Рет қаралды 904,920
#vihantaweesak#กฏแห่งกรรม#ภพชาติ# กฏแห่งกรรม เรื่อง ภพชาติ มีจริง ภพชาติเกิดจากการเดินทางของจิตโดยพลังงานของกรรมที่เกิดจากการกระทำ การพูด การคิด บรรจุไว้ภายในจิตของเรา เมื่อร่างสลายหรือตายไป จิตก็เดินทางต่อไปเหนี่ยวร่างใหม่ คือ ถือกำเนิดใหม่ กำเนิดที่ได้ใหม่นี้ขึ้นอยู่กับแรงบุญหนุนนำ แรงกรรมนำส่ง ให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือไม่ดี ได้ร่างกายที่ดีหรือที่ไม่ดีแตกต่างกันออกไปตามแรงของกรรมที่ได้กระทำไว้ เมื่อได้ร่างก็ได้ภพ ได้อายุขัย ระหว่างร่างมีชีวิต มนุษย์ก็ลืมอดีตชาติที่ผ่านมาทุกอย่าง ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าภาษา วิชาความรู้ เพราะระหว่างที่อยู่ในครรภ์มารดา เนื่องจากสมองเล็กและอวัยวะทุกส่วนยังไม่สมบูรณ์ เราจึงจำอะไรไม่ได้อาจมีบ้างที่บางคนจำอดีตชาติได้ เพราะแรงของบุญกรรมที่มากับวิญญาณนั้น ทำงานได้ดี ทำให้ทักทายเรื่องอดีตได้ถูกต้อง เช่นเด็กระลึกชาติได้ มีหลายคน หลายชาติหลายศาสนา การระลึกชาติ หรือจำอดีตชาติได้เป็นเรื่องดี ถ้ามีสติระลึก การที่ธรรมชาติทำให้เราลืมเรื่องในอดีตก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าจำได้หมด มนุษย์อาจตกใจว่าใครเคยเป็นหนี้ใคร ใครเคยเป็นเจ้าของใคร เคยเป็นพ่อแม่ลูก เคยทำกรรมกับใครไว้ ใครเป็นสามีภรรยาของใคร ถ้าจำได้มากชาติ อาจเกิดความโกลาหลขึ้นมาในชีวิตได้ ถึงขนาดทำใจไม่ได้ ฉะนั้น การลืมภพชาติได้เสียบ้าง น่าจะเป็นการดี เราอย่าไปทำอะไรที่ธรรมชาติจัดสรรดีแล้วให้เป็นเรื่องยุ่งยาก เช่น เที่ยวตามหาคนรักในอดีตชาติ ตามหาสามีในอดีตชาติ พอได้พบก็สายเสียแล้ว เนื่องจากคนอื่นเป็นเจ้าของไปเสียแล้ว ก็ต้องมานั่งเสียอกเสียใจกันภายหลัง
เราอาจเคยเห็นคนบางคนชอบพูดว่า รักกันมาแต่ชาติปางก่อน บุพเพสันนิวาส คู่บุญคู่บารมี บางคนชอบพูดว่าเคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน มาพบกันชาตินี้จึงถูกชะตากัน แม้คนละชาติ คนละภาษาคนละศาสนา ก็รักกันได้ การพูดว่าจำอดีตชาติได้มักจะมีปัญหาเนื่องจากผู้ฟังกับผู้พูดมีประสบการณ์ข้ามภพชาติต่างกัน บางทีอาจจะมีการทะเลาะกัน เพราะความไม่เข้าใจกันและกัน ฉะนั้นจึงไม่ควรนำตัวละครในอดีตชาติมาผูกเรื่องแสดงต่อในชาตินี้ จะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ และให้โทษกับตัวของเราได้โดยไม่คาดคิดก็เป็นได้ กระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ไปปรึกษาเพื่อนสนิท เพื่อนได้แนะนำให้เขาท่องพระคาถา ที่เพื่อนได้บอกว่าได้ผลมาหลายรายแล้ว ทีแรกเขาก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ความที่เขาได้ทดลองมาหลายทางแล้ว จะทดลองดูอีกสักทีก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรนี้ วันนั้นหลังจากปฏิบัติภารกิจประจำวันเสร็จแล้ว ตกค่ำ เขาก็นำคาถานี้มาท่องตามที่เพื่อนบอก เป็นพระคาถาคำขอขมาและอธิษฐานจิต ที่ว่าด้วย
“ เพราะคนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ แต่ละคนมีเจ้ากรรมนายเวรที่แตกต่างกัน ควรสวดขอขมาเพื่อลด และปลดหนี้กรรมให้น้อยลง ” (สำหรับอธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือใช้สวดก่อนนอน)
โดยเริ่มด้วยการตั้ง นะโม ๓ จบ แล้วตามด้วย สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต คำแปลพระคาถานี้ว่า “หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยะสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกาย วาจา ใจ ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา ข้าพเจ้าขออนุญาตมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีตขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใด ๆ โรคภัยใด ๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้จนตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ”
ข้าพเจ้าขอถอนคำสัญญา คำสาบาน คำอธิษฐาน ที่ผูกมัดตัวเองและผู้อื่น ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระจากสัญญาทั้งปวง (หากข้าพเจ้าหมดอายุแล้ว ข้าพเจ้าขออยู่ต่อเพื่อสร้างบารมีต่อไป)
หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความอาฆาต ความพยาบาท และคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชน ของเจ้ากรรม ขอให้พ้นจากนรกภูมิ และพบแสงสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม
เขาค่อยๆ บริกรรมพระคาถาด้วยความละเอียด รอบคอบ และทำด้วยความตั้งใจจริงอย่างที่สุด จากนั้นก็เข้านอนด้วยความหวังว่าอะไรๆ ในชีวิตจะดีขึ้นบ้าง เขาอาจได้เจอใครสักคน ถึงแม้มันอาจจะนานไปสักหน่อยก็ตามที แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครเลยในชีวิตนี้