Рет қаралды 84,630
..............ร่วมสนับสนุนรายการได้ที่..........................
เลขบัญชี 6102104631 ธนภัทร เสาร์สูงยาง ธนาคาร กสิกรไทย
** True Wallet : 0969819802
**** Paypal : paypal.me/LetG...
ติดต่อรายการได้ที่
****email : letsgofishingthailand@gmail.com
ขอให้สนุกกับการตกปลา...
ขอบคุณที่รับชม กดติดตามด้วยนะคับจะทำคลิปให้ชมบ่อยๆ
#ตกปลา#ตกปลากระพง#หมายธรรมชาติ#วิธีตกปลากระพง#คลองธรรมชาติ
ปลากะพงขาว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lates calcarifer) เป็นปลาทะเลชนิดหนึ่งที่สามารถปรับตัวให้อยู่ในน้ำจืดหรือน้ำกร่อยได้ อยู่ในวงศ์ปลากะพงขาว (Latidae) มีรูปร่างลำตัวหนาและด้านข้างแบน หัวโต จะงอยปากค่อนข้างยาวและแหลม นัยน์ตาโต ปากกว้างยืดหดได้ มุมปากอยู่เลยไปทางหลังนัยน์ตา ฟันเป็นฟันเขี้ยวอยู่บนขากรรไกรบนและล่าง ขอบกระดูกแก้มเป็นหนามแหลม ขอบกระดูกกระพุ้งเหงือกแข็งและคม คอดหางมีขนาดใหญ่และแข็งแรง เกล็ดใหญ่มีขอบหยักเป็นหนามเมื่อลูบจะสากมือ ครีบหลังอันแรกมีก้านครีบเป็นหนามแข็ง ปลายแหลม อันที่สองเป็นครีบอ่อนมีขนาดใกล้เคียงกัน ครีบใหญ่ปลายกลมมน พื้นลำตัวสีขาวเงินปนน้ำตาล แนวสันท้องสีขาวเงิน มีขนาดความยาวประมาณ 20-40 เซนติเมตร พบใหญ่สุดถึง 2 เมตร หนักได้ถึง 60 กิโลกรัม โดยปลาที่พบในทะเลจะมีขนาดใหญ่กว่าปลาที่พบในน้ำจืด[1]
พบกระจายทั่วไปในชายฝั่งทะเลของทวีปเอเชียไปจนถึงตอนเหนือของออสเตรเลีย โดยเป็นปลาที่อพยพไปมาระหว่างทะเลกับน้ำจืด โดยพ่อแม่ปลาจะว่ายจากชายฝั่งเข้ามาวางไข่ในป่าชายเลนหรือปากแม่น้ำ จนกระทั่งลูกปลาฟักและเติบโตแข็งแรงดีแล้ว จึงจะว่ายกลับสู่ทะเล บางครั้งพบอยู่ไกลจากทะเลนับเป็นร้อย ๆ กิโลเมตร เช่นที่ แม่น้ำโขง ก็มี[2]เป็นปลากินเนื้อ อาหารได้แก่ สัตว์น้ำ, ปลา, กุ้ง ที่มีขนาดเล็กกว่า
เป็นปลาเศรษฐกิจที่กรมประมงส่งเสริมให้เลี้ยง เกษตรกรนิยมผลิตลูกปลาชนิดนี้ส่งไปจำหน่ายยังประเทศมาเลเซียและไต้หวัน เนื้อมีรสชาติดี นำมาประกอบอาหารได้หลายประเภท เช่น แปะซะ, นึ่งบ๊วย เป็นต้น และนิยมตกเป็นเกมกีฬา อีกทั้งยังเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้อีกด้วย
ปลากะพงขาวยังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ปลากะพงน้ำจืด" ขณะที่ชื่อท้องถิ่นในลุ่มแม่น้ำบางปะกงเรียก "ปลาโจ้โล้"
ปลาอีคุด (หรือสะกดว่า ปลาอีคลุด; อังกฤษ: Picnic seabream; ชื่อวิทยาศาสตร์: Acanthopagrus berda) ปลากระดูกแข็งชนิดหนึ่ง ในวงศ์ปลาอีคุด หรือ วงศ์ปลาจาน (Sparidae)
มีลำตัวกว้าง และแบนข้าง ส่วนโค้งนูนของหัวและสันหลังต่างกับท้องมาก หัวโต นัยน์ตาโปน จะงอยปากทู่ ปากเล็ก มุมปากยื่นเข้ามาเป็นแนวใต้จุดกึ่งกลางนัยน์ตา ครีบหลังมีก้านครีบเดี่ยวเป็นซี่แข็งปลายแหลม 11 ก้าน และก้านครีบแขนง 10-13 ก้าน ครีบก้นมีก้านครีบเดี่ยว 3 ก้าน ก้านครีบอันกลางใหญ่และยาวกว่าก้านครีบอื่น ๆ และก้านครีบแขนง 11 หรือ 11 ก้าน ครีบอกยาวปลายแหลม ครีบท้องค่อนข้างใหญ่ และมีก้านครีบเดี่ยวเป็นซี่แข็งปลายแหลม 1 ก้าน ครีบหางปลายเป็นแฉกไม่ลึก ลำตัวเป็นสีเทาอมดำ ท้องสีขาวอมดำ ครีบหลังและครีบก้นมีขอบดำเปราะ ๆ เกล็ดมีความเงางาม
มีความยาวเต็มที่ประมาณ 75 เซนติเมตร พบกระจายพันธุ์ตามบริเวณปากแม่น้ำและชายฝั่งที่เป็นทราย ตั้งแต่บริเวณน้ำตื้น ๆ ถึงน้ำลึกประมาณ 50 เมตร พบได้ทั้งในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
เป็นปลาเศรษฐกิจ เนื้อค่อนข้างแข็งจึงนิยมนำไปต้มมากกว่าวิธีการปรุงอย่างอื่น จึงทำให้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ปลาหม้อแตก" หรือ "ปลากูกู" ในหมู่ชาวมุสลิม[2] นอกจากนี้แล้วยังนับว่าเป็นปลาเพียงไม่กี่ชนิดในวงศ์เดียวกันนี้ ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับน้ำกร่อยหรือน้ำจืดสนิทได้ จึงมีการเลี้ยงเป็นปลาสวยงามอีกด้วย โดยเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ไม่ดุร้ายทำร้ายปลาชนิดอื่นในที่เลี้ยงด้วยกัน และราคาไม่แพง[3]