เคยมีหรือไม่ ? บรรลุธรรมฉับพลัน 03/08/67

[@เพียวทิพย์โหม่งพุฒ]

ขอน้อมกราบสาธุจ้า

[@อดิศักดิ์ทรงอาษา]

กราบสาธุ

[@เพียรจิตต์พยุงสุวรรณ-ต3ร]

สาธุๆๆเจ้าค่ะ

[@Kasupat2531]

สาธุ🙏🙏🙏

[@啊也可以愛我]

❤

[@hashimaweeraya6809]

สาธุในธรรมเจ้าค่ะ🙏🙏🙏🌹🌹🌹💚💚💚🇹🇭🇯🇵

[@Taa789]

🙏🙏🙏

[@ชาณิภาจึงสกุลธรรม-ศ6ฝ]

น้อมกราบสาธุในธรรมเจ้าค่ะ

[@ชัยพิสิฐขําเขียน-ฃ1ษ]

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุๆๆครับ

[@gihhhfyigh2319]

กราบสาธุๆๆๆครูอาจารย์ใหญ่😊

[@Kruba-Chai_Cumpeerapunyo]

สาธุ

[@SarojYodying]

กราบครูบา

[@บุญคิดพณิชย์ผาติกรรม]

นั่งห้อยขาน่าจะดีกว่านั่งยกขาท่านี้ดูไม่ดีเลยหลวงตาท่านนั่งขัดตหมาดเป็นถึงพระผู้ใหญ่

[@ghjghhj4774]

ถ้าเป็นชาวพุทธ ที่แท้จริง ย่อมต้องตอบคำถาม 7 ข้อ ได้คือ 1. พระพุทธองค์ ทรงสอนอะไรมากที่สุด ?? อันเป็นความรู้และปัญญา ที่ไปถึงที่สุดแล้วของเอกภพ และทำไมจึงสามารถครอบคลุม เหนือโลกและ เอกภพได้ ??? 2. พุทธองค์ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ตรงกันได้อย่างไร ในวันวิสาขบูชา ??? 3. พุทธองค์ ทรงเพียรพยายาม หลายๆ แสนชาติ ก่อนตรัสรู้ หมายความว่าอะไร ??? 4. ทำไมคำสอนของพระพุทธองค์ จึงมิใช่ศาสนาแต่อย่างใด แต่เป็น ปัญญา อันไปถึงที่สุด แล้วของเอกภพ ??? 5. พุทธะ Buddha มีถึง 4 ความหมาย คือว่าอะไร ?? 6."" บุญ ""มาจากภาษาสันสกฤต ตามคำสอนของพระพุทธองค์ จริงๆ แล้ว แปลว่าอะไร ??? ซึ่งแตกต่างจากภาษาบาลี ที่มีความหมาย หลอกล่อใจ พุทธองค์ไม่เคยใช้ภาษาบาลี แต่ทรงใช้ ภาษา ปรากฤต Prakrit เป็นภาษาของชาว อารยัน และพระไตรปิฎกกลับถูกบันทึกปรุงแต่งโดยพวกชาวอินเดีย พราหมณ์ โดยใช้ภาษาบาลีทั้งนั้น 7. พุทธองค์ทรงหยิบใบไม้จากพื้นป่า และถามพวกพระสงฆ์ว่าใบไม้ในมือกับในป่า อันไหน มีมากกว่ากัน ,พุทธองค์ได้ทรงสอนอะไร ซึ่งเป็นความจริง อันไปถึงที่สุดของปัญญา สามประการ ??? ถ้าตอบคำถามทั้ง 7 ข้อมิได้ ,หรือตอบแบบ ลัทธิแขก คือมีอภินิหาร ปาฏิหาริย์ ความศักดิ์สิทธิ์ มหัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ เหนือธรรมชาติ ,และขัดกับธรรมชาติบริสุทธิ์ วิวัฒนาการธรรมชาติบริสุทธิ์ และ วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ ย่อม ขัดกับ คำสอนของพระพุทธองค์ ทั้งหมด และไม่ใช่ชาวพุทธแท้แต่อย่างใด และ พระสงฆ์ ตามความหมายของพระพุทธองค์ หมายถึง ผู้บำเพ็ญตน สันโดษ มาจาก monk (mono ) ,ทรงสอนว่า ผู้บำเพ็ญตนสันโดษ คือ ผู้ที่ต้อง ไม่มีกิเลสตัณหา ราคะความอยาก อุปาทานใดใด มาเป็นเพื่อน อยู่ในใจ และต้องไม่อยู่ กับพวก ที่แสดงถึง กิเลสตัณหาราคะ ความอยากอุปาทานใดใด

[@ghjghhj4774]

@@gihhhfyigh2319 คนมากมาย อยากได้ไป อยู่สวรรค์ แข่งเพ้อฝัน บุญผลักดัน เกิดชาติหน้า ตัณหากิเลส ผลอาเพศ ทอนปัญญา ไร้ดวงตา สว่างแล แพ้สิ่งลวง ต่างติดบ่วง โลกมายา พาเป็นทาส ยิ่งระบาด อรูปธาตุ ครอบไปทั่ว รูปธาตุ กามธาตุ พาเมามัว บำเพ็ญตัว มัวยึดมั่น พวกมายา จิตอิสรา องค์พุทธา มาเน้นสอน พึงสังวร มัฌชิมา อย่าสุดโต่ง สิ่งงมงาย อย่าได้นำ มาจรรโลง อย่าผูกโยง พันธนาการ ทุกด้านเลย From Anatta, Sunyata and Tathata.

[@ghjghhj4774]

@@gihhhfyigh2319 ปรุงแต่งใส่ ไตรปิฎก ให้บิดเบือน ทำเสมือน องค์พุทธา หาตรัสรู้ไม่ ลัทธิพราหมณ์ ตามครอบงำ ผิดเพี้ยนไป พุทธใดใด ไม่อาจถึง พุทธปัญญา พุทธศาสนา ถูกย้อมมา หาผลประโยชน์ จึงเป็นโทษ พุทธปัญญา ถูกมาบัง ลัทธิแขก แทรกครอบหมด อย่างสมหวัง เพื่อโด่งดัง มั่งคั่งจาก เหยื่อศรัทธา พุทธปัญญา หาได้เป็น ศาสนาไม่ สอนสิ่งใด ต้องไม่ขัด ธรรมชาติ สวดคาถา และสวดมนต์ คนประหลาด อรูปธาตุ รูปธาตุ บาดปัญญา องค์พุทธา หาได้ตั้ง ศาสนาไม่ ทรงสอนให้ อิสระใจ จากทั้งปวง โลกมายา อย่าครอบงำ นำติดบ่วง อย่าหลงลวง ปรุงแต่งใจ ให้งมงาย ลัทธิแขก ลัทธิผี อีศวรพรหม พราหมณ์ร่วมบ่ม ปมบิดเบือน พุทธปัญญา พุทธองค์ มิทรงสอน ศาสนา สอนปัญญา พาหลุดพ้น โซ่ทั้งปวง พุทธองค์ มิทรงตั้ง ศาสนา สอนปัญญา ที่เกิดมา พร้อมโลกนี้ ศาสนา เพิ่งมีมา ห้าพันปี ทรงเน้นที่ เอกภพนี้ ล้วนมายา อนัตตา อนิจจัง ทุกขังแล ตัวตนแท้ ทุกชีวี หามีไม่ ไตรลักษณ์นี้ มีทุกแห่ง พึงรู้ไว้ เอกภพใหญ่ เกิด,ดับใน ความว่างเอย From Anatta, Sunyata and Anantakarn. (อรูปธาตุ= ตกเป็นทาสของสิ่งไม่มีอยู่จริง ไม่มีตัวตนอยู่จริง ,สิ่งอุปาทาน ,ความเชื่อผิดๆ ,อวิชชา, ไสยศาสตร์, ความงมงาย เช่น บุญ,นรกสวรรค์ ชาติหน้า สวรรค์ ผีวิญญาณ,เวรกรรม ,เป็นไปตามกรรม,สิ่งศักดิ์สิทธิ์, อภินิหาร,ปาฏิหาริย์, อิทธิฤทธิ์,สิ่งเหนือธรรมชาติ, สิ่งที่ขัดกับวิวัฒนาการของธรรมชาติ, รูปธาตุ=ตกเป็นทาสของวัตถุและรูปลักษณ์ ,อยู่ใต้อำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ ,ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ได้ กามธาตุ= ตกเป็นทาสของ กิเลสตัณหาราคะ ความอยากสารพัด ไตรลักษณ์= อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)

[@ghjghhj4774]

@@gihhhfyigh2319 บุญนั้นหรือ คือกิเลส ควรรู้ไว้ ฟูหัวใจ เพราะใคร่อยาก สิ่งสารพัน หัวใจบวม หัวใจพอง ปองสิ่งฝัน ยิ่งยึดมั่น ฝันได้สิ่ง คาดการณ์แล และดวงแด แน่ใจว่า ได้มาแล้ว จึงไม่แคล้ว ระริกระรี้ ที่สมปอง ได้สวรรค์ ได้ชาติหน้า มาสนอง ยิ่งคะนอง บริจาค อยากได้บุญ From Anatta, Sunyata and Tathata. (พุทธองค์ทรงสอนว่า "" บุญ"" คือกิเลส เพราะหมายถึง หัวใจบวม หัวใจพอง หัวใจฟูขึ้นมา เพราะสิ่งที่คนคาดหวัง,สิ่งที่ตนปรารถนา อยากได้ ,หรือสิ่งที่ตนคิดว่าได้มาแล้ว "" ดังนั้น บุญ จึงคือกิเลส มาล่อใจของคนมากมาย )

[@ghjghhj4774]

@@gihhhfyigh2319 ต่างปลอบใจ ให้กับตน และคนอื่น เพื่อชื่นมื่น มีชาติหน้า หาสวรรค์ อ้างบุญญา หาประโยชน์ ให้แก่กัน ต่างเพ้อฝัน วิญญาณผี มีอยู่จริง สรรพสิ่ง วิ่งไปสู่ ความว่างเปล่า ชีพชั่วคราว แก่นสารใด ก็ไม่มี ทยอยไป ไร้ตัวตน เหลือกระพี้ ทิ้งรอยดี บนพสุธา ดีกว่าเอย อย่าสังเวย โลกมายา มาครอบไว้ ดิ้นรนไป ก็ไม่พ้น อนัตตา อนันตกาล ผลาญทุกสิ่ง เร็วนักหนา สุญญตา พาว่างเปล่า สิ่งทั้งปวง From Anatta, Sunyata and Anantakarn.

[@ghjghhj4774]

@@gihhhfyigh2319 อาการ Mass Tourette Syndrome หรือ Disease คือโรคอุปทานหมู่ และโรคความงมงาย Disease of Credulity มักจะเป็นกลุ่ม,สังคมหรือทั้งประเทศ ทำให้เกิดความเชื่อ,ความศรัทธา,ความคิดตามกันไปโดยไม่รู้ตัว เกิดจากส่วนของสมองคือ Ventromedial prefrontal cortex ทำให้ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้,มักจะมีอาการ Obsessive Compulsive เป็นนิสัยคือชอบย้ำคิดย้ำทำ,และปลูกฝังความคิดผิดๆ ทาง Neurotransmitters ทำให้เกิดการปลูกฝังทำต่อๆกันมา เป็นการปลูกฝังความเชื่อผิดๆ คือ Memory of Fallacies มีอาการทางจิตเพราะไม่เข้าใจธรรมชาติอันสลับซับซ้อน ทำให้เกิดความหวาดกลัว เช่นนรก,ผี,วิญญาณ,เวรกรรม,ภูติผีปีศาจ เกิดจากส่วนสมองคือ Amygdala คนส่วนใหญ่มีความคิด,เหตุผล วิจารณญาณ อ่อนมากจึงแสดงออกมาในลักษณะต่างๆ เช่นเที่ยวบนบานศาลกล่าว,เที่ยวไหว้วอนขอสิ่งต่างๆ ที่คิดว่าศักดิ์สิทธิ์มาคอยช่วยเหลือ มีความเชื่อผิดๆฝังจิตใจ เรื่องบุญวาสนา,บารมี,ชาติหน้า สวรรค์ บางคนมีอาการ เหมือนโรค ประสาทพวก hysteria ,หรือมีอาการ dissociative คือแสดงออกมาในลักษณะต่างๆ กลายเป็นบุคคลมีบุคลิกภาพ หลายลักษณะ บางคนมีอาการ psychogenic amnesia คือมีความลืมเกี่ยวกับตัวเอง ในบางครั้ง บางคนก็มี psychogenic fugue คือจำเอกลักษณ์ของตัวเองไม่ได้,บางคนเปลี่ยนนิสัยเป็นคนใหม่เรื่อยๆ ไปเรียกว่า multiple personality เปลี่ยนจิตใจ,ความคิด,ทัศนคติตามสิ่งแวดล้อม และสิ่งที่มาครอบงำ บางคนมีอาการพลุ่งพล่าน บางคนมี อาการ phobophobia คือโรคกลัวความกล้วทั้งหลาย,บางคนมี brain dysfunction ไม่สามารถวิเคราะห์เหตุผลที่ลึกซึ้งได้,ไม่สามารถแยกแยะสิ่งต่างๆ เรื่องต่างๆ ได้ดี, ไม่สามารถรู้ว่า มีอะไรครอบงำส่วนสมอง ที่ควบคุม ทวารทั้งห้าได้ คือ Somatosensory cortex ซึ่งคอยควบคุม ตา,หู,จมูก,ลิ้น,กาย,ใจ บางคนมีอาการ psychosis มีอาการแปรปรวนทางจิตไม่สามารถอยู่เหนือ stress ความเครียดได้ , Melancholy หรือ Depression โรคซึมเศร้าได้,บางคน มีอาการชอบเพ้อฝันเพื่อทำให้ตัวเองมีความสุข โดยไม่มีเหตุผล,สาเหตุใดใด คือ psychodysleptic ซึ่งตกเป็นเหยื่อของสิ่งหลอกล่อเย้ายวน เช่น ศรัทธา ความเชื่อ หล่อหลอมทางจิต ทางจิตนาการ สารพัดสิ่งที่ทำให้เกิด psychokinesia คือจิตพล่านและฟุ้งซ่าน บางคนคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเพ้อฝันนั้นเป็นความจริง และพยายามทำตามความเชื่อนั้น คือ อาการ pseudologia fantastica บางคนมีอาการ fantastica psychopathetic ชอบโกหกได้สารพัด เพื่อจุดประสงค์ต่างๆ บางคนก็เป็น psychataxia ไม่สามารถบังคับควบคุมจิตใจของตัวเองได้ดีพอ และที่เป็นกันมากก็คือ psychonopsia ซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้ไม่สามารถมองเห็นโลกของความจริงความเป็นจริงที่ถูกต้อง จึงตกเป็นทาสของสิ่งสมมุติสารพัดคือ slaves of supposition ซึ่งเป็นกันมากอย่างน่าเป็นห่วงเช่นตกเป็นทาสของวัตถุบ้าหลงใหลคลั่งไคล้วัตถุไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของวัตถุได้ กลับอยู่ใต้อำนาจของวัตถุ เช่นไหว้กราบวิงวอน สารพัดขอกับวัตถุ บางทีกับต้นไม้ก็ยังมี เรืยกว่า พวก materialism มากมายตกเป็นทาสของ อรูปธาตุคือตกเป็นทาสของสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง ไม่มีอยู่จริง เป็นความเชื่อผิดๆ เป็นความคิดที่งมงาย คือ dogmatism เป็นอุปาทาน,เป็นพวกมายาคติ คือ illusions,ส่วนใหญ่เป็นได้แค่คนมิใช่มนุษย์ คนส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจแม้กระทั่งภาพหลอนเกิดจากสมองส่วนหลังคือ Cerebellum หรือสมองน้อย มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทำงานร่วมกับ Paleidolia คอยสร้างภาพหลอนสารพัด ทำให้เกิดความวิปลาสที่ Visual bulbs สามารถทำให้เชื่อในสิ่งที่เห็นได้สารพัด และส่วนสมองที่เรียกว่า Cognotic robotics เป็นส่วน ที่สมองสร้างภาพขึ้นมาเองจึงเป็นภาพหลอนตามความเชื่อ ความคิดที่ถูกปลูกฝังใน Hippocampus และ Amygdala ทำให้เกิดความจดจำซ้ำซาก เชื่อผิดๆ ตามกันไปตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงลูกหลาน เป็นโซ่ของของความศรัทธา ความเชื่อความคิดผิดๆ เป็นรากเหง้าของความทุกข์และโลกมายาบางคนก็เพี้ยนว่าระลึกชาติได้อย่างไร้สาระ nonsensical และ Pareidolia ทำให้จิตฟุ้งซ่าน ปรุงแต่งใจ เพ้อเจ้อเพ้อฝัน ภาพลวงตา ได้เรื่อยๆ , Neocortex ทำให้คนชอบโกหกหลอกตัวเอง และผู้อื่นได้ มีเล่ห์เหลี่ยม สารพัดได้ และทำให้ ลดสารฮอร์โมน oxytocin ทำให้ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์ มิตรภาพ กับใครใครได้ดี ,ดังนั้นพุทธองค์ทรงสอนให้มีจิตอิสระ จากสิ่งทั้งปวง โดย อนัตตา,สุญญตา,ตถาตา

[@องอาจสายสมบัติ]

🙏🙏🙏

[@เครือวันวงษ์สุวรรณ-ผ4ภ]

ขอน้อมกราบในธรรมขององค์พระอาจารย์ตะวันเจ้าค่ะสาธุสาธุฯ