Рет қаралды 1,840
#pluto #พลูโต #ดาวเคราห์แคระ #space #สาระน่ารู้
พลูโต: โลกน้ำแข็งนอกขอบสุริยะ
ในอาณาจักรอันไกลโพ้นของระบบสุริยะ มีดาวเคราะห์แคระชื่อ "พลูโต" ซึ่งเคยได้รับการยกย่องให้เป็นดาวเคราะห์ดวงที่เก้า ก่อนที่สถานะของมันจะถูกลดระดับลงในปี ค.ศ. 2006 พลูโตตั้งอยู่ในเขตไคเปอร์ (Kuiper Belt) ซึ่งเป็นแหล่งรวมวัตถุอวกาศขนาดเล็กที่โคจรรอบดวงอาทิตย์
ข้อมูลพื้นฐาน
พลูโตมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2,377 กิโลเมตร ซึ่งเล็กกว่าดวงจันทร์ของโลก โครงสร้างของมันประกอบด้วยหินและน้ำแข็ง และมีชั้นบรรยากาศบางเบาที่ส่วนใหญ่เป็นไนโตรเจนผสมกับมีเทนและคาร์บอนมอนอกไซด์ อุณหภูมิพื้นผิวโดยเฉลี่ยประมาณ -229 องศาเซลเซียส ทำให้มันเป็นหนึ่งในวัตถุที่หนาวเย็นที่สุดในระบบสุริยะ
การโคจร
วงโคจรของพลูโตมีลักษณะรีและเอียงจากระนาบสุริยะมากกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น ใช้เวลา 248 ปีโลกในการโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ บางครั้งพลูโตเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวเนปจูน แต่เนื่องจากวงโคจรที่ซ้อนกันในลักษณะเฉียง ทั้งสองดาวไม่มีโอกาสชนกัน
การค้นพบ
พลูโตถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1930 โดย Clyde Tombaugh นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน การตั้งชื่อ "พลูโต" ได้รับแรงบันดาลใจจากเทพเจ้าแห่งโลกใต้พิภพในตำนานโรมัน
นวัตกรรมการสำรวจ
ในปี ค.ศ. 2015 ยานสำรวจ New Horizons ขององค์การนาซาได้เดินทางผ่านพลูโตเป็นครั้งแรก เผยให้เห็นภาพพื้นผิวที่เต็มไปด้วยความลึกลับ มีธารน้ำแข็งที่เคลื่อนที่เนิบช้า และภูเขาที่สร้างขึ้นจากน้ำแข็งแข็งคล้ายหิน บริเวณเด่นชัดที่สุดคือ "Sputnik Planitia" ซึ่งเป็นที่ราบรูปหัวใจที่ปกคลุมด้วยไนโตรเจนแข็ง
ดวงจันทร์ของพลูโต
พลูโตมีดวงจันทร์ที่รู้จัก 5 ดวง ได้แก่
1. ชารอน (Charon): ดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุด มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของพลูโต
2. นิกซ์ (Nix) และ ไฮดรา (Hydra): ดวงจันทร์ขนาดเล็ก
3. เคอร์เบอรอส (Kerberos) และ สติกซ์ (Styx): ดวงจันทร์ที่เล็กและมืดกว่า
บทบาทในระบบสุริยะ
แม้พลูโตจะไม่ได้รับการจัดว่าเป็น "ดาวเคราะห์" อีกต่อไป แต่มันยังคงเป็นวัตถุที่สำคัญในด้านดาราศาสตร์ มันช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจธรรมชาติของระบบสุริยะชั้นนอกและพัฒนาทฤษฎีเกี่ยวกับการก่อตัวของดาวเคราะห์
ในมุมมองของมนุษยชาติ พลูโตไม่ใช่เพียงแค่วัตถุในอวกาศ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความอยากรู้อยากเห็นและความพยายามที่จะสำรวจสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจเดิมๆ ของเรา