Late Night with the Devil โดนดราม่าใช้ภาพ AI ประกอบหนัง [ Viewfinder : คืนนี้ผีมาคุย ] ติดตามเรื่องราวของ Viewfinder ทาง / viewfinderfanpage #latenightwiththedevil #คืนนี้ผีมาคุย #viewfinder
เออ แล้วไอ้พวกรูปที่คุณเอาไปใช้ฝึกวาดอะ คุณเสียเงินค่าครูให้เจ้าของภาพหรือเปล่า แล้วมันต่างจากการที่ AI ไปเอาภาพจากเน็ตมาเทรนตรงไหน คุณบอก AI มันสร้างภาพเองไม่ได้ถ้าไม่ได้ดูรูปคนอื่น แล้วคุณจะมีปัญญาวาดรูปไหม ถ้าไม่ฝึกจากการดูรูปคนอื่นอะ ปล. แปะลิ้งให้เพื่อนมาช่วยเยอะๆ เลยครับ มาด่าผมให้สนุกเลย เดี๋ยวอีกหน่อยก็ตกงานเพราะ Ai กันหมดแล้ว 5555555555
@MOS.PARAWEE3 ай бұрын
ประเด็นนี้ใช้ ai ช่วยได้ไหม ผมว่าใช้ได้ในฐานะ"เครื่องมือ"ผมทำงานด้านออกแบบกราฟิกผมก็ใช้ในการช่วยคิดสเก็ตงานก่อนแล้วจะเอามาปรับให้มันลงตัวขึ้นและไม่ให้มันเหมือนขนาดนั้นเพราะตัว ai มันก็ยังมีประเด็นเอาผลงานของศิลปินคนอื่นๆมา gen รวมๆกันโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ ผมว่าแบบนี้ก็ยังแฟร์คนทำงานกราฟิกยังมีที่ยื่นอยู่บ้างเพราะยังต้องใช้ฝีมือคนในการต่อยอด แต่กรณี Late Night with the Devi นี้มัน gen ออกมาแล้วเอามาใช้ทันทีไม่มีการปรับแก้ไข gen มายังเจอ error เละๆอยู่เลยมันแสดงถึงความไม่ใส่ใจลายละเอียด แล้วถ้าทุกคนรู้สึกโอเคกับมาตราฐานนี้ ในอนาคตมาตราฐานงานแบบนี้ก็ไม่ต้องจ้างกราฟิกดีไซน์แล้วละครับ ai มาแทนที่ 100 % ไม่ต้องใช้คนต่อยอดอะไรแล้ว ซึ่งที่ตัวนักแสดง ผกก หรือคนดูที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่ามันไม่ได้เรื่องใหญ่ขนาดนั้นเพราะเขายังไม่เดือดร้อนยังไม่ได้รับผลกระทบเท่านั้นละครับ
@madeinhell1233 ай бұрын
ไม่ต้องพูดให้สวยหรูว่า “ใช้แค่….” หรอกครับ ถ้าคุณใช้ ก็ถือว่าคุณจบสิ้นแล้ว คุณเป็นกราฟฟิกครีเอทีฟนะ การใช้ ai มาครีเอทีฟแทน ก็ถือว่าเป็นการเอางานคนอื่นมาใช้ทางอ้อมแล้วครับ
อยากให้พี่จีนทำคลิปเฉพาะเกี่ยวกับ AI เลยครับ ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับ AI อยากแชร์เยอะพอสมควร ส่วนตัวผมมองว่าประเด็นดราม่า AI มันเกิดจากความวิตกกังวลของคนในฝั่งที่เขาคิดว่า AI จะมาแทนที่มนุษย์ ปัญหาคือเหล่าผู้กำกับหรือโปรดิวเซอร์หรือผู้บริหารระดับสูงต้องชี้แจงชัดเจนว่า AI คือเครื่องมือไม่ใช่ตัวแทนมนุษย์ AI ก็คือ software ปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายๆธุรกิจหลายๆองค์กรคือ เอา AI มาแทนที่มนุษย์ ปลดพนักงาน ด้วยเหตุผลลดต้นทุนอะไรต่างๆนาๆ นั่นทำให้เกิดกลุ่มคนที่เขาคอยจับผิดต่อต้าน AI หากเขาเลือกที่จะใช้งาน AI อย่างถูกต้อง มองว่าเป็นแค่เครื่องมือเหมือนโปรแกรมต่างๆ อย่างรูปที่เป็นดราม่าในคลิปนี้ ถ้าบอกว่ามันเกิดจากทีมงานที่ดูแลเรื่องภาพดังกล่าว แต่ทีมงานไม่ได้วาดเองแต่เขาใช้ AI วาดให้ ดราม่าจะไม่เกิด ที่เขากังวลคือเขามองว่า คนที่ทำหน้าที่วาดรูปดังกล่าวโดนเด้งไม่จ้างแต่หันไปใช้ AI แทน มันยิ่งตอกย้ำเรื่องการที่ AI จะมาแทนมนุษย์มากขึ้น ลองนึกภาพองค์กรหรือบริษัทที่มีพนักงาน100คน แล้วทุกคนล้วนแต่ใช้ AI เป็นเครื่องมือในการช่วยงาน งานจะยิ่งเติบโตและเสร็จไวมากยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริงๆหลายๆธุรกิจหลายๆบริษัทเลือกที่จะปลดพนักงานออกแล้วใช้ AI แทนในส่วนที่ปลดไป ถ้ากองถ่ายยังใช้งานหรือจ้างคนงานเท่าเดิมแต่ทุกแผนกทุกฝ่ายมี AI เป็นตัวช่วยในการทำงานบอกเลยว่าหนังเรื่องนึงใช้เวลาสร้างไม่กี่เดือนเสร็จพร้อมฉาย หลายคนกังวลไปว่าอนาคต AI จะครองโลกไหม ผมตอบในมุมมองผมเลยว่า เป็นไปไม่ได้ AI ไม่สามารถนำหน้ามนุษย์ได้ มนุษย์ยังคงนำหน้า AI อยู่หนึ่งก้าวเสมอ AI มีประสิทธิในการดึงข้อมูลและประมวลผลที่เร็วกว่ามนุษย์ก็จริง แต่สิ่งที่ AI ไม่มีทางทำได้เหนือกว่ามนุษย์คือ การบุกเบิก การใช้จินตนาการ ทำไมไอสไตน์ถึงบอกว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ความรู้คือวิชาการในอดีต แต่จินตนาการคือสิ่งที่ยังไม่ถูกสร้างขึ้นหรืออนาคต AI สามารถอ่านข้อมูลจากหนังสือล้านเล่มที่มีบนโลกได้ แต่มนุษย์สามารถบุกเบิกทฤษฎีใหม่ๆที่ยังไม่เคยมีบันทึกไว้ในฐานข้อมูลได้ ภาพจำที่ว่า AI จะคิดเองเติบโตเองจนมนุษย์ควบคุมไม่ได้ มาจากจินตนาการที่มนุษย์แต่งเติมเองทั้งนั้น เหมือนหนังผี หนังฉลาม พวกนี้เกิดจากสิ่งที่มนุษย์คิดเองแต่งเติมขึ้นเองทั้งนั้น ในความเป็นจริงคือคนละเรื่องเลย เวลามีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นแล้วคนที่ปรับตัวไม่ทันมักจะตื่นกลัวไปก่อน หากวันนี้ยังกลัว AI บอกเลยว่าอีก100ปี 1000ปีข้างหน้า มีสิ่งที่น่ากลัวกว่า AI อีก ลองถามมนุษย์เมื่อ100ปีหรือ1000ปีก่อนไม่มีใครคิดว่าหรอกในอนาคตจะมี AI แล้วในปัจจุบันนี้ยังมีอะไรอีกเยอะที่ในอนาคตที่มนุษย์ยังจินตนาการไม่ออกว่ามันจะเกิดขึ้นในอนาคต มนุษย์ยังใช้ความสามารถของสมองไม่ถึง10%เลยด้วยซ้ำ เรียนรู้ ปรับตัว และยอมรับ จะทำให้ใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าจะมองว่า AI เป็นคน ก็เหมือนพนักงานใหม่ที่เก่งเกินหน้าเกินตาพนักงานเก่าจนคนรุ่นเก่ากลัวสู้ไม่ได้ก็จ้องจะดิสเครดิทแทน แต่หากเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมและทำงานร่วมกันอย่างถูกต้องมีแต่จะพัฒนากันทั้งฝ่าย ปัญหาดราม่าทั้งหมดเกิดจากคนด้วยกันเองนี่แหละ AI มันก็อยู่ข้างมันดีๆ แต่คนเลือกที่จะปลดคนด้วยกันเอง เลิกจ้างคนด้วยกันเองเพียงเพราะมองว่า AI ดีกว่ามนุษย์ใช้แทนมนุษย์ได้ แต่หากมองกลับเลือกที่จะส่งเสริมหรือสนับสนุนให้ลูกน้องหรือพนักงานใช้ AI ในการทำงานมากขึ้น ทุกอย่างจะวินวินกับทุกฝ่าย มันต้องมีการควบคุมว่าไม่ให้ใช้ AI แทนตำแหน่งงานมนุษย์ ไม่งั้นคนจะตกงานเกิดความโกลาหลอย่างที่เขาประท้วงๆกันทุกวันนี้ ตำแหน่งงานควรจะใช้มนุษย์เหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมคือมนุษย์ในตำแหน่งนั้นต้องเรียนรู้และใช้ AI แทน จะให้ AI มาเขียนบทเขียนสคริปแทนนักเขียนบทไม่ได้ แต่นักเขียนบทสามารถใช้งาน AI ช่วยเขียนบทเขียนสคริปได้ นี่คือสิ่งที่ควรส่งเสริมอย่างถูกต้องกับทุกวงการทุกธุรกิจ
@TheBlackople3 ай бұрын
คนบางกลุ่มมองไม่ออกถึงผลกระทบที่ตามมากับแนวคิดที่ว่า ปลดพนักงานแล้วใช้ AI ทำงานแทน ในมุมมองของเจ้าของธุรกิจ นายทุน มันก็ใช่ ลดต้นทุนได้ แต่มองในภาพรวมหรือผลกระทบในระยะยาว มันคือสร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมมากยิ่งขึ้น ทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และสร้างอัตราเงินเฟ้อที่เติบโตสูงผิดปกติจากความเหลื่อมล้ำ คนที่รวยก็รวยล้นฟ้าไม่ต้องเสียทุนจากพนักงาน แต่หารู้ไม่ รายได้ของธุรกิจไม่ว่าจะธุรกิจไหนๆต่างๆก็มาจากมนุษย์ ในเมื่อคนตกงานมากขึ้น AI มาแทนตำแหน่งงาน คนที่ตกงานว่างงานจะเอาเงินที่ไหนที่อุดหนุนสินค้าหรือบริการเหล่านั้น ยกตัวอย่างแคปๆ เช่น มีเมืองแห่งหนึ่งมีร้านอาหาร10ร้าน ทุกร้านมีพนักงาน10คน วันหนึ่งเจ้าของร้านอาหารแต่ละร้านบอกได้ AI มาทำงานแทนพนักงานละ ลดต้นทุนค่าแรงพนักงาน ปลดออกสักครึ่งนึงเหลือพนักงานร้านละ5คน ถามว่า ในเมืองนั้นที่มีประชากร100คน 50คนตกงานไม่มีเงิน กับอีก50คนที่ยังมีงานทำอยู่ อาหารแต่ละร้านจะยังขายได้เท่าเดิมหรือไม่ แน่นอนว่าขายได้น้อยลง เพราะคนที่ตกงานก็ไม่มีเงินมาซื้ออาหาร เทียบในระดับสเกลที่ใหญ่ขึ้นระดับประเทศ ระดับโลก หลายๆธุรกิจ หลายๆอุตสาหกรรมที่เลือกจะปลดพนักงานแล้วใช้ AI แทนตำแหน่งงานนั้น แนวคิดนี้เกิดจากพวกเห็นแก่ตัวทั้งนั้น อนาคตโลกจะถูก AI ครองโลกก็เกิดจากมีคนแบบนี้อยู่ด้านหลัง AI อีกทีนี่แหละ ใช้ AI มาเป็นเครื่องมือกำจัดมนุษย์ด้วยกันเองแทน อย่างวงการภาพยนตร์ ถ้าสตูดิโอหรือกองถ่ายต่างๆปลดพนักงานใช้ AI ทำงานแทน ถ้าหนังฉายแล้วคนที่ตกงานว่างงานไม่มีเงินไปดูหนังที่ตัวเองผลิตจะมาร้องโวยวายไม่ได้ และพอเจ้าของธุรกิจ นายทุน ลดต้นทุนมีกำไรมากขึ้น เงินก็เฟ้อมากขึ้น ข้าวของก็แพงมากขึ้น ผู้บริโภคสินค้าบริการนั้นๆน้อยลงแต่อยากได้รายได้เท่าเดิมก็ต้องขึ้นราคา คนที่ตกงานว่างงานก็ไม่มีเงินมาอุดหนุน สุดท้ายบางธุรกิจจะเจ๊งด้วยวัฎจักรนี้ AI มาแทนที่มนุษย์ด้วยตัว AI เองไม่ได้ คนต่างหากที่เป็นระดับเจ้าของธุรกิจเจ้าของกิจการผู้บริหารหรือนายทุนเลือกที่จะใช้ AI มาแทนที่มนุษย์เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองโดยไม่สนว่ามนุษย์คนอื่นจะเป็นยังไง โฟกัสแค่ตัวเองลดต้นทุนมีกำไรมากขึ้น แต่ไม่นึกถึงว่าแล้วใครจะมาอุดหนุนสินค้าบริการตัวเอง อย่างวงการภาพยนตร์ AI ไม่ได้จ่ายเงินเข้ามาดูหนังในโรงหรือแม้แต่ในสตรีมมิ่ง แต่ลูกจ้างคนงานพนักงานของสตูดิโอนั้นค่ายนี้ต่างหาก ถึงจะคนละค่ายคนละกองคนละสตูดิโอแต่เขาก็คือผู้บริโภคและมีเงินมาอุดหนุน หากทุกค่ายทุกสตูดิโอทุกกองถ่ายปลดพนักงาน เรียบร้อยอุตสาหกรรมนั้นรอวันเจ๊งได้เลย จุดประสงค์การพัฒนา AI คือเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานนั้นๆให้มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพื่อลดต้นทุนของเจ้าของธุรกิจนายจ้างนายทุน แนวทางที่ถูกต้องที่ควรจริงๆคือควรให้พนักงานหรือผู้ที่ทำงานในตำแหน่งๆนั้นๆได้ไปอบรบหรือเรียนรู้ใช้งาน AI ไม่ใช่ปลดพนักงานตำแหน่งนั้นแล้วให้ AI มาทำงานแทน ลองนึกภาพคนเปิดร้านอาหารแถวสำนักงานแห่งหนึ่ง แต่ละวันมีลูกค้าเข้าร้านวันละ100คน วันนึง AI มาแทนที่พนักงานในสำนักงานนั้น เจ้าของร้านอาหารจะอยู่ยังไงหากวันนึงมีลูกค้าที่เป็นพนักงานในสำนักงานนั้นมากินเหลือวันละไม่ถึง50คน คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือเจ้าของสำนักงานคนเดียวแค่นั้นเลย แต่ผลกระทบรอบข้างที่เขามองไม่เห็นนั้นกระทบบานปลายเป็นลูกโซ่เลย
@Oclock-003 ай бұрын
อ่านมาทั้งหมดเหมือนคุณไม่ได้ตามข่าว😅 ตอนนี้ขนาด “ไอ้คนคิด OpenAi” มันยังลังเลเลยครับ เพราะมันค้นพบการพัฒนา Ai บางอย่างที่จะคิดวิเคราะห์และตอบสนองได้แบบมนุษย์จริงๆ จนถึงขั้นมีการมติสั่งปลด CEO ก็ทำมาแล้ว ขนาดคนคิดค้นเองยังกลัวและไม่กล้าทำต่อ (ลองไปหาฟังคลิปนายอาร์มดูครับ) สิ่งที่คุณบอกว่า “อนาคต Ai จะมาแทนมนุษย์” เป็นแค่เรื่องมโน ดูหนังเยอะ จินตนาการเยอะ 😅 ผมอยากให้คุณไปหาฟังคลิปที่สภาสูงของสหรัฐมันเถียงกันเรื่องการพัฒนา Ai แบบไม่ขอบเขตดู ถ้าการพัฒนา Ai มันไม่เป็นปัญหาเค้าจะเอาไปเถียงกันในสภาทำไม? 2. คนที่เค้าออกมาเรียกร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ของ Ai เค้าไม่ใช่คนที่ไม่ยอมรับหรือกลัวเหมือนที่คุณว่า แต่ที่เค้าออกมาเรียกร้องเพราะบริษัทพัฒนา Ai มันขโมยรูปภาพของศิลปินไปตัดแปะเพื่อเจนภาพให้พวกคุณยังไงล่ะครับ ศิลปินจะสร้างผลงานมาชิ้นหนึ่ง เค้าต้องผ่านการฝึกฝนฝีมือไม่รู้กี่ปี บางคน 1 ปี บางคนเป็น 10 ปี พอจะลงมือสร้างผลงานสักอย่างก็ต้องผ่านกระบวน การคิด การสร้างอัตลักษณ์ของตัวเอง คุณจะไม่เคารพพวกเค้าหน่อย คุณไปขโมยงานพวกเค้ามาหน้าด้านๆเอามาเจน แล้วก็บอกว่านี่เป็นผลงานของคุณ ไม่ต้องให้เกียรติ ให้เครดิตกับเค้า แล้วศิลปินก็เป็นคนนะครับ เค้าแลกเวลาชีวิตของเค้าเพื่อสร้างผลงานชิ้นหนึ่งหวังจะหารายได้เพื่อเลี้ยงชีพ แต่มีบริษัทเฮงซวยบริษัทหนึ่งแอบมาขโมยผลงานเค้าไปให้ Ai ตัดแปะ แล้วเคลมว่าเป็นผลงานตัวเอง โดยที่เค้าทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่รู้มันขโมยของใครมาบ้าง เจ้าของบริษัทที่มันทำแบบนี่ ทุกวันนี้ก็ยังโนสนโนแคร์อยู่เลยครับ ตอนแรกบอกว่าจะจ่ายค่าตอบแทนให้ศิลปินที่มันไปขโมยงานมาใช้ แตหลังๆก็บอกไม่จ่ายแล้ว คุณว่ามันทุเรศไหมครับ? แล้วสิ่งที่คุณบอกว่า คุณอยากเห็นสังคมที่ใช้ Ai ไปขโมยงานคนนั้น ขโมยไอเดียคนนี้หรือแม้กระทั่งขโมยเสียง ขโมยหน้าตาศิลปินเพื่อเอามาทำอะไรไม่ได้ๆเหรอครับ? อย่างเคสล่าสุดก็เพิ่งไปขโมยเสียงของสการ์เล็ตเพื่อเอามาเจน Ai จนโดนสการ์เล็ตฟ้อง คุณชอบไหมครับที่วันนี่จะมีโปรแกรมหนึ่งที่สามารถขโมยเสียงของคุณมาเจนแล้วโทรไปหลอกเงินจากแม่ของคุณหรือลูกหรือเมียของคุณ? ใช้ Ai มันไม่ผิดหรอกครับ ถ้าใช้มันเป็นแค่เครื่องมือช่วยงานมนุษย์จริงๆ และไม่ไปข้อมูลผลงาน ขโมยข้อมูลของใครมาใช้ ถ้าจะใช้รูปของศิลปินท่านไหน มันก็ควรไปขอเค้าให้เป็นเรื่องเป็นราวและจ่ายค่าตอบแทนให้เค้าด้วย เพราะว่าเค้าจะวาดหรือสร้างงานอะไรได้ชิ้นหนึ่ง คุณไม่รู้หรอกว่าเค้าแลกอะไรไปบ้าง และการพัฒนา Ai มันต้องมีข้อจำกัด มีกฎหมายควบคุมให้ชัดเจน ไม่ใช่วันดีคืนดี อยากทำไรก็ทำ ถ้าโลกยังไม่ตระหนักเรื่องนี้และยังปล่อยให้บริษัทพวกนี้พัฒนา Ai ไปเรื่อยๆโดยไม่ควบคุม ไอ้ที่คุณบอกว่า “ไม่มีทางที่ Ai จะมาแทนมนุษย์” “ไม่มีทางที่มนุษย์จะสูญพันธุ์” คุณก็คิดง่ายไปแล้วครับ แล้วก็เพื่อคุณไม่รู้ ตอนแรกพวกบริษัทผลิตภาพยนตร์มันคิดจะลดค่าใช้จ่ายการผลิตด้วยการใช้ Ai เจนหน้านักแสดงเก็บไว้แล้วเอามาใช้เรื่อยๆโดยไม่ต้องจ้างนักแสดงคนอีก คิดจะใช้เอไอเขียนบทภาพยนตร์ เพื่อลดการจ้างงานนักเขียนบท จนเค้าประท้วงกันยับ ฮอลลีวูดต้องล็อคดาวน์ไปหลานเดือน คุณคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องเล่นๆที่ไม่ส่งกระทบกับมนุษย์จริงๆเหรอครับ ถ้าที่ผมบอกมามันเป็นแค่เรื่องเล่นๆ ไม่มีมูลความจริง คนในวงการภาพยนตร์เค้าจะออกมาประท้วงกันทำไมครับ? แล้วมันไม่ใช่แค่วงการภาพยนตร์ แม้แต่วงการศิลปิน วงการเพลง หรือแม้กระทั่งนักพากษ์ นักแปลซีบ ตอนนี้พวกบริษัทก็พยายามจะใช้ Ai แปลภาษาเพื่อที่จะเลิกจ้างนักแปล ล่าสุดก็เพื่อมีสถาปนิกออกมาบอกว่าตกงานเพราะบริษัทเลิกจ้างบริษัทจะ ใช้ Ai มาเจนแปลนบ้าน ตอนแรกบริษัทจ้าง 10 คน ตอนนี่ก็ให้ตกงานไปแล้ว 5 เหลือเก็บไว้แค่ 5 คน แล้วคนที่ตกงานมาเค้าจะไปทำอะไรล่ะครับ เค้าเรียนสถาปัตย์มาเพื่อมาเป็นสถาปนิก แล้วนี่แค่เริ่มต้น ทำไมยังกล้าคิดว่า Ai ไม่มีทางมาแทนมนุษย์ได้ ในเมื่อตอนนี้บริษัทต่างๆก็เริ่มเลิกจ้างคนแบบเป็นจริงเป็นจังแล้วเพื่อจะใช้ Ai แทน ตอนนี้งานที่คุณทำอยู่ Ai ยังอาจจะทดแทนคุณไม่ได้ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่หรอกครับ เพราะคุณก็อาจจะเป็นรายต่อไปที่ต้องตกงานเพราะโดน Ai แย่งงาน
@TheBlackople3 ай бұрын
@@Oclock-00 เหมือนอ่านของผมแล้วตีความไม่หมด ผมก็พยายามบอกอยู่ว่า AI มันก็อยู่ของมันทำหน้าที่ของมัน หากจะผิดเนี่ย มันเกิดจากมนุษย์เอาไปใช้งานผิดประเภทเอง ผมก็อธิบายชัดนะว่ามันต้องมีการควบคุมให้ AI อยู่ในฐานะเครื่องมือตัวช่วย ไม่ใช่ตัวแทนมนุษย์ สิ่งที่เขาถกเถียงเรียกร้องกันเพราะมันขาดมาตรการควบคุม ไม่มีขอบเขตหรือกฎหมายรองรับการพัฒนาที่รวดเร็ว เขาไม่ได้กลัวการมีอยู่ของ AI เขากลัวคนนี่แหละที่เอา AI ไปใช้ผิดประเภท ไม่ว่าจะส่วนที่ผมอธิบายเองหรือคุณอธิบายเอง มีตรงไหนบ้างที่ AI มันสร้างปัญหาด้วยตัวมันเอง มีแต่คนนี่แหละที่เอา AI ไปใช้สร้างปัญหา ตอนนี้คนที่ไม่เข้าใจ AI พยายามยัดเยียดความผิดให้ AI โดยไม่สนว่าจริงๆปัญหาทั้งหมดมันมาจากคน เหมือนอาวุธ ปืน จรวด นิวเคลียร์ มันยิงด้วยตัวมันเองไม่ได้ แต่คนที่ใช้งานต่างหากคือตัวปัญหา ผมตามข่าวครับเรื่อง AI ผมคิดว่าคุณอ่านไม่หมด ขนาดเม้นที่คุณบอกเนี่ย ผมก็อธิบายไว้ ยังมาอธิบายซ้ำเหมือนอ่านข้ามๆไม่เห็นเนื้อหาที่ผมอธิบายไว้ ผมย้ำหลายรอบด้วยซ้ำในเนื้อหาว่า AI ไม่ควรมาแทนตำแหน่งงานมนุษย์ แต่มนุษย์ควรรู้จักการใช้งาน AI วันนี้หากมีคนคิดว่าไม่ขับรถไม่ได้แปลว่าประเทศอื่นเขาจะไม่ใช้รถ วันนี้หากมีคนคิดว่าเราไม่ต้องการอินเตอร์เน็ตไม่ได้แปลว่าระเทศอื่นเขาจะไม่ใช้อินเตอร์เน็ต มนุษย์แค่กำลังตามเทคโนโลยีที่มันพัฒนาไปไวไม่ทันจนเกิดความกลัวว่าจะควบคุมไม่ได้ นั่นคือจุดที่เขามาถกเถียงกันว่าต้องมีการควบคุม ผมอยากให้คุณลองอ่านของผมทั้งหมดทุกตัวอักษรก่อน เพราะผมอ่านของคุณเนี่ย เนื้อหาบางส่วนผมก็อธิบายไว้แบบเดียวกัน ไม่ใช่อ่านข้ามๆผ่านๆพอตรงไหนเห็นต่างไม่ถูกใจก็จ้องจะแย้งใส่ไม่สนเนื้อหาทั้งหมดที่เหลือเลย ต้องแยกประเด็นให้ออกว่า ปัญหาไหนเกิดจาก AI ปัญหาไหนเกิดจากมนุษย์ที่ใช้ AI คุณกำลังเหมารวมมั่วไปหมดว่าปัญหาที่เกิดจากมนุษย์คือปัญหาที่เกิดจาก AI มันเป็นแค่เครื่องมือ เหมือนโทรศัพท์มือถือ คนใช้งานโทรศัพท์ผิดประเภทผิดวัตถุประสงค์ โทรศัพท์ผิดหรือคนใช้งานผิด ต้องแยกปัญหาแยกประเด็นให้ถูก คำถามที่คุณย้อนถามผมแต่ละอย่างเนี่ย ผมอยากให้คุณลองถามตัวเองกลับดูครับว่า คำถามที่คุณถามเนี่ย ปัญหาเหล่านั้นที่คุณถาม มันเกิดจากคนใช้งาน หรือเกิดจาก AI ปัญหาที่คุณกลัวต่างๆนาๆ ถ้ามันไม่มีใครไปใช้งานมันเนี่ย มันจะเกิดปัญหาขึ้นหรือเปล่า สำหรับผม ผมไม่มีปัญหากับการใช้งาน AI แต่ผมมีปัญหากับคนที่ใช้งาน AI ในทางที่ผิด จะบอกว่ามันเป็นดาบสองคมก็ได้ เหมือนกับเทคโนโลยีต่างๆที่พัฒนาขึ้นมา คนใช้ในทางที่ดีก็เกิดประโยชน์ คนใช้ในทางที่ไม่ดีก็เกิดโทษ ถึงวันนี้คนส่วนใหญ่ยังใช้งานไม่เป็นยอมรับ แต่อนาคตโลกจะบีบบังคับให้คุณต้องยอมรับมันเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันก็เหมือนเทคโนโลยีต่างๆ รถยนต์ก็เดินทางสะดวกสบายแต่ในทางกลับกันมันก็ฆ่ามนุษย์ได้เช่นกันหากคนขับรถขับอย่างประมาท บริการโอนเงินผ่านโทรศัพท์มันก็เพื่อความสะดวกสบายแต่ในทางกลับกันมันก็เป็นช่องทางให้มิจฉาชีพขโมยอย่างสะดวกขึ้น ทุกเทคโนโลยีมันเป็นดาบสองคมเสมอ หากวันใดที่ AI ไขปริศนาหลุมดำหรือทฤษฎีอะไรก็ตามที่มนุษย์ยังไขปริศนานั้นไม่ได้ ผมถึงจะยอมรับ AI นำมนุษย์หนึ่งก้าว และเป็นภัยต้องระวัง ตราบใด AI ยังใช้องค์ความรู้แค่ในฐานข้อมูลที่มนุษย์มีให้ไม่สามารถคิดนอกกรอบหรือเกินขอบเขตที่มีในฐานข้อมูลได้ ยังไงมนุษย์ก็ยังเหนือกว่า AI เรื่อง AI จะมาแทนอาชีพนั้นอาชีพนี้ ถามก่อนว่า คนที่ใช้ AI มาแทนอาชีพนั้นๆ คือตัว AI มันเองหรือนายจ้าง เจ้าของกิจการ หากหัวหน้าจะไล่พนักงานออกเพราะใช้ AI ทำงานแทน ถามว่า AI ผิด หรือ หัวหน้าผิด แต่ถ้าหัวหน้าบอกพนักงานว่าให้ใช้ AI ช่วยงานนั้นๆเพื่อให้เสร็จไวขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น แบบไหนคือสิ่งที่ควรเกิดขึ้น
@TheBlackople3 ай бұрын
@@Oclock-00 ผมยินดีที่คุณติดตามข่าวสาร AI เหมือนกัน แต่อย่าไปเหยียดคนอื่นว่าเขาไม่ตาม แล้วข่าวสารต่างๆในอินเตอร์เน็ต ฟังหูไว้หู อย่าเชื่ออะไร100% ข่าวมีสองด้านเสมอ มันมีทั้งคนที่สนับสนุนและคนที่ต่อต้าน ไปฟังคนที่เขาต่อต้านเขาก็นำเสนอมุมมองต่อต้านประเด็นนั้นๆ ไปฟังคนที่เขาสนับสนุนเขาก็นำเสนอมุมมองสนับสนุนประเด็นนั้นๆ ฟังได้ไม่ผิด แต่วิเคราะห์ตาม มันมีทั้งข่าวลือ ข่าวจริง ข่าวปลอม ขนาดข่าวจริง ยังมีทั้งจริงด้านนึงและจริงอีกด้านนึงอีก ฟังเพื่อสะสมเป็นความรู้ได้ ไม่มีข่าวไหนหรือบทความบทวิเคราะห์ไหนที่จริงแท้ถูกต้อง100% บางข่าวบางบทความช่องนึงเล่าอย่างนึง อีกช่องเล่าใกล้เคียงกันแต่ไม่เหมือนกัน มันคือมุมมองของคนที่เขาทำมาเล่า แค่ช่องรีวิวหนังเนี่ย แต่ละช่องยังรีวิวไม่เหมือนกันเลย ผมยังอยากเน้นย้ำกับทุกประเด็นทุกปัญหาทุกคุณถามๆมาเนี่ย อยากให้คุณถามกลับตัวเองว่าประเด็นนั้น มันเกิดจากอะไร มีดที่สร้างมาเพื่อหั่นผักหั่นเนื้อแต่มีคนเอามีดไปแทงคนอื่น ผิดที่มีดหรือผิดที่คนแทง ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อหรือไม่มองอีกด้านนะว่า AI จะครองโลก ผมก็มีจุดมีข้อมูลมีลิมิตที่มองว่าจุดไหนที่ยังควบคุมได้ จุดไหนที่ควบคุมไม่ได้ ปัญหาทุกวันนี้มันเกิดจากยังไม่มีการควบคุมผู้ใช้งาน AI ทุกวันนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อโอนเงิน คุณจะบอกว่าแอปธนาคารผิดต้องประท้วงต่อต้านให้ยกเลิกใช้งานแอปไม่ควรมี หรืองานฝีมืองานศิลปะ คุณคิดว่าทุกวันนี้นักเขียนเขายังมานั่งเขียนด้วยปากกาดินสอหรือพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ ต่อให้ลายมือสวยฝึกเขียนมาเป็น10ปี ทุกวันนี้เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวก แม้แต่นักวาดส่วนน้อยที่ยังวาดลงกระดาษลงหนังสือ เดี๋ยวนี้เขาวาดลงแทปเล็ตกัน มนุษย์จะอยู่รอดได้เพราะการปรับตัว โลกหมุนไปข้างหน้าเสมอ แค่ยืนเฉยๆก็เหมือนถอยหลังแล้ว ไม่ว่าอาชีพไหนๆธุรกิจใดๆล้วนต้องปรับตัวตามกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไป แค่เทคโนโลยี AI มันมาแบบก้าวกระโดด แค่ช่วงเวลา1-2ปี มันพัฒนาไปไวแบบกฎหมายหรือการควบคุมใดๆยังตามไม่ทัน ระบบกฎหมายแต่ละประเทศกว่าจะมีการพิจารณาร่างแล้วออกบังคับใช้ใช้เวลานาน แต่ AI พัฒนาแบบวันต่อวัน พอเทคโนโลยีมันไวจนกฎหมายควบคุมออกตามไม่ทันมันเลยเกิดช่องโหว่ที่ทำให้เกิดคนเอาไปใช้ในทางที่ผิดแล้วไม่มีกฎหมายเอาผิดได้ เลยเป็นเรื่องเรียกร้องประท้วงกัน ที่ผมบอกว่า AI ไม่มีทางเหนือกว่ามนุษย์ได้ AI สามารถค้นข้อมูลต่างๆในฐานข้อมูลได้ แต่ถ้าคุณเขียนอะไรสักอย่างลงในหนังสือเก็บไว้ในลิ้นชักที่บ้าน AI ไม่มีทางรู้ข้อมูลนั้นได้ แต่ทุกข้อมูลที่ AI มีนั้นเกิดจากข้อมูลที่มนุษย์คิดค้นและบันทึกลงไปในฐานข้อมูล ถ้า AI มันรู้ข้อมูลที่คุณเขียนไว้ในหนังสือในลิ้นชักได้ อันนี้คือจุดน่ากลัวที่เกินควบคุมต้องมองว่าเป็นภัย ผมอยากให้มองให้ออกว่าปัญหาคนคือส่วนคน ปัญหาเครื่องมือคือส่วนเครื่องมือ สิ่งที่น่ากลัวกว่า AI คือมนุษย์ที่ใช้งาน AI ในทางที่ผิดนี่แหละ
@TheBlackople3 ай бұрын
@@Oclock-00 ไปไหนละครับ ผมยังอยากฟังข้อมูลเกี่ยวกับ AI มุมมองอื่นๆเพิ่มอยู่เลยครับ เห็นคุณติดตามข่าวสาร AI เยอะน่าจะมีข้อมูลอื่นๆอีกมาแชร์กันได้ อธิบายลงความเห็นได้ แต่ไม่ใช่แค่มาแซะมาดิสเครดิทเพื่อโชว์ว่าตัวเองเก่งกว่ารู้เยอะกว่า อย่างเช่น บอกว่าผมคิดง่ายไป ไหนลองอธิบายในมุมมองคนที่คิดยากหน่อยครับว่า มนุษย์จะสูญพันธุ์เพราะ AI ยังไงบ้าง ไม่ใช่เอาความรู้จากหนังจากการ์ตูนนะครับ เอาข้อเท็จจริงในโลกจริงมาอ้างอิง ไม่ใช่บอก AI จะบังคับยิงนิวเคลียร์แบบหนังคนเหล็กนะ ในชีวิตจริงกระบวนการหลายๆอย่างเขายังใช้ระบบอะนาล็อคไม่ใช่ดิจิตอล ไฟล์ข้อมูลเอกสารลับสำคัญๆเขาจะไม่บันทึกลงในคอมพิวเตอร์หรือฐานข้อมูล เขาบันทึกลงกระดาษเพราะอะไรที่บันทึกลงในคอมพิวเตอร์มันโดนเจาะโดนแฮคได้ ไม่ต้อง AI หรอก แฮคเกอร์ระดับท็อปๆของโลกก็เจาะคอมพิวเตอร์กองทัพสั่งยิงนิวเคลียร์ได้ แต่การจะยิงนิวเคลียร์เขาใช้ระบบอะนาล็อค ใช้กุญแจไขเพื่อป้องกันการผิดพลาดหรือโดนแฮค และแน่นอนว่า AI มันจัดการกับระบบอะนาล็อคเองไม่ได้ ถ้าเป็นระบบดิจิตอลโอเคยังมีความเสี่ยงไม่ใช่แค่เสี่ยงโดน AI เสี่ยงโดนมนุษย์ด้วยกันเองแฮคนี่แหละ บอกว่าผมสนับสนุนไอเดียขโมยผลงาน คุณอ่านตรงไหนว่าผมสนับสนุนขโมยผลงาน เห็นอ่านข้ามๆพอจับใจความว่าผมเห็นต่างบางจุดปุ๊บก็ใส่ยับมองว่าผมคือขั้วตรงข้าม คุณจ้องจะดิสเครดิทคนอื่นพยายามใส่ร้ายคนอื่นด้วยข้อมูลเท็จแบบนี้มันไม่ได้ทำให้คุณดูเท่หรือดูฉลาดขึ้น มันยิ่งบอกว่าคุณเป็นคนยังไง ทุกคำถาม ทุกความเห็นที่ผมแสดง ผมสามารถอธิบายมุมมองและเหตุผลทั้งหมดได้ หรือผมจะแย้งคุณข้อไหนผมก็อธิบายเหตุผลที่ผมเห็นต่างได้ ไม่ใช่แค่ขัดแล้วไม่อธิบายต่อ แบบนี้มันทำให้คนอื่นมองว่าไม่รู้จริงแต่แค่ไม่ชอบอยากขัดเฉยๆ คุณจะเปรียบเทียบ CEO OpenAI เป็นออปเฟ่นไฮเมอร์ก็ได้ ถึงจะเป็นคนคิดค้น แต่ไม่ได้แปลว่าคนอื่นเขาจะไม่เอาไปต่อยอดพัฒนา ทุกวันนี้ OpenAI ไม่ใช่ค่ายเดียวที่พัฒนา AI มีอีกเพียบที่เขาก็ทำ แต่แค่ไม่ใช่คนแรกๆที่ทำ เรื่องที่เขาเถียงกันในสภามันก็ทุกเรื่องไม่ใช่แค่เรื่อง AI ทุกเรื่องในสภามันมีทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายค้านเสมอ ขนาดแบนติ๊กตอกยังเถียงกันในสภาเลย น้ำมันขึ้นก็เถียงกันในสภา ทุกเรื่องที่เป็นปัญหาเขาเอาเข้าไปถกกันในสภาเพื่อหาทางจัดการหาทางออก เรื่องไหนไม่เป็นปัญหาเขาก็ไม่เอาเข้าไปถกเถียงกันในสภา คุณโฟกัสแค่จุดเล็กๆเพื่อจ้องจับผิดจ้องดิสเครดิท คุณเป็นคนประเภทใครทำดีกี่ครั้งไม่สนแต่ถ้ามีปัญหาครั้งเดียวจำจนวันตาย ข่าวที่คุณเล่าๆมาลองบอกวันเดือนปีที่ข่าวออกหน่อยครับ แล้วดูว่าข่าวนั้นในปัจจุบันมีผลแค่ไหน เอา AI เข้าไปเถียงในสภาแล้วหลังจากนั้นเขาแบนสั่งห้ามพัฒนาห้ามใช้งาน AI หรือเปล่า ผมอยากให้คุณเสพข่าวอย่างมีสติ ทุกคนมีสิทธิ์รับรู้ข่าวสารเท่าเทียมกัน แต่ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะเข้าใจในข่าวสารนั้นเท่าเทียมกัน แค่นักเรียนห้องหนึ่งอ่านหนังสือวิชาเดียวกัน แต่ละคนยังได้รับความรู้จากวิชานั้นไม่เท่ากันเลย ข่าวทุกข่าวก็เช่นกัน พยายามวิเคราะห์ตามว่าข่าวนั้นข้อมูลนั้นมีความเป็นเหตุเป็นผลจริงเท็จแค่ไหน ไม่ใช่ฟังคนนั้นคนนี้เล่ามาปุ๊บเชื่อปั๊บ นายอาร์มเขาเป็นแค่ยูทูบเบอร์สายเทคที่ชื่นชอบและนำเสนอเรื่องราวเทคโนโลยีแต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะเข้าใจดีในเทคโนโลยีที่สุด เขาแค่นำเสนอเรื่องราวเทคโนโลยีในมุมมองของเขา บางเรื่องเขาก็นำเสนอถูก บางเรื่องเขาก็นำเสนอผิด แต่มันคือมุมมองของเขา ทุกคนมีสิทธิ์เห็นต่างหรือมองมุมอื่น แต่ต้องมีเหตุผลอธิบาย นานๆจะเจอคนเก่งสายเทคมาร่วมแชร์ข้อมูล ผมก็อยากฟังข้อมูลอื่นๆอีกครับ ที่คุณเล่าๆมาทั้งหมดผมรู้อยู่แล้วแค่ไม่ได้เม้นในคลิปนี้ ถ้าคุณตามอ่านคอมเม้นผมในคลิปอื่นๆของช่องนี้นี่แหละ สิ่งที่คุณพูดมาผมเคยแสดงความคิดเห็นแบบนั้นไว้แล้ว
@nebulartheunknown27033 ай бұрын
Late Night With The Devil ในต่างประเทศไม่ได้ฉายโรงหนังนะครับ แต่ลง Streaming ของ Shudder ซึ่งก็เป็น Streaming ที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากทำให้ทุนไม่มากนักเพราะ Shudder ลงให้แค่ 3 ประเทศเองครับแค่ US, USA และ Canada น่าจะใช้ AI ลดค่าใช้จ่ายบางส่วน
@kanthirakhlaidaung18023 ай бұрын
ที่ us ฉายในโรงก่อนนะคะ แต่มีระยะเวลาฉายไม่นานแค่1-2 อาทิตย์ หลังจากนั้นลงstreaming ค่ะ
@@Oclock-00 คือ ไอ่เรื่องเบียดเบียนคนอื่นนี่ พูดกันตรงๆเลยละกันครับ ศิลปินนี่ผมเห็นหลายทีละ เอาเคสง่ายๆก่อนอย่างส่งงานเข้าประกวด เคยอ่านมั้ยครับเงื่อนไขต่างๆของพวกงานเขาเขียนยังไง? เขาเขียนว่าต้องให้สิทธิ์ภาพนั้นแก่เขา ส่วนใหญ่เขียนงี้หมดแหละครับ แล้วพอเขาเอาไปใช้ก็โวยวาย ตอนให้สิทธิ์อะไรสักอย่างนี่ "อ่านดีๆก่อน" ครับ ไอ่ที่ post ลง social หรือ อัพเข้าที่สาธารณะต่างๆนี่ก็เหมือนกัน ได้อ่านดีๆละยัง? เอาง่ายๆแค่ facebook งี้ อันนี้รู้มั้ยว่าเงื่อนไขเขาเขียนอะไรมั่ง? Gmail ใช้ฟรี นี่เงื่อนไขเขาว่าอะไรมั่ง? มันเข้าถึงข้อมูลส่วนที่เราใช้ฟรีได้หมดนะครับ อันนี้เขาบอกตอนเรากดยอมรับเงื่อนไขการใช้งานชัดเจนมากๆ (ไอ่ Gmail นี่เขาเปิดจดหมายเราอ่านทุกฉบับได้และเอาไปใช้ได้นะครับ ถ้าไม่อยากให้เปิด "จ่ายเงิน" แล้วเอาไปไว้ในกล่องพิเศษ มันคือ model หาเงินของเขาครับ) และมีอื่นๆอีกมากมาย บริษัทพวกนี้เขาซื้อขายข้อมูลพวกนี้กันเป็นว่าเล่นจะเอามาเทรน AI หรือเอาไปใช้ส่งขายให้พวกมิจฉาชีพ call center ก็สุดแล้วแต่เขาจะทำ rockcontent.com/blog/meta-using-your-data-to-train-ai/ www.theverge.com/2023/7/5/23784257/google-ai-bard-privacy-policy-train-web-scraping ลองไปค้นๆดูครับ แต่ละแหล่งเขาเอาข้อมูลจากแหล่งที่ชัดเจนพอควร และ ถ้าอ่านข้อมูลดีๆนี่จะเห็นว่าบริการ online ต่างๆที่เราใช้อยู่นี่โดนเกือบทั้งหมด หลังๆเลยไม่ค่อยมีเคสที่ AI โดนฟ้องเรื่องเอาข้อมูลคนอื่นไปใช้ละครับ มันทั้งพิสูจน์ยากและทางฝั่งบริษัท AI เขามีสิทธิ์ที่เขาขอไว้ชัดเจน มันก็มีที่เอาไปใช้แบบไม่ขอ แต่ส่วนใหญ่พวกนี้เป็น AI จากจีนที่ไม่เปิดแหล่งที่มา แต่พวกที่ดังๆใช้ๆกันอยู่ตอนนี้เขาขอสิทธิ์ผู้ใช้งานไว้หมดละครับ
@MrDoggggg3 ай бұрын
@@Oclock-00 พอพูดถึง ai คนที่ต่อต้านจะคิดเป็นอย่างเดียวคือ ai ขโมยผลงานคนอื่นบลา ๆๆๆๆๆ ai ละเมิดลิขสิทธิ์ บลา ๆๆๆๆ มีอยู่แค่นี้จริง ๆ ชีวิตคนต่อต้าน ai ถ้ามันเป็นงั้นทำไมไม่ไปรวบรวมศิลปินที่โดนขโมยผลงานแล้วไปฟ้องละ open ai อยู่มานานมากแล้วทำไมไม่รวมตัวกันไปฟ้องละ แต่ก่อนมีแค่ open ai ตอนนี้ลุกลามไปถึง microsoft กับ บริษัทคอมพิวเตอร์แล้ว ถามหน่อยทำไมเขาถึงกล้าทำ ถ้าไม่ถูกกฎหมายบริษัทพวกนี้เขาอยู่ไม่ได้หรอก บริษัทระดับโลกไม่ได้โง่ขนาดนั้น มันอยู่มาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วจะมาตายเพราะ ai เนี่ยนะ แถมบริษัท cpu ยังพัฒนาฮาดแวร์ขึ้นมาสำหรับ gen รูป ai โดยเฉพาะอีก ไปดูได้ในงาน computax ทำไมเขากล้าทำละ ทำไมเขาไม่กลัวโดนฟ้อง เห็นมีแต่คนต่อต้านแต่ไม่ยอมฟ้องจริงจังสักที จนตอนนี้ ai เข้าสู่ยุคใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ละ คนต่อต้านก็ยังทำได้แค่พิมพ์ เพราะถ้าความคิดที่ว่า ai ขโมยผลงานเป็นจริง ปี 2024 ai มันควรหายไปจากโลกนานละ แต่นี่จะเข้า 2025 ai ก็ยังอยู่ แสดงว่ามันก็ไม่ได้ผิดกฎหมายแบบที่เขาต่อต้านกัน เพราะถ้ามันผิดมันเจ๊งไปนานแล้ว
@wazhyp3 ай бұрын
พวกแกหวาดกลัวยุคสมัยใหม่ขนาดนั้นเลยรึไง 55555
@Zeptember973 ай бұрын
Bots be like: ก็ AI มันขโมยงานศิลปินมาแบบไม่ยินยอม bruh...