจะได้ย่านแหลมมาครับ

[@sbno119]

ผมไม่คิดว่ามันทำให้เสียงกีต้าร์ดีขึ้นนะครับ แต่เสียงมันก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจริง(ต้องฟังออกด้วยนะ) ถ้าเสียงกีต้าร์จะดีขึ้นเห็นได้จริง ชัดเจน น่าจะเป็นการเปลี่ยน Pickup อันนี้เห็นชัดเจน ดีขึ้น หรือ แย่ลง ส่วนคาปา ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ชำนาน มากๆขึ้นอีก เพื่อที่จะฟังให้ออก ว่าเปลี่ยน หรือไม่เปลี่ยน แล้วเปลี่ยนไป ถ้าชอบ เค้าก็ว่าดี ถ้าไมชอบเค้าก็ว่าไม่ดี ส่วนตัวผมถ้าเอาความชอบมาพูด ผมฟังสลับไป สลับมาหลายครับ ผมจะเลือก ไม่ใส่ คาปา ครับ

[@Re-Fav]

ใช่ครับผมคาปาซิเตอร์ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ทำหน้ากรองความถี่ เก็บประจุไฟฟ้า เมื่ออยู่ในวงจร RLC มันก็จะทำหน้าที่เป็น Filter กรองความถี่ จะเป็นความถี่สูงความถี่ต่ำเราใส่ตามค่าของมันและคำนวณให้เหมาะสมได้ครับผม ถ้าคนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าใส่เพื่อให้มันเสียงไบร์ท ขึ้นฟังใส สว่างขึ้น เพราะถูกกรองความถี่ต่ำออกไปให้ผ่านแค่ความถี่สูงเราจะได้ยินเสียงแหลมมากกว่า ถ้าคิดเหมือนกับมันเป็น EQ ตัวนึง แต่ไม่ใช่จะทำให้เสียงดีขึ้น ถ้ามันไปเจอ Pickup ที่ให้ย่านเสียงออกแหลมอยู่แล้วใส่ค่าน้อยๆที่กรองความถี่ต่ำ มันก็จะได้ย่านแหลมปรี๊ดไปแทนครับจริงๆถ้าการเล่นกีตาร์ของเราปรับด้วยเอฟเฟคที่หลากหลายเราแทบจะไม่ได้ใช้ Tone เลยจริงๆไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้เช่นกันครับผมปรับเอฟเฟคเอาเหมือนกีตาร์ที่มี Pickup เดียวก็ไม่มี Tone และไม่มีคาปาซิเตอร์ครับเล่นได้ปกติเพราะเสียงมันมาจาก Pickup โโยตรงอยู่แล้วถ้าทำเสียงย่านมาดีของตัวปิ๊กอัพก็เสียงดีเลยครับผม ส่วนตัวผมก็ใส่ตัวเดิมที่ใส่มาจากโรงงานครับจะมีบางตัวที่ต้องการออกแหลมแตกๆใส่จะแหลมจัดดีครับผมสำหรับตัวสีส้ม

[@sbno119]

@@Re-Fav ขยายความได้ดีมากเลยครับ มันก็คือเราใส่ ฟิลเตอร์ กรองย่านเสียง ไม่อยากได้ย่านไหนก็ใส่ไป ก็สร้างเสียงที่เราต้องการได้ เป็นคาแลคเตอร์ เฉพาะ ถ้าไม่อะไร ไม่ต้องใส่ไปปรับที่หน้าตู้ หรือ เอฟเฟค ช่วยได้ ถ้ากระบวนการบันทึกเสียงมันก็ยังไป มิ๊ค ในคอมได้อีกมากมาย ส่วนตัวเลยเลือกไม่ใส่ ให้เอ้าพุท ออกไปเต็มๆ เลยดีกว่า

[@Re-Fav]

@sbno119 ครับผมทำได้ตามต้องการเลยครับผม

[@userenter8591]

ขอถามหน่อยคะคาปาซิเตอร์แบบไมล่าและก็แบบเขียวที่เ คยเห็นมันอยู่ในกีต้าร์4-6หมื่น (ตัวเล็กมากเทียบกับOrange drop, peper oil) มันคุณภาพดีไหมCของเดิมกีต้าร์เนี่ย เทียบกับตัว50-100บาทแบบOrange

[@Re-Fav]

คาปาซิเตอร์อยู่ที่ค่าความจุของมันครับผม จริงๆแล้วเราต้องนำค่ามันมาคำนวณให้เหมาะสมกับ ค่าความต้านทานของ Pickup และ Pot volume ครับเพื่อให้ได้ความต้องการของผู้ใช้ สรุปแล้วมันไม่ต่างกันมากเท่าไรครับเพราะมันคือการกรองความถี่เสียงเหมือนกันครับส่วนจะใส่ค่าอะไรที่เราชอบ สามารถเปลี่ยนเล่นได้เลยครับ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ มันเหมือนเราปรับ Volume เบส. กลาง. แหลม. ในเครื่องเสียง ครับ ค่าของ คาปาซิเตอร์ที่คร่อมอยู่ที่ Volume เบส. กลาง. แหลม. มันก็จะต่างกัน ลักษณะเหมือนกันกับการใช้คร่อม Volume pot ของกีตาร์ครับผม

[@userenter8591]

กีต้าร์พวกHH หรือHSHแบบIbanezปกติเค้าใส่ค่าไรมาคะ ถ้าอยากตัดย่านแหลมออก และย่านBassที่บวมเกินไป ควรใส่ค่าเท่าไหร่ดี

[@Re-Fav]

แต่ละรุ่นอาจจะใส่แตกต่างกันไปครับผม ต้องดูที่ตัวมันครับ ยกตัวอย่างเช่นถ้า ใส่มาเป็น ลงท้าย 223 แล้วเราไม่ชอบที่เสียงแหลมมากไป ก็เปลี่ยนใส่เป็น 473 หรือ 333 มันจะแหลมลดลงครับผม

[@userenter8591]

ไมล่าเคยเห็นใส่ในIbanez สาวนเซรามิคเคยเห็นใส่ในGibson. อยากทราบว่าOrangeชื่อชนิดเรียกว่าอะไรคะ ระหว่างส้มกับPaper oilคนละชนิดกันใช่ไหมคะพี่ แล้วก็อยากทราบว่าคาปาสีเขียวในคลิปหาซิ้อได้ที่ไหนคะ ขอชื่อรุ่นยี่ห้อ เห็นราคาถูกดีจะลองเอามาวัดค่าเทสแบบในคลิปดูก่อนว่ากีต้าร์ของเรา(แฟน)เหมาะกับค่าไหนที่บล๊านที่สุด

[@Re-Fav]

@@userenter8591 ตัวสีส้มทางการก็เรียกว่า Orange Drop ครับ หรือเต็มๆก็ Sprague Orange Drop ตัว Paper in oil เป็นเทคโนโลยีการผลิตคนละอย่างครับ Paper in Oil มันทำให้เป็นรูปแบบแนวเสียงวินเทจและลักษณะการผลิตแบบแบตเตอรี่ ยุคเก่าๆ ครับจะมีกระดาษเป็นจังชั่นกั้นทำให้เกิดกระแสกระโดดข้าม ส่วนตัว Orange เป็นสารประกอบภายในคนละรูปแบบครับ คาปา สีเขียว หาซื้อได้ตามร้านอิเล็กทรอนิกส์ทั่วๆไปเลยครับผมที่เค้าขายอะไหล่ ก็เป็น คาปาซิเตอร์แบบ ไมล่าครับบอกคนขายได้เลยครับมันจะใช้ในส่วนของเครื่องเสียงครับ เรื่องความแตกต่างระหว่างค่า ความถี่ที่ ดรอปในแต่ละชนิดมันก็ แตกต่างตรง ความเสถียร ค่า % ความผิดพลาดของแต่ละตัวครับทำให้ตัวที่ ค่าเปอร์เซ็นผิดพลาาดในการดรอปความถี่ดีกว่าราคาก็จะสูงกว่าเช่นกันเพราะกรรมวิธีการผลิตก็มีความแตกต่างกันครับ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการนำมาใช้งานในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ มีหลายรูปแบบครับจึงผลิตออกมาหลากหลายมากมาย แต่ความสามารถของเค้าก็คือไปทางเดียวกันในการกรองหรือ ดรอปความถี่ หรือแม้กระทั้ง ดรอปแรงดันและกระแสไฟฟ้าครับผม เนื่องจากว่ามันมีค่าความถี่ที่เหมาะสมกับการเป็น Tone ให้กับ Pick up กีตาร์ ค่าของมันเลยไม่ค่อยจะหลากหลายมากครับเพราะเปลี่ยนใส่เล่นๆก็ จะได้เสียงที่แตกต่างกันตามค่าของตัวมันครับและความถี่ที่เหมาะสมกับ Pickup ของเราก็ยังขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าชอบมัน ณ จุดไหนอีกครับเพราะแต่ละคนก็ชอบแตกต่างกันไปในการได้ยิน ครับผม แต่โดยหลักๆแล้ว เค้าทำมาเพื่อให้มันสามารถเล่นได้กับทุกแอมป์กีตาร์ สามารถมีโทน เบื้องต้นให้เราปรับแต่งได้ที่ตัวกีตาร์เลย มันก็จะง่ายขึ้นโดยที่ไม่ต้องเดินไปปรับโทน ที่ตู้แอมป์ไป มาครับ มันช่วยได้ในส่วนนี้เลยครับในเบื้องต้น เพราะไม่ว่าเราจะใส่ค่าไหนๆ ตู้แอมป์และเอฟเฟคก็ยังสามารถชดเชยเสียง ที่ขาดไปหรือที่เราต้องการในย่านเสียงอื่นๆได้ครบหมดอยู่ดีครับผม เราจึงใช้โทน แค่เป็นการปรับเบื้องต้นในการเล่นดนตรีบนเวที หรือ ต้องการระดับเสียงที่หลากหลายรูปแบบตามความต้องการของผู้ใช้งานครับ

[@artg7686]

เเล้วสำหรับพี่ว่าเสียงเเจ่มขึ้นมั้ยครับผมยังฟังไม่ค่อยเก่ง

[@Re-Fav]

มันไม่ได้เสียงดีขึ้นเพราะมันแพงครับผม มันเป็นเพราะค่าความจุที่เราใส่ มันเหมาะสมกับกีตาร์และปิ๊กอัพของเราครับมันก็จะได้โทนเสียงที่ชอบสำหรับเราครับ ส่วนตัวผมชอบเสียงของค่า 0.033uf มากกว่าครับ ราคาไม่ถึง 5 บาท

[@TheBungkom]

ลองเอาค่าความจุเท่ากัน แต่คนละยี่ห้อมาลองด้วยครับ

[@weeratepsaetan406]

😊

[@Re-Fav]

😁

[@pannikaupanana6596]

ต้องเทียบ ค่าเท่ากัน คนละชนิด

[@Re-Fav]

ค่าเท่ากันเสียงก็จะเหมือนกันครับจะไม่แตกต่างจนหูเราได้ยินครับ ออสซิลโลสโคปวัดจะเห็นเลยใช้ค่าที่ปกติคนนิยมเปลี่ยนจากเดิม

[@pannikaupanana6596]

@@Re-Fav แง่วแล้วจะเปลี่ยนชนดให้แพงทำไมถ้างั้น ความคม ความกระชับ ความปลายเด้ง เบอร์เดียวกัน v ต่างกัน เบอร์เดียวกันคนละชนิด ชนิดเดียวกันคนละเบอร์ก็ยังไงก็ต่าง

[@Re-Fav]

มันก็ไม่เสมอไปครับผม ค่าที่เค้าทำมามันคือการกรองความถี่ มันก็จะมีผลกับ ค่าของโวลลุ่ม และค่าความต้านทานของ ปิ๊กอัพ แต่ละตัวครับ ใส่ไปบางตัวอาจจะใส มากๆพอใส่กับเสียงแตก อาจจะบางลง ไม่หนา แต่บางตัวที่ ปิ๊กอัพมันแรงๆไปทาง Treble อาจจะต่อเสียงแตกแล้ววี้ดดดเลยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้อยู่ที่ค่า C เพียงอย่างเดียวครับ มันก็แค่กรองความถี่เสียงครับจะตัดย่านแหลมหรือจะทำให้มันยิ่งแหลมก็ต้องลองใส่กับชุดโวลลุ่มและ ปิ๊กอัพ ที่หลากหลายดูครับผมส่วนใหญ่เค้าจึงใส่ C แบบกลางๆคือ 0.047 uf

[@แก้วชานนท์สุพงษ์ธร]

สอบถามนิดครับ epiphone customใช้ 223 ส่วนสแตรท sshใช้47 เหมาะมั้ยครับ

[@Re-Fav]

จริงๆมันขึ้นอยู่กับค่าความต้านทานของ pickup และ โวลลุ่มด้วยครับผม C ทำหน้าที่กรองความถี่ให้เกิดย่าน แหลม และด้าน ทุ้มครับ ลองเปลี่ยนดูได้ครับผม ชอบแบบไหน ก็ใส่ตัวนั้นครับค่ามัน ทำให้เสียงแหลมมากขึ้น ไบรท์กว่า ก็ ตามความชอบเลยครับไม่เสียหายกับวงจรอื่นๆครับผม

[@แก้วชานนท์สุพงษ์ธร]

@@Re-Fav ขอบคุณครับ.

[@Re-Fav]

ยินดีครับผม

[@แก้วชานนท์สุพงษ์ธร]

@@Re-Fav ใส่epi lp customมาแล้วครับ ผมเลือก0.223 ออเร้น คล่อมทริปเบิ้ลบีท สองขาแบบดันแคน เสียงดีมาก สว่างกำลังดีย่านแหลมไม่หาย หางไม่แกว่ง ชอบมาก แต่ไครจะเลือกแบบไหนก็ตามชอบนะครับ.. ขอบคุณอีกครั้งครับ.

[@toneproject1808]

ตัวละ 10 บาทนี่แพงแล้วใช่มั้ยครับ

[@Re-Fav]

ตัวสีส้มสั่งมาจากจีนก็ตัวละ 80 บาทครับผม ตัวเขียวปกติตัวละ 5 บาท ในไทยสำหรับวงจรกีตาร์ขายกันตัวละ 200 -600 บาท

[@2828282878]

รับทำไหมครับ

[@Re-Fav]

จริงๆผมไม่ได้รับทำครับผม โมเล่นเองมากกว่าครับ

[@wkwuttipong2254]

ตัวบริจด์ใช้ dimarzio evolution เลยใช้คาปาฯของ dimarzio.. ถ้าบริจด์ใช้ seymour คาปาฯก็ใส่ของ seymour... ไม่รู้หรอกว่า เสียงที่ออกมาตีหรือไม่ดี... แต่ใส่ยี่ห้อเดียวกันไว้..หลอกใจตัวเอง

[@Re-Fav]

เสียงดีไม่ดีอยู่ที่ผู้ใช้ว่าชอบหรือไม่ชอบแค่นั้นเองครับผม

[@wkwuttipong2254]

@@Re-Fav เณรน้อง..สายแจ๊คก็มีผลนะ เพิ่งดูคลิปของ peter sow จบมะกี้... เณรน้องลองเข้าไปดู อาจมีประโยชน์ต่อสมาชิกในช่อง.. ถ้าหลงพี่ได้อะไรดีๆจะแวะเข้ามาแปะไว้ให้เณรน้องพิจารณา..ช่วยๆกัน เจริญพวง

[@Re-Fav]

@@wkwuttipong2254 ใช่ครับผมไม่เช่นนั้นของราคาสูงคงขายไม่ได้ครับผม คุณภาพสูง สุดท้ายก็อยู่ที่ความพึงพอใจของผู้ใช้อยู่ดีครับผม ส่วนตัวผมงบน้อยผมก็จัดเพดานเอาไว้ในระดับนึงเมื่อถึงระดับนั้นแล้วพอใจในสิ่งที่ได้ผมก็เลิกทำก่อนครับแล้วค่อยมาโมอย่างอื่นต่อครับผม แบบสนุกๆครับเพราะผมเองก็ไม่ใช่ศิลปินหรือนักดนตรีมมืออาชีพเลยครับผม งานอดิเรกล้วนๆครับผม

[@บักกะฮู้กุ๊กกรู๊]

กีต้าร์ผมเสียงมันอับทึบจะทำให้มันสว่างๆ ต้องทำไงครับผม

[@Re-Fav]

ก่อนอื่นเลยตัว ปิ๊กอัพมีผลครับ แต่ก็จะมาจาก resonant ของเนื้อไม้ด้วยเช่นกันครับ แบบนี้เปลี่ยนคาปาซิเตอร์ก็อาจจะมีผลเล็กน้อยครับ อาจจะลองเปลี่ยนคาปาซิเตอร์ให้ค่ามันน้อยลงจากตัวเดิมครับมันจะให้ความถี่สูงผ่านได้ก็คือย่านเสียงแหลมครับ ในเบื้องต้นแบบไม่เปลืองงบมากครับผม

[@ชายกลางภูธร]

ตัวสีส้มเสียงกังวาลดี

[@Re-Fav]

ครับผมมันค่าเพิ่มย่านแหลม จะได้ใสขึ้นครับผม 😁

[@jordepii4975]

ถ้าบอก ออเร้นดร้อปแพง? เลิดทดลองเลยครับ ... แล้วคำว่า "ค่ามันคือ ไมโครฟาหรัดเลยทีเดียว" คือไรครับ ? ค่าที่เหมาะสมสำหรัยกีคาร์ มันก็อยู่แถวๆนี้ 0.01-0.1 ตัวที่นิยมคือ 0.022 ,0.047... คำว่า เลยทีเดียว" คืออะไรครับ

[@Re-Fav]

มันไม่ได้แพงเป็นแสนเป็นล้านครับผมแค่มันราคาสูงกว่าตัวเขียว หรือตัวเล็กๆธรรมดาที่บ้านหม้อขายตัวไม่ถึง 5 บาทอันนี้ไม่แน่ใจเรื่องราคาเท่าไรนะครับอดีตเคยไปซื้อสมัยเรียนตัวเขียวๆตัวเล็กค่า 473 100 ตัว 25 บาทครับเลยทำให้เจ้าตัวใหญ่ที่เค้าเอาไว้กรองความถี่ในวงจรอิเล้กทรอนิกส์ทั่วๆไปหรือเอาไว้ บายพาสไฟ AC เพื่อป้องกันไฟกระชาก ป้องกันเสียงตุ๊บของลำโพง มันทำได้หลากหลายครับผม ในวงจรกีตาร์ก็เช่นเดียวกันครับ ถ้าเราเขียนวงจรขึ้นมามันจะคือวงจร RC Filter หรือ RLC Filter ซึ่งเค้าทำมาเพื่อกรองความถี่ไม่ว่าจะสัญญาณเสียงหรือ สัญญาณวิทยุ หรือความถี่ของพวกเสาอากาศก็หลักการวงจรเดียวกันครับ จะเห็นได้ว่าในวงจรกีตาร์ ถ้าเทียบเป็นวงจร ข้างต้น คือ R ก็คือ ค่าความต้านทานซึ่งเป็น โวลลุ่มหรือ POT ครับ L ก็คือขดลวดของ Pickup และอีกตัวที่เราใช้ปรับโทนก็เป็น C นั่นเองครับ เราสามารถเอาพวกนี้มาคำนวณหาความถี่เสียงที่เราต้องการได้ครับ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นเพราะมันไม่ได้เป็นเครื่องขยายเสียงในตัว มันเป็นแค่ตัวกำเนิดสัญญาณ ซึ่งก็ยังต้องผ่าน Resonance จากไม้ จากสายกีตาร์ มันเลยไม่ได้ทำให้กีตาร์ทุกตัวที่ใช้ปิ๊กอัพหรือ โวลลุ่มหรือ C เหมือนกันหมดเสียงเหมือนกันได้ 100 % ครับผม ส่วนค่าของ C ทำไมถึงนิยมใช้ไม่เยอะ 0.022 , 0.023,0.047 ,0.033 มันเป็นค่าที่เรียกว่าน้อยมากๆครับมันถึงเรียกว่าไมโครฟารัด เพราะมันคือ 10 ยกกำลัง -6 ครับค่ามันน้อยมันจะทำให้มีการเก็บประจุและคายประจุไวมากๆเรียกว่ายิ่งกว่าเดอะแฟลส เราจะมองเห็นมันเป็นความถี่ที่ถูกตัดไปตามการดีดสายสัญญาณก็จะมีความถี่หรือห่างออกก็เพราะค่าของความจุนี่แหละครับ และเนื่องจากปกติการทำงานของ C หรือ คาปาซิเตอร์คือเก็บและคายประจุ ประจุแปลว่า แรงดันไฟฟ้า มันจึงทำงานเช่น เรามีแรงดันไฟฟ้า 50 โวลท์ จ่ายเข้า C แต่ค่าของ C เท่ากับ 0.47 uf 0.47 คือค่าความเร็วในการจุแรงดันเข้าไปให้เต็ม 50 โวลท์ เพื่อคายประจุออกไป พอทำแบบนี้มันจึงเกิดค่าเวลาของสัญญาณที่เราเรียกว่าสัญญาณ Clock ครับก็คือสัญญาณ นาฬิกา ทำให้ ความจุเทียบเป็นค่าเวลาในการประจุและคายประจุ ทำให้ค่ามันยิ่งน้อยๆ ยิ่งเก็บและคายไว แต่ในกรณีของ Capacitor ไมล่า เป็นแบบไม่มีขั้ว ที่แรงดันที่เขียนมันจึงไม่ใช่ค่าของการเก็บประจุครับมันคือค่าที่ทนแรงดันได้แทนยกตัวอย่างตัวสีส้มตัวใหญ่ ทนแรงดันได้ถึง 600VAC มันไม่ได้เป็นการเก็บประจุและคายประจุให้ได้แรงดัน 600V เค้าแค่นำมันมาใช้ในส่วนของการขลิบ สัญญาณ มันเลยทำให้มีช่วง สัญญาณที่มีความถี่สูง ก็เลยไปเข้าย่านความถี่ของเสียงแหลมนั่นเองลองนึกภาพตามแบบเราปรับ EQ เครื่องเสียงครับผมหรือลองแกะออกมาดูด้านในตรงโวลลุ่มของ Bass MID Treble ได้ครับค่า C ที่คร่อมอยู่ จะมีค่าที่แตกต่างกันนั่นคือเค้าเลือกช่องความถี่เสียงไว้ให้เราแล้วครับในย่าน เบส กลาง แหลม มันเหมือนกับที่เราปรับที่ตัวกีตาร์ครับโทนของมันค่าที่เราใส่ C เราได้ทั้ง Low Mid High ปรับให้มันทุ้ม มันกลางหน่อยและแหลม ขึ้นก็สุดอยู่ที่ Pickup ที่เราใส่ครับผม ค่าการคำนวณเสียง เบส กลาง แหลม ก็รวม วงจรทั้งหมดเหมือนวงจรปรีแอมป์ของเครื่องเสียงครับ

[@nathkrw7971]

ไม่ใส่ดีสุด

[@Re-Fav]

ได้หมดเลยครับผมบางคนมีโทนไม่เคยหมุนเลยก็มีครับผม อิอิ

[@นิรัตน์เพชรแอ-ห6ร]

ตามร้านอิเล็คโทรนิคมีขายหมดเลยไช่ไหมคับ

[@Re-Fav]

ตัวสีเขียวตัวเล็กมีครับแค่ตัวใหญ่สีส้มอาจตะหายากหน่อย บ้านหม้อน่าจะมีครับ

[@CiggarrateBT]

คาปาซิเตอร์สำหรับเบสควรใช้แบบไหนหรอครับ

[@Re-Fav]

จริงๆแล้วมันเหมือนของ กีตาร์ปกติเลยครับอยู่ที่การเลือกค่าความจุและค่าความทีที่เราต้องการครับผมใช้เหมือนกันครับ

[@CiggarrateBT]

@@Re-Fav ขอบคุณครับ

[@Nkstudio-qq3fw]

อยากได้เสียงหนาๆต้องใช้คาปาค่าเท่าไรครับผม

[@Re-Fav]

ปกติแล้วคาปาซิเตอร์ ค่ายิ่งน้อย จะให้เสียงแหลมครับตามหลักการอิเล็กทรอนิกส์เครื่องเสียงครับ แต่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ คาปาซิเตอร์เป็นหลักครับผม หลักก็คือค่าของ Pick up ครับต้องดูว่าสเปคเป็นย่านไหนบ้างครับถ้าเราต้องการย่านเสียงเบสมากก็ต้องใส่ค่าสูงหน่อยแต่ คาปาซิเตอร์ส่วนใหญ่ใน Wiring Guitar มัน ใช้ค่าไม่มากครับ 0.22uf, 0.23uf , 0.33uf,0.47uf เนื่องจากมันไม่ได้มีวงจรปรีแอมป์ขยายแบบเครื่องเสียงเพราะไม่ได้มีไฟเลี้ยงวงจรครับ และด้วยความเหมาะสมของเสียงกีตาร์ แต่ละตัวก็จะแตกต่างกันไปครับผม ความถี่เสียงที่ได้มาอาจจะมี เสียงจี่รบกวนจาก คาปาซิเตอร์ได้ครับผมหากมันไม่เหมาะสมกับ Pick up หรือ Reconance ของไม้ครับผม ต้องลองครับผมเปลี่ยนหลายๆค่า ตามที่เราชอบที่สุดครับผม

[@เจริญเจริญ-ฆ6ช]

😢

[@j.phuthip5160]

คาปานี่ซื้อตามร้านขายอิเล็กทรอนิกส์ใช่มั้ยครับ

[@Re-Fav]

สั่งมาจากจีนครับผมเว็บ Aliexpress ครับ ในบ้านหม้อก็น่าจะมีขายครับผม

[@เจริญเจริญ-ฆ6ช]

❤กีต้าร์ซิงซิงฮัมเปลี่ยนคาปาแบบไหนดีคับ

[@Re-Fav]

จริงๆถ้าถามผมว่าตัวที่เค้าให้มา 0.047 uf เสียงจะออกย่านกลางๆไม่แหลมเกินไปก็ใช้ได้ดีครับผม แต่ถ้าหลายๆคนอาจจะชอบเสียงออกย่านแหลม ที่สว่างๆขึ้นก็ไป 0.022 uf หรือ 0.023uf ครับทั้งนี้ก็ต้องมาลองฟังดูกับ Pickup บางตัวอาจจะออกแหลมเลยก็เป็นได้ครับผม Capa มันเป็นตัวกรองความถี่เสียงมันก็จะไปสมดุลกับค่าความต้านทานของ Pickup ครับผมถ้าปิ๊กอัพเราออกย่านแหลมอยู่แล้วก็ไปค่าที่มากขึ้นเราจะได้ความย่านเบสมาครับเช่นถ้าเดิมใส่ 0.047 มาแล้วยังแหลมไปเอา 0.1uf มาลองให้ความี่ต่ำผ่านกรองความถี่สูงไปก็จะได้ความเป็นย่านกลางเบสมาต้องทดสอบร่วมกับ Pickup เราครับผม