ถ้าสภาพแวดล้อมโลกเปลี่ยน ร่างกายก็ปรับเพื่อให้อยู่รอด อาจจะเป็นการทำให้ Y หายไปเพื่อเหตุผลบางอย่างแต่หากมนุษย์ยังฝืน เพื่อให้มันยังอยู่ ก็ไม่รู้ว่ามนุษย์ที่ทำให้ยังมี Y อยู่ จะมีชีวิตยังไงกับสภาพโลกที่เปลี่ยนไป
ตามทฤษฎีที่ผมคิดไว้ก็คือการที่สภาพแวดล้อมมันเปลี่ยนการที่ผู้ชายไม่ได้พบเจอกับความป่าเถื่อนความโหดร้ายมันทำให้ผู้ชายพัฒนาไปในทางที่อ่อนโยนมากขึ้นเพราะว่าสภาพแวดล้อมก็ค่อนข้างที่จะเหมาะสมกับความอ่อนโยนไม่ได้เป็นสภาพแวดล้อมที่ต้องเอาตัวรอดอยู่เรื่อยๆจะสังเกตได้ง่ายๆเลยว่าคนในสมัยสงครามโลกกับคนในสมัยนี้หน้าตาแตกต่างกันมากมีทั้งความหลากหลายที่เพิ่มขึ้นและรูปทรงของใบหน้าที่ทางฝั่งยุโรปส่วนใหญ่จะเป็นทรงสี่เหลี่ยมออกหน้าตาเหลี่ยมๆดูเคร่งขรึมแต่มันเริ่มดูแหลมๆขึ้นหรือว่ากลมขึ้นเรื่อยๆดูสภาพแวดล้อมแบบนี้มันทำให้เด็กที่เกิดมาร่างกายเริ่มปรับสภาพกับฮอร์โมนเพศหญิงมากขึ้นลถฮอร์โมนเพศชายเลยอาจจะส่งผลกับการที่รูปร่างหน้าตามันมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้นเป็นผู้ชายน้อยลงทำให้เด็กที่เกิดมารุ่นต่อไปหลังจากนั้นได้รับกรรมพันธุ์นี้ที่เด็กส่วนใหญ่จะเกิดออกมาเป็นเพศหญิงเพราะว่าเป็นเพศที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมปัจจุบันมากที่สุดไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสอดคล้องกับความต้องการตามธรรมชาติแต่เพื่อปรับตัวอยู่กับธรรมชาติสภาพแวดล้อมที่มันไม่ได้เราไม่ได้เลวร้ายหรือมีการแข่งขันในลักษณะนั้นสูงมากพอมันก็เลยจะมีความผิดเพี้ยนในการสืบพันธุ์หรือไม่ก็ด้วยเหตุผลทางธรรมชาติอย่างเช่นปลาฉลามที่ออกลูกได้ด้วยตัวเองแต่ว่าทุกอย่างยีนส์ DNA กรรมพันธุ์จะเหมือนกับตัวแม่ทุกอย่างเลยเพราะว่าหลายอย่างของร่างกายคนอย่างเช่นความกลัวในบางสิ่งมันสามารถส่งต่อทางกรรมพันธุ์ได้ด้วยเพราะว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างพวกหนูมันก็เป็นอย่างนั้นด้วยคนก็เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมลักษณะนิสัยบางอย่างจะถูกถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์