KZ
bin
Негізгі бет
Қазірдің өзінде танымал
Тікелей эфир
Ұнаған бейнелер
Қайтадан қараңыз
Жазылымдар
Кіру
Тіркелу
Ең жақсы KZbin
Фильм және анимация
Автокөліктер мен көлік құралдары
Музыка
Үй жануарлары мен аңдар
Спорт
Ойындар
Комедия
Ойын-сауық
Тәжірибелік нұсқаулар және стиль
Ғылым және технология
aพระอาจารย์คึกฤทธิ์ บรรยายพุทธวจน พุทธวจนสถาบันภาคใต้ 2014 02 02
22:52
ความยึดมั่นถือมั่นในอรรถกถา ครูอาจารย์ , ความเห็นอรหันต์(สาวก)มีโอกาสพลาด , จุดมุ่งหมายของพุทธวจน
27:51
99.9% IMPOSSIBLE
00:24
Правильный подход к детям
00:18
Cat mode and a glass of water #family #humor #fun
00:22
It’s all not real
00:15
พุทธวจน-ความเข้าใจผิดและความยึดมั่นใน "อรรถกถา"
Рет қаралды 44,544
Facebook
Twitter
Жүктеу
1
Жазылу 2,3 М.
Sodaban Buddhist
Күн бұрын
Пікірлер: 352
@pgbicycle
7 жыл бұрын
ถ้าพระไทยเริ่มใช้คำพระตถาคตอย่างแท้จริง เงิน ทอง ลาภสักการะ และพวกที่หากินกับการปลุกเสก ทำพิธีนู่นนี่นั่นจะได้รับผลกระทบจึงไม่แปลกถ้าจะมีคนต่อต้าน ส่วนตัวศรัทธาพระอ.คึกฤทธิ์มากครับ สาธุ สาธุ
@อารท์กริชทรัพย์
3 жыл бұрын
พระอาจารย์ เป็นพระผู้พหูสูตรแท้จริง กราบสาธุครับ
@somsakartngim1667
8 жыл бұрын
เปิดธรรมที่ถูกปิดยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง แจ่มแจ้งนัก สาธุ สาธุ สาธุ
@aranyaladee522
6 жыл бұрын
ุโต้วาทะได้ยอดเยี่ยมครับ ไม่มีใครคัดง้างติเตียนคำพระศาสดาได้เลยจริงๆ สาธุครับ
@o0matthewyung0o
8 жыл бұрын
ถ้าฟังหรืออ่านคำของพระตถาคตบ่อยๆ จะทราบด้วยตนเองว่า คำนั้นๆมีความหมายอย่างไร เพราะดิฉันก็ฟังเนืองๆก็จะเข้าใจในคำพระศาสดาค่ะ ส่วนผู้ใดไม่ค่อยได้ฟังก็จะไม่เข้าใจค่ะ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ นำคำของพระพุทธเจ้ามาบอกให้พวกเราทราบที่ถูกต้องแล้วค่ะ
@เชือกเทียนถักสามฤดู
7 жыл бұрын
อยากรู้อะไรอันผิดถูกต้องลองฟังก่อนครับ ผมคนนึงที่ เคยไม่ชอบฟังพระเทศณ์ ผมว่าหน้าเบื่อ แต่!!พอมาเจอพุทธวจน ผมนี้ติดเลย3ปีแล้วครับ
@lolaf.7410
9 жыл бұрын
ขอบพระคุณพระอาจารย์คึกฤทธิ์ที่ทำให้ชาวพุทธรู้จักพุทธวจน ซึ่งตลอดชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า
@thewordsofthebuddha1107
7 жыл бұрын
รู้สึกเวทนากับมหาชนที่ไม่รู้จัก พุทธวจน สาธุค่ะ🙏
@o0matthewyung0o
8 жыл бұрын
พระสงฆ์หลายท่าน ไม่ค่อยได้ศึกษาคำพระพุทธเจ้าก็เลยไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็มาเถียงพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ค่ะ
@อีปริกอีปริก
6 жыл бұрын
Matthew Yung แล้วตัวคุณเองศึกษามาเยอะแค่ไหนครับถึงรู้ว่าเค้าพูดมาเป็นความจริงทั้งหมด
@o0matthewyung0o
8 жыл бұрын
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ได้ค้นคว้ามาหลายเล่ม ทั้งไทยและบาลี และหนังสือจากหลายๆประเทศ มาเทียบเคียง จึงได้ทราบว่า อันไหนพุทธวจน หรือ อรรถคาถา และอีกอย่าง พวกเราชาวพุทธ ต้องฟังบ่อยๆค่ะ จึงจะรู้และเข้าใจในพุทธวจน ค่ะ
@eakanankeawmontree6099
2 жыл бұрын
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ศึกษาคำสอนเเท้ จึงยากที่ ผู้อื่นจะคัดง้าง เพราะเป็นคำสอนพระพุทธเจ้า เหมือนอดีตที่ไม่มีใครคัดง้่างพระพุทธเจ้าได้เลย ขอบคุณพระอาจารย์ที่เบิกตากระผม นำคำสอนเเท้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธ มาเผยเเพร่ ครับ
@รัศมีทองคํา-ณ5ภ
Жыл бұрын
สัจธรรมคือปฏิจจสมุปบาทคะ อริยมรรคมีองค์แปด ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 อริยสัจสี่ ซ่อนอยู่ใน ปฏิจจสมุปบาท บรรลุธรรมคือเห็น ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ เน้นที่ ปฏิจจสมุปบาท ได้เลยคะ
@chatnarongeiamprik3728
8 жыл бұрын
ฟังแล้วชัดเจน เข้าใจเข้าถึง บริสุทธิ
@บาลี5nuunengdj
3 жыл бұрын
พอจ.คึกฤทธิ์ ผมว่าท่านต้องศึกษาภาษาบาลีเพิ่มนะครับ เพราะคำที่เป็นพุทธวจนส่วนมากจะมาในรูปของคาถา เพราะคำบางคำจะต้องแก้อรรถกถาในคำนั้นถึงจะรู้คำแปล เข่นคำว่า สฬายตน ถ้าคนไม่รู้คืออะไร ก็ต้องไปดูในอรรถกถา พระอรรถกถาจารย์ท่านถึงแก้ไว้ให้เข้าใจ พอจ.คึกฤทธิ์ท่านยังไม่เข้าใจและก็ตอบไม่ตรงประเด็น ข้อความในพระไตรปิฏก ทั้งหมดนั้นถ้าจะบอกว่ามาจากพระโอฏฐ์เลยก็ไม่เชิงเพราะคนที่ตอบพระสูตรคือพระอานนท์ที่ฟังมาจากพระพุทธเจ้าอีกที และตอนสังคายนาครั้งแรกก็มีพระอรหันต์500รูปมาช่วยกัน แล้วจะมาบอกว่าไม่ให้เชื่อคำของสาวกได้ยังไง และสิ่งที่ท่านพอจ.คึก ทำอยู่นี่ก็คือการอธิบาย ซึ่งก็คล้ายๆกับสิ่งที่พระอรรถกถาจารย์ได้แปลไว้ในพระบาลี ผมถึงยอกว่าท่านอาจารย์คึก ควรจะศึกษาในพระบาลีเยอะกว่านี้
@koongk1970
2 жыл бұрын
ไปว้ดท่านเลยครับ..แนะนำอะไรได้ช่วยกัน..เพราะพุทวจนก็ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ดีที่สุดในขณะนี้
@taisaichan9568
2 жыл бұрын
@@koongk1970 เห็นด้วยครับ ไปช่วยพระอาจารย์ทำพุทธวจนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นดีกว่า
@เผ่าพลหงษ์ชูเกียรติ
Жыл бұрын
พระพุทธเจ้าอธิบายไว้หมดครับ ว่ามีความหมายว่าอะไร แต่ต้องอ่านให้หมด
@happykpp4843
8 ай бұрын
พระพุทธเจ้าอธิบายไว้หมด เกิดทันกันทั้งนั้นรึ...ตลก
@drsompong1
5 ай бұрын
พระพุทธเจ้ากล่าวสอนเป็นเฉพาะบุคคลหรือกลุ่มบุคคลในบริบทและจริตของผู้ฟังนั้นๆ คนทั่วไปจะไม่เข้าใจ อรรถกถาจารย์ในอดีตซึ่งมีความรู้และเข้าถึงธรรม จึงเข้ามาอธิบายเสริม ......ดูมหาปเทส4 ที่พระพุทธเจ้าตรัสให้เป็นแนวทางในการพิจารณาไว้ คือ ๑. สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นไม่ควร ๒. สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นควร ๓. สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นไม่ควร ๔. สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นควร.......คำศาสดาศึกษาอยู่แล้ว แต่หาคำตอบในคำตถาคต นั้นเราตีความได้ยากมาก มีหลายนัยยะ ควรดูอรรถกถาจารย์ อธิบายไว้ว่าอย่างไร แล้วพิจารณาด้วยตัวเอง พร้อมใช้หลักมหาปเทศ4 ด้วย......พอจ.คึกฤิทธ บรรลุธรรมระดับไหนแล้ว เท่ากันหรือใกล้เคียงกับ สาวก หรือ อรรถกถาจารย์ในอดีต.......ผิดก็ต้องรู้ว่าผิด ถูกก็ต้องรู้ว่าถูก ก็ต้องฟัง และ ศึกษา ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ครับ
@thirawut9608
Ай бұрын
อ่อผมพึ่งเข้าใจวันนี้เอง พระที่ถามพระอาจารย์คึกฤทธิ์หมายถึงท่านหมายถึงคำศัพท์บาลี ตั้งแต่แปลครั้งแรก
@ลุงเหน่งตรุณวิปัสสนา
6 жыл бұрын
อืมมม ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์เวลาท่านอธิบาย ท่านยกหลักฐาน ขึ้นมาจากพุทธวรรจนะนั่นแร่ะก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ อนุโมธนาครับ แต่ผมก็ศึกษาอรรคาถาควบคู่ไปด้วยครับ ท่านศึกษาพุทธวรรจนะไม่ผิดหรอกครับ ถูกแล้วครับ แล้วท่านที่ศึกษาอรรคาถาควบคู่ไปด้วยก็ไม่ผิดเหมือนกันครับ ประเด็นนี้ก็เก็บก่อนไว้ครับ ที่ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ยกพุทธวรรจนะขึ้นมาไม่มีไครสามารถค้านหรอกครับ อนุโมทนาครับ สั่นสะเทือน วงการสงฆ์ เปิดใจไห้กว้างครับ
@นายประสารแสงพระจันทร์
8 жыл бұрын
นับว่าเป็นบุญแล้วที่มีผู้รวบรวมและนำคำพุดของพระพุทธเจ้า มาเผยแผ่ ให้ฟัง
@วราวุธบางชัย
8 жыл бұрын
การศึกษาเรื่องอะไรทุกเรื่องต้องมีคำนิยามเสมอ ตามหลักวิชาการสมัยใหม่ แต่พุทธเจ้าก็มีคำนิยาม ถูกแล้วครับ แต่ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์กล่าวถูกต้อง ท่านกล่าวในคำของพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ ลดทิฐิเถอะครับแล้วลดมาศึกษา คำจากพระโอษฐ์ พุทธวจน คำของพระพุทธเจ้าแท้ๆแล้วท่านจะเข้าใจเองครับ เหมือนผมเคยเจอมาแล้วเคยต้านมาแล้ว
@khamsmnx5537
8 жыл бұрын
ไช่คลับพุธวจนถูกต้องสุดๆผมมารู้ลมหายใจได้ก้อเพราะพุธวจน ยากให้พระทังหลายมาสึกษาพุธวจนจะได้รู้คำสอนที่แท้จิงจะได้ไม่มาหลอกเอาเงินประชาชนไปวันๆ
@khamsmnx5537
8 жыл бұрын
+kham smnx วัดนาป่าพงผมเคยไปประติบัตธรรมมาแล้วเขาทำตามพุธวจน จริง
@dog2119
8 жыл бұрын
ผมฟัง7เดือน เลิกยาได้เลย อาจเป็นเพราะไม่ได้เสพเยอะด้วย แปลกใจที่ความอยากมันหายไปเป็นปลิดทิ้ง ทั้งที่ท่านก็ไม่ได้เทศน์ เรื่องเสพยาเท่าไหร่ / แต่เรื่องsex ยังอยากอยู่55+ ต้องฝึกต่อไป ก่อนตาย ต้องละให้ได้ ร่างกายคนเรามันเสื่องลงเรื่อยๆ พลังทางเพศก็คงไม่อยู่ค้ำฟ้าหรอก /กิเลสเป็นตัวทุกข์แท้ๆ
@เชาวฤทธิ์ขัดสี
3 жыл бұрын
@@dog2119 555+ ถ้าไม่ติดหี ลูกผู้ชายอย่างเราๆนี่ คงออกบวชบรรลุมรรคผลกันมากต่อมากแล้ว 555+
@รัศมีทองคํา-ณ5ภ
Жыл бұрын
เพราะความจริงก็คือ พุทธวจน คือ อริยมรรคมีองค์แปดนั่นเองคะ เข้ามาศึกษา พุทธวจน ตถาคตภาษิต เป็นเหตุปัจจัยถูกนั่นเองคะ เป็นการเจริญอริยมรรคมีองค์แปดตามกำลังของอินทรีย์ อินทรีย์ 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา การเข้ามาศึกษาพุทธวจนเป็นการสร้างเหตุปัจจัยถูก เหมือนอุปมาบุรุษต้องการน้ำมันที่สร้างเหตุปัจจัยถูก ด้วยการนำเมล็ดงามาเกลี่ยลงในรางประพรมน้ำแล้วลงมือคั้น เขาจะได้น้ำมันเพราะสร้างเหตุปัจจัยถูกนั่นเองคะ พุทธวจนคืออริยมรรคมีองค์แปด หนทางสู่นิพพานคือ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ
@nengboonchai
2 жыл бұрын
สาธุพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
@พฤกษ์โมบาย-ต6ฐ
2 жыл бұрын
ดิฉันผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นสิบปีอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะก็อ่าน เรียนจบมารู้แค่ ประวัติพระพุทธเจ้า ศีล 5 แต่อยากรู้ว่านิพพานคืออะไร สติปัฏฐานสี่ คืออะไร ตายแล้วไปไหน ฯลฯ นั่งสมาธิกล่าวคำบริกรรมก็ติดขัดไม่สำเร็จ แต่พอมาฟังพุทธวจน ที่ท่านพระอาจารย์คึกฤทธิ์นำคำสอนที่พระพุทธเจ้ามาบอกสอนกลับได้คำตอบทุกเรื่องและปฏิบัติได้จริง....สาธุในพระธรรมคำสอน
@นานดํารงศักดิ์ชาภักดี
2 ай бұрын
กราบนมัสการพระอาจารย์เป็นอย่างมากได้ความรู้มาก....ตอบปัญหาได้ชัดเจนมากๆ
@alj2041
4 жыл бұрын
สาธุๆคะพระอาจารย์คึกฤทธิ์
@chronobkk
9 жыл бұрын
"คำศาสดาจะสอดรับไม่ขัดแย้งกัน"
@dekdng4112
8 жыл бұрын
สาธุ สาธุ สาธุ พระอาจารย์คึกฤทธิ์
@ศุภมานพอัมวัน
5 жыл бұрын
ผมรู้เห็นพร้อมๆกับอาจารย์ พุทธวจน ตอนผมบวช เก็บไว้กับตัว
@catm7524
6 жыл бұрын
พระอาจารย์เลิศที่สุด อัจฉริยะที่สุด
@Wagggggggg
Жыл бұрын
เลิศตรงไหนครับ ก็คัดหลอกเขามาเหมือนกัน
@o0matthewyung0o
8 жыл бұрын
ข้อสำคัญ ต้องตรงกันทั้งไทยและบาลี ตามที่พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ได้ค้นคว้ามาค่ะ
@วิธีแก้กรรมที่ถูกต้องตามหลักขอ
Жыл бұрын
สาธุๆชัดเจนเลยครับ
@Jaruwan2537
9 жыл бұрын
สาธุ พุทธวจน
@toeystar6883
8 жыл бұрын
ผมเป็นผู้ใหม่ ได้เห็นธรรมที่ถูกปิดจากพระอาจารย์ครับ แต่ผมกลับเห็นคนบางกลุ่มพยายามโจมตีท่านอาจารอย่างหนัก และพยามกล่าวตู่ท่านอย่างน่าเกลียดด้วยการตัดต่อภาพ+ตัดข้อความที่พระอาจารย์ไม่ได้กล่าว หรือกล่าวแต่มีเจตนาอีกนัยนึง แต่ผู้ใสร้ายกลับบิดเบือนถ้อยคำให้เป็นนัยอื่น ... ผมตกใจ แล้วก็รู้สึกกังวลแทนคติที่กลุ่มคนเหล่านั้นจะต้องไปหลังตายจริงๆคับ
@jesadasomsatan9331
6 жыл бұрын
toey star ื
@smaxbio1
6 жыл бұрын
เรียนถามคุณ Cholsa Met ช่วยชี้แจงที่มาของ 'อรรถกถา' ในพระบาลีที่ยกสูตรข้างต้นมา แต่เมื่อผมเทียบบาลีแล้ว บทพยัญชนะ 'อรรถกถา' มิได้มีปรากฏในประโยค แม้ประโยคอื่นก็เทียบเคียงค้นหาไม่พบแต่อย่างใด.... เพราะถ้าพระบาลีไม่ได้แสดงไว้ นัยยะการเรียนศึกษาคำสอนก็ยังคงเป็นไปตามหลักมหาปเทส ๔.... (คือถ้าคำสอนนั้นมิใช่พระดำรัสของพระพุทธเจ้า ให้พวกเราทิ้งคำเหล่านั้นไปเสีย) ....................................................................................... พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๔ ข้อ ๘๒ (etipitaka.com/read/thai/4/69) ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌายะพึงสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก ด้วยสอนบาลีและอรรถกถา ด้วยให้โอวาทและอนุศาสนี. ....................................................................................... พระไตรปิฎก บาลี (สยามรัฐ) เล่มที่ ๔ ข้อ ๘๒ (etipitaka.com/read/pali/4/91) อุปชฺฌาเยน ภิกฺขเว สทฺธิวิหาริโก สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุทฺเทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยา ฯ
@kapunalifestyle9424
6 жыл бұрын
Cholsa Met พระสูตรที่คุณยกมาไม่มีในพระสูตร และผมเห็นคุณ เข้ามาแบบนี้เข้ามาตอบกลับแต่ละเม้นตลอด คุณต้องการอะไรครับ คุณลองยกพระสูตร มาสิครับ เอามาจากพระไตรปิฏก ฉบับอะไร หน้าเท่าไหร คุนไม่อ้างอิงเลย
@kapunalifestyle9424
6 жыл бұрын
Sodaban Buddhist ผมเห็นด้วยครับ ผมเห็นเข้าคนนี้ มาคอมเม้นแบบนี้หลายวีดีโอมากครับ ยกพระสูตรมาแต่ไม่ยอม อ้างอิงที่มาครับ
@smaxbio1
6 жыл бұрын
เรียนคุณ Pou ตามที่ Cholsa Met ยกมานั้นเป็นเนื้อความจากพระไตรปิฎกภาษาไทยถูกต้องแล้ว เพียงแต่เขามิได้ระบุอ้างอิงให้ทราบไว้ ประกอบกับเนื้อหาที่ยกมามีบริบทที่เขาพอใจอยู่เขาจึงรีบยกมาทันทีโดยมิทันเทียบเคียงพระบาลีเสียก่อน.... ประเด็นของผมคือการเทียบเคียงคำสอนในพระบาลี ดังนี้ "ด้วยให้โอวาทและอนุศาสนี" เทียบเคียงแล้วมีปรากฎบทพยัญชนะต้นคือ -> "โอวาเทน อนุสาสนิยา" "ด้วยสอนบาลีและอรรถกถา" เทียบเคียงแล้วไม่พบแม้ทั้งบทเดียวกัน ...................................................................................................................... นี่แหล่ะคือปัญหาของการไม่ใช้หลักมหาปเทส ๔ ทำให้เกิดมิจฉาทิฏฐิขึ้นมา ซึ่งหากเราศึกษาพระสูตรมากๆเข้า เราจะเห็นความสอดรับกันของพระสูตรได้เอง และนั่นจะเป็นเกณฑ์ตรวจสอบที่แท้จริงได้ครับ... *** อย่าไปสนใจคนที่ต่อต้านเลยนะครับ เราเอาตัวเรารอดก่อนดีกว่า ท่องให้ได้ก่อน 1-2 บท ก็คุ้มแล้วชีวิตนี้ ***
@เทียนไขเล่มน้อย
3 жыл бұрын
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ได้โปรดอย่าทําศาสนาพุทธ ให้กลายเป็นลัทธิอีกเลย กราบขอร้องล่ะครับ
@smaxbio1
3 жыл бұрын
พระคึกฤทธิ์ทำอย่างไร คุณจึงกล่าวว่าท่านกำลังทำศาสนาพุทให้กลายเป็นลัทธิ?
@เทียนไขเล่มน้อย
3 жыл бұрын
@@smaxbio1 เพราะขยายความในหลักพุทวจนแบบผิดๆ ทำให้คนหลงทาง ไม่ฟังอคำอรรกถาเลย ตีความเพิ่มเติมด้วยตัวเองซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่ง
@smaxbio1
3 жыл бұрын
@เทียนไข เล่มน้อย อรรถกถามีอยู่ในศาสนาพุทธหรือครับ? พระพุทธเจ้าได้บัญญัติอรรถกถาไว้ที่แห่งใด? 'ศาสนา' = คำสอน 'พุทธะ' = พระพุทธเจ้า 'ศาสนาพุทธ' = คำสอนพระพุทธเจ้า (ถ้าคุณเป็นนักธรรมก็ลองแปลดูว่าจะได้ต่างจากนี้อีกไหม?... หรือไม่ก็ลองถามพวกนักธรรมดูก็ได้ครับ) พระพุทธเจ้าเป็นศาสดา(เจ้าของศาสนาพุทธ) แล้วเหตุใดอรรถกถาที่ไม่ใช่สิ่งที่มีในธรรมวินัยที่เป็นเพียงคำอธิบายหลังยุคพุทธกาลจึงสามารถวินิจฉัย 'ธรรมวินัย' ของตถาคตได้เล่า? การที่พระสูตรได้มาจากภาษาบาลีที่เหล่าอรรถกถาจารย์เป็นผู้เทียงเคียงศัพท์ไว้นั้นไม่ได้แปลว่าท่านเหล่านั้นสามารถใช้ปัญญาของเขาไปปรับแก้ชี้แนะคำสอนที่ได้จากพระปัญญาของอรหันตสัมมาสัมพุทธะได้นะครับ... ที่จริงแล้วเหล่าอรรถกถาจารย์นี้มีคุณความดีที่ได้รักษาธรรมวินัยไว้ได้แค่นั้น... ผมขออุปมาเหมือนครูคนไทยสอนวิชาวิทยาศาสตร์ด้วย Text Book ให้กับเหล่านักเรียนไทย.... ครูไทยก็ต้องสอนตามทฤษฎีของศาสตร์ต่างๆของผู้คิดค้น (กาลิเลโอ, ไอน์สไตน์, นิวตัน, ...) ซึ่งถ้าใครสามารถพิสูจน์ค้นพบทฤฎีใหม่ได้คนๆนั้นก็ได้รับการประกาศเป็นทฤษฎีนั้นๆไปเลย... เช่นกันถ้าพระพุทธเจ้าบัญญัติบัว ๓ เหล่าไว้ แต่อรรถกถาปรับใหม่ให้เป็นบัว ๔ เหล่า... หรือกรณีตีความพระสูตรที่ทรงห้ามฟังคำสอนสาวกให้เป็นสาวกนอกศาสนา(พาหิรกา สาวกภาสิตา) เพื่อให้ตนและคณะสมัยนั้นบัญญัติอรรถกถาได้ทั้งๆที่เป็นเรื่องแปลกที่เหล่าผู้รู้ไม่ทราบไม่เห็นช่องโหว่ทำนัยยะพระสูตรนั้นแปลได้ว่าพุทธบริษัทสามารถรับฟังคำสอนในศาสดานอกศาสนาก็ได้ *** ผมคิดอรรถกถาค้นพบคำสอนที่ต่างไปจากพระพุทธเจ้าก็น่าจะตั้งศาสนาใหม่ไปซะเลย... มิใช่มาแอบอิงจะแก้อะไรก็แก้กันไปตามฉํนทะของตนเยี่ยงนี้ *** เหล่าอริยสาวกในพุทธกาลเขาก็ฟังแต่คำสอนพระพุทธเจ้า แล้วบรรลุธรรมกันทั้งนั้น... สมัยเรานี้ก็ใช้แนวทางตามเหล่าอริยสาวกเหล่านั้นแล้วทำไมคุณถึงมาแย่งวิถีแห่งตถาคตเล่า?
@panyachon8890
3 жыл бұрын
@@smaxbio1 พระอรรถกถาจารย์ ครูอาจารย์ยังคงมีความสำคัญอย่างมากในการอธิบายขยายความเพื่อความรู้ความเข้าใจในธรรมะคำสอนของพระศาสดา จำเป็นอย่างยิ่งต่อการเผยแผ่และสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา พระรัตนตรัย คือ แก้วประเสริฐ ๓ ประการประกอบด้วย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หากท่านให้บุคคลเคารพเชื่อฟังแต่พระพุทธและพระธรรม แล้วพระสงฆ์จะเอาไปไว้ที่ไหน.? พระพุทธศาสนาจะต้องประกอบด้วยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มิใช่หรือ.?
@smaxbio1
3 жыл бұрын
@@panyachon8890 ขอถามที่มาความเป็นตัวตนของความเป็นอรรถกถาจารย์ครับว่าพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ที่ไหน... อย่างไร.... ครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่... มีปรากฏว่าทรงเคยตรัสถึงอรรถกถาจารย์หรือไม่? *** ถ้าอรรถกถาจารย์ไม่มีปรากฎในครั้งพุทธกาลและพระพุทธเจ้าไม่เคยบัญญัติไว้... ตัวตนความเป็นอรรถกถาจารย์ถือเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสสอน... ย่อมไม่ใช่ศาสนาพุทธ... พอหลังพุทธกาลล่วงไปแล้วจึงปรากฏแต่งตั้งตัวตนนี้กันขึ้นมาเอง... แล้วคุณไปเทิดทูลตัวตนแบบนี้ให้เป็นภิกขุสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร??? ทำไมไม่ศึกษาความเป็นสาวกตามที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ล่ะครับ?
@adda5803
7 жыл бұрын
สาธุครับพระอาจารย์
@03_คัทลียาจิระพรกุล
8 жыл бұрын
ผมไม่ใช่ศิษย์ของ พอจ.คึกฤทธิ์ แต่ผมไม่ท่านอวดอ้างธรรมของพระพุทธเจ้าว่าเป็นของตน ผม เห็นแต่ท่านพูดว่าให้เชื่อ พุทธวจนะ อย่างเดียว
@baueychai
3 жыл бұрын
ไม่รู้ว่า "อรรถกถา" ภาษาสิงหล เป้นธรรมวินัยตระกร้าแรกที่อุบัติขึ้นในโลกครั้งเมื่อสมัยพระเจ้าอโสกมหาราช นำไปประดิษฐานที่ลังกา เมื่อปี พศ.328 และบันทึกลงเป็นอักษรทั้งหมดที่เป็นพระธรรมวินัย (ก่อนแยกออกเป็น ๓ ตระกร้้า ปี พศ.400 กว่าๆ ) สาวกใดที่ไม่มีฌาณ ไม่มีญาณ แต่กล่าวตู่ประวัติศาสตร์ และนำมาแสดงเมือ่ไม่นานมานี้ (ฉบับแรกของโลก) จึงไม่กล้าไปทัดทาน เพราะสมองหมาปัญญาควาย ดีแต่อวด ดีแต่พูด
@baueychai
3 жыл бұрын
นี้เป็นการบันทึกที่ได้ศึกษามาของ "มหาจุฬาราชวิทยาลัย มีครบจนถึงปัจจุบัน oldweb.mcu.ac.th/mcutrai/menu2/Article/article_23.htm
@teeratoey
4 жыл бұрын
เจอของจริง !!! ข้างๆ คูๆ แล้วจะมางัดแย้งกับสาวกพระศาสดาที่แท้จริง
@ตามรอยตํานานครู
7 жыл бұрын
ผมว่านะ ตามที่ผมฟังมา ใครจะว่าพระอาจารยังไงนั่นไม่สำคัน แต่สิ่งที่พระอาจารพูดมา พระสงควรทำให้มาก เจริณแน่นอน พระสงจะน่าเลื่อมใสมากขึ้น เพราะสิ่งที่พระอาจารพูดมา ท่านก็เอามาในตำราทั้งนั้นเลย
@user-li2rf5rf3d
9 жыл бұрын
ถ้อยคำของตถาคตนั้น เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา เป็นการจัดระเบียแห่งถ้อยคำที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังทรงห้ามภิกษุบัญญัติเพิ่ม ดังนั้นข้อสรุปเรื่องนี้ คงให้พยายามกรองเอาแต่คำตถาคตที่มีการทรงจำและบันทึกสืบต่อกันมา ซึ่งก็มีไม่น้อย คำของพระองค์ไม่ต้องมีการอธิบายเพิ่ม พระองค์บัญญัติสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว การแต่งเพิ่มการบัญญัติเพิ่มจะมีแต่ทำให้พระธรรมปฏิรูปไป ไม่มีเนื้อแท้ จึงขอให้สาธุชนพุทธบริษัทพิจารณาตามควร ว่าเราต้องการธรรมแท้หรือธรรมเทียม ต้องการสังคสามัคคี หรือสังคเภท เรามาวางคำสาวก แล้วศึกษาเฉพาะคำตถาคต จะลัด สั้น ตรง ดีกว่า เข้าใจง่าย และครอบคลุมครับ
@phranammon
9 жыл бұрын
+มณทิชา เพ็ชร์สัมฤทธิ์ พึงทรบไว้เถิดว่า คำแปลของถ้อยคำทั้งหลายในพระไตรปิฏก หลายศัพท์หลายประโยคที่ยากนั้น อรรถกถาท่านให้แนวในการแปลไว้ นั่นก็คือคำแปลที่ใช้ๆ กันนั้นต้องอาศัยการอธิบายศัพท์จากท่านอรรถกถาจารย์ทั้งนั้น แล้วอย่างนี้จะกล่าวว่า ไม่เอาอรรถกถา เป็นการหลอกตัวเองหรือไม่ ท่านที่ไม่เคยเรียนบาลีมาย่อมไม่ทราบประเด็นนี้ แต่ท่านที่เคยศึกษามาบ้างจะเข้าใจได้ไม่ยากเย็นเลย การปฏิเสธอรรถกถานั่นก็เป็นการปฏฺิเสธคำแปลอย่างนั้นๆ ด้วย คำถามก็คือ สำนักของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์แปลบาลีกันอย่างไร แปลเองอย่างนั้นหรือ โดยไม่ต้องอาศัยตำราที่ท่านผู้รู้แปลไว้ก่อนหน้านั้น (ซึ่งแปลตามแนวของอรรถกถา)
@สันติเซี่ยงเจ้น
8 жыл бұрын
+อาตี๋ แซ่ต๊ะ ใช่คับตอนนี้คุนกำลังหลอกตัวเองอยู่อย่ามาเหนื่อยกับตรงนี้เลยคับกลับไปศึกษาอรรถกถาของคุนต่อเถอะตรงนี้เค้าจะศึกษาแต่คำตถาคตกันคับ
@smaxbio1
8 жыл бұрын
สาวกพวกอรรถกถาจารย์ทั้งหลายอ้างบัญญัติข้อไหนในการ 'อธิบายธรรมของพระศาสดา' ถ้าจะอ้างพระเถระพุทธกาลเป็นอรรถกถาจารย์ก็แน่ให้ไปอ่านพระสูตร: 'มหาโคสิงคสาลสูตร (การสนทนาธรรมเรื่องผู้ทำให้ป่างาม)', พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๒ ข้อ ๓๖๙ - ๓๘๒ ซะก่อนแล้วจะรู้ว่าพระเถระแม้ระดับปัญญาวิมุติอย่างพระสารีบุตรเขาก็จะรับฟังทรงจำเฉพาะธรรมที่เป็นพระดำรัสหรือไม่ก็ธรรมที่พระศาสดารับรองเท่านั้น (ไม่งั้นจะเสียเวลาไปเข้าเฝ้าถามพระศาสดากันทำไมว่าใครพูดอะไรพอรับฟังได้ไหม) เรื่องบัวสี่เหล่า มีใครรับผิดชอบ? ทรงห้ามฟังคำสอนสาวก ก็มีอรรถกถาอธิบายกันโต้งๆว่าทรงห้ามฟังสาวกนอกศาสนา ทำให้เกิดความมัวหมองและสร้างช่องโหว่ให้กับพระดำรัสนั้นคือ 'สาวกในธรรมวินัยสามารถฟังคำสอนของศาสดานอกศาสนาได้' เรื่องนี้ก็หาตัวคนรับผิดชอบไม่ได้อีก แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช่อริยะเพราะมีบัญญัติไว้ว่า การแสดงธรรมที่ไม่ใช่ธรรมของตถาคตว่าเป็นธรรมของตถาคต = นรก ๑ กัป รู้อะไรบ้างแล้วก็ตอบหน่อย
@บาลี5nuunengdj
2 жыл бұрын
@@smaxbio1 ท่านได้เรียนบาลีไหมครับ ท่านเคยแปลพระไตรปิฏกจริงๆไหมครับ ถ้าไม่เคยผมว่า ท่านนั่นแหละครับที่ต้องระวังนรก ท่านคิดว่าพอจ.คึกฤทธิ์ อธิยายบาลีได้ถูกทุกคำหรอ บางคำเอามาอธิบายผิดๆ แล้วให้ญาติโยมจำไปผิดๆ แบบนี้ถูกแล้วหรือ จากที่ผมเรียนและเคยแปลพระไตรปิฏกมา ส่วนมาก คำพูดของพระพุทธเจ้า ส่วนม่กจะมาในรูปแบบของคาถา ซึ่งแปลยากและมีความหมายลึกซึ้ง และการที่จะแปลก็ต้องแปลโดยที่ไม่ให้ความหมายคลาดเคลื่อน เพราะฉะนั้นจึงต้อง อาศัยพระอรรถกถาจารย์ ที่ท่านอธิบายความหมายไว้ แล้วจึงนำความหมายนั้นๆมาแปล นี่คือความสำคัญของพระอรรถกถาจารย์ครับ ถ้าท่านพอจ.คึกฤทธิ์เป็นสัตบุรุษสมกับเป็นอาจารย์จริงๆ ต้องเข้าใจแล้วน้อมรับการติเตียนและนำไปปรับปรุง ส่วนลูกศิษย์ก็ต้องระวังถ้อยคำ ถ้าไม่เคยศึกษาก็ควรระวัง นรก 1 กัปป์นั้น ท่านจะเจอเองครับ
@กตปุญโญนามะ-ป9ต
6 жыл бұрын
สาธุ สาธุ สาธุ ธรรมของพระตถาคต
@ศักดิ์จันทวงศ์
8 ай бұрын
ผมมีข้อมูลของผมเฉพาะและตรงทุกอย่าง...ตามที่อาจารย์พูด..ผมเชื่อสิ่งที่พูดมา
@User_ub3ts9mh5x
2 жыл бұрын
สาธุๆๆครับ
@พิชญาณ์ณีตั้งไพโรจน์
7 жыл бұрын
ธรรมะ คือ ความจริง การยอมรับความจริง เป็นทักษะอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ฝึก ไม่คิดก็ฝึก ในทักษะนี้ ก็ย่อมเจ็บปวด เต็มไปด้วยการใช้อารมณ์ ตัดสินว่าคนนั้นถูก คนนี้ผิด ความคิดชั้นถูก ความรู้ชั้นจริง สิ่งอื่นไม่ใช่ สิ่งอื่นล้วนเท็จ อย่างนี้แล้ว คำว่า นิพพาน ยังอีกห่างไกลนัก
@พิชญาณ์ณีตั้งไพโรจน์
6 жыл бұрын
Cholsa Met 😂😂😂😂 ทำ ทำไมค่ะ ให้พระสงฆ์ยินดี ทำ ทำไมค่ะ ให้พระสงฆ์ไม่ยินดี เรื่องอื่นอาจจะโง่ๆ หน่อย ขออภับ แต่เรื่องจิตตั้งมั่น เป็นสิ่งที่โฟกัสให้ความสำคัญค่ะ ตามที่พระศาสดาขอก่อนละสังขาร แค่ 2ข้อ 1.อย่าประมาท 2.อย่าเป็นบุรุษคนสุดท้าย ความจริงแล้วท่านทำทุกอย่างจนถึงวินาทีสุดท้าย เพื่อประโยชน์ของคนธรรมดาๆ ไม่ใช่เพื่อใครเลย แม้แต่พระสงฆ์
@สืบสานตํานานครูมรดกโลกมรดกครู
7 жыл бұрын
สุกะลัง สาธุ นา สาธุ อะโห พุทโธ ธัมโม สังโฆ
@ท้าวเวชสุวรรณ
8 жыл бұрын
สาธุ
@นงคราญดวงสนิท
3 жыл бұрын
กราบสาธุๆๆๆ
@creammobile5350
2 жыл бұрын
ถ้าคุณเรียนรู้ศึกษาธรรมจนเกิดความเข้าใจดีแล้ว คุณจะไม่รังเกียจพระอรรถกถาจารย์เลย เพราะมีประโยชน์ในการขยายคำสอนของศาสดาให้เราเข้าใจดีขึ้น ผมสรุปง่ายๆนะครับ ดีก็เก็บมาใช้ ไม่เข้าข่ายก็ตัดทิ้งไป เหตุเพราะคำบางคำเรายังไม่เข้าใจและอาจตีความหมายในคำสอนผิดไปก็ได้ คนพุทธเขานับถือพระพุทธเจ้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วถ้าคุณคิดว่าอรรถกถาจารย์ไม่มีความจำเป็นคุณก็ซื้อหนังสือมหาวิทยาลัยมาโดยไม่ต้องไปเรียน นั่งอ่านอยู่ที่บ้านถึงเวลาคุณก็ไปสอบเลยสิครับ แต่อ.คึกฤทธิ์เขาเอาตัวอย่างตอนพระพุทธองค์ยังทรงมีชีวิตถึงไม่เข้าใจก็ยังทรงกราบทูลถามได้ ผมจึงมองมุมต่างจากอ.คึกฤทธิ์
@smaxbio1
2 жыл бұрын
ตถาคตสอนว่าพวกที่ไปเรียนคำสอนอื่นที่ไม่ใช่คำสอนตถาคตย่อมไม่บรรเทาความสงสัยในธรรม.... ดังนี้ครับ [อุกฺกาจิตวินีตา ปริสา โน ปฏิปุจฺฉาวินีตา] (บริษัทที่ดื้อด้าน) "ภิกษุในบริษัทใดในธรรมวินัยนี้ เมื่อผู้อื่นกล่าวพระสูตรที่ตถาคตภาษิตไว้ซึ่งลึกล้ำ มีอรรถอันลึกล้ำ เป็นโลกุตระ ปฏิสังยุตด้วยสุญญตธรรม ไม่ตั้งใจฟังให้ดี ไม่เงี่ยหูลงสดับ ไม่เข้าไปตั้งจิตไว้เพื่อจะรู้ทั่วถึง อนึ่ง ภิกษุเหล่านั้นไม่เข้าใจธรรมที่ตนควรเล่าเรียนท่องขึ้นใจ แต่เมื่อผู้อื่นกล่าวพระสูตรที่กวีได้รจนาไว้เป็นคำกวี มีอักษรวิจิตร มีพยัญชนะวิจิตร มีในภายนอก ซึ่งสาวกได้ภาษิตไว้ ย่อมตั้งใจฟังเป็นอย่างดี เงี่ยหูลงสดับ เข้าไปตั้งจิตไว้เพื่อจะรู้ทั่วถึง อนึ่ง ภิกษุเหล่านั้นย่อมเข้าใจธรรมที่ตนควรเล่าเรียน ท่องขึ้นใจ ภิกษุเหล่านั้นเรียนธรรมนั้นแล้ว ไม่สอบสวน ไม่เที่ยวไต่ถามกันและกันว่า พยัญชนะนี้อย่างไร อรรถแห่งภาษิตนี้เป็นไฉน ภิกษุเหล่านั้นไม่เปิดเผยอรรถที่ลี้ลับ ไม่ทำอรรถที่ลึกซึ้งให้ตื้น และไม่บรรเทาความสงสัยในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยหลายอย่างเสีย" etipitaka.com/read/thai/20/68/?keywords=%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%89%E0%B8%99
@creammobile5350
2 жыл бұрын
การจะเรียนวิชาอะไร ก็ต้องมีผู้สอนหรือครูบาอาจารย์ทั้งนี้น คุณก็เอาไปเทียบดูสิครับ ว่ามันตรงคำสอนเป็นไปทิศทางเดียวกันหรือเปล่า ไม่ไช่เอะอะอะไรก็ไปโจมตีครูบาอาจารย์ คุณฟังให้เข้าใจแล้วแยกแยะเอา หรือคุณจะเหมารวมว่าครูบาอาจาร์ยไม่ดีหมด
@smaxbio1
2 жыл бұрын
@@creammobile5350 etipitaka.com/read/thai/10/102/?keywords=%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99 [๑๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ภิกษุ ผู้เป็นเถระอยู่ในอาวาสโน้น เป็นพหูสูต มีอาคมอันมาถึงแล้ว เป็นผู้ทรงธรรม ทรง วินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะหน้าพระเถระนั้นว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ดังนี้ พวกเธอไม่พึงชื่นชม ไม่พึงคัดค้าน คำกล่าวของภิกษุนั้น ครั้นแล้ว พึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี แล้วสอบ สวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ถ้าเมื่อสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียง ในพระวินัย ลงในพระสูตรไม่ได้ ลงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี้มิใช่คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคแน่นอน และพระเถระนั้นจำมาผิดแล้วดังนั้น พวกเธอพึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย ถ้าเมื่อสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ลงในพระสูตรได้ เทียบเคียงในพระวินัยได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี้เป็นคำของ พระผู้มีพระภาคแน่นอน และพระเถระนั้นจำมาถูกต้องแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพึงทรงจำมหาประเทศข้อที่สี่นี้ไว้ ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพึงทรงจำ มหาประเทศทั้ง ๔ เหล่านี้ไว้ ฉะนี้แล ฯ *** 'ศาสนา' แปลว่า 'คำสอน' , 'ศาสนาพุทธ' จึงเป็น 'คำสอนพระพุทธเจ้า' ภิกขุสาวกย่อมทรงจำไว้ให้ดีเพื่อถ่ายทอดแก่ผู้อื่นตามบทพยัญชนะที่ได้เรียนมา... ส่วนครูบา... ถ้าพูดไม่ตรงตามธรรมวินัย(ตรงทั้งบทพยัญชนะและอรรถะ) ก็ควรฝึกตนให้ตรงตามธรรมวินัย... แต่ถ้ายังใช้บทพยัญชนะของตนอยู่ก็ควรไปตั้งนิกายใหม่จะดีกว่าครับ
@วิศวกรอีสาน
9 жыл бұрын
มีโอกาสผิดพลาด พระคุณเจ้าจึงทิ้งทั้งหมด ไม่สนใจอรรถกถา นั้นคือบรรทัดฐานที่ใช้กับอรรถกถา ผมจึงสงสัยว่า คำของตถาคตที่ออกจากการท่องจำของสาวกบรรจุลงสู่พระไตรปิฎกจะไม่พลาดเลย คือถูกต้องครบถ้วนไม่ตกหล่น พระคุณเจ้ายืนยันได้หรือไม่ ถ้าพระคุณเจ้ายืนยัน พระพุทธเจ้ายืนยันหรือไม่ ยกตัวอย่าง ขวดโหลที่บรรจุเพชรอยู่เต็ม แต่มองเข้าไปมองเห็นก้อนกรวดอยู่บ้าง ท่านจะปฏิเสธทั้งหมด เพราะเข้าใจว่า ทั้งหมดเป็นกรวดหรือไม่ อีกตัวอย่าง หากเพชรคือสัจธรรม มีอยู่ ณ ที่เกิดกองหนึ่ง มีผู้นำใส่ขวดโหล แล้วส่งต่อๆ เมื่อมาถึงท่าน ท่านยืนยันได้ไหมว่าเพชรเหล่านั้นครบตามจำนวนกองตามที่เกิด และไม่มีกรวดปะปน ฉันใดฉันนั้น หากผิดพลาดได้ แล้วทำไมใช้บรรทัดฐานที่ต่างกัน
@smaxbio1
8 жыл бұрын
คุณเคยสวดมนต์ไหม? 'อรหังสัมมาสัมพุทโธ....' (บทนี้น่าจะคล่อง) แล้วคุณลองท่องแบบผิดๆคำใดคำหนึ่งให้กับเด็กนักเรียนประถมที่พอจะรู้เรื่องแล้วถามว่า "ผิดไหม?" สมัยพุทธกาลสาวกไม่ได้ทรงจำคำสอนทีละจำนวนมากๆแบบพระอานนท์ แต่จะทรงจำตามเท่าที่จะได้ยินได้ฟังมา ดังนั้นบทธรรมนั้นจึงมีไม่มากเหมือนที่เราคิดกันไปเอง แล้วสาวกเหล่านี้เพียรท่องบ่นอยู่เป็นนิตย์ทุกวัน บทธรรมจึงไม่คลาดเคลื่อน ซึ่งการทรงจำแบบนี้เองเป็นพระประสงค์ของพระศาสดาโดยตรง แน่นอนย่อมมีบทพยัญชนะตกหล่นเป็นแน่ พระพุทธเจ้าจึงทรงกำหนดหลักมหาปเทส ๔ ไว้สำหรับตรวจสอบธรรมของพระองค์ด้วยหลักการความสอดรับกัน ไม่ใช่เทียบพยัญชนะอย่างที่คนสนับสนุนอรรถกถาอ้างยันกันด้วยบาลี ดังนั้นคนที่เป็นสาวกตัวจริงจะหลีกเลี่ยงการท่องจำคำสอนไม่ได้ เพราะถ้าไม่เข้าใจเนื้อธรรมนั้นก็จะไม่สามารถยืนยันความสอดรับกันได้ของเนื้อธรรม สมัยนี้พระพรรษาเยอะเก่งบาลีก็ไปไกลกู่ไม่กลับ ยกตนว่าเป็นปราชญ์ เคยฟังการบรรยายธรรมหลายที แค่ 'อิทธิบาท ๔' ฟังแล้วมันแสนจะเยิ่นเย้อ พูดแต่ว่าเป็นหลักธรรมของพระพุทธเจ้าแต่ไม่พูดพระสูตรออกมาให้รับฟังกัน สรุปความหมายเสร็จสรรพก็ไม่รู้ว่าเอาอะไรมาจากไหน (แค่ศีล 227 พวกก็เคยพูดเองว่า 150 พอคนจับผิดท่านได้ก็แก้ตัวขุ่นๆไปเรื่อยว่า "คงจะลืมไป" นี่ระดับปราชญ์เชียวนะ)
@รัศมีทองคํา-ณ5ภ
Жыл бұрын
พุทธวจน คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ตรวจสอบได้ด้วย กฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ นั่นเองคะ
@phisadejruamnguen1522
21 күн бұрын
อ่อ...คือ พระองค์ทรงขยายความไว้ให้แล้ว...จึงไม่ต้องไปอธิบายอะไรใหม่.....แต่อาจจะต้องอาศัยการเชื่อมโยงเรียบเรียงพระสูตรให้เป็น.... อรรถคถา...มีโอกาศคลาดเคลื่อน เกิน หรือว่า ขาด ได้ จากทีละนิดๆก็จะผิดเพี้ยนไปเยอะได้...ต้องมีการตรวจสอบดูครับ มันไม่เสียหายอะไร...
@ChumpenSuksapar
9 жыл бұрын
การจะกราบไหว้พระอย่างไรมันอยู่ที่เจตนาของคนๆนั้น ว่ายึดมั่น ถือมั่น มากน้อยเพียงไร มีเหตุมีผลอย่างไร มีความโลภ ความโกรธ ความหลงมากมายแค่ไหน ถูกสั่งสอนมาอย่างไร สำนึกได้มากน้อยแค่ไหน และเข้าใจในศาสนาที่นับถืออยู่อย่างไร เชื่อถือในคำสอนของศาสนาที่ตัวเองนับถืออยู่แค่ไหน ก็แค่นี้เอง ถ้าไม่เข้าใจแล้วไม่ยอมศึกษา ไม่ยอมใช้โยนิโสมนสิการในการพิจารณา ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตาบอด ที่มองไม่เห็นทางที่เป็นจริง มองไม่เห็นแสงสว่างที่อยู่ข้างหน้า ก็ถือซะว่าเป็นกรรมของแต่ละคนไป
@noonamtuablod6005
9 жыл бұрын
สาธุ.
@พลวโรภิกขุอินพรม
8 жыл бұрын
ตถาคตให้ใชัหลักมหาปเทส๔ตัดสินธรรมวินัย
@อีปริกอีปริก
6 жыл бұрын
พลวโร ภิกขุ อินพรม ถูกต้อง
@drsompong1
5 ай бұрын
๑. สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นไม่ควร ๒. สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นควร ๓. สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นไม่ควร ๔. สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นควร
@รัศมีทองคํา-ณ5ภ
5 ай бұрын
@@drsompong1 คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ยังมีอยู่ใน ปัจจุบัน ซึ่งสามารถเพ่งพิสูจน์ได้ คือ จะมี ธรรมที่เป็นเหตุ (1) ยกตัวอย่าง ธรรมที่เป็นเหตุ เกิด(1) เสื่อม(1) ดับ (1) อนัตตา(1) เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา(1) จะมี กฏอิทัปปัจจยตา มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ (2) ยกตัวอย่าง (เกิด เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ เสื่อม (2) ) ( เสื่อม เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ดับ (2) ) ( ดับ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ อนัตตา (2) ) (อนัตตา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา (2))
@วันชนะกุศรี-ส2ฅ
9 жыл бұрын
ผมแค่เคยอ่านพระไตรปิฎกอยากให้ข้อคิดเล็กน้อย. ผมอยากให้พระอาจารย์คึกฦทธิ์ได้หยุดคิดสักนิด แล้วดูใจตัวเองว่ารวบรวมพุทธวจนะเพื่อจุดประสงค์อันใดหากเพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาเป็นแนวทางนำไปปฎิบัติผมขออนุโมทนาสาธุ หากทำไปแล้วเป็นเหมือนข้อข้างล่างนี้ผมว่าผิด 1ทำเพื่อหาเงิน2เพื่อยกตนข่มท่าน3บิดเบียนคำสอน4ทำให้สงฆ์แตกแยก5เปลียนแปลงพระไตรปิฎกเพราะพระธรรมวินัยถือว่าเป็นศาสดาของชาวพุทธหากจะชำระข้อผิดต้องผ่านคณะสงฆ์ผู้รู้ลึกในพระธรรมวินัย. ผมศรัทธาในพระไตรปิฎกเหมือนเป็นศาสดาหากมีไครบอกว่าศาสดาคุณผิดเพี้ยนถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ต้องช่วยกันแก้ไขจึงจะถูก
@smaxbio1
8 жыл бұрын
พระอาจารย์ก็ประพฤติตามคำสอนของพระศาสดาครับ ดังพระสูตรนี้ (3 พระสูตรที่ผมพอจะจำได้) ................................................................................................................... พระสูตรที่ 1 พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๑ ข้อ [๑๖๐] : 'ธรรม ๔ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความตั้งมั่น เพื่อความไม่แห่งพระสัทธรรม' "... อีกประการหนึ่ง ภิกษุเหล่าใดเป็นพหูสูต เล่าเรียนนิกาย ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ภิกษุเหล่านั้นบอกพระสูตรแก่ผู้อื่นโดยเคารพ เมื่อภิกษุเหล่านั้นมรณภาพลง พระสูตรย่อมไม่ขาดมูลเดิม ยังมีที่พึ่งอาศัย ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๓ ย่อมเป็นไปเพื่อความตั้งมั่นเพื่อความไม่ฟั่นเฟือนเพื่อความไม่เสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม ฯ" พระสูตรที่ 2 การชำระข้อผิดก็เป็นไปใน 'ธรรมวินัย' ตามหลักมหาปเทส ๔ ครับ ไม่ใช่คณะสงฆ์จะนึกชอบทำตามเฉพาะเสียงส่วนใหญ่ [พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๐ ข้อ ๑๑๓ - ๑๑๕] "ถ้าสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ลงในพระสูตรไม่ได้ เทียบเคียงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี้มิใช่คำของพระผู้มีพระภาคแน่นอน และ {ภิกษุ, ภิกษุสงฆ์,พระเถระเหล่านั้น และพระเถระนั้น} นี้จำมาผิดแล้ว ดังนั้น พวกเธอพึง ทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย" พระสูตรที่ 3 การป้องกันสงฆ์แตกแยกก็มีพระสูตรครับ : พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับมหาจุฬาฯ) เล่มที่ ๒๔ ข้อ [๔๐] 'อานันทสังฆสามัคคีสูตร' ท่านพระอานนท์ทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า ‘สังฆสามัคคี สังฆสามัคคี’ สงฆ์จะเป็นผู้สามัคคีกันด้วยเหตุเท่าไรหนอ” พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อานนท์ ภิกษุทั้งหลายในธรรมวินัยนี้ ๑. แสดงอธรรมว่า ‘เป็นอธรรม’ ๒. แสดงธรรมว่า ‘เป็นธรรม’ ๓. แสดงสิ่งที่มิใช่วินัยว่า ‘มิใช่วินัย’ ๔. แสดงวินัยว่า ‘เป็นวินัย’ ๕. แสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้ภาษิตไว้ ไม่ได้กล่าวไว้ว่า ‘ตถาคตไม่ได้ภาษิตไว้ ไม่ได้กล่าวไว้’ ๖. แสดงสิ่งที่ตถาคตได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้ว่า ‘ตถาคตได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้’ ๗. แสดงกรรมที่ตถาคตไม่ได้ประพฤติมาว่า ‘ตถาคตไม่ได้ประพฤติมา’ ๘. แสดงกรรมที่ตถาคตได้ประพฤติมาว่า ‘ตถาคตได้ประพฤติมา’ ๙. แสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ว่า ‘ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้’ ๑๐. แสดงสิ่งที่ตถาคตได้บัญญัติไว้ว่า ‘ตถาคตได้บัญญัติไว้’
@kornrawanklungsombut4546
Жыл бұрын
พระสูตรสามารถอธิบายด้วยตัวพระสูตรเองแล้ว มีแต่แปลบาลีเป็นไทยไม่ใช่การขยายความ นั่นคือที่ท่านทำ
@นครสิโนทก-ธ2ถ
7 жыл бұрын
พุทธศาสนาเวลานี้ก็เหมือนเทวนิยมไปแล้ว95%หลงทิศหลงทาง นิยมเชื่อในอวิชาที่บิดเบือนในคำสอน
@บรรเลงเพลงเสียงสวรรค์
2 ай бұрын
ความเข้าใจผิดของสาวกคึกฤทธิ์คือ คิดว่าเล่มที่คึกฤทธิ์ทำขายนั้นเป็นพุทธวจนแท้ๆเพียวๆเลยที่อื่นผิดหมดแต่แท้จริงแล้วเป็นการคัดลอกจากฉบับภาษาไทยตัดแต่งเติมความเห็นตนเองลงไปแล้วบอกว่าห้ามฟังพระอรหันต์สาวกอรรถกถาโบราณ แต่ให้ฟังคึกฤทธิ์เท่านั้นเพราะคึกนั้นเก่งกว่าพระอรหันต์สาวกอรรถกถาโบราณไม่มีใครเทียบเท่า
@นึกไม่ออกบอกไม่ถูก-ฉ2อ
Ай бұрын
เขาก็บอกอยู่ว่าเอามาจากเล่มสยามรัฐ เอาแต่คำของพระพุทธเจ้า บัวใต้ตมอย่างพี่ ไม่เข้าใจหรอก😂😂😂
@บรรเลงเพลงเสียงสวรรค์
Ай бұрын
@นึกไม่ออกบอกไม่ถูก-ฉ2อ เล่มสยามรัฐแปลตามอรรถกถา ส่วนคึกฤทธิ์ไม่รู้บาลีก็ลิกมาแล้วตัดบางส่วนและเติมความเห็นของตัวเองด้วยความเจ้าเล่ห์ลงไปแล้วบอกสาวกว่านี่คือพุทธวจนเพียวแต่ที่แท้คือคึกฤทธิ์วจน(พุทธวจนปลอม)
@reziphex
18 күн бұрын
@@นึกไม่ออกบอกไม่ถูก-ฉ2อ แต่สยามรัฐก็แปลเทียบอรรถกถา แล้วอรรถกถาจารย์ก็คือผู้ขยายความ พระพุทธเจ้าก็เป็นอรรถกถาจารย์พระองค์หนึ่ง ขนาดพระสารีบุตรก็เป็นพระอรรถกถาจารย์ “คำของตถาคตเบ็ดเสร็จสิ้นสุด ไม่ต้องขยายความ” แต่ตถาคตบอกว่าเธอจงเสพ จงคบค้าสารีบุตรเถระเถิด เขาสามารถขยายความให้พวกเธอได้โดยพิศดาร หรืออภิธรรมบางบท พระพุทธเจ้าก็ทรงบอกว่าเธอจงไปถามพระอานนท์เถิด สรุปแล้วถ้าจะบอกให้เชื่อพระพุทธเจ้า แต่ทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าบอก แล้วมีความเห็นผิด ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งผิด ๆ ก็จะอดฟังพระสูตรที่ขยายความมาแล้วพระพุทธเจ้าอนุโมทนา ถ้าไม่เอาอรรถกถา ก็จะไม่เอาพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย ถ้าไม่เอาพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยแล้วพุทฺธวจนที่เอามาจากพระไตรปิฎกภาษาไทยมาจะใช้ได้หรอ??? แล้วปฏิเสธพระอรรถกถาจารย์ ก็แปลว่าปฏิเสธพระอรหันต์ที่แสดงธรรมไว้ดีแล้ว ปฏิเสธคำพระพุทธเจ้าด้วยเหมือนกัน เพราะพระพุทธเจ้าก็เป็นพระอรรถกถาจารย์เหมือนกัน
@reziphex
18 күн бұрын
@@นึกไม่ออกบอกไม่ถูก-ฉ2อ แต่เล่มนั้นก็แปลเทียบอรรถกถามานะครับ😂 ในเมื่อปฏิเสธอรรถกถา ก็ต้องปฏิเสธพระไตรปิฎกภาษาไทยด้วยนะครับ ต้องไปแปลมาเองไม่ใช่เอาของคนที่เราไม่ยอมรับมา5555
@สิทธิเดชเจริญสุข-ฏ3ฃ
3 жыл бұрын
พุทธวจน น่าสนใจมาก เพียงอยากได้คำตอบที่ว่า ผ่านมาตั้งสองร้อยปีถึงมีการบัญญัติเป็นหนังสือ จะรู้ได้ไงว่าทุกคำมาจากพระพุทธเจ้าทุกคำ สาธุครับ
@EV0_X
2 жыл бұрын
ไม่เคยศึกษา ก็แบบนี้แหละครับ พระห่มจีวรก็มาจากตรงนี้แหละครับ
@รัศมีทองคํา-ณ5ภ
Жыл бұрын
พุทธวจน คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ตรวจสอบได้ด้วย กฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท คะ ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ เหตุและผล ธรรมที่เป็นเหตุ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อใช้ กฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท ก็จะเห็นความจริงตามความเป็นจริง ก็จะรู้ได้ว่า พุทธวจน คือ คำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองคะ
@jokerlove4931
9 жыл бұрын
ผมเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก ต้องเข้าหาและคุยกันครับ
@mlp0mlp0mlp0vttdDt5hvcx
Жыл бұрын
ระวังหัวระเบิดเด้อมาถกกับเพิ่ล
@manuswatwaew5281
8 жыл бұрын
ธรรมมะที่แท้จริงจะย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ คำด่า คำติ สาธุ
@khamsmnx5537
8 жыл бұрын
ใช่คลับสาธุ ผมเชื่อว่าพุธวจน ถูกสุดแล้ว
@นราภัทรราสเว
4 жыл бұрын
อ่านหลายๆความคิดเห็นที่โต้แย้งกัน ในความหมายคงอยากจะสืออยากจะโน้มน้าวใจให้มาสนใจในสิ่งที่ตนต้องการ จึงใช้การชี้นำว่า ว่าพระสูตรไหนเป็นคำของพุทธเจ้า และคำไหนเป็นคำของอรรถกาจารย์ ทั้งนี้ทั้งนั้นคือต้องการให้ อ่านและสนใจแต่พระสูตรที่เป็นเฉพาะ พุทธวจนะล้วนๆ เฉพาะจากสำนักของตนมาศรัทธาแต่สำนักของตน ที่อื่นๆที่ยังไม่ได้ศึกษาไตรปิฎกและไม่ได้มีความรู้ทางไตรปิฎก พุทธวจนะ และมาสอนญาติโยมนั้นผิดๆมาหากินโดยการสร้างสิ่งต่างๆคำสอนต่างๆนั้นผิดหมด ผู้คนพากันหลงงมงายที่ไม่ใช่แก่นแท้ของศาสนา ใครคัดง้านไม่ได้ต้องเชื่อเลือกเฉพาะ พุทธวจนะ ใจๆเย็นก่อน วัดต่างๆทั่วประเทศและพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศยังไม่มีใครรู้เท่าเทียบและฉลาดเท่า คนที่นำพุทธวจนะมาเผยแผ่ ให้เวลาศึกษาและปฎิบัติคลายความสงสัยในข้อกังขาบ้าง ไม่ใช่ใส่เป็นชุด แต่ละคนถนัดงานแต่ละอย่างไม่เหมือนกันจะให้ทำได้ดีเหมือนกันทุกคนเป็นไปไม่ได้ ใช้ว่าอ่านจบเล่มหนึ่งจะไม่สงสัยจะมีความรู้จะจำได้หมดจะปฎิบัติได้ทุกข้อโดยไม่ผิดพลาด หนังสือก็พิมพ์มาเพื่อขาย หรืออยากอ่านฟรีก็มีให้ดาวโหลด อยากฟังหาฟังได้จากยูทูบ คนเราทุกผู้ทุกคนย่อมมีมานะมีทิฎฐิที่แตกต่างกันการไคร่ครวญธรรมย่อมรับรู้และคิดเห็นแตกต่างกัน
@smaxbio1
4 жыл бұрын
ดูกรอานนท์ เราจักไม่ประคับประคองพวกเธอ เหมือนช่างหม้อประคับประคองภาชนะ ดินดิบที่ยังดิบๆ อยู่ เราจักข่มแล้วๆจึงบอก จักยกย่องแล้วๆ จึงบอก ผู้ใดมีแก่นสารผู้นั้นจักตั้งอยู่ ฯ etipitaka.com/read/thai/14/193/?keywords=%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD%20%20%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0 พระองค์ตรัสว่า สังฆสามัคคี ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมว่าไม่ใช่ธรรม ๑ ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นธรรมว่าเป็นธรรม ๑ ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่เป็นวินัยว่าไม่เป็นวินัย ๑ ย่อม แสดงสิ่งที่เป็นวินัยว่าเป็นวินัย ๑ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้กล่าวไว้ไม่ได้บอกไว้ว่า ตถาคตไม่ได้กล่าวไว้ไม่ได้บอกไว้ ๑ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตกล่าวไว้บอกไว้ว่าตถาคตกล่าวไว้บอกไว้ ๑ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่เคยประพฤติมาว่า ตถาคตไม่เคยประพฤติมา ๑ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคต เคยประพฤติมาว่า ตถาคตเคยประพฤติมา ๑ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้บัญญัติว่า ตถาคตไม่ได้ บัญญัติไว้ ๑ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้ว่าตถาคตบัญญัติไว้ ๑ etipitaka.com/read/thai/24/67/?keywords=%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%A5 มองไปที่พระพุทธเจ้าและธรรมวินัยดีกว่าครับ... อย่าเพ่งเฉพาะที่ตัวบุคคลหรือกลุ่มคณะที่คุณเลย... เพราะถ้าคุณมองตรงไปที่พระพุทธเจ้าและธรรมวินัยแล้ว... นั่นล่ะครับ -> 'แก่นสาร' (ไม่ได้โน้มน้าวให้เข้าวัดนะครับ... แต่เชิญชวนเรียกให้มาดูในธรรมวินัยครับผม)
@นราภัทรราสเว
4 жыл бұрын
@@smaxbio1 ปฎิบัติตามแล้วใช่ไหมหรือว่ารู้แค่ตัวอักษร
@smaxbio1
4 жыл бұрын
@@นราภัทรราสเว ภิกษุสาวกสมัยพุทธกาลมักจะถูกถามดังนี้ ท่านบวชเฉพาะใคร? ใครเป็นศาสดาของท่าน ? หรือท่านชอบใจธรรมของใคร? etipitaka.com/read/thai/4/56/?keywords=%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%20%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%20%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3? ............................................................ ธรรมที่พวกท่านพอใจนำไปปฏิบัตินั้นไม่ใช่ของพระศาสดาหรือ??? ............................................................ "แค่ตัวอักษร"
@รัศมีทองคํา-ณ5ภ
Жыл бұрын
@@smaxbio1ได้เจอ พุทธวจน ครั้งแรก ใน วันที่ 8 เมษายน พ. ศ. 2564 เป็นคลิปที่พระอาจารย์ สอน อริยมรรคมีองค์แปด ฟังครั้งแรกก็ยังไม่เข้าใจหรอกคะ เพราะความเข้าใจคือปัญญา แต่คิดว่านี่แหละคือสิ่งที่อยากจะรู้ ก็ฟังมาเรื่อยๆจนมาวันนี้ได้เข้าใจในคำสอนนี้ ผู้ใดเห็น ปฏิจจสมุปบาท ชื่อว่าผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็น ธรรม ชื่อว่าผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต เห็น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ในคำสอนนี้ เห็น ปฏิจจสมุปบาท ในคำสอนนี้เป็นอย่างนี้คะ เมื่อมีพระพุทธเป็นปัจจัยจึงมีพระธรรม เมื่อมีพระธรรมเป็นปัจจัยจึงมีพระสงฆ์ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็เป็น ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ ทำให้เข้าใจแล้วว่าทำไมต้อง ศึกษา พุทธวจน และทำให้เข้าใจด้วยว่าถ้าไปฟังสาวกภาษิต ก็จะเป็นแบบนี้คะ เมื่อไม่มีพระพุทธเป็นปัจจัยจึงไม่มีพระธรรม เมื่อไม่มีพระธรรมเป็นปัจจัยจึงไม่มีพระสงฆ์ ไม่มี โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ความจริงที่พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ในคำสอนนี้นั่นเองคะ พุทธวจน คือ คำสอนของพระพุทธเจ้าคะ
@รัศมีทองคํา-ณ5ภ
Жыл бұрын
@@นราภัทรราสเวเข้ามาศึกษา พุทธวจน ก็จะเป็นการเจริญ อริยมรรคมีองค์แปด แล้วนั่นเองคะ ก็จะมีการปฏิบัติตาม อริยมรรคมีองค์แปดไปเรื่อยๆตามกำลังของอินทรีย์ อินทรีย์ 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
@samakawara1
9 жыл бұрын
ด้วยความเคารพนะคับ พระรัตนตรัยมี ๓ พระสงฆ์เป็นหนึ่งในนั้น แต่จะให้ได้เหมือนพระพุทธเจ้าทุกอย่างไม่ได้คับ แต่เป็นผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าเช่นกัน
@thejewels6827
4 жыл бұрын
ความซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนก็คือ "ควรปฏิบัติให้ตรง แต่ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งที่ตนเองเห็นไม่ตรงออกไปให้หมด" ดังเช่นมติของพระเถระที่ร่วมประชุมทำสังคายนาครั้งแรก มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ท่านจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ไว้ว่า "จะไม่เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ และจะไม่เพิ่มเติมสิ่งที่พระพุทธองค์มิได้บัญญัติไว้" นั่นคือแนวทางของคณะสงฆ์นิกายเถรวาท อันมีศรีลังกา พม่า ไทย เป็นหลักอยู่ในสมัยปัจจุบัน แม้แต่หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้รจนาตำรา "พุทธประวัติจากพระโอษฐ์" และพระคึกฤทธิ์ได้นำมาเป็นคัมภีร์ศึกษาและสั่งสอนลูกศิษย์ภายในสำนัก หลวงพ่อพุทธทาสท่านเคยพูดว่า "มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพระไตรปิฎก" คือหมายถึงว่า เชื่อว่ามิใช่พระพุทธพจน์ แต่กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อพุทธทาสก็มิเคยเพิกถอนสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฎกออกไป แม้กระทั่งปัจจุบัน พระสงฆ์ในสายสวนโมกขพลาราม ของหลวงพ่อพุทธทาส ก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับคณะสงฆ์ไทยทั่วไป ในอีกสายหนึ่ง คือสายของหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง ซึ่งพระคึกฤทธิ์ได้อาศัยบวชเป็นครั้งแรก และมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในสายนี้ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานบวชไม่สึกตลอดชีวิต กระนั้นก็ตาม พระสงฆ์ในสายของวัดหนองป่าพงก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับพระสงฆ์ไทยทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่สมัยที่หลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่ การกระทำของพระคึกฤทธิ์ ในฐานะเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จึงเท่ากับเป็นการประกาศ "อหังการณ์-มมังการณ์" ว่าตนเอง "เก่งกว่าครู" ไม่ว่าจะเป็นครูที่บวชให้ คือ หลวงพ่อชา หรือแม้แต่ครูทางตำรับตำราที่ชื่อว่า หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นการประหลาดเหลือเกินว่า ไม่ว่าใครในสมัยนี้ ถ้าคิดว่าตนเองเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่าพระสงฆ์ไทยรูปอื่นๆ แล้วไซร้ ก็จะต้องใช้วิธีการ "อวดดี" ตัดโน่นตัดนี่ ทำวิปริตผิดประเวณีไปเสียทุกที่ น่าที่จะเป็นการช่วยผดุงพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มพูนศรัทธาสาธุชน ให้สนิทสนมกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วสังฆมณฑล กลับกลายเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังฆมณฑล เกิดความรังเกียจระหว่างพระสงฆ์ขึ้น ถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ดังที่เห็น นั่นเป็นเพราะอะไรหรือ ถ้าหากมิใช่ความอวดดื้อถือรั้น ดังคำกล่าวที่ว่า "เก่งอยู่คนเดียว-ดีคนเดียว" เมื่อลอยตัวนานไปจึงกลายเป็นน้ำล้นแก้ว ต้องถูกเททิ้งไป ไร้ค่า นับว่าน่าเสียดาย
@lalutubechannel1984
7 жыл бұрын
ไม่ต้องอะไมาก แค่คำว่า อาวุโส ยังผิดเพี้ยนเมื่อกลายมาเป็นภาษาไทย ดังนั้นควรศึกษาพุทธวจนมากๆ จะรู้ความหมายเอง.....ผมคิดว่า คำสอนที่เป็นอะกาลิโก ก็คือมรรค8 มีมรรคก็ยังมีผู้ประพฤติอยู่ เมื่อมีอยู่บุคคล1234ก็มีอยู่ ธรรมก็จึงมีอยู่ โดยส่วนมากปุถุชนที่บวชไปไม่ศึกษา เพียรแต่ปฏิบัติ ทำให้ผิดทาง และมักใช้ความคิดในการที่ตนแก่พรรษา บวชนาน จึงมีอัตตามาก ยึดหลักธรรมแต่ของอาจารย์จนลืมศาสดาตถาคตของตน.......หนีห่าง ปฏิจจสมุปปัณธรรม
@tikvisesombud9198
4 жыл бұрын
🙏🙏🙏🙏🙏
@มีรูนะรอดอมาเซะ
4 жыл бұрын
ชัดมาก
@nopmano3180
9 жыл бұрын
น่าสงสารท่านคึกฤทธิ์นะครับจุดดีท่านคือให้มองไปที่พุทธพจน์ ซึ่งถือว่าดีมากๆ และไม่มีใครไม่เห็นด้วย แต่> ท่านคึกฤทธิ์ดันเติมแต่งซะเองเยอะมากบ่อยครั้งเห็นท่านขยายความ อธิบายด้วยคำพูดตนเองไม่แตกต่างจากอรรถกถามุข แต่ท่านกลับบอกว่ายกพระสูตรมาสนับสนุนกัน ซึ่งมันคนละประเด็นเลยถ้าท่านยึดมั่นในคำสั่งสอนจริง ท่านต้องพูดแต่คำของพระพุทธองค์สิ สรุปคือ ท่านก็ใช้ความเข้าใจ แปลคำที่ถูกแปลมาแล้วอีกทีหนึ่งอยู่ดีครับผมแนะนำว่า อย่ามักง่ายในธรรม ถ้าท่านเป็นของจริง ก็ควรไปศึกษาบาลีแล้วแปลจากฉบับจริง พร้อมทั้ง triangulate กับของที่มีอยู่ถึงจะถูกต้องกว่าการหยิบของสยามรัฐมาแปลมันดูถูกคำสอนของพระพุทธองค์เกินไป > ประเด็นความน่าเชื่อถือกว่า 200 ปีที่ใช้วิธีจำๆต่อๆกันมาอย่างที่ พระอาจารย์ถามถือว่าตรงประเด็นมากครับ มันคือ "ปัญญา" ในการเลือกเชื่อเลย จึงควรมีกระบวนการคัดกรอง อะไรจริง อะไรน่าเชื่อ อะไรที่ขัดกันเอง และอ้างอิงได้ อันนี้ผู้มีปัญญาควรทำอย่างยิ่ง ไม่ใช่ตอบดำผุดดำว่ายว่ามาศรัทธาหรือมาห่มเหลืองทำไม อันนี้มันแสดงถึงความอ่อนด้อยทางอารมณ์ซึ่งผู้บวชเรียนหรือศึกษาคำของตถาคตจริงๆ ไม่ควรเป็น
@วัลลภแลโสภา
8 жыл бұрын
เห็นด้วยครับ
@wounded-hand-warrior
8 жыл бұрын
อรรถกถามีไว้ให้คนไม่เข้าใจ เพราะคนเราปัญญาไม่เท่ากัน โง่ไม่เท่ากัน
@smaxbio1
8 жыл бұрын
ถ้าจะจับคำพูดในเรื่อง 'พยัญชนะ' แล้วจะไล่ให้ไปศึกษาธรรมวินัยภาษาบาลีนั้น งั้นก็ควรจะไล่พวกเรียนบาลีให้ไปศึกษาธรรมวินัยภาษามคธด้วยสิ แค่ยุคหลังสมัยศตวรรษที่ 19 (๑,๙๐๐ ปี) ก็ปรับเปลี่ยนมาภาษากันมาเรื่อยคือ ยุคคาถา ยุคร้อยแก้ว ยุคร้อยกรองระยะหลัง ยุคร้อยกรองประดิษฐ์... แล้วถ้าจะถอยกันไปอีกก็ลองไปหากันเองล่ะกันเพราะว่าเป้าหมายคือ 'ภาษาที่พระพุทธเจ้าตรัส' (ภาษามคธ) ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ยกคนเรียนบาลีเป็นเทพเป็นเจ้า แต่เวลาธรรมที่แต่งแล้วขัดกับพระบัญญัติล่ะเงียบกันหมด (บัว ๔ เหล่าที่เพิ่งเปลี่ยนใครจะรับผิดชอบ?) ภิกษุที่ไม่ศึกษาทรงจำในพระธรรมวินัยของพระศาสดาจะดีกว่าภิกษุผู้ศึกษาเฉพาะในธรรมวินัยของพระศาสดาได้อย่างไร? พระสารีบุตรเป็นภิกษุประเภทปัญญาวิมุติและพระศาสดาตรัสชี้ว่าเป็นเอตทัคคะเลิศที่สุดทางด้านปัญญา ดังนั้นสาวกทั้งหลายแม้ยุคนี้ใครก็ไม่อาจเทียบได้ แม้กระนั้นพระองค์ก็ยังตรัสอีกว่าแม้จะเป็นภิกษุผู้หลุดพ้นด้วยปัญญาก็ยังเป็นได้เพียง 'ผู้เดินตาม' (พระสูตร: 'ข้อแตกต่างกันระหว่างตถาคตผู้อหัตนสัมมาสัมพุทธะกับภิกษุผู้ปัญญาวิมุติ' , พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๗ ข้อ ๑๒๖) อีกทั้งพระเถระทั้งหลายก็มีข้อประพฤติตามพระบัญญัติอย่างเคร่งครัด ขนาดที่ว่าทรงจำกันเฉพาะแต่ธรรมของพระศาสดาและธรรมที่พระศาสดารับรองแล้วเท่านั้น (พระสูตร: 'มหาโคสิงคสาลสูตร (การสนทนาธรรมเรื่องผู้ทำให้ป่างาม)', พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๒ ข้อ ๓๖๙ - ๓๘๒)
@สวนพิกุลพัน
6 жыл бұрын
ส่วนความคิดเห็นของผมมองว่า ตรงที่ถามว่าแล้วห่มเหลืองทำไม น่าจะเป็นการยกตัวอย่าง ว่าทำไมถึงมีผ้าเหลือง มีบาตร มีจีวร แล้วสิ่งเหล่านี้มาจากไหนละ แล้วท่านรู้จักได้อย่างไร ใครบอกท่าน หรือ ท่านรู้เอง ประมาณนี้ เป็นการยกตัวอย่างที่เป็นคำถามไปในตัว เพื่อที่จะโยงมายัง พุทธวจน คำพูดอาจจะแรงสำหรับคนที่ฟังพอได้ยิน แต่ไม่น่าจะเป็นการว่าทอต่อหน้าแต่อย่างไร แต่เป็นการยกตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อให้เข้าใจง่าย และเร็ว ว่า พุทธวจน ก็มาจาก ที่เดียวกับ ผ้าเหลือง บาตร และจีวร ที่ถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก จากผู้ที่มาเผยแผ่ และเราก็เรียกทั้งหมดนี้ว่าสาสนา พุทธ หากแต่ว่าในพระไตรปิฎก มีมากมาย หลายคำกล่าว ผู้ที่เรียนหรือศึกษามานั้นยั้งไม่หมด หรือไม่เข้าใจบางช่วง หรือเข้าใจความหมายผิด หรือยังไม่เข้าใจ หรือยังคัดแยกกลั่นกรองไม่ได้ ชึ่งในแต่ละบุคคลก็มีความสามารถไม่เท่ากัน ก็เอาเป็นว่าทำตามและเชื่อสิ่งที่ถูกสอนมาเป็นช่วงๆ อาจถูกบ้างผิดบ้าง แต่จริงๆแล้ว ความจริงก็ยังคงอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนไป เพราะไม่มีใครพิสูจน์ให้ใครเชื่อได้ นอกจากตัวเอง จะยกตัวอย่างว่าเมื่อก่อนคิดว่าโลกแบน เพราะเราเชื่ออย่างนั้น ตามช่วงๆที่ถูกบอกมา แต่มาวันหนึ่ง มีเสียงบอกว่าโลกมันกลม แล้วมีหลักฐานพิสูจน์ได้ ก็แสดงว่าสิ่งที่คิด สิ่งที่เห็นมาเป็นช่วงๆก่อนนี้มันผิดนะสิ แต่มันก็ไม่ได้ผิดหมดนะ ที่เราเห็นว่ามันแบนมันก็แบนอยู่จริง แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดและไม่ได้ครอบคุม ส่วนโลกที่กลมคือโลกทั้งใบ ที่จริงๆก็คือโลกที่กลมนั้นเอง อยู่ที่จะเห็นความจริงตอนไหนเท่านั้นเอง ส่วนเรื่อง พุทธวจน ยกตัวอย่างสั้นๆ เปรียบเทียบให้เห็น . ผ้าเหลือง บาตร จีวร เปรียบสเหมือน โลกที่แบน ที่ถูกมองและเชื่อมาอย่างนั้น ส่วน พุทธวจน ก็เหมือน โลกที่กลม ส่วนพระไตรปิฎก ก็เหมือน ระบบสุริยะของเรา ส่วนคนก็คือคน บางคนรู้ บางคนไม่รู้ และบางคนรู้ แต่ไปไม่ถึง พอระความเห็นส่วนตัวผมนะครับ เฉพาะเรื่อง ที่ว่าห่มเหลืองทำไม เรื่องอื่นไม่เกี่ยวนะครับ ถ้ามีโอกาส จะขอแสดงความคิดเห็นอีกนะครับ
@thianchail3608
6 жыл бұрын
เคยลองอ่านไหม มันเป็นภาษาที่ไม่ปกติ พระพุทธเจ้าพระยายามทำให้คำพูดเป็นระเบียบเป็นเหตุเป็นผล จนชนิดที่ถ้าบทนั้นหายไปสัก1บรรทัด จะรู้ว่าอะไรหายไป พิมพ์ผิดก็ยังเดาได้ แปลกมากๆ ถ้าคุณเคยอ่านนิยายของนักเขียนที่คุณชอบ ต่อให้เป็นนิยายคนละเรื่อง คุณจะจำกลิ่นอายของเขาได้ แต่นี่ข้อมูลที่เห็นเป็นตั้งๆ สามารถพูดให้ทะลุกันเป็นเรื่องเดียวกันได้ คือเกี่ยวหนทางสู่การหลุดพ้น
@วัลลภสังข็เพ็ชร
9 жыл бұрын
เรามาถกกันเพื่อ เป็นอิสระจากจิตใจเรากันเถอะ
@ผมลูกพ่อหลวงทรงพระเจริญ
8 жыл бұрын
ผมขอถามท่านพระอาจารย์ คึกฤธิ์ ครับ พระสูตร ที่ท่านได้มา ว่าเป็น พุทธวจนะ นั้น ท่านได้มาแต่ที่ใด ศิลาจาลึกใด คัมภีย์ใด อัตตคาถาใด จึงอ้างได้หมดใจ ว่าเป็นคำพระศาสดา หลังพุทธปรินิพพาน เหล่าสาวกอรหันต์ ได้มีความเห็นตรงกัน ให้สังคยนา รวบรวม พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ โดยให้พระอานนท์ เป็นผู้ตรวจทานพระธรรม ให้พระอุบาลี เป็นผู้ตรวจทานพระวินัย เพราะท่านทั้งสอง เป็นผู้ทรงจำ ทั้งในด้านธรรม และวินัย อันพระตถาคตได้แสดงไว้แล้ว เมื่อรวบรวมได้ เกรงว่าเวลาผ่านไป ความหมายในอัตถาธิบายจะคลาดเคลื่อน จึงบันหยัดบาลีไวยกรขึ้นมากำกับ และมีการแปลบาลี เป็นหลายๆภาษา ที่นำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ และจะแน่ใจได้อย่างไร ว่า พระสูตรแปลทั้งหลาย รวมทั้งที่ท่านรู้มา ถูก และแน่นอน พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า อย่าเชื่อ เพียงแค่ว่าเขาบอกว่าเป็นครู อย่าเชื่อ เพียงแค่เขาบอกว่าเป็นอาจารย์ พระเกจิทั้งหลายในการก่อน ที่ศึกษาคำพระตถาคต มิได้เชื่อในพระสูตร มิได้เชื่อในวินัย แต่เชื่อในเหตุและผล อันเนื่องมาจากการปฏิบัตร ว่ามีอยู่จริง ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้รับประโยชน์สมควร แก่การปฏิบัติ ท่านทั้งหลาย อย่ามัวกล่าวอ้าง ในพระสูตร พระธรรมวินัย อยู่เลย ว่า ของฉัน เป็นพุทธวจะนะแท้ ของเธอไม่แท้ พระพุทธวจะนะ แท้ๆ ย่อมยังประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติ มากน้อย แล้วแต่สติปัญญา อันมีความเพียรในการขัดเกลากิเลส อันพอกพูลมาหลายพบชาติ เมื่อท่านทั้งหลาย ได้ฌาน ญาณ สมาบัติใด ในอันหยั่งรู้ ในอันถึงซึ่งคำพระตถาคตแล้ว ท่านจะมิถกเถียงกัน ซึ่งคำพระตถาคต แต่จะถกเถียงกันว่า เหตุใด เราท่านทั้งหลาย จึงเอาความไม่รู้ มาถกเถียงกัน มิยังประโยชน์อันใด เป็นไปเพื่อสิ้นเวลาแห่งความเพียร ชีวิตนี้สั้นแล้ว จงใช้อย่างมีค่าเถิด ท่านทั้งหลาย จงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด ธรรมอันเรากล่าวไว้ดีแล้ว ท่านทั้งหลายจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด นี่เราเชื่อ ว่าเป็นคำตถาคต เพราะเป็นไปเพื่อยังประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลาย และมหาชนเป็นอันมาก สาธุ
@smaxbio1
8 жыл бұрын
ถ้าจะถามก็ไปถามไปที่ช่องทางที่วัดเขาเปิดให้ถาม แต่ถ้ามาถามตรงนี้ผมก็คงต้องย้อนถามคุณกับความเข้าใจที่ว่า "พระเกจิทั้งหลายในการก่อน ที่ศึกษาคำพระตถาคต มิได้เชื่อในพระสูตร มิได้เชื่อในวินัย แต่เชื่อในเหตุและผล อันเนื่องมาจากการปฏิบัตร ว่ามีอยู่จริง" พระเกจิของคุณไม่เชื่อพระสูตร(ธรรม) และไม่เชื่อในวินัย แล้วพระเกจิเหล่านั้นจะประกาศตนเป็นสาวกทำไม น่าจะประกาศคำสอนตัวเองใหม่ไปเลย เพราะคำว่า 'ศาสนาพุทธ' แปลว่า 'คำสอนของสัมมาสัมพุทธะ' (สาสนีย = คำสอน) ดังนั้นพระเกจิของคุณต้องเลิกใช้คำว่า 'ศาสนาพุทธ' เพราะไม่เชื่อฟังในคำสอนของพุทธะแล้วจะมาลวงมหาชนให้เข้าใจผิดกันทำไม พระไตรปิฏกเป็นการจัดหมวดหมู่หลังพุทธกาล และพระที่ทำสังคายนาก็เข้าไปรวบรวมไว้เพื่อความคงอยู่ถือเป็นเรื่องดี แต่การยอมให้มีการแทรก 'อรรถาธิบาย' ใหม่เข้าไปก็ถือเป็นเรื่องที่บกพร่อง คือ ไม่รู้พระสูตรที่ทรงห้ามไว้ หรือไม่ก็ทำเป็นไม่รู้ แต่ที่แน่ๆในพระไตรปิฏกนั้นย่อมมี 'ของปลอม' ถูกเจือปนเข้ามาอย่าแน่นอน คำสอนใหม่ๆย่อมไม่ใช่คำสอนของสัมมาสัมพุทธะและไม่ได้รับรองจากตถาคตแต่อย่างใด หรือคุณเชื่อว่าปัญญาของพระในยุคพระเจ้าอโศกนั้นจะทัดเทียมยิ่งเท่าพระสารีบุตร หรือแม้ในความเป็นเอตทัคคะใดๆจะยิ่งกว่าเหล่าสาวกในพุทธกาลที่ตถาคตรับรองไว้ทั้งสิ้น แค่เรื่องน้ำมนต์ ก็เห็นๆอยู่ว่ามีห้ามไว้เป็นสิบกว่าพระสูตร แต่ดันมีพระสูตรพระอานนท์พรมน้ำมนต์โผล่มาดื้อๆอย่างนั้น แถมเนื้อธรรมไม่สอดคล้องเชื่อโยงพระสูตรอื่นๆได้เลย อีกทั้งมีลักษณะเป็นประเภทการดลบันดาลอ้อนวิงวอนสิ่งศักดิ์ซะอีก ในขณะที่พระสูตรอื่นบอกไว้ละเอียดชัดเจนสอดคล้องกันหมด คุณลองสนใจฟังคำสอนตถาคตและพิจารณาตามจริงดู เพราะเหตุผลใครๆก็ 'อ้าง' กันได้ พระเกจิเหล่านั้นมีดีแค่ไหนก็ไม่เกินเอตทัคคะหรอก และที่ประหลาดคือรู้เรื่องคนนู้นคนนี้ไปหมดทุกสิ่งอย่าง แต่ไม่รู้พระธรรมคำสอนในตู้พระไตรปิฏกที่อยู่ในวัดตัวเองซะงั้น ถามอีกนิดส์... นอกจากพระอานนท์แล้วทำไมไม่เห็นมีพระรูปอื่นในพุทธกาลทำน้ำมนต์กันเลย? มันง่ายมากนะยิ่งพระพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่ด้วยแล้วจะยิ่งศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ (ใช่ม่ะ?)
@ผมลูกพ่อหลวงทรงพระเจริญ
8 жыл бұрын
ขอบพระคุณครับ ที่สละเวลาอันมีค่า มาคลี่คลายข้อสงสัย ของหนอนน้อย ที่ยังหลงใหลในอาจมอยู่ สิ่งที่ท่านรู้ ท่านเข้าใจ ก็อาจเป็นเรื่องที่ถูกต้อง สิ่งที่ผู้อื่นรู้ และเข้าใจ ก็อาจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เราท่านทั้งหลาย มิใช่สัพพัญญู จะทำให้ผู้อื่นเห็นตามโดยง่าย ด้วยเราท่าน มิรู้จริต กิเลส ตื้นลึกหนาบาง ของชนทั้งหลาย พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม แก่เวไนยสัตว์หลายจำพวก ด้วยธรรมที่แตกต่างกันไป เพราะพระองค์ล่วงรู้ สันดานสัตว์ทั้งหลาย อันจะเข้าใจได้ในธรรมใด เหมือนบัวสี่เหล่า ที่กล่าวมานี้ มิได้ต้องการสิ่งใด เพียงอยากบอกท่านว่า ท่านสามารถทำที่สุดแห่งทุกข์ได้โดยง่าย อันเข้าใจในพุทธบันญัติ แล้วท่านจะยึดติดกับสิ่งใด ในอรรถตคถาทั้งหลาย ท่านจะตามหาตน หรือเที่ยวไขว่คว้าตามหาผู้อื่นเหล่า ไล่จับความรู้สึกนึกคิดของเขาเหล่านั้น มาปรับเปลี่ยน ท่านได้อะไรจากตรงนั้น จำไว้ว่า ท่านมิใช่ศาสดาในภพภูมินี้ แต่อาจมีได้ ในภพภูมิต่อๆไป ก็อยู่ที่ท่านเอง ผมชอบท่านนะ เครารพท่านด้วย และไม่อยากเห็นท่าน ต้องมาพินาจ ด้วยอคติ ในใจท่านเอง โทสะ โมหะ โลภะ ธิดามาร สามตนนี้ จะฉุดดึง มิให่ท่าน ข้ามภพชาติ ขอเจริญพร
@smaxbio1
8 жыл бұрын
มิได้ต้องการ 'เสียดสี' ด้วยคำที่ไม่จริงใดๆทั้งสิ้น แต่เห็นว่ามีการ 'อ้างความเป็นพุทธ' เนื่องด้วยคำสอนหรือความเป็นสาวก แล้วมีข้อปฏิบัติที่ 'ไม่ใช่' กับธรรมวินัยของตถาคต ย่อมต้อง 'แสดงตามจริง' ดังพระสูตร 'อานันทสังฆสามัคคีสูตร' นี้ พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับมหาจุฬาฯ) เล่มที่ ๒๔ ข้อ [๔๐] ท่านพระอานนท์ทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า ‘สังฆสามัคคี สังฆสามัคคี’ สงฆ์จะเป็นผู้สามัคคีกันด้วยเหตุเท่าไรหนอ” พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อานนท์ ภิกษุทั้งหลายในธรรมวินัยนี้ ๑. แสดงอธรรมว่า ‘เป็นอธรรม’ ๒. แสดงธรรมว่า ‘เป็นธรรม’ ๓. แสดงสิ่งที่มิใช่วินัยว่า ‘มิใช่วินัย’ ๔. แสดงวินัยว่า ‘เป็นวินัย’ ๕. แสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้ภาษิตไว้ ไม่ได้กล่าวไว้ว่า ‘ตถาคตไม่ได้ภาษิตไว้ ไม่ได้กล่าวไว้’ ๖. แสดงสิ่งที่ตถาคตได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้ว่า ‘ตถาคตได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้’ ๗. แสดงกรรมที่ตถาคตไม่ได้ประพฤติมาว่า ‘ตถาคตไม่ได้ประพฤติมา’ ๘. แสดงกรรมที่ตถาคตได้ประพฤติมาว่า ‘ตถาคตได้ประพฤติมา’ ๙. แสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ว่า ‘ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้’ ๑๐. แสดงสิ่งที่ตถาคตได้บัญญัติไว้ว่า ‘ตถาคตได้บัญญัติไว้’ ...................................................................... หากท่านพอใจในคำสอนของท่านเหล่านั้นก็เป็นเรื่องหนึ่งของ 'ศรัทธา' และหากพระเกจิเหล่านั้นประกาศตนไม่แอบอิงความเป็นพุทธะก็คงไม่ว่ากระไร แต่นี่ทำตนก็ประหนึ่ง 'สาวก' แต่ประพฤติไม่ตรงกับธรรมวินัย อีกทั้งยังประพฤติในสิ่งที่สัมมาสัมพุทธะบัญญัติห้ามไว้เสียอีก ส่วนกรณีที่ผมสนใจที่จะตอบคำถามนี้ไม่ได้หวังผลที่ตัวคุณหรือใคร 'จะเปลี่ยนตาม' แท้จริงแล้วการหาคำตอบให้พวกคุณได้ด้วยพระสูตรก็เป็นการเพิ่มพูนคำสอนที่ยังไม่เคยรู้ให้กับตนเอง และเห็นอย่างถ่องแท้ใน 'สาสนีย์ปาฏิหาริย์' ของตถาคตอย่างแท้จริง (การท่องพระสูตรเป็นหน้าๆเมื่อก่อนไม่เชื่อเหมือนกัน แต่ตอนนี้พิสูจน์แล้วกับตัวเองว่าเรื่องการ 'สั่งสมสุตตะ' มีอยู่จริงครับ)
@ผมลูกพ่อหลวงทรงพระเจริญ
8 жыл бұрын
ครับ สาธุ ขอขอบพระคุณท่าน ที่สละเวลาชี้แจง
@smaxbio1
8 жыл бұрын
คำพูดแบบคุณนี้ ผมเจอคำตอบที่พระศาสดาตรัสไว้ด้วยล่ะครับ (ความอันตรธานของพระสัทธรรมเพราะมัวสนใจคำสอนคนอื่นที่ไม่ใช่คำสอนของพระศาสดา) พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๖ [๖๗๒] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่าทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมาโครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึกมีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟังจักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษาแต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มีอักษรอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ [๖๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธานฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึกมีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
@ชุมพลพุทธจักร์มนตรี-ฦ5ล
9 жыл бұрын
เราชาวพุทธอย่าตกเป็นเหยื่อโดยเด็จขาด ...อรรถกถา..เป็นคำอธิบายความพุทธพจน์..ท่านไม่ได้แต่งขึ้น..ที่แต่งขึ้นฝั่งนิกายมหายาน`..แต่อย่าลืมการสืบอายุพระศาสนาในกาลก่อนพระสงฆ์เถรวาทถูกกระทำย่ำยีขนาดหนัก..ท่านต้องยอมทิ้งวัด..สพายพระคัมภีร์หนีพวกมารไปเรื่อยเพื่อยังคงไว้ซึ่ง..พุทธพจน์และอรรถกถายังคงเดิม..เพราะอรรถกถาสว่นนี่เป็นของ..พระสาวกรุ่นเดียวกันทันกับพระพุทธเจ้าทรงพระชนชีพเช่น พระมหากัสปะ พระอุบาลี พระอานนท์ เป็นต้น
@smaxbio1
8 жыл бұрын
ถ้าเชื่อว่าอรรถกถาเป็นสิงที่ถูกต้อง แสดงว่า 'อรรถกถาจารย์ทั้งหลาย' ที่บัญญัติคำสอนอรรถกถาเหล่านั้นเป็นศาสดาหรือยังไง? หรือคิดว่า 'ธรรมวินัยของตถาคต' บกพร่องงั้นหรือ? (ทั้งๆที่พระองค์ตรัสเสมอว่า ธรรมของพระองค์บริสุทธิ์บริบูรณ์'
@รัศมีทองคํา-ณ5ภ
Жыл бұрын
พุทธวจน คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ตรวจสอบได้ด้วย กฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท
@kanchitsangtong4947
7 жыл бұрын
จงอ่านภาษากายของตัวบุคคล คำพูดอันเลิศเลอ ปรุงแต่งได้ หลอกลวงได้ ภาษากายหลอกไม่ได้ว่า"ภูมิธรรมของคนคนนั้น อยู่ในระดับใด?ทั้งในทีลับ และที่แจ้ง".
@smaxbio1
7 жыл бұрын
คำสอนนี้เป็นพระดำรัสของพระพุทธเจ้าหรือไม่? อ้างอิงที่ไหน?
@omegaome55
6 жыл бұрын
จากบัว3เหล่า เพิ่มเป็น4เหล่าก็รู้ล่ะ ว่าแต่งเพิ่ม
@sometime3206
6 жыл бұрын
สารีบุตรไม่ได้พูดผิดเพาะไม่ได้เปนมิคฉาวาจาเป็นแต่ความเห์น เท่านั้น
@smaxbio1
6 жыл бұрын
พระศาสดาตรัสไว้ดังนี้ครับ พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๓ ข้อ ๑๘๙ "ดูกรสารีบุตร เธอจงรอก่อน ดูกรสารีบุตร เธอจงรอก่อน ดูกรสารีบุตร เธออย่าพึงให้จิต เห็นปานนี้เกิดขึ้นอีกเลย. " etipitaka.com/read/thai/13/155
@thejewels6827
4 жыл бұрын
ความซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนก็คือ "ควรปฏิบัติให้ตรง แต่ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งที่ตนเองเห็นไม่ตรงออกไปให้หมด" ดังเช่นมติของพระเถระที่ร่วมประชุมทำสังคายนาครั้งแรก มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ท่านจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ไว้ว่า "จะไม่เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ และจะไม่เพิ่มเติมสิ่งที่พระพุทธองค์มิได้บัญญัติไว้" นั่นคือแนวทางของคณะสงฆ์นิกายเถรวาท อันมีศรีลังกา พม่า ไทย เป็นหลักอยู่ในสมัยปัจจุบัน แม้แต่หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้รจนาตำรา "พุทธประวัติจากพระโอษฐ์" และพระคึกฤทธิ์ได้นำมาเป็นคัมภีร์ศึกษาและสั่งสอนลูกศิษย์ภายในสำนัก หลวงพ่อพุทธทาสท่านเคยพูดว่า "มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพระไตรปิฎก" คือหมายถึงว่า เชื่อว่ามิใช่พระพุทธพจน์ แต่กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อพุทธทาสก็มิเคยเพิกถอนสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฎกออกไป แม้กระทั่งปัจจุบัน พระสงฆ์ในสายสวนโมกขพลาราม ของหลวงพ่อพุทธทาส ก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับคณะสงฆ์ไทยทั่วไป ในอีกสายหนึ่ง คือสายของหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง ซึ่งพระคึกฤทธิ์ได้อาศัยบวชเป็นครั้งแรก และมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในสายนี้ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานบวชไม่สึกตลอดชีวิต กระนั้นก็ตาม พระสงฆ์ในสายของวัดหนองป่าพงก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับพระสงฆ์ไทยทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่สมัยที่หลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่ การกระทำของพระคึกฤทธิ์ ในฐานะเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จึงเท่ากับเป็นการประกาศ "อหังการณ์-มมังการณ์" ว่าตนเอง "เก่งกว่าครู" ไม่ว่าจะเป็นครูที่บวชให้ คือ หลวงพ่อชา หรือแม้แต่ครูทางตำรับตำราที่ชื่อว่า หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นการประหลาดเหลือเกินว่า ไม่ว่าใครในสมัยนี้ ถ้าคิดว่าตนเองเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่าพระสงฆ์ไทยรูปอื่นๆ แล้วไซร้ ก็จะต้องใช้วิธีการ "อวดดี" ตัดโน่นตัดนี่ ทำวิปริตผิดประเวณีไปเสียทุกที่ น่าที่จะเป็นการช่วยผดุงพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มพูนศรัทธาสาธุชน ให้สนิทสนมกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วสังฆมณฑล กลับกลายเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังฆมณฑล เกิดความรังเกียจระหว่างพระสงฆ์ขึ้น ถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ดังที่เห็น นั่นเป็นเพราะอะไรหรือ ถ้าหากมิใช่ความอวดดื้อถือรั้น ดังคำกล่าวที่ว่า "เก่งอยู่คนเดียว-ดีคนเดียว" เมื่อลอยตัวนานไปจึงกลายเป็นน้ำล้นแก้ว ต้องถูกเททิ้งไป ไร้ค่า นับว่าน่าเสียดาย
@buaphankramer9923
8 жыл бұрын
ฉันเขี่อ ทา่น. พูดว่าเป็นเรอี่ง จริงประติบัิต. ตามที่ท่านพูดว่า. พุทธวจนะ. เปลี่ยน. ชีวิตฉัน. การงาน การเงิน คิดสิ่งใดได้สิ่งเพราะ. สมปราถนา.
@ABCD-re6zp
8 жыл бұрын
คิดเอาคิดเอาสมองที่มีปัญญาย่อมรู้
@สองสามเสน
Жыл бұрын
อรรถกถา เอาแค่มรรค8 ข้อสัมมาอาชีวะ แปลไม่เหมือนกันสักที่ คนจะทำตามงงมาก ไม่รู้ที่ไปที่มา ไม่รู้มาจากสำนักไหน
@phranammon
9 жыл бұрын
พึงทรบไว้เถิดว่า คำแปลของถ้อยคำทั้งหลายในพระไตรปิฏก หลายศัพท์หลายประโยคที่ยากนั้น อรรถกถาท่านให้แนวในการแปลไว้ นั่นก็คือคำแปลที่ใช้ๆ กันนั้นต้องอาศัยการอธิบศัพท์จากท่านอรรถกถาจารย์ทั้งนั้น แล้วอย่างนี้จะกล่าวว่า ไม่เอาอรรถกถา เป็นการหลอกตัวเองหรือไม่ ท่านที่ไม่เคยเรียนบาลีมาย่อมไม่ทราบประเด็นนี้ แต่ท่านที่เคยศึกษามาบ้างจะเข้าใจได้ไม่ยากเย็นเลย การปฏิเสธอรรถกถานั่นก็เป็นการปฏฺิเสธคำแปลอย่างนั้นๆ ด้วย คำถามก็คือ สำนักของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์แปลบาลีกันอย่างไร แปลเองอย่างนั้นหรือ โดยไม่ต้องอาศัยตำราที่ท่านผู้รู้แปลไว้ก่อนหน้านั้น (ซึ่งแปลตามแนวของอรรถกถา)
@trakanbuengkaeo7511
8 жыл бұрын
อาจารเกษมดวงแพงมาต18กุมภาพัน2559
@smaxbio1
8 жыл бұрын
สาวกพวกอรรถกถาจารย์ทั้งหลายอ้างบัญญัติข้อไหนในการ 'อธิบายธรรมของพระศาสดา' ถ้าจะอ้างพระเถระพุทธกาลเป็นอรรถกถาจารย์ก็แน่ให้ไปอ่านพระสูตร: 'มหาโคสิงคสาลสูตร (การสนทนาธรรมเรื่องผู้ทำให้ป่างาม)', พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๒ ข้อ ๓๖๙ - ๓๘๒ ซะก่อนแล้วจะรู้ว่าพระเถระแม้ระดับปัญญาวิมุติอย่างพระสารีบุตรเขาก็จะรับฟังทรงจำเฉพาะธรรมที่เป็นพระดำรัสหรือไม่ก็ธรรมที่พระศาสดารับรองเท่านั้น (ไม่งั้นจะเสียเวลาไปเข้าเฝ้าถามพระศาสดากันทำไมว่าใครพูดอะไรพอรับฟังได้ไหม) เรื่องบัวสี่เหล่า มีใครรับผิดชอบ? ทรงห้ามฟังคำสอนสาวก ก็มีอรรถกถาอธิบายกันโต้งๆว่าทรงห้ามฟังสาวกนอกศาสนา ทำให้เกิดความมัวหมองและสร้างช่องโหว่ให้กับพระดำรัสนั้นคือ 'สาวกในธรรมวินัยสามารถฟังคำสอนของศาสดานอกศาสนาได้' เรื่องนี้ก็หาตัวคนรับผิดชอบไม่ได้อีก แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช่อริยะเพราะมีบัญญัติไว้ว่า การแสดงธรรมที่ไม่ใช่ธรรมของตถาคตว่าเป็นธรรมของตถาคต = นรก ๑ กัป รู้อะไรบ้างแล้วก็ตอบหน่อย
@สวนธรรมคําพวัน
3 жыл бұрын
เห็นด้วยครับ คนเรียนบาลีจะรู้ครับ อรรถกถาเป็นคนแปลพระไตรปิฏกทั้งหมด พระองค์เองยังบอกให้ศึกษาอรรถกถาด้วย ถ้าไม่เอาอรรถกถาจะไม่เข้าใจปิฏกเลย เพราะที่เราอ่านนี้เป็นภาษาไทย ถ้าไม่เข้าใจจะเห็นเป็นสัตตานังมายึดติดขัน 5 ซึ่งเพี้ยนกันมาก
@รัศมีทองคํา-ณ5ภ
Жыл бұрын
ศึกษา ตถาคตภาษิต เมื่อมีพระพุทธเป็นปัจจัยจึงมีพระธรรม เมื่อมีพระธรรมเป็นปัจจัยจึงมีพระสงฆ์ มี โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ไปฟังสาวกภาษิต เมื่อไม่มีพระพุทธเป็นปัจจัยจึงไม่มีพระธรรม เมื่อไม่มีพระธรรมเป็นปัจจัยจึงไม่มีพระสงฆ์ ไม่มี โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ กฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท บอกให้เห็นความจริงตามความเป็นจริงอย่างนี้อย่างนี้คะ พุทธวจนคืออริยมรรคมีองค์แปดนั่นเองคะ
@รัศมีทองคํา-ณ5ภ
Жыл бұрын
@@สวนธรรมคําพวันไม่เห็น สัตตานัง ก็จะไม่เห็นความยาวไกลของสังสารวัฏ เห็น สัตตานัง ได้ด้วยการปฏิบัติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ละนันทิจิตหลุดพ้น ละนันทิใน เวทนาอุเบกขา ละนันทิจิตหลุดพ้น และ ละนันทิใน สัญญาและรูป ละนันทิจิตหลุดพ้น จุดจบของ สัตตานัง เปลี่ยนเป็น เจโตวิมุติ ผู้รู้ในการหลุดพ้น สั่งสมสุตตะเพื่อเจริญปัญญา ฉันทะอันใด ราคะอันใด นันทิอันใด ตัณหาอันใด ที่มีอยู่ใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ การติดแล้วการข้องแล้วซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า สัตว์ สัตตานัง นั่นเองคะ ใคร่ครวญพิจารณาซึ่งเนื้อความแห่งธรรม ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิูสูจน์ ปัญญาวิมุติ
@thianchail3608
6 жыл бұрын
คำถามแรก เขากะจะด่าพระอาจารย์ แต่พระอาจารย์ก็ตอบได้ดี
@thianchail3608
6 жыл бұрын
Cholsa Met อันที่จริง อรรถกถา แปลว่า การอธิบาย ที่พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ แต่ทุกวันนี้ กลายเป็นพากัน อธิบายเอง เติมแต่งเอง หลายอย่าง ไม่สามารถเชื่อมโยงกับธรรมะของพระศาสดาได้ แถมยังขัดแย้ง มันจึงจะไปเข้าหมวดสาวกภาษิต ที่พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่าฟังด้วยดี อย่าเงี่ยหูฟังครับ เช่นมีพระที่สอนว่า ธรรมะ คือหน้าที่ คนฟังบางที ก็อ่อ เราทำหน้าที่การงานของเราดีแล้ว หน้าที่ลูก หน้าที่ พ่อแม่ดีแล้ว นั่นคือโอเค ลืมอริยสัจ4อันเป็นเครื่องหลุดพ้นไปได้อีก ก็แทบไม่ต่างจากศาสนาอื่น นี่ไงครับ ข้อเสียของการไม่ยึดโยงคำพระพุทธเจ้า แต่ไปยึดโยงครูบาอาจารย์ ถือว่าความเห็นและคำสอนอาจารย์น่าจะดีกว่าพระพุทธเจ้า ที่ปรินิพพานไปแล้วแสนนาน แต่ไม่รู้ว่าศรัทธาตรงนี้ไม่เกิด ไม่กตัญญูต่อคนที่ค้นพบธรรมะคนแรก องค์ประกอบแห่งการหลุดพ้นนั้น ก็เป็นไปได้โดยยาก ต้องใช้จังหวะมรณะกาเลอีก ซึ่งก็ยากที่จะไปโชคดีตรงนัั้น แม้จะบรรลุได้ง่าย แต่การพลาดโอกาส มีสูงกว่า เพราะคนไม่ศรัทธา จะไม่เตรียมตัว
@ทามมะดาธรรมชาติ
7 жыл бұрын
ถ้าจะข้ามฝั่ง.เรานั่งเรือข้าม.ถึงฝั่ง.ก็พากันทิ้งเรือเสีย.ถ้าถึงฝั่งแล้วยังจะแบกเรือแบกไม้พายก็พากันเป็นบ้าอยุ่ในโลก
@smaxbio1
7 жыл бұрын
ธรรมบทนี้ที่คุณกล่าวมาเป็นคำสอนของใคร? .......................... ตถาคตสอนเรื่องการมีสุตตะคำสอนไว้ว่า - การมีสุตตะคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นหนึ่งในลักษณะของผู้มีศรัทธาข้อที่ 2 (พระสูตรลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธา) - ผู้ที่มีสุตตะท่องจำจนคล่องปากขึ้นใจแม้ไม่ได้สติขณะตายยังได้เกิดในเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง (พระสูตรอานิสงส์ ๔ ประการแห่งธรรมทั้งหลายที่บุคคลฟังเนืองๆคล่องปากขึ้นใจแทงตลอดด้วยดีด้วยทิฎฐิ)
@ทามมะดาธรรมชาติ
7 жыл бұрын
Sodaban Buddhist เป็นคำกล่าวมาจากจิตจากใจอัตมานี้เหละ..
@ทามมะดาธรรมชาติ
7 жыл бұрын
เห็นมีแต่คนบ้าเท่านั้นละ.ที่เอาธรรมมะพุทธองค่มถกเถียงกัน..
@smaxbio1
7 жыл бұрын
ถ้านั่นเป็นคำกล่าวของคุณเอง แล้วคุณเป็นสาวกในธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าใช่หรือไม่? ถ้าใช่... ผมขอให้คุณแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าให้ฟังบ้างได้ไหมครับ? .................................................... การปฏิปุจฉาหรือการถกกันในคำสอนของพระศาสดามิใช่การโต้เถียงครับ แต่เป็นการกระทำที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญไว้ว่าเป็น 'บริษัทที่เลิศ' (ไม่ได้เถียงกันนะครับ)
@ทามมะดาธรรมชาติ
7 жыл бұрын
คุณโยมน่าจะรุ้ตีความหมายได้น่าา.เรือ.ไม้พาย.คือไร แม่น้ำคือไร.ฝั่งคือไร..
@natthasrisab7130
8 жыл бұрын
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม กล่าวว่า เราไม่เคยเห็นท่านผู้รู้กล่าวเถียงธรรม เห็นแต่ท่านผู้ที่อวดรู้กล่าวเถียงธรรม ผู้ปฏิบัติเพิ่นบ่เถียงธรรม
@smaxbio1
8 жыл бұрын
แต่ตถาคตตรัสไว้ดังนี้ 1. 'แก้ให้เห็นโดยความไม่เป็นจริงว่านั่นไม่จริง' [พระไตรปิฎกไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๙ ข้อ๑] ดูกรภิกษุทั้งหลายคนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ในคำที่เขากล่าวตินั้น คำที่ไม่จริง เธอทั้งหลายควรแก้ให้เห็นโดยความไม่เป็นจริงว่า นั่นไม่จริง แม้เพราะเหตุนี้นั่นไม่แท้ แม้เพราะเหตุนี้ แม้นั่นก็ไม่มีในเราทั้งหลาย และคำนั้นจะหาไม่ได้ในเราทั้งหลาย" ............................................................................... 2. ‘บุคคลผู้กล่าวติเตียนและสรรเสริญโดยกาลอันควร’ [พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๑] โปตลิยสูตร[๑๐๐] ดูกรโปตลิยะ บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน ฯลฯ บรรดาบุคคล ๔ จำพวกนี้ บุคคลผู้กล่าวติเตียนบุคคลที่ควรติเตียนตามความเป็นจริงโดยกาลอันควรและผู้สรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญตามความเป็นจริงโดยกาลอันควรนี้เป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่าบุคคล ๔ จำพวกนี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมีความงามคือ ความเป็นผู้รู้จักกาลในอันควรติเตียนและสรรเสริญนั้นๆ ฯ ............................................................................... หลวงปู่ชอบก็เป็นเพียงแค่สาวกที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสดา พระพุทธเจ้า = ศาสดา = ผู้บัญญัติ พระธรรม = พระสัทธรรมที่ได้จากการตรัสรู้ = คำสอนของศาสดา พระสงฆ์ = สาวก = ผู้ฟัง ปฏิบัติตามคำสอนของศาสดา ถ้าภิกขุสาวกพูดคำสอนที่ไม่มีในพระศาสดาตน แสดงว่าคำสอนนั้นอาจจะเป็นความเห็นของตนเอง และเมื่อญาติโยมฟังแล้วนำไปจารึกทรงจำกัน เหล่าญาติโยมนั้นย่อมเป็นสาวกของภิกขุสาวกดังกล่าว นั่นคือมีนัยยะเป็นศาสดาของญาติโยมเหล่านั้นทันที ทำให้ญาติโยมไม่ได้ฟังคำสอนของสัมมาสัมพุทธะ เอาง่ายๆ ถ้าคุณสามารถทรงจำแล้วยกธรรมมะของหลวงปู่ชอบขึ้นมาได้ เคยสังเกตุไหมว่าคุณพอจะมีบทธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาของหลวงปู่ชอบบ้างไหม???
@thejewels6827
4 жыл бұрын
ความซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนก็คือ "ควรปฏิบัติให้ตรง แต่ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งที่ตนเองเห็นไม่ตรงออกไปให้หมด" ดังเช่นมติของพระเถระที่ร่วมประชุมทำสังคายนาครั้งแรก มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ท่านจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ไว้ว่า "จะไม่เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ และจะไม่เพิ่มเติมสิ่งที่พระพุทธองค์มิได้บัญญัติไว้" นั่นคือแนวทางของคณะสงฆ์นิกายเถรวาท อันมีศรีลังกา พม่า ไทย เป็นหลักอยู่ในสมัยปัจจุบัน แม้แต่หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้รจนาตำรา "พุทธประวัติจากพระโอษฐ์" และพระคึกฤทธิ์ได้นำมาเป็นคัมภีร์ศึกษาและสั่งสอนลูกศิษย์ภายในสำนัก หลวงพ่อพุทธทาสท่านเคยพูดว่า "มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพระไตรปิฎก" คือหมายถึงว่า เชื่อว่ามิใช่พระพุทธพจน์ แต่กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อพุทธทาสก็มิเคยเพิกถอนสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฎกออกไป แม้กระทั่งปัจจุบัน พระสงฆ์ในสายสวนโมกขพลาราม ของหลวงพ่อพุทธทาส ก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับคณะสงฆ์ไทยทั่วไป ในอีกสายหนึ่ง คือสายของหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง ซึ่งพระคึกฤทธิ์ได้อาศัยบวชเป็นครั้งแรก และมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในสายนี้ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานบวชไม่สึกตลอดชีวิต กระนั้นก็ตาม พระสงฆ์ในสายของวัดหนองป่าพงก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับพระสงฆ์ไทยทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่สมัยที่หลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่ การกระทำของพระคึกฤทธิ์ ในฐานะเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จึงเท่ากับเป็นการประกาศ "อหังการณ์-มมังการณ์" ว่าตนเอง "เก่งกว่าครู" ไม่ว่าจะเป็นครูที่บวชให้ คือ หลวงพ่อชา หรือแม้แต่ครูทางตำรับตำราที่ชื่อว่า หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นการประหลาดเหลือเกินว่า ไม่ว่าใครในสมัยนี้ ถ้าคิดว่าตนเองเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่าพระสงฆ์ไทยรูปอื่นๆ แล้วไซร้ ก็จะต้องใช้วิธีการ "อวดดี" ตัดโน่นตัดนี่ ทำวิปริตผิดประเวณีไปเสียทุกที่ น่าที่จะเป็นการช่วยผดุงพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มพูนศรัทธาสาธุชน ให้สนิทสนมกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วสังฆมณฑล กลับกลายเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังฆมณฑล เกิดความรังเกียจระหว่างพระสงฆ์ขึ้น ถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ดังที่เห็น นั่นเป็นเพราะอะไรหรือ ถ้าหากมิใช่ความอวดดื้อถือรั้น ดังคำกล่าวที่ว่า "เก่งอยู่คนเดียว-ดีคนเดียว" เมื่อลอยตัวนานไปจึงกลายเป็นน้ำล้นแก้ว ต้องถูกเททิ้งไป ไร้ค่า นับว่าน่าเสียดาย
@smaxbio1
3 жыл бұрын
@@coolgiru7135 เมนท์นู้นยังไม่ตอบ.... มาเม้นท์นี้อีก... ถือว่าก่อกวนนะครับ.... ส่วนที่ยกหลวงปู่หลวงตาอะไรมาเนี่ยผมไม่อยากรับรู้และไม่คิดที่จะไปสืบสาวชีวประวัติปฏิปทาใดๆ... เพราะท่านเหล่านั้นเป็นภิกขุสาวกที่ยังต้องเร่งศึกษาในธรรมวินัย... ซึ่งไม่แน่ใจว่าในช่วงชีวิตของท่านเหล่านั้นได้ประพฤติถึงความเป็นบุรุษสี่คู่ หรือที่พระองค์ตรัสถึงความเป็นสมณะที่หนึ่ง, สอง, สาม และสี่แล้วหรือไม่.... ผลนั้นๆย่อมเป็นผลเฉพาะตนเท่านั้นคือไม่เกี่ยวกับผู้อื่น... มีแต่ธรรมวินัยของตถาคตเท่านั้นที่ส่งผลแก่มหาชนดังพระสูตรที่ว่า ***************** "ภิกษุทั้งหลาย ในบุคคล ๓ ประเภทนั้น มีบุคคลอยู่ประเภทหนึ่ง ซึ่งต่อเมื่อได้เห็นตถาคต หรือได้ฟังธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว จึงจะเข้ามาสู่คลองแห่งกุศลธรรมทั้งหลายได้, ถ้าไม่ได้เห็นตถาคต หรือไม่ได้ฟังธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ย่อมไม่เข้ามาสู่คลองแห่งกุศลธรรมทั้งหลายได้เลย." บาลี ติก. อํ. ๒๐/๑๕๒/๔๖๑ [ยังไงก็ต้องแสดงพระสูตรนะครับ.... เพราะนี้คือศาสดาของพุทธศาสนาครับ]
@smaxbio1
3 жыл бұрын
@@thejewels6827 ก็ฟังแล้วดูมีเหตุมีผลดี... แต่ยังไม่อิงอรรถอิงธรรมนะครับ... ธรรมวินัยเป็นสิ่งที่สูงสุดที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติแต่งตั้งให้เป็น 'ศาสดาแทน' ในกาลต่อไป... ดังนั้นถึงคุณจะอ้างมติสงฆ์ของคณะสังคายนายุคแรก... แค่คุณเชื่อถือความเป็น 'นิกาย' ซึ่งเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติถือว่าผิดเป็น 'สังฆเภท' ... ตรงนี้คุณต้องชัดเจนก่อนนะครับว่าคุณเห็นด้วยกับการสถาปนาแต่งตั้งนิกาย(แม้ด้วย 'เถรวาทะ') ... กรณีพุทธทาส... คุณจะไปหยิบยกบางช่วงบางตอนของท่านไปตัดสินตัวตนท่านทั้งชีวิตเห็นจะไม่ควรนะครับ... พุทธทาสรจนาหนังสือไว้มากมาย... แต่สุดท้ายท่านก็ยังกลับมาสู่ 'ธรรมวินัย' (ท่านคงกลับไปสั่งยกเลิกงานพิมพ์ที่ผ่านมาไม่ไหว) กรณีศีล ๒๒๗... คุณเองก็วินิจฉัยเองไม่ได้... แม้มติสงฆ์จะมีแต่ก็ไม่สามารถอ้างอิงอรรถ-ธรรมใดๆในธรรมวินัยได้เลย... พระคึกฤทธิ์แสดงเนื้อหาที่ศึกษาพบเจอในคัมภีร์ที่พวกเราชาวพุทธเก็บรักษา... พร้อมทั้งกล้าชี้ถึงสิ่งปลอมปนในศาสนาพุทธนั่นก็คือ 'สิ่งที่ตถาคตไม่ได้บัญญัติ' แต่ที่ต้องยอมจำนนก็เพียงเพราะ 'กฏหมู่' ที่มีมาอย่างยาวนานครั้งสมัยสังคายนาครั้งที่ ๒ ต่างหากครับ *** คำติใดๆที่คุณกล่าวถึงพระคึกฤทธิ์มานี้ ผมเห็นว่าไม่มีในตัวท่านเลย... และคงเหมือนๆกับทุกคำกล่าวหาที่ผ่านมาต่างๆที่ทุกวันนี้ก็ยังหามีในตัวท่านไม่... น่าตลกนะครับที่คุณเข้ามาถกคำสอนพุทธแต่กลับยกคำเปรียบเปรยต่างๆที่ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้าเลย [ศาสนา แปลว่า 'คำสอน'] [ศาสนาพุทธ = 'คำสอนพุทธะ' = 'คำสอนพระพุทธเจ้า' != 'คำสอนบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า']
@ลุงเหน่งตรุณวิปัสสนา
6 жыл бұрын
ดูเจตนาของท่านแล้ว เจตนาเป็นกุศลครับ คือไห้เน้นไปฟังที่พุทธวรรจนะก่อน ศึกษาจากพุทธวรรจนะก่อน ท่านกล่าวถูกต้องแล้วนั่นแร่ะครับ ส่วนไครอยากจะไปเปิดดูในอรรคาถาก็ไม่ผิดหรอกครับ เพราะรู้ว่านี่พุทธวรรจนะ นี่อรรคาถา ขอไห้ศึกษากันอย่างจริงเถอะครับ พุทธวรรจนะจะได้แพร่หลายยิ่งๆขึ้นไปครับ เพราะท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ชูธงพุทธวรรจนะหนึ่งเดียวเท่านั้น ทำถูกแล้วครับ แต่คงไม่มีไครสามมารถไปห้ามดูห้ามศึกษาอรรคาถา ได้หรอกครับ เราเหมือนแตกแยกกันเรื่องความคิดเห็นต่างพอฟังท่านชี้แจงท่านก็พูดถูกอยู่แล้วครับตรงๆด้วย แล้วคนที่จะมากล่าวหาท่านได้นั้น โอว..ต้องเชี่ยวชาญอย่างมากแร่ะครับ แล้วต้องชี้ชัดๆลงไปว่า ท่านอาจารย์สอนผิดอย่างไร พูดผิดอย่างไร เพราะท่านศึกษาอย่างจริงจังไงล่ะครับ พอไปซักถามท่าน ท่านยกพุทธวรรจนะขึ้นมาชี้แจงจบครับ (แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยน่ะครับกับการที่ท่านปฏิเสธอรรถคาถา เว้นเสียแต่ว่าท่านจะมีหลักฐานมาหักล้าง แต่ถึงอย่างไรพระไตรปิฏกก็ยังไว้เหมือนเดิมมิได้ถูกทำลายหรอกครับ ชาวพุทธทั้งหลายอย่าไปห่วงข้อนี้เลยน่ะครับ ในอนาคต ก็มีพระไตรปิฏกฉบับพุทธวรรจนะขึ้นมาอีกฉบับหนึ่งครับ พุทธวรรจนะล้วนๆ ตามท่านพระภิกษุคึกฤทธิ์)เราต้องดูที่เจตนาครับ เจตนาท่านทำลายหรือเปล่า ท่านไม่ได้ทำลาย ท่านบอกว่าส่วนนี้พุทธวรรจนะล้วนๆ แล้วที่สำคัญท่านศึกษาด้วยครับ แล้วท่านก็แสดงไปตามพุทธวรรจนะ ที่เราตกใจกันนั้นคืออะไร คือท่านปฏิเสธอรรคาถาครับแล้วเราชาวพุทธจะไปเดือดร้อนอะไร พระไตรปิฏกฉบับเดิมรวมอรรคาถาก็ยังคงอยู่ไม่ได้ถูกทำลาย ท่านชักชวนไห้มหาชนทั้งหลายมาศึกษาพุทธวรรจนะล้วนๆ เป็นกุศลครับ อนุโมทนาครับ เพราะทุกวันนี้น้อยคนมากที่จะศึกษาพระไตรปิฏก ในเมื่อท่านอาจารย์สามารถชักชวนมหาชนมาศึกษา มาฟังพุทธวรรจนะล้วนๆ ตกใจอะไรกันหรือครับ ปรบมือซิครับ รัวๆ อนุโมทนาซิครับ รัวๆ ตามท่านมาหลายคลิปแล้ว ตกใจเหมือนกันทีแรก จริงๆไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่ท่านเน้นไห้ฟังแต่พุทธวรรจนะอย่างเดียว อรรคาถา ฏีกา อนุฏีกา ฯลฯ อย่าไปฟัง แค่นั้นแร่ะ แต่ก็ห้ามไครไม่ได้หรอกครับ เพราะเหตุที่ว่าผู้ที่ศึกษาและเข้าใจในพระไตรปิฏกนั้น ท่านเหล่านั้นรู้อยู่แล้ว เหมือนกันกับท่านอาจารย์คึกฤทธิ์นั่นแร่ะว่าส่วนนี้พุทธวรรจนะ ส่วนนี้อรรคาถา เขาก็ยึดพุทธวรรจนะเป็นหลักด้วยกันทั้วนั้รแร่ะครับ ไม่มีไครเดือดร้อนเพราะอรรคาถาหรอกครับ เพราะเขายึดถือพุทธวรรจนะเป็นหลัก อรรคาถาเพื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง ทำตกใจกันไปทั้งโลกล่ะครับท่านอาจารย์ ยาวๆไปครับดีแล้ว ขอไห้มาฟังมาศึกษากันเยอะๆเถอะครับ พระธรรมจักได้แพร่หลาย ออ อีกอย่างครับ สำหรับคนที่ไม่เคยศึกษาพระไตรปิฏกมาก่อนเลยนั้น เมื่อฟังท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ก็จะปฏิเสธอรรคาถาไปเลย แล้วก็จะมาศึกษาพุทธวรรจนะล้วนๆ เป็นไงล่ะครับ ก็ดีแล้วไงครับ อนุโมทนาซิครับ ปรบมือซิครับ สาธุการรัวๆ ยาวๆไปครับท่าน
@บาลี5nuunengdj
2 жыл бұрын
เอาคำบาลีมาพูดมาบอกมาสอนผิดความหมายหลายคำครับ ผมจะยกตัวอย่างที่เคยฟังมาเช่นคำว่า กายคตาสติ พอจ.คึกฤทธิ์ บอกว่า คำว่า สติ แปลว่า มี ซึ่งจริงๆแล้ว สติ คำนี้ไม่ได้แปลว่ามีครับ สติ คำนี้ แปลว่า ระลึก มาจาก สร ธาตุ ในความระลึก ลง ติ ปัจจัยในนามกิตก์ ธาตุมี ร เป็นที่สุดธาตุ ให้ลบ ที่สุดธาตุ ได้รูปเป็น สติ แปลว่า ความระลึก เอามารวมกับคำว่า กายคตา ที่แปลว่า เป็นไปแล้วในกาย จึงได้คำแปลว่า ความระลึกที่เป็นไปแล้วในกาย เพราพฉะนั้น คำว่า สติ คำนี้จึงแปลว่า ความระลึกครับ ส่วน สติ ที่แปลว่า มี จะต้อง วางไว้ในรูปประโยค อีกอย่างนึง ถึงจะแปลว่ามีครับ นี่คือ 1 ในอีกหลายๆคำที่ท่านเอามาแปลผิด แต่ในส่วนของเรื่องเนื้อหาหลักธรรมท่านเก่งจริงครับ อันนี้ฟังและศึกษาจากท่านได้เลย แต่เวลาท่านเอาบาลีมาอธิบาย ก็พยามฟังหูไว้หูครับ เพราะส่วนมากคนที่ไม่เรียนบาลีมาจะไม้รู้รากศัพท์เพียงแค่จำมา แล้วบาลี คำๆนึง สามารถแปลได้หลายความหมายครับ
@ฟิโกโล่
2 жыл бұрын
แล้วถ้าพระคึกฤิท ตัดคำผิดละไปตัดส่วนของพุทธเจ้าออกจะรู้ได้ยังไงละทีนี้
@taisaichan9568
2 жыл бұрын
@@บาลี5nuunengdj ผิดตรงไหนก็ไปบอกพระอาจารย์คึกฤทธิ์สิครับคุณถ้าพระอาจารย์เขาผิด เป็นเรื่องปกติที่อาจารย์จะผิด พระอาจารย์คึกฤทธิ์ไม่ใช่พระตถาคตนะคุณ ผมว่าคุณเอาเวลาพิมพ์ไปสนทนากับท่าน ว่าตรงนี้ผิดยังไงอะไรยังไงยังจะเป็นประโยชน์เสียกว่า เรื่องการแปลบาลีเนี่ยครับ ผมเชื่อว่าพระอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านเป็นผู้มีเหตุมีผล รับฟังข้อคำถามทุกข้อ
@บาลี5nuunengdj
2 жыл бұрын
@@taisaichan9568 คุณก็เอาเวลาที่คุณมาพิมพ์บอกกับผมนี้ ไปบอกท่านสิจะมาเสียเวลาพิมพ์บอกผมทำไม
@taisaichan9568
2 жыл бұрын
@@บาลี5nuunengdj ผมจะเอาปัญญาอะไรไปบอกครับ ผมไม่ได้เชี่ยวชาญบาลีเหมือนคุณนี่ 🤣
@thiryanratnasuti5237
8 жыл бұрын
ไม่เอาอรรถกถาก็ไม่ต้องเอาพระไตรปิฎกแปลไทย เพราะพระไตรปิฎกแปลไทยนี้แปลด้วยอรรถกถา ลองไปฟังที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ป.อ ปยุตโต) วัดญาณเวศกวัน บ้างนะ
@smaxbio1
8 жыл бұрын
ทำไมจะไม่เคยฟังล่ะ พระปยุตเราเคยฟังแล้วหาพระสูตรไม่เจอ.... เช่น kzbin.info/www/bejne/bZbHdWyba7V3etU 'อิทธิบาท ๔ พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)' * นาที - 1:50 - "...อวัยวะที่ทำให้เราไปถึงที่หมาย..." (แปลเรื่องอิทธิบาท) * นาที - 3:36 - "...วิมังสา.. บาลีก็เป็น วีมังสา... ให้เหมาะลิ้นไทย..." (ทวนหัวข้อ สะกดทีละคำ) * นาที - 4:47 - (อธิบายเรื่อง ฉันทะ) - "...ความอยากที่เกี่ยวกับการกระทำ... อยากให้มันดี" * นาที - 6:58 - (แปลเรื่องวิริยะ) - "...ความเป็นวีระ ... แกล้วกล้า... ใจสู้..." * นาที - 9:16 - (แปลเรื่องจิตตะ) - "...ความมีใจจดจ่อ... ยกต.ย.บ่อยๆก็คนกู้ระเบิด..." * นาที - 10:12 - (แปลเรื่องวิมังสา) - "...ทดลองทดสอบ... อยากรู้ว่าทำอย่างนี้จะเกิดผลยังไง..." * นาที - 11:21 - (สมาธิ 4 ประเภท) - "...พระพุทธเจ้าจะตรัสว่าถึงสมาธิ 4 ประเภท.." (แต่ไม่พูดพระดำรัสของพระพุทธเจ้าเลย ได้แต่อธิบายเองไปเรื่อยๆ) * นาที - 12:44 - (ฉันทะสมาธิ) - "...ฉันทะเป็นตัวปัจจัยที่ทำให้เกิดสมาธิ..." * นาที - 14:33 - (วิริยะสมาธิ) - "...เกิดความรู้สึก... ท้าท้าย... อยากจะเอาชนะ..." * นาที - 15:20 - (จิตตะสมาธิ) - "... เพราะเห็นความสำคัญ..." * นาที - 15:40 - (วิมังสาสมาธิ) - "...เมื่ออยากจะรู้ว่ามันเป็นยังไงๆ มันก็ทำให้เกิดใจแน่วแน่เป็นสมาธิ..." * นาที - 16:03 - (สรุปอิทธิบาท 4 กับสมาธิ) - "...ตัวไหนก็ได้... ทำให้เกิดสมาธิได้ทำนั้น..." * นาที - 16:29 - (ความสัมพันธ์ในอิทธิบาท 4) - "...เหมือนกับเด็กที่ยังไม่อยากกวาดบ้าน... พ่อแม่ครูอาจารย์ก็ต้องพูดให้เด็กเห็นว่ากวาดแล้วมันดียังไง... พอเกิดฉํนทะแล้วมันจะเกิดความเพียรขึ้นมาได้ง่าย... " * นาที - 24:55 - (ผลของอิทธิบาท 4) - "...เรื่องของอายุยืนพระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า ถ้ามีอิทธิบาท 4 ก็ทำให้อายุยืน ถ้าพระองค์จะอยู่ตลอดกัปป์ก็สามารถอยู่ได้ด้วยการบำเพ็ญอิทธิบาท..." (สรุปพูดเอาเอง ไม่แสดงพระสูตรพระดำรัสจริงว่าพระองค์มีมรรควิธีอย่างไร แล้วก็เล่าเรื่องแบบนิทานในช่วงพระพุทธเจ้ากำลังปลงสังขาร...) * นาที - 26:22 - (เงื่อนไขตอนปลงอายุสังขาร) - "...ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ... สามารถที่จะสั่งสอนแนะนำผู้อื่นได้ แก้ไขผู้ที่มากล่าวมาสอนมาพูดสิ่งที่ผิดหลักการได้... พระพุทธเจ้าตรัสว่าเมื่อพุทธบริษัท 4 มีความพร้อมอย่างนี้แล้วพระองค์ก็ปรินิพพานได้..." * นาที - 27:44 - (อายุก็คือพลังชีวิต) - "...เกิดความมีชีวิตชีวาจะอยู่... ถ้าไม่มีฉันทะเป็นต้นก็หมดพลังชีวิต..." * นาที - 30:46 - (อริยะชีวิต) - "...คนเรามันขาดกำลังใจเราจะเห็นได้ว่าอย่างคนเจ็บป่วยไข้เนี่ย...พอหมดกำลังใจซะอย่างก็ ทรุดรวดเร็ว..." * นาที - 32:34 - (ถาม-ตอบปัญหากับผู้ร่วมฟัง) .................................................................................................. ยังไม่เห็นการแสดง 'พระสูตรใดๆเลย' มีแต่ยกหัวข้อมาบรรเลงเองโดยฝ่ายเดียว ที่อ้างพระพุทธเจ้าตรัส ก็ไม่ยอมกล่าวพระดำรัสจริงๆออกมา มีแต่สรุปๆๆๆใจความไปเสียเอง โดยเฉพาะนาที 26:22 นี่สรุปมาจากเนื้อความจริงๆหรือไม่ .................................................................................................. ประเด็นนาที 26:22 เมื่อนำมาตรวจกับพระสูตรจริงพบว่าปยุตตีความกลับกันไปทางเดียวเช่น (ปยุต) -> "สามารถสั่งสอนแนะนำผู้อื่นได้" (ตถาคต) -> "ไม่ได้รับการแนะนำ" (ปยุต) -> "แก้ไขผู้ที่มากล่าวมาสอนมาพูดสิ่งที่ผิดหลักการได้" (ตถาคต) -> (ไม่ได้ตรัสเรื่องนี้เลย) (ปยุต) -> (ไม่พูดถึงเรื่องการเรียนคำสอนพระศาสดา) (ตถาคต) -> "ภิกษุผู้เป็นสาวกของเรา... จักยังไม่เฉียบแหลม ... ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม..." .................................................................................................. พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๐ [๑๐๒] ... ดูกร มาร ผู้มีบาป ภิกษุผู้เป็นสาวกของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว ยังบอกแสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่าย ไม่ได้ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ข่มขี่ปรับปวาทที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมไม่ได้ เพียงใด เราจักยังไม่ ปรินิพพานเพียงนั้น ฯ .................................................................................................. ปยุต ยังแก้คำสอนตัวเองเรื่อยๆอยู่เลยนะ (จะรับผิดชอบอะไรบ้างไหม?) 2553 : ... สิกขาบท 150 ถ้วนนี้... [หนังสือพุทธธรรม] 2554 : ... สิกขาบท ๑๕๐ ทั้งยังมีเกินขึ้นไปอีกนี้... [บทความพระไตรปิฎกอยู่นี่] 2555 : ... (ให้เหตุผลที่แก้ไปปี 2554) ... ตอนที่เขียน..ไม่ได้นึกถึงวินัยมุข... [บทความศึกษาและเกื้อกูลในการศึกษา] 2557 : ... ภิกขุว่าสิกขาบท ๑๕๐ ... [ดัชนีในหนังสือพุทธธรรม]
@thiryanratnasuti5237
8 жыл бұрын
Sodaban Buddhist แล้วถ้าไม่ใช้อรรถกถานี้จะแปลเป็นไทยได้ใหมล่ะ ขอถามหน่อยเถอะ เพราะที่เฮียคึกกล่าวมานี้เป็นแปลไทยนะ อย่ามาบอกเลยว่าไม่เอาอรรถกถา ถ้าไม่เอาอรรถกถาก็ไม่ต้องเอาพระไตรปิฎกแปลไทยนะครับ ผม ปธ.๖นะครับ
@smaxbio1
8 жыл бұрын
ประเด็นแรก : ที่พระปยุตแสดงธรรมเรื่องอิทธิบาท ๔ เหตุใดจึงพูดไม่ตรงกับพระสูตร? (ตอบหรือแสดงความเห็นชี้แจงด้วยครับ) ............................................... ที่ว่า 'ไม่เอาอรรถกถา' คือไม่เอาคำสอนสาวกที่พระพุทธเจ้าไม่ได้รับรองไว้ และกรณีคนแปลภาษาก็มีหน้าที่แปลภาษา ไม่มีหน้าที่แสดงความเห็นเข้าไป ประเด็นที่สอง : ทำไมพวกคุณไม่ยอมรับคำสอนในพระสูตรกันเลย กลับไปให้ความสำคัญกับคำสอนส่วนอรรถกถา เช่น หลักมหาปเทส ๔ ที่พระองค์ตรัสไว้ดังนี้ [พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๐ ข้อ ๑๑๓ - ๑๑๕] "ถ้าสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ลงในพระสูตรไม่ได้ เทียบเคียงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี้มิใช่คำของพระผู้มีพระภาคแน่นอน และ {ภิกษุ, ภิกษุสงฆ์,พระเถระเหล่านั้น และพระเถระนั้น} นี้จำมาผิดแล้ว ดังนั้น พวกเธอพึง ทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย " ............................................... ช่วยชี้แจงด้วยครับว่า - คณะสงฆ์ที่ทำการแปลให้เราได้อ่านนั้น แปลพระสูตรผิดไปทั้งหมดเชียวหรือ? - ความสามารถของพระปยุตมากพอที่จะชี้ผิดว่าคณะสงฆ์เหล่านั้นได้แปลพระสูตรผิดไปหมด? (เทียบแล้วคณะสงฆ์เหล่านั้นเป็นระดับปรมาจารย์ที่พระปยุตเป็นเพียงศิษย์) - คุณเป็น ปธ.6 งั้นช่วยตรวจพระสูตรมหาปเทส ๔ ด้วยครับว่า นัยยะผิดตรงไหน? ............................................... คุณมีคำสอนพระพุทธเจ้าบ้างไหม? ถ้ามีขอรับฟังบ้างว่าบทใด ส่วนผมก็อ่านแปลไทยแต่เทียบเคียงสูตรอื่นๆดูความเข้ากันได้ตามหลักมหาปเทส ๔ และได้เห็นความต่างชั้นกันระหว่างการฟังหรือ่านคำสอนพระพุทธเจ้ากับสาวก
@smaxbio1
8 жыл бұрын
ประเด็นที่ค้างไว้ ให้ไปฟังพระปยุต ผมก็ฟังแล้วเหตุใดเราไม่คุยกันต่อให้จบๆ? (ว่างๆก็ตอบกันหน่อยล่ะกัน ไม่งั้นจะเข้าพระสูตรนี้) ........................................................................ พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๐ ข้อ ๕๐๗ ดูกรภิกษุทั้งหลาย จะพึงทราบบุคคลว่า ควรพูดหรือไม่ควรพูด ก็ด้วยประชุมสนทนากัน ถ้าบุคคลถูกถามปัญหา พูดกลบเกลื่อน พูดนอกเรื่องนอกราว แสดงความโกรธ ความขัดเคืองและความเสียใจให้ปรากฏ เมื่อเป็นเช่นนี้ บุคคลนี้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ควรพูด
@smaxbio1
8 жыл бұрын
อรรถกถา ไม่ใช่พระไตรปิฎก แต่ถ้าจะบอกว่าพระพุทธเจ้าอธิบายก็คืออรรถกถา ผมคงต้องขอดูอรรถกถานั้นด้วยว่าพระองค์ตรัสไว้จริงหรือ? เอาเป็นว่า 'อรรถกถา' ที่ผมหมายถึงนี้คือ 'คำสอนของสาวกที่ไม่ได้รับการรับรองคำพูดโดยพระพุทธเจ้า' เช่นพวกสาวกหลังพุทธกาล หรือพวกอรรถกถาจารย์ ทรงจำกัดให้เรียนในภาษาบาลีอย่างเดียวไหม? ว่างๆก็เข้าไปแปลบาลีเรื่องนี้ด้วยนะ ว่าเป็นอย่างไร? [พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ (ภาษาบาลี) เล่มที่ ๗ ข้อ ๑๘๐] แต่ปรมาจารย์ของพวกคุณน่ะแปลพระสูตรนี้ไว้แล้วดังนี้ 'เราอนุญาตให้เรียนพุทธวจนตามสำเนียงของตนๆ' (ประมวลจากพระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
@03_คัทลียาจิระพรกุล
8 жыл бұрын
สิ่งที่พอจ.คึกฤทธิ์พูด เป็นพุทธวจนะ จริงไหม นี้ผมว่าให้มาถกกัน ถึงจะถูก ถ้าจริง ท่านผิดเพราะอะไร ผมไม่เข้าใจจริงๆ
@สายลมพัดผ่าส
7 жыл бұрын
สมชัย จิระพรกุล มีผู้เสียหาย เนื่องจากสิ่งท่่ตัวเองทำอยู่นั้นผิดจริง..แล้วมีสิ่งหนึ่งเกิดถูกขึ้นมา...ฉันก็ถือศีลหาทางพ้นทุก จึงพอรู้ว่า.ฝ่ายที่เสียหายคือ คนที่ไม่ถ่ายทอดพระธรรม
@smaxbio1
7 жыл бұрын
หลักมหาปเทส ๔ เลยครับ พระองค์ให้นำไปเทียบกับธรรมวินัยซึ่งก็คือพระสูตรทั้งหลายนั่นเอง ดังนั้นคุณต้องเริ่มจากการศึกษาพระสูตรก่อน ฟังไปเรื่อยๆหลายๆพระสูตร แม้พยัญชนะที่แปลมาจะไม่ใช่ภาษามคธในยุคพุทธกาลจริงๆ แต่อรรถถะความหมายที่สอดรับกันหลายๆพระสูตรจะแสดงให้คุณได้เห็นเอง ................................ ถ้าไม่เริ่มฟังศึกษาพระสูตรแล้วคุณจะใช้เวลาไปสนใจฟังคำสอนอื่นทำไม?
@User_ub3ts9mh5x
6 жыл бұрын
คำของพระศาสดา เป็นภาษาเดิม(บาลี) ต้องคงเดิมไว้ไม่สามารถแก้(ตัด-เติม)ครับ แต่คำแปลที่เป็นภาษาเดิมของสาวกท่ไม่ได้ใช้ภาษาบาลี อาจแปลคำได้ไม่ตรงกัน เช่นเนื่องจากในภาษาเรามรคำที่แปลอาจใช้ได้หลายคำ แบบนี้เป็นไปได้ไหมใครับ เช่นเพลิน-เพลิดเพลิน:ตาย-ดับฯลฯ
@anonanon3949
3 жыл бұрын
ประสิทธิ์ วิจิตรโสภา คุณเคยเรียนบาลีมั้ยครับ
@เชาวฤทธิ์ขัดสี
3 жыл бұрын
เอาจริงๆแล้ว ศึกษาตามภาษาถิ่น ตามสำเนียงที่ตนรู้ตนเข้าใจนั่นก้อเพียงพอแล้ว หากมีข้อความ ความหมายที่ไม่สอดรับหรือขัดแย้งกัน ก้อให้กลับไปค้นหาที่ภาษาเดิมที่ได้จากรึกลงอักขระไว้ คือ บาลี หรือหากยังไม่พอใจก้อเทียบในพระไตรปิฏกในภาษาอื่นๆตามที่มีบันทึกไว้ในโลก หรือหากอยากได้ภาษาเดิมต้นฉบับก้อเอาภาษาบาลีสันสกฤตินั้นไปเทียบกับภาษามคช หากมีความสามารถที่พึงจะกระทำได้ พระอริยธรรมชั้นสูงๆ เช่นคำว่านิพพาน ยากที่จะหาคำใดๆในโลกมาบัญญัติได้เท่าที่ภาษาของมนุษย์จะพึงมีอยู่ให้เข้าใจโดยท่องแท้ด้วยปัญญา เพียงแต่อธิบายภาพรวมให้อุปมาพอเห็นได้ พอเข้าใจตามเส้นทางนั้นๆได้ เหตุนี้ บุคคลจึงต้องเดินตามทางนั้นเอง ปฏิบัติเอง แล้วจึงจะพึงรู้ได้เฉพาะตน เรียกว่าปัจจัตตัง อาทิคนที่ยังไม่บรรลุโสดาบันก็เพียงอธิบายได้ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว บัญญัติไว้ดีแล้ว พอมองเห็นภาพคร่าวๆ ภาพลางๆ แต่ไม่อาจสามารถบรรยายได้เหมือนผู้ที่บรรลุโสดาบันแล้วจริงๆ ธรรมอันนี้จึงรู้ได้เฉพาะตน แม้นจะพยากรณ์ จะประมาณผู้อื่นก็มิอาจกระทำได้ นอกจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นสัพพัญญูพระองค์เดียว
@thejewels6827
4 жыл бұрын
ความซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนก็คือ "ควรปฏิบัติให้ตรง แต่ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งที่ตนเองเห็นไม่ตรงออกไปให้หมด" ดังเช่นมติของพระเถระที่ร่วมประชุมทำสังคายนาครั้งแรก มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ท่านจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ไว้ว่า "จะไม่เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ และจะไม่เพิ่มเติมสิ่งที่พระพุทธองค์มิได้บัญญัติไว้" นั่นคือแนวทางของคณะสงฆ์นิกายเถรวาท อันมีศรีลังกา พม่า ไทย เป็นหลักอยู่ในสมัยปัจจุบัน แม้แต่หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้รจนาตำรา "พุทธประวัติจากพระโอษฐ์" และพระคึกฤทธิ์ได้นำมาเป็นคัมภีร์ศึกษาและสั่งสอนลูกศิษย์ภายในสำนัก หลวงพ่อพุทธทาสท่านเคยพูดว่า "มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพระไตรปิฎก" คือหมายถึงว่า เชื่อว่ามิใช่พระพุทธพจน์ แต่กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อพุทธทาสก็มิเคยเพิกถอนสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฎกออกไป แม้กระทั่งปัจจุบัน พระสงฆ์ในสายสวนโมกขพลาราม ของหลวงพ่อพุทธทาส ก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับคณะสงฆ์ไทยทั่วไป ในอีกสายหนึ่ง คือสายของหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง ซึ่งพระคึกฤทธิ์ได้อาศัยบวชเป็นครั้งแรก และมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในสายนี้ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานบวชไม่สึกตลอดชีวิต กระนั้นก็ตาม พระสงฆ์ในสายของวัดหนองป่าพงก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับพระสงฆ์ไทยทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่สมัยที่หลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่ การกระทำของพระคึกฤทธิ์ ในฐานะเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จึงเท่ากับเป็นการประกาศ "อหังการณ์-มมังการณ์" ว่าตนเอง "เก่งกว่าครู" ไม่ว่าจะเป็นครูที่บวชให้ คือ หลวงพ่อชา หรือแม้แต่ครูทางตำรับตำราที่ชื่อว่า หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นการประหลาดเหลือเกินว่า ไม่ว่าใครในสมัยนี้ ถ้าคิดว่าตนเองเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่าพระสงฆ์ไทยรูปอื่นๆ แล้วไซร้ ก็จะต้องใช้วิธีการ "อวดดี" ตัดโน่นตัดนี่ ทำวิปริตผิดประเวณีไปเสียทุกที่ น่าที่จะเป็นการช่วยผดุงพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มพูนศรัทธาสาธุชน ให้สนิทสนมกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วสังฆมณฑล กลับกลายเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังฆมณฑล เกิดความรังเกียจระหว่างพระสงฆ์ขึ้น ถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ดังที่เห็น นั่นเป็นเพราะอะไรหรือ ถ้าหากมิใช่ความอวดดื้อถือรั้น ดังคำกล่าวที่ว่า "เก่งอยู่คนเดียว-ดีคนเดียว" เมื่อลอยตัวนานไปจึงกลายเป็นน้ำล้นแก้ว ต้องถูกเททิ้งไป ไร้ค่า นับว่าน่าเสียดาย
@pjeedy1458
2 жыл бұрын
พระสารีบุตร ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศกว่าพระภิกษุทั้งปวงในด้านสติปัญญา จนพระคึกฯ ไม่มีทางเทียบได้แม้เพียงเศษเสี้ยวของปัญญาของท่านพระสารีบุตร แล้วท่านพระสารีบุตรยังเกิดร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า ได้ฟังพระธรรมจากพระโอฐของพระพุทธเจ้า แต่พระคึกฯ เกิดห่างไกลจากสมัยพุทธกาลตั้ง 2 พันห้าร้อยกว่าปี ต้องมาเรียนบาลีตอนแก่ แล้วยังต้องมานั่งแกะบาลีเอง แล้วคิดมโนด้วยตรรกะของตนเอง อย่างนี้คำสอนของพระคึกฯ จะไม่ยิ่งผิดพลาดหรือ ถามหน่อยว่าทำไมลูกศิษย์พระคึกฯ ถึงเชื่อคำสอนของพระคึกฤทธิ์ที่ยังมิได้บรรลุธรรมและเกิดห่างไกลพระพุทธเจ้าถึง 2.5 พันกว่าปี มากกว่าจะเชื่อคำอรรถาธิบายของพระอรหันต์ผู้ดับกิเลสแล้วและเป็นพระมหาสาวกผู้เลิศที่สุดในด้านปัญญา และได้รับฟังพระธรรมจากพระโอฐของพระพุทธเจ้าด้วยตัวเอง ถ้าไม่ต้องฟังคำของสาวกไหนเลย ก็ไม่ต้องคำของพระคึกฯ ด้วยสิ เพราะเป็นสาวกเช่นกัน ไม่ต้องไปวัดนาป่าพง แต่ซื้อพระไตรปิฎกมาอ่านกันเอง นั่งแกะกันเอง เข้าใจกันเอง
@asdfjkl4979
2 жыл бұрын
ประเด็นมันอยู่ที่ พระคึกฤทธิ์ เค้าเอาคำพุทธเจ้ามาสอน ไม่ได้คิดขึ้นเอง แล้วเค้าก็บอกอยู่ว่าพระสารีบุตรเองก็เคยคิดผิดพูดผิดจนพุทธเจ้าต้องตำหนิ และมีพระสูตรร้องรับ
@pjeedy1458
2 жыл бұрын
@@asdfjkl4979 หมายถึง การันทิยชาดก ใช่มั้ยครับ นั่นเป็นเรื่องราวในอดีตชาติของท่านพระสารีบุตรที่เกิดในสกุลพราหมณ์ มีชื่อว่า การันทิยะมาณพ ซึ่งเป็นชาติที่ท่านยังมิได้บรรลุแม้เป็นโสดาบันเลย ปัญญายังไม่เกิด แต่ในชาติสุดท้ายของท่านสารีบุตร พระพุทธเจ้ายกย่องว่าท่านเป็นอัครสาวกที่เลิศที่สุดทางด้านปัญญา แต่พระคึกฯ เป็นใคร
@homsvk4514
3 ай бұрын
สาทุ
@panyachon8890
3 жыл бұрын
การจดจำสังคายนาพระไตรปิฎกตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันหลายครั้งโดยคณะอรหันตภิกษุสงฆ์ผู้เชี่ยวชาญทรงอภิญญาปฏิสัมภิทาญาณ และการอธิบายขยายความเพื่อความรู้ความเข้าใจในธรรมะคำสอนของพระศาสดา เป็นเรื่องสำคัญมากจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเผยแผ่และสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา ธรรมใดเป็นไปเพื่อความรู้แจ้งในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นไปเพื่อความไม่หมกมุ่นในกาม มักน้อย สันโดษ ดับกิเลส ดับทุกข์ได้ ถึงแม้บุคคลอื่นเป็นผู้กล่าวแสดง ธรรมนั้นแลเป็นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะนั้นการยึดมั่นพุทธวจนะอย่างเดียวโดยไม่เคารพคำสอนของพระอริยสงฆสาวกผู้กล่าวแสดงถูกต้องตามหลักธรรมนั้น การกระทำเช่นนั้นจัดเข้าในมิจฉาทิฏฐิความเห็นผิด ท่านจะเลือกลูบคลำพุทธวจนะอย่างเดียว หรือว่าท่านจะกำจัดมานทิฏฐิที่ขวางกั้นพระนิพพาน ท่านจะเลือกคุณค่าเทียม คือ รูป บุคคล อรรถะ พยัญชนะ หรือว่าท่านจะเลือกคุณค่าแท้ คือ มรรค ผล นิพพาน บุคคลในโลกนี้เปรียบดอกบัว ๔ เหล่า ๑.เหนือน้ำ ๒.เสมอน้ำ ๓.ใต้น้ำ ๔.ใต้ตม เหล่าที่ ๑ ไดรับแสงสว่างบานทันที แม้ได้ฟังหัวข้อหลักการวิธีการก็เข้าใจทำได้ทันที เหล่าที่ ๒ จะบานในวันรุ่งขึ้น ได้ฟังเช่นนั้นแล้วและสาธิตให้ดูด้วยจึงจะสามารถทำได้ เหล่าที่ ๓ จะบานในวันต่อ ๆ ไป ได้ฟังเช่นนั้นแล้วอธิบายขยายความ สาธิตให้ดู และหมั่นฝึกฝนจึงจะสามารถทำได้ หรือว่า ได้ฟังเช่นนั้นแล้วอธิบายขยายความ ใช้อุบายหลากหลาย สาธิตให้ดู และหมั่นฝึกฝนจึงจะสามารถทำได้ เหล่าที่ ๔ ได้ฟังเช่นนั้นแล้วอธิบายขยายความ ใช้อุบายหลากหลาย สาธิตให้ดู และหมั่นฝึกฝนก็ยังไม่สามารถทำได้ ส่วนใหญ่ในโลกนี้มีบุคคลดอกบัวเหล่าที่ ๒ - ๔ หากไม่เชื่อฟัง รับฟัง ให้ความเคารพพระอาจารย์ พระอรรถกถาจารย์ ไฉนเลยกุลบุตรกุลธิดาจะรู้เข้าใจธรรมได้ จะน้อมไปสู่การบรรลุธรรมละเอียดลึกซึ้งต่อไปได้อย่างไร พระรัตนตรัย คือ แก้วประเสริฐ ๓ ประการประกอบด้วย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หากท่านให้บุคคลเคารพเชื่อฟังแต่พระพุทธและพระธรรม แล้วพระสงฆ์เอาไปไว้ที่ไหน.? พระพุทธศาสนาจะต้องประกอบด้วยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มิใช่หรือ.? อุปกิเลส คือ มักขะการลบหลู่คุณครูบาอาจารย์ จะไม่มีในพระอริยสงฆสาวกในพระพุทธศาสนา ขอกราบเรียนท่านพระอาจารย์คึกฤทธิ์ได้โปรดใช้โยนิโสมนสิการสติปัญญาพิจารณาดูด้วยความละเอียดรอบคอบเถิด
@smaxbio1
3 жыл бұрын
พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องบัว ๓ เหล่า แต่นี่คุณดันไปเชื่อเรื่องบัว ๔ เหล่าของเหล่าอรรถกถาจารย์... ถ้าคุณเป็นวิญญูชนที่มีสัญชาติแห่งคนตรง คุณควรประกาศตนเป็นสาวกแห่งคำสอนของเหล่าอรรถกถาจารย์... เพราะ 'ศาสนา' แปลว่า 'คำสอน' ศาสดาเป็นผู้บัญญัติคำสอน... คุณยกคำสอนอรรถกถาจารย์มาย่อมถือว่าคุณเป็นสาวกแห่งอรรถกถาจารย์(ไม่ใช่ศาสนาพุทธ) *** อรรถกถาจารย์เป็นศาสดาของคุณ แล้วคุณยังมองว่าคนเหล่านั้นเป็นสาวกในพระพุทธเจ้าอีก... เห็นทีคุณต้องไปทำความเข้าใจศึกษาความหมายของคำว่า 'ศาสดา' , 'สาวก' และ 'ครูอาจารย์' ให้ดีนะครับ... เพราะครูอาจารย์ไม่ใช่ศาสดา... แต่เป็นผู้ถ่ายทอดศาสตร์วิชาที่ตนได้เรียนรู้มาก่อนแล้วเอามาถ่ายทอดให้ผู้ใหม่คือศิษย์ต่างหากล่ะครับ... ลองมองย้อนกลับไปดูครูอาจารย์ที่สอนตามโรงเรียนน่ะครับว่ามีหน้าที่สอนตามเนื้อหาวิชาตามศาสตร์วิชาที่ตนเคยได้เรียนรู้มาก่อน... ไม่งั้นครูทุกคนนึกจะประยุกต์เนื้อหาของวิชานั้นๆได้ตามอำเภอใจเกินศาสดาผู้ค้นพบอาทิเช่น ไอน์สไตน์... ได้เลยเชียวหรือ??? ... นี่ล่ะครับ... อรรถกถาจารย์ได้กระทำแล้วซึ่งการบิดเบือนคำสอน... กล่าวคือการบัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่เคยบัญญัติ... ทั้งยังใช้ปัญญาที่หาความเป็นอริยะอะไรในตนไม่ได้ไปวินิจฉัยธรรมวินัยที่ได้จากการตรัสรู้ขององค์สัมมาสัมพุทธะ [ศาสนา แปลว่า 'คำสอน, ศาสนาพุทธ = คำสอนพุทธะ = คำสอนพระพุทธเจ้า != คำสอนสาวก]
@panyachon8890
3 жыл бұрын
@@smaxbio1 พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จริง แต่พระองค์ทรงมอบคำสอนเหล่านี้ให้สงฆ์สาวกรับไปปฏิบัติสั่งสอนบอกต่อ ๆ กันไปจากรุ่นสู่รุ่น จากคำสอนในรูปภาษามคธบาลีถูกแปลไปเป็นภาษาชนชาติต่าง ๆ ตามสะดวกในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา การศึกษาเล่าเรียนภาคปริยัติจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ศัพท์นิยามศัพท์ตามหลักภาษา เพื่อความถูกต้องแม่นยำ จึงต้องอาศัยครูอาจารย์ผู้รู้แตกฉานในภาษาและมีความรอบรู้แตกฉานในพระธรรมวินัยด้วย ครูอาจารย์เหล่านั้นก็คือพระอรรถกถาจารย์ ไม่ใช่ผู้เข้าไปแก้ไขบิดเบือนคำสอนของพระศาสดาอย่างที่บางคนเข้าใจ พระศาสดาได้ตรัสบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่าหากพระองค์ปรินิพพานแล้ว ให้เคารพพระธรรมวินัยแทนพระองค์ ในเมื่อพุทธวจนะได้มีอยู่ในพระธรรมวินัยแล้ว และเหล่าสาวกทั้งหลายได้เคารพพระธรรมวินัยนั้น จะวิตกจริตไปทำไม.? ดังนั้นสาวกวจนะใดไม่ไปขัดแย้งกับพระธรรมวินัยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร.! ศาสดา=ศาสฺตา=สตฺถา=ผู้สอน, เจ้าลัทธิ; ครู=ครุ,คุรุ=ผู้สอน,หนัก; อาจารย์=อาจารฺย=อาจริย=ผู้สอนวิชาความรู้, ผู้ประพฤติเอื้อเฟื้อแก่ศิษย์. สาวก=ผู้ฟัง, ผู้ฟังคำสอน, ศิษย์ สุปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ...สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว...ฯลฯ ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้ประพฤติตรงตามพระธรรมวินัยของพระศาสดา กำจัดอาสวกิเลสสิ้นเชิง เป็นพระอรหันต์ เป็นผู้แตกฉานในพุทธวจนภาษา มีปัญญารอบรู้ในพระธรรมวินัย เป็นผู้สืบต่ออายุพระพุทธศาสนา หากภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นจะแสดงธรรม ขยายความให้พิสดารกว้างขวางละเอียดลออ เพื่อให้ผู้ฟังหรือศิษย์เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งหมดสิ้นข้อสงสัย เกิดศรัทธาปสาทะตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนจนบรรลุมรรคผลนิพพาน แล้วยังจะกล่าวตำหนิภิกษุเหล่านั้นว่าเป็นผู้บิดเบือนพระธรรมคำสอนของพระศาสดาหรือ.? การกล่าวเช่นนั้นเป็นการกล่าวเกินไปหรือไม่.? ท่านเป็นใครจึงบังอาจกล่าวจาบจ้วงล่วงเกินปูชนียบุคคลเหล่านั้นผู้มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนา หากท่านคิดว่าการกล่าวเช่นนี้จะทำให้ท่านเป็นผู้ประเสริฐเลิศกว่าใคร ๆ ทั้งปวงก็ขอเชิญตามสบาย.! ก่อนจะกล่าวโทษผู้อื่น ส่องดูอัตตาตัวเองก่อนจะดีไหมว่าหมดจดจากกิเลสความเศร้าหมองแล้วหรือ.? เป็นต้นว่า มักขะ ความลบหลู่คุณธรรมคนอื่น, ปลาสะ ความตีเสมอคิดว่าตนมีคุณธรรมเสมอคนอื่น, มายา ความเจ้าเล่ห์เพทุบาย, สาเถยยะ ความโอ้อวด, ถัมภะ ความดื้อรั้น, สารัมภะ ความแข่งดีให้ร้ายทับถมผู้อื่น, มานะ ความถือตัว สำคัญตัวว่าเป็นนั่นเป็นนี่, อติมานะ ความสำคัญตัวยิ่งกว่าผู้อื่น ดูหมิ่นผู้อื่น, มทะ ความมัวเมา หลงใหล ขอฝากชาวพุทธไปช่วยดูกาลามสูตร ๑๐ เป็นเรื่องที่พระองค์สอนไว้อย่าหูเบา...ไปอ่านเอาเอง.! ขอบคุณ.!
@smaxbio1
3 жыл бұрын
@@panyachon8890 พระธรรมเป็นมรดกธรรม ภิกขุสาวกเป็นบุตรเป็นโอรสเป็นทายาทแห่งธรรม (สมณสากยปุติยะ) ภิกขุเป็นสาวกที่ปฏิบัติเดินตามมรรควิธีของตถาคตที่เป็นพระศาสดา (มรรคานุคา) ดังนั้นสาวกที่ตรงต่อพระศาสดาของตนย่อมไม่ก้าวล่วงบิดเบือนหรือมีอัตตายกตนเที่ยวไปแจกแจงวินิจฉัยธรรมวินัยที่ได้จากการตรัสรู้ด้วยพระปัญญาของสัมมาสัมพุทธะด้วยปัญญาแห่งภิกขุผู้เสขะที่ยังหาความเป็นอริยะในตนไม่ได้ อรรถกถาไม่มีปรากฎในพุทธกาล ไม่มีพระบัญญัติตรัสถึงไว้ที่ใด ถือเป็นสิ่งปลอมปนในศาสนาพุทธโดยแท้ ------------------------------------ สตฺถา=ผู้สอน , คุรุ=ผู้สอน ------------------------------------ ตีความเข้าข้างทิฏฐิตนแบบนี้จะทำให้ 'ศาสดา' = 'สาวก' มันใช่หรือ??? 'ผู้สอน' ทั้งคู่มันคนละความหมายเลย เพราะ 'ศาสดา' ไม่ใช่ 'สาวก' สตฺถา = ศาสดา คุรุ = ครู -------------------------------------------- ตัวอย่างก็ใน 'กาลามสูตร' ครับ (แสดงว่าไม่เคยอ่านบาลี) "มา สมโณ โน ครูติ"
@panyachon8890
3 жыл бұрын
@@smaxbio1 ท่านกำลังกล่าวตู่ว่า ข้าพเจ้าอ้างคำผิดไป ขอให้ไปดูได้ในพจนานุกรมบาลี สตฺถุ/สตฺถา=ศาสดา, ผู้สอน, เจ้าลัทธิ. ส่วนคำว่า สาวก(สาวะกะ)=ผู้ฟัง, ผู้ฟังคำสอน, ศิษย์ ข้าพเจ้าไม่เคยบอกว่า สตฺถา=สาวก หรือ ศาสดา=สาวก ขอให้ท่านสังเกตดูเครื่องหมายจุดจบคำ(.) หมายถึงสิ้นสุดคำข้างหน้า ส่วนคำว่า สาวก แยกห่างอยู่ข้างหลัง ไม่ได้ไปรวมอยู่กับคำข้างหน้า ขอได้โปรดเข้าใจด้วย ข้าพเจ้าได้ไปเปิดดูคำศัพท์เหล่านี้จากพจนานุกรมต่าง ๆ แล้ว ไม่ใช่มาพูดโมเมตีความเอาเอง คำต่าง ๆ ที่มาจากภาษาบาลีสำเร็จรูปให้เราได้ใช้ทุกวันนี้ล้วนมีที่มาที่ไป มีรากศัพท์มีความหมายทั้งสิ้น พระอรรถกถาจารย์จะมีอยู่ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระชนม์ชีพได้อย่างไรเล่า.? เพราะหากภิกษุใดเกิดข้อสงสัยอะไรก็เข้าไปสอบถามกับพระองค์โดยตรง ขอแนะนำถ้าอยากได้พุทธวจนะร้อยเปอร์เซ็นต์ให้ไปเข้าเฝ้ารับฟังจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าเอง หรือไปค้นหาพระไตรปิฎกในคราวปฐมสังคายนาที่มีพระมหากัสสปะเป็นประธานและมีพระอานนท์ร่วมอยู่ด้วย ท่านรู้ได้อย่างไรว่า พระอรรถกถาจารย์เหล่านั้นเป็นเสขบุคคล คำว่าเสขบุคคล หมายถึงผู้ยังต้องศึกษา คือ ยังไม่บรรลุอรหัตผลนั่นเอง การกล่าวเช่นนี้ย่อมแสดงว่าท่านตั้งตนเป็นศาสดาบังอาจพยากรณ์การบรรลุธรรมในภิกษุเหล่านั้น หรือหากพระอรรถกถาจารย์เหล่านั้นเป็นอเสขบุคคล คือ พระอรหันต์ การกล่าวเช่นนั้นของท่าน ก็เท่ากับว่าท่านกำลังจาบจ้วงพระอรหันตสาวก
@panyachon8890
3 жыл бұрын
@@smaxbio1 การเคารพุทธวจนะและสาวกวจนะไปพร้อมกันด้วยจะถือว่าเป็นผู้เคารพนับถือแต่พระอรรถกถาจารย์ได้อย่างไร มันไม่ใจแคบไปหน่อยหรือ.? การที่ท่านกล่าวว่าพระสาวกอุปมาครูสอนสูตรทฤษฎีของไอสไตน์ย่อมไม่อาจคิดเปลี่ยนแปลงสูตรทฤษฎีนั้นได้ การกล่าวเช่นนั้นถูกต้องแล้ว แต่ก่อนนักเรียนจะเข้าใจ ท่านรู้ไหมว่าครูสอนจะต้องอธิบายขยายความแสดงตัวอย่างวิธีการประกอบด้วย จุดหมายปลายทางเพื่อนักเรียนจะได้เข้าใจนั่นเอง ครูผู้เชี่ยวชาญในการสอนจะมีเทคนิควิธีการสอนหลากหลาย เทคนิควิธีการสอนแต่ละอย่างขึ้นอยู่กับผู้เรียนซึ่งแต่ละคนมีความแตกต่างกันในด้านอุปนิสัยสติปัญญาพื้นฐานประสบการณ์ พระพุทธเจ้าไม่เคยสั่งห้ามไม่ให้พระสาวกแสดงธรรม และไม่เคยบอกว่าการบรรลุธรรมนั้นจะต้องฟังคำสอนของพระองค์อย่างเดียว ธรรมะอุปมาใบไม้ในป่านับไม่ถ้วน พระองค์ทรงเด็ดมาหนึ่งกำมือแล้วแสดงให้พระสาวกดู หากพระสาวกอยากจะได้ใบไม้เพิ่มก็เข้าป่าไปเก็บมาอีก แล้วจะเป็นไรไปเล่า? ธรรมะอุปมาใบไม้ในป่า การหวงห้ามไว้เก็บแต่คนเดียว นั่นคือความใจแคบหรือโลกทัศน์คับแคบ ไร้วุฒิภาวะทางวิชาการ.!
@ทวีภาษี-ฒ4ล
8 жыл бұрын
นักธรรมเรียนกันมาถึงมหารู้แต่กระทำผิดวินัยกันแล้วผมจะฟังใครครับ.. ..
@สายลมพัดผ่าส
7 жыл бұрын
ทวี ภาษี กิเลสไม่เกียวเรียนมากเรียนน้อย.เรียนเพื่อกิเลสกับเรียนเพื่อถ่ายทอดต่างกัน..ธรรมคือธรรม ไม่ใช่พระต้องแยกแบบนี้ก่อน ถึงจะเจอพระอะริยะ.หรือพระธรรมได้
@สวนพิกุลพัน
6 жыл бұрын
ลงดาวโหลดให้หน่อยครับ
@smaxbio1
6 жыл бұрын
หมายถึงจะดาวน์โหลดไฟล์ใช่ไหมครับ?
@สวนพิกุลพัน
6 жыл бұрын
Sodaban Buddhist เล่นตอนออฟไลน์ ครับ
@smaxbio1
6 жыл бұрын
ใช้เว็บที่ดาวโหลดไฟล์ยูทูปบันทึกเก็บไว้ได้ครับ เช่น 9xbuddy.com/
@สวนพิกุลพัน
6 жыл бұрын
Sodaban Buddhist ขอบคุณคับ
@sgtvjofhbnt3072
2 жыл бұрын
พระศาสดาอธิบายได้ละเอียดและก่อนปรินิพานพระองค์ได้ตรัสว่าคำของพระองค์บริบูณร์แล้ว ยกตัวอย่างขันธ์5 มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิณญาน รูปคืออะไร เวทนาคืออะไร สัญญคืออะไร วิญานคืออะไร พร้อมอุปมาอุปมัย
@อภิวัฒน์ยอดทอง-ด5ข
9 жыл бұрын
เรียนคำสาวกเท่าไร จิตก็ยังไม่หายโกรธ ยังไม่หายจากคำหยาบ มาเรียนพุทธวจนน่าจะช่วยได้ การที่เราโกรธนั้น เราพลาดแล้ว อบายภูมิกำลังปรากฏนะครับ
@wanswang8952
7 жыл бұрын
555
@พิชญาณ์ณีตั้งไพโรจน์
7 жыл бұрын
apevad yodtong เห็นด้วยค่ะ ตนเองก็เป็นเช่นกัน แม้เป็นศริสตชน (แต่ไหว้ และอ้อนวอนหมด) พอได้ฟังคำสอนแบบพุทธที่แท้จริง น้ำตาไหล ยิ่งน้อมมาปฎิบัติ ยิ่งซาบซึ่ง เกิดปิติ จิตตั่งมั่น พระพุทธเจ้าท่านเก่งมากๆ ธรรมะของพระองค์ ทนเพ่งพิสูจน์ทุกประการ ไม่เป็นที่สงสัยอีกแล้วว่า ท่านเคยเกิดมาแล้วจริงหรือไม่ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองจริงหรือเปล่า
@monksom
Жыл бұрын
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ พระผู้เป็นพหูสูตร ได้ค้นคว้าพระไตรปิฎกทุกฉบับ ทั้งไทยและบาลี (พระไตรปิฎก ฉบับ สยามรัฐบาลี ต้นฉบับ) และหนังสือจากหลายๆประเทศ มาเทียบเคียง ใช้หลักมหาปเทส4 ตรวจสอบ เทียบเคียง ว่าเป็นธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าหรือไม่ kzbin.info/www/bejne/aZrWlZKNmKeCp7M --------------- ชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจว่า ข้อความทั้งหมดในพระไตรปิฎกคือคำของพระพุทธเจ้า แต่ความจริงแล้วชาวพุทธน้อยคนที่จะรู้ว่า ในพระไตรปิฎกนั้นประกอบด้วยเนื้อความสองประเภท ประเภทแรก คือ พุทธวจน ซึ่งเป็นคำที่พระพุทธเจ้าตรัสด้วยพระองค์เอง(โดยประมาณ 30%) ประเภทที่สองคือ คำขยายความหรือคำที่แต่งใหม่โดยบุคคลอื่น(โดยประมาณ 70%) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่เพิ่มเติมเข้ามาภายหลัง เนื้อหา ในอรรถกถา ไม่ผิดทั้งหมด แต่ก็ไม่ถูกหลายเรื่อง หลายเรื่องในอรรถกถา ในคำสาวก ในคำแต่งใหม่ เนื้อหา ถูกแต่งเพิ่ม เกินกว่า และ ขัดแย้งกับ คําสอนของ พระพุทธเจ้า เช่น ในเรื่อง รัตนสูตร(การทํานํ้ามนต์ ) เป็นต้น. คำถามคือ จะเชื่อใคร ระหว่างสาวกผู้มาทีหลัง กับ พระพุทธเจ้า? เราสาวกผู้เดินตามควรยึดเอาคำตถาคตเป็นหลัก ไม่ควรเอาคําสาวก มาคัดง้างคําตถาคด. ผู้ที่พยายามคัดง้างคำตถาคต พระองค์อุปมาเหมือนบุคคลเอาฟันเคี้ยวหิน เอาเล็บขุดแผ่นดิน เอาสายบัวฟาดภูเขา บุคคลนั้นย่อมมีแต่พินาศย่อยยับ. การที่บุคคลประกาศ คำตถาคต ตรงไปตรงมา ถือเป็นสิ่งที่ จําเป็น ถูกต้อง และสมควร ตถาคตว่าอย่างใร เราสาวกผู้เดินตาม ก็ว่าตาม เล่าเรียนตาม สืบทอด บอกต่อ อย่างน้อยต้องตรงทั้งเนื้อหา ถ้าทําได้ ต้องตรงทั้งพยัญชนะ ยิ่งดี. ตามพุทธบัญญัติ ที่ว่า "จงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ(เนื้อความ) พร้อมทั้งพยัญชนะ(ภาษา ตัวอักษรสัญลักษณ์ต่างๆ)". อย่างนี้ถึงจะชื่อว่า กล่าวตรงตามที่ตถาคตกล่าว ไม่เป็นการกล่าวตู่ตถาคตด้วยคำไม่จริง แต่เป็นการกล่าวโดยถูกต้อง และสหธรรมิกบางคนที่กล่าวตาม ก็จะไม่พลอยกลายเป็นผู้ควรถูกติไปด้วย. ตรงกันข้าม ถ้าผู้ที่กล่าว ไม่ตรงตามที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ นั้นถือเป็นการกล่าวตู่ พระศาสดาด้วยคำไม่จริง, เป็นการกล่าวโดยไม่ถูกต้อง และสหธรรมิกบางคนที่กล่าวตาม ก็จะพลอยกลายเป็นผู้ควรถูกติไปด้วย. คำว่าไม่ให้ ยึด คำสาวก คำแต่งใหม่ ไม่เอา อรรถกถา นั้น ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ใครมาเทศน์อะใรๆให้ฟังก็ไม่เอา แต่หมายความว่า ต้องละใน(เนื้อหา ส่วนที่บอกว่าพระพุทธเจ้าบัญญัติ ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ) แค่นั้นเอง. เช่นเรื่อง นํ้ามนต์ ที่อ้างว่าพระพุทธให้พระอานน ทํานํ้ามนต์ ทั้งๆที่ไม่ใช่, ตรงกันข้าม พระพุทธเจ้าห้าม สาวกทํานํ้นมนต์. ทํานํ้ามนต์ รดนํ้ามนต์ เสกเป่า… จัดอยู่ ใน เดรฉานวิชา. เดรฉานวิชา เป็น มิจฉาทิฐิ เป็นเครื่องกั้น ความเป็น อริยบุคคล และ ปิดกั้น ขวางกั้น มรรคผลนิพพาน. พระไตรปิฎก บรรจุคำสอนของพระพุทธเจ้า เอาไว้แต่ทว่า ได้มีผู้กระทำการสังคายนา หรือจัดทำเรียบเรียงใหม่ได้เพิ่มคำสอนที่ไม่ใช่คำสอนของพระศาสดาล้วนๆเข้าไป เป็นเหตุให้พระสัทธรรมเสื่อมสิ้นไปได้.... ในส่วนพุทธวจนปิฎก 33 เล่ม (ทำเสร็จแล้ว1) และ พุทธวจน เล่มเล็กปลีกย่อยมี 20เล่ม รวบรวมหมวดหมู่เอาไว้เพื่อง่ายแก่การศึกษาค้นคว้า แต่ยังคงคำสอนของพระพุทธเจ้า(ล้วนๆเอาไว้) พุทธวจนปิฎก และ พุทธวจน หมวดหมู่ เป็นการ คลักลอก คัดเลือกแต่คำสอนของพระศาสดา(ล้วนๆ) และ รวบรวมข้อมูลคําสอน จากพระไตรปิฎกฉบับหลวง เทียบเคียงข้อมูลกับ พระไตรปิฎก (บาลี สยามรัฐ) ต้นฉบับ, เอาเฉพาะส่วนเป็นคําสอนที่พระพุทธเจ้าโดยตรง ตรัสเอง และ รับรองใว้เอง เท่านั้น (ใมมีอรรถกถา).
@อภิวัฒน์ยอดทอง-ด5ข
9 жыл бұрын
วิศวกร อีสาน ช่างสงสัยเสียจัง คำของพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ตอนนี้ก็ศึกษาให้เข้าใจได้ครบถ้วนเสียก่อนก็คงเพียงพอสำหรับประพฤติพรหมจรรย์เพื่อความหลุดพ้นแล้วนะ ยังจะไปสงสัยว่าตกหล่นอีกหรือไม่ เวรกรรมจังเลย เอางี้เลยถ้า วิศวกร อีสาน ชอบธรรมเทียมก็เอาอรรถกาก็แล้วกัน ส่วนผมชอบของแท้ คือคำตถาคตครับ
@naysawaddee
9 жыл бұрын
+apevad yodtong คุณรู้ความหมาย ของคำว่า อรรถกถา ไหมครับ... อรรถกถาอตฺถ ( เนื้อความ , ความหมาย ) + กถา ( คำพูด )คำพูดขยายเนื้อความ หมายถึง คัมภีร์ที่อรรถกถาจารย์แต่งขยายความบาลีพุทธพจน์( พระไตรปิฏก ) พระอรรถกถาจารย์ คือ ผู้ที่อธิบายขยายความคำสอนของพระผู้มีพระภาคในส่วนที่ยากให้เข้าใจง่ายขึ้น ในครั้งพุทธกาลเมื่อพระผู้มีพระภาคยังดำรงพระชนม์อยู่ ก็มีพระอรรถกถาจารย์หลายท่าน ที่ช่วยขยายความพระธรรมที่ทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย แต่ภิกษุเหล่านั้นยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้ง จึงได้ไปถามท่านพระเถระเหล่านั้น เช่น ท่านพระสารีบุตรเถระ ท่านพระอานนท์เถระ ท่านพระมหากัจจายนเถระเป็นต้น หลังพุทธกาล ก็มีท่านพระอรรถกถาจารย์หลายท่าน ที่รจนาคัมภีร์อรรถกถาต่างๆ เพื่อเป็นหลักศึกษาค้นคว้า ทำให้พระพุทธศาสนาแพร่หลายกว้างขวางขึ้น ท่านพระอรรถกถาจารย์ ที่บำเพ็ญประโยชน์แก่พระพุทธศาสนามากท่านหนึ่งและเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพสักการะนับถือของพุทธศาสนิกชนมาจนถึงยุคปัจจุบันก็คือ ท่านพระพุทธโฆษาจารย์ พุทธศาสนิกชนในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เข้าใจพระธรรมของพระผู้มีพระภาคได้มากขึ้น เพราะได้ศึกษาคัมภีร์ที่ท่านพระพุทธโฆษาจารย์รจนาประกอบ คัมภีร์ที่นิยมศึกษากันในปัจจุบัน ได้แก่ อรรถกถาพระไตรปิฏก เช่น สุมังคลวิลาสินี มโนรถปูรณี สมันตปาสาทิกา อัฏฐสาลินีอสัมโมหวิโมทนี และคัมภีร์วิสุทธิมรรค เป็นต้น
@สันติเซี่ยงเจ้น
8 жыл бұрын
+Naysawaddee Sandee คุนพูดเรื่องโง่ๆได้ดูฉลาดดีนะง่ายๆนะคุนไม่ศรัทธาก็อย่ามาป่วนไปนอนกอดอรรถกถาของคุนไว้เถอะคับนะจได้ไม่ต้องมีเรื่อง
@smaxbio1
8 жыл бұрын
คุณน่าจะไม่ค่อยได้ศึกษาพระธรรมของศาสดา ถึงได้เชื่อว่า - 'สาวก' สามารถอธิบายคำสอนของ 'ศาสดา' ได้ - พระเถระนึกอยากจะอธิบายกันตามใจชอบได้ (สาวกในพุทธกาลสอบถามอธิบายกันและกันยังต้องให้พระพุทธเจ้ารับรองทั้งสิ้น เช่น มหาโคสิงคสาลสูตร) การที่คุณจะยอมรับคำสอนของสาวกที่ไม่ได้รับการรับรองจากตถาคตโดยง่ายๆนั้น น่าจะหันมองสาวกในพุทธกาลที่ล้วนแต่จะรับฟังธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้นบ้าง ที่สำคัญสาวกยุคอรรถกถาจารย์นั้นตรวจสอบคุณวิเศษใดๆตามธรรมวินัยไม่ได้เลย
@subin8366
6 жыл бұрын
..จะเชื่อได้อย่างไรว่า คำๆนั้นเป็นคำพระศาสดาจริง.. ถ้ายังเคลือบแคลงสงสัยในพระสูตร แล้วจะยึดมั่นอรรถคถาได้ด้วยเหตุผลไดหนอ ระหว่าง ผู้ยึดมั่นพระสูตรปฏิเสธอรรถคถา กับผู้ยึดมั่นอรรถคถาแต่ยังลังเลพระสูตร ..ยังลังเลพระพุทธเจ้า..นี่นะหรือ
@smaxbio1
6 жыл бұрын
ใช่ครับ... 'ศาสนา' แปลว่า 'คำสอน' 'นับถือศาสนาพุทธ' ย่อมแปลว่า 'นับถือคำสอนพุทธะ' ถ้ายังไม่ได้ศึกษาอ่านพระสูตรเหล่านี้เสียก่อนแล้วมาปฏิเสธก็คุยยากที่จะคุยกันรู้เรื่อง.... แต่ถ้าอ่านแล้วไม่เห็นพ้องด้วยก็ปฏิเสธกันชัดๆว่าจะไม่ศรัทธาเชื่อในคำสอนเหล่านั้น... กลายเป็นว่ายึดถือคำสอนอรรถกถาบุคคลที่เป็นเพียงสาวกมีฐานะต่ำกว่าพระพุทธเจ้า ครั้นเมื่อถูกถามถึงคำสอนพระพุทธเจ้าก็มิอาจรู้ได้ทั้งๆที่มีพระดำรัสให้ยึดถือพระธรรมคำสอนเป็นศาสดาสืบทอดเป็นมรดกธรรมให้แก่ผู้ต้องการหลุดพ้นในวัฏสงสารนี้
@Deep_Dark_Dimension
7 жыл бұрын
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ลืมไปรึเปล่า พระไตรปิฎกไทยที่ท่านเอามาน่ะ บางส่วนลอกอรรกถาทั้งเล่ม เลยนะ ถ้าบอกไม่เอาอรรถกถา ก็ฉีกเล่มปัจจุบันทิ้ง แล้วแปลใหม่เขียนเองสดๆจาก ฉบับบาลีเลยครับ
@smaxbio1
7 жыл бұрын
พระสูตรมหาปเทส ๔ : "ถ้าสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ลงในพระสูตรไม่ได้ เทียบเคียงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี้มิใช่คำของพระผู้มีพระภาคแน่นอน และ {ภิกษุ, ภิกษุสงฆ์,พระเถระเหล่านั้น และพระเถระนั้น} นี้จำมาผิดแล้ว ดังนั้น พวกเธอพึง ทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย" ........................................ คุณคิดว่าพระสูตรนี้ใช้ไม่ได้หรือ? ยังมีหลายพระสูตรที่ทรงตรัสไว้ชัดเจนและสอดคล้องกันหมดครับว่าให้ศึกษาเรียนเฉพาะพระดำรัสของพระองค์.... อีกอย่างแค่ไม่เอาอรรถกถานี่ต้องฉีกทิ้งทั้งหมดเลยเชียวหรือ? (ฉีกทิ้งแค่อรรถกถาก็พอครับ)
@Deep_Dark_Dimension
7 жыл бұрын
ถูกครับ ไม่เอาอรรถกถานี่ต้องฉีกทิ้งทั้งหมด เพราะ พระไตรปิฏกไทยลอก อรรถกถา มาทั้งดุ้นครับ ยกเว้นเก่งจริง แปลจากบาลีเองเลยสิ แปลเองเลยไม่ต้องมาใช้ฉบับภาษาไทยปัจจุบันเพราะ ฉบับไืทยปัจจุบัน ภิกษุไทยที่แปลนั้น อ้างอิงอรรถกถาถึงแปลออกมา บางพระสูตรลอกอรรถกถา มาทั้งดุ้นเลยครับ เพราะงั้นคุณฉีกอรรถกถาทิ้งเท่ากับคุณฉีกทั้งเล่มอยู่ดี
@smaxbio1
7 жыл бұрын
คุณ kitti pron ไม่เชื่อถือพระไตรปิฏกแปลไทยซะงั้น.... แต่จะเลือกเชื่อนักแปลเก่งๆ อย่าลืมนะครับว่าคณะที่แปลไทยบาลีเหล่านี้ล้วนเป็นรุ่นอาจารย์ของนักเปรียญธรรมทั้งหลายในยุคปัจจุบัน (คิดว่าจะเก่งกว่าอาจารย์ซะงั้น) ........................................................... หากคิดว่าการแปลผิดพลาด พระสูตรเหล่านี้จะผิดไปพร้อมๆกันหมดทีเดียวเชียวหรือ? 1. พระสูตรมหาปเทส ๔ 2. ทรงให้ใช้ธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนต่อไป 3. บริษัทที่ศึกษาในคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นบริษัทที่เลิศ แต่บริษัทที่ศึกษาคำสอนสาวกหรือคำสอนอื่นเป็นบริษัทที่ไม่เลิศ 4. อานิสงส์ ๔ ประการในการฟังธรรมของตถาคต (ทุกประการล้วนได้ไปเกิดในเทพนิกายและได้บรรลุธรรมทั้งหมด ต่างกันแค่เหตุในการระลึกธรรม) 5. สนทนาเรื่องป่าไม้งาม (อริยสาวกระดับเถระได้ซักถามและมีความเห็นกัน แต่พระสารีบุตรให้พระพุทธเจ้าตัดสินพร้อมย้ำภิกษุเถระอื่นให้ทรงจำความเห็นของพระศาสดาเท่านั้น) ........................................................... หากคิดว่าพระสูตรที่ยกมาบ้างนี้เชื่อไม่ได้เลยเพราะแปลมาจากสำนวนของอรรถกถา ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าคำสอนของพระพุทธเจ้ายังมีเหลืออยู่บ้างไหม? เพราะพระยุคปัจจุบันล้วนห่มผ้าจีวรตามข้อความในพระไตรปิฎกทั้งสิ้น (อันไหนไม่ตรงผิดเพี้ยนก็แยกออกมา เท่าที่เห็นอรรถกถาไม่มีในพุทธกาลอยู่แล้ว ถ้าคิดว่ามีก็ยกพระสูตรมาคุยกัน)
@Deep_Dark_Dimension
7 жыл бұрын
อะไรของคุณ ผมบอกว่าผมเชื่อพระไตรปิฏกทั้งหมดและเชื่ออรรถกถาด้วย เพราะ พระไตรปิฏกแปลมาจาก อรรถกถา บางอันก็ลอก อรรถกถามาทั้งดุ้น ด้วย คุณต่างหากที่บอกให้ฉีก อรรถกถา ทิ้ง ถ้าฉีกอรรถกถา ทิ้งก็เท่ากับฉีกทั้งเล่ม เพราะทั้งเล่มมันอ้างอิงการแปลและลอกอรรถกถา มา เข้าใจยัง ผมถึงบอกไงถ้าคุณไม่เชื่ออรรถกถา ก็ให้ไปแปลบาลีเองเลย ห้ามใช้อรรถกถา อ้างอิงหรือลอกด้วยนะ ทำได้มั้ยล่ะ??
@Deep_Dark_Dimension
7 жыл бұрын
แล้วที่ขำอีกอย่างคือ "คณะที่แปลไทยบาลีเก่งกว่าปัจจุบัน" โถๆๆๆ ถ้าเก่งกว่าจะมีการแปลใหม่ไหมล่ะครับ ฉบับใหม่ก็คือแปลแก้ที่มันผิดจากฉบับเก่านั่นแหละ เอาง่ายๆ เรื่องสีพระเนตรยังแปลว่าเป็นสีดำอยู่เลยคุณ ขนาดพระอาจารย์คึกฤธิ์ออกมาแก้ให้ยังไม่มีใครเอาไปแก้ในพระไตรปิฏกฉบับปัจจุบันเลยคุณ ของใหม่ๆมีเทคโนโลยีการสืบค้นเทียบเคียงไฮเทค มันย่อมดีกว่าการแปลแบบเก่าๆอยู่แล้วคุณเอ้ย
@kanchitsangtong4947
7 жыл бұрын
คึกฤทธิ์มั่วครับตอนอาจารย์ที่เป็นคู่ปุจฉาวิสัชนาบอกว่าคำของคึกฤทธิ์ที่อธิบายอยู่นั้น นั่นแหล่ะเรียกว่าอรรถกถา คึกฤทธิ์ยังมั่วตลอด เถียงด้วยอารมณ์อันร้อนรุ่ม น้ำเสียงอันไม่ใช่วิสัยของผู้สงบระงับ"นกแก้วที่พูดภาษาคนได้"พูดเยี่ยงคน แต่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตนพูดเลย
@smaxbio1
7 жыл бұрын
คุณและพระที่ถามไม่รู้พระบัญญัติให้สาวกทำการสอบถามกันในคำตถาคตที่เรียกว่า 'ปฏิปุจฉาวินีตา ปริสา โน อุกกาจิตวินีตา' แต่ไปตีความผิดคิดว่าพระอาจารย์คึกฤทธิ์อธิบายคำสอนเหมือนอรรถกถาจารย์ครับ โดยที่แท้พระอาจารย์คึกฤทธิ์จะกล่าวพระสูตรเสมอและแทบทุกครั้งจะบอกเล่มข้อหน้า การอธิบายของพระอาจารย์คึกฤทธิ์มักจะใช้พระสูตรมาอธิบายและให้ทรงจำพระสูตรเหล่านั้นไว้ ไม่ให้ทรงจำคำอธิบายของท่านเอง (แต่ส่วนใหญ่คุณหรือกลุ่มที่ต่อต้านพุทธวจนจะจำคำของพระอาจารย์คึกฤทธิ์เสียเอง) .......................................................... หากคุณยังดูถูกบุคคลที่ทรงจำตถาคตแบบคล่องปากขึ้นใจว่าเป็น "นกแก้วที่พูดภาษาคนได้" ขอให้พิจารณาพระสูตรที่เป็นพระดำรัสเหล่านี้ด้วย (หากคิดว่าเป็นภาษาไทยอีก เท่ากับว่าคุณจะบอกว่าพระไตรปิฎกภาษาไทยใช้ไม่ได้อีก แล้วคุณแน่ใจหรือว่าภาษาบาลีเป็นภาษาที่ใช้ในพุทธกาล เพราะชาวมคธน่าจะใช้ภาษามคธ และตามหลักฐานจริงๆภาษาบาลีถูกพัฒนาเรื่อยมา) 'การมีสุตตะเป็นคุณสมบัติของพระเถระ' (พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๔) [๙๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการจะอยู่ในทิศใดๆ ย่อมอยู่สำราญโดยแท้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ ๑..... ๒..... ๓. เป็นพหูสูต ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมามาก ทรงไว้คล่องปากขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลางงามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ๕.... ๖. เป็นผู้ใคร่ธรรมรักการฟังธรรมการแสดงธรรม มีความปราโมทย์ยิ่งในธรรมอันยิ่งในวินัยอันยิ่ง... ๗.... ๘.... ๙.... ๑๐.... 'การมีสุตตะมีอานิสงส์ได้เกิดในเทพนิกายและได้บรรลุธรรม' (พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๑[๑๙๑] ….) ธรรมเหล่านั้นเป็นธรรมอันภิกษุนั้นฟังเนืองๆ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ เธอมีสติหลงลืมเมื่อกระทำกาละ ย่อมเข้าถึงเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง… สติบังเกิดขึ้นช้า แต่สัตว์นั้นย่อมเป็นผู้บรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน…
@นิคมบุญสนอง
7 жыл бұрын
คุณSodaban Buddhdist คุณคือศิษย์ตถาคตและศิษย์ของพอจ.ที่ดีมากคนหนึ่ง สาธุครับ
@Kann.5018
3 жыл бұрын
ใช้คำอวดอ้างพระคถาคต พุทธวจน เปรียบเสมือนว่าใช้คำบอกกล่าวถึงพระสัมมา แต่มองแล้วไห้เชื่อในคำสั่งสอนของพระคึกฤทธ์ น่ะครับ มองไห้เป็นกลางใจไม่เอียงผู้ผู้ใดต้องอยู่ในธรรม ไม่คิดอิจฉา แต่มองแล้วพิจารณาแล้ว พุทธวจนกลายเป็นคำสอนและพระไตรปิฏิกซึ่งเขียนแก้โดยอาจารย์ คึกฤทธ์ ใช่คำบอกอ้างว่ามาจากพระคถาคต แต่ ใจท่าน ตั้งตนเป็นขึ้นเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง จริงๆแล้วไม่รู้จักพุทธวจนเลย อยากศึกษาถึงเข้ามาดู ทำให้รู้สึกตั้งแต่วันแรกยังไงก็ไม่ใช่คำพระคถาคต สอนอย่างไรช์ธรรมะ อวดแต่ความรู้ของตน
@smaxbio1
3 жыл бұрын
"พระไตรปิฏิกซึ่งเขียนแก้โดยอาจารย์ คึกฤทธ์" อ้างมานี้อยู่ตรงไหนเหรอครับ??? แสดงตัวอย่างให้ดูหน่อย
@nook2976
2 жыл бұрын
@@smaxbio1 ช่ายย(ดูเหมือนตอบไม่ด้ายย ผมว่าน่าจะคิดปลุงแต่งเองมั้ง)
@signspeedservice
8 жыл бұрын
ผมขอ อณุญาติ เเสดงความคิด นิดหนึ่ง ครับ 1. สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงเเสดงธรรมด้วยภาษาบาลี หรือ ภาษาไทย ? 2. สรุปว่า ท่านผู้รู้ทั้งหลาย นั้นเเปล ภาษา บาลี เป็นภาษาไทย เเละการเเปล ภาษาบาลี มาเป็นภาษาไทยนั้น เรียกว่า " อรรถกถา " หรือเรียก อีกอย่างหนึ่งว่า การตีความหมาย หรือ การอธิบาย ใช่หรือไม่ 3. ถ้าหากมีผู้รู้ที่สามารถตอบได้ทุกเรื่อง เเละยืนยันทุกเรื่อง เเสดงว่า ท่านผู้นั้น จะต้อง บรรลุธรรม จนอีกนัยหนึ่งว่า " เป็นพระพุทธเจ้า ใช่หรือไม่ " หรือถ้าหากไม่ไช่ ?4. กระผมขออณุญาติ นำบทสวดมาเเสดง ดังนี้ครับ โดย ขอเน้น ที่ข้อ 2 นะครับ เพราะหากไม่ได้บรรลุธรรม ในทุกข้อ หรือพูดภาษาชาวบ้าน นะครับ ว่า " หากยังไม่ได้ ปฎิบัติ หรือประสพด้วยตนเอง ทุกข้อ ก็เเสดงว่า " ยังศึกษา อยู่ใช่หรือไม่ "5. การเเสดงธรรมะ หรือพระธรรมวินัย ใดๆก็ตาม สิ่งๆนั้นเราเรียก ด้วยภาษา เเบบบ้านๆ ได้หรือไม่ว่า " นำมาเล่าให้ฟัง " หรือนำมามาเเสดง เพื่อ ให้ได้ ศึกษา เล่าเรียน เเละนำไปทดลองปฎิบัติ ดู เเละเมื่อได้ปฏิบัติเเล้ว ได้ผลอย่างไร เเล้ว ( ในที่นี้หมายถึง ปฏิบัติอย่างจริงจังนะครับ ) อย่างน้อยที่สุดต้องสอบผ่าน ศีลทั้ง 5 ข้อ 6. กระผมมีความเชื่อว่า หากผู้นั้นหรือผู้ศึกษา ได้ผ่านการปฏิบัติในเเต่ละข้อ เเละบรรลุธรรมในเเต่ละข้อ ได้จริง จะต้องเกิด ปาฏิหาริย์ คือ เวลาที่พูดในหัวข้อธรรม ใดๆ หรือเปล่ง วาจาใดๆ จะต้องมีความ ศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่อย่างไร7.คำถาม ? หรือท่านผู้รู้อื่นๆ คิดเห็นประการได 1.สวากขาโต ภควตา ธัมโม พระธรรมเป็นคำสอนอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว 2.สันทิฏฐิโก พระธรรมนี้ผู้ปฏิบัติตามจะเห็นได้ด้วยตนเอง 3.อกาลิโก ไม่เนื่องด้วยกาลเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับเวลาปฏิบัติตามได้พร้อมบริบูรณ์เมื่อใดก็เห็นผลเมื่อนั้น เป็นจริงตลอดเวลาไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัย 4.เอหิปัสสิโก ควรเรียกให้มาดู คือ พระธรรมเป็นคำสอนที่ควรจะเชิญให้ใครๆ มาดู มาพิสูจน์ มาตรวจสอบ เพราะเป็นของที่จริงตลอดเวลา 5.โอปะนะยิโก ควรน้อมเข้ามา คือ เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้าไว้ในใจเพื่อยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในชีวิต จะได้บรรลุถึงความหลุดพ้น 6.ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ คือวิญญูชนรู้ได้เฉพาะตน คือพระธรรมนี้เป็นสิ่งที่วิญญูชนจะรู้ได้ และการรู้ได้นั้นเป็นของเฉพาะตน ต้องปฏิบัติตามจึงจะรู้ ทำแทนกันไม่ได้ แบ่งปันให้กันไม่ได้ ต้องประจักษ์ด้วยตนเอง
@smaxbio1
8 жыл бұрын
1. พระองค์กำเนิดในแคว้นมคธ เป็นชาวมคธ 'ย่อมพูดภาษามคธ' และทุกวันนี้หลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็ไม่ชี้ว่าภาษาบาลีเป็นภาษาที่ใช้ในพุทธกาล th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5 2. มีความเชื่อ 2 กลุ่ม 2.1 กลุ่มที่เชื่อว่าอรรถกถามีตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่ไม่มีหลักฐานใดแม้แต่พระสูตรสักบทก็ยังไม่ปรากฏเชื่อมโยงถึง 2.2 กลุ่มที่เชื่อตามหลักฐานเช่น - เนื้อเรื่องความเป็นมาในการทำสังคายนาตามหลักฐานที่จารึกไว้ที่เสาหินอโศก - การใช้คำและสำนวนภาษาแตกต่างไปจากส่วนที่เป็นพระสูตร และเชื่อมโยงกับสำนวนในยุคพระเจ้าอโศก พ.ศ. 236 (สังคายนาครั้งที่ 3) 3. พระศาสดาเป็นผู้บัญญัติ พระธรรมคือคำสอนของพระศาสดา สาวกคือผู้ศรัทธาในศาสดาแล้วยินดีรับฟังคำสอนพระศาสดา .... ดังนั้นหากใครบัญญัติแล้วประกาศคำสอนตนก็เท่ากับประกาศตนเป็นศาสดาและผู้ที่ยินดีรับฟังเหล่านั้นก็จะเป็นสาวกโดยปริยาย... 4. ต้องได้ศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธะก่อน เมื่อศรัทธาแล้วย่อมยินดีรับฟัง เมื่อฟังแล้วย่อมปฏิบัติตาม... แต่หากบอกว่าตนเองศรัทธาพระพุทธเจ้าก็ต้องดูว่าเราได้ยินได้ฟังบทธรรมของพระองค์บ้างไหม? เพราะพระองค์ตรัสชัดว่าให้เราใช้ธรรมวินัยของพระองค์เป็นศาสดาแทนต่อไป... แต่ถ้าสาวกไม่ศึกษาพระสัทธรรมแถมยังบัญญัติแต่งคำสอนเสียเองอีกทั้งประกาศคำสอนของตนเองไปเสียเองแล้วจะมีประโยชน์อะไรกับการอ้างว่าเราศรัทธาแล้วในพระพุทธเจ้า (ใช่ไหม?) 5. สาวกฟังคำสอนศาสดา ก็ต้องนำไปถ่ายทอดแบบบริสุทธิ์คือไม่เจือปนด้วยคำอื่น พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้มากหลายพระสูตรว่า "ตถาคตและสาวกของตถาคตย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วสิ้นเชิง" เว้นเสียแต่สาวกที่ยังเห็นว่าคำสอนของสัมมาสัมพุทธะยังไม่บริบูรณ์เลยต้องอ้างเรื่อง 'สมัยใหม่-ทันสมัย' ทั้งๆที่พระองค์ตรัสบอกไว้แล้วว่าพระธรรมของพระองค์เป็นอกาลิโก ให้ผลไม่จำกัดกาล 6. ในยุคพุทธกาลมีหลายศาสนา และในหลายศาสนามีวิธีปฏิบัติจนได้อภิญญาสมาบัติสูงดังเช่น 'อุทกดาบส อาฬารดาบส' เอาแค่ 2 ท่านนี้ก็จะเรียกว่าสูงสุดแล้วในยุคนั้น แต่พระพุทธเจ้าไม่เห็นในคุณวิเศษเหล่านั้นเสียเลย แล้วคุณจะไปสนใจข้อปฏิบัตินอกคำสอนพระพุทธเจ้าไปอีกเพื่อสิ่งใดอีก และพระพุทธเจ้าตรัสไว้อีกว่า ปาฏิหาริย์มี 3 อย่าง แต่ทรงยกย่องเพียงอย่างเดียวคือ 'อนุสสาสนียปาฏิหาริย์' ส่วนอิทธิปาฏิหาริย์(หายตัว เหาะ..... ) และอาเทสนาปาฏิหาริย์(รู้ความคิดผู้อื่น .... ) ทรงตรัสไว้ด้วยว่าทรงระอาอึดอัด ... ลองไปหาพระสูตรนี้อ่านดูนะ 7. ลองถามตัวเองใหม่ว่ากำลังศรัทธาใคร??? และที่อ้างกันว่าถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ แท้จริงแล้วเราถึงแค่ไหนและตอนนี้มันติดใครอยู่??? เพิ่มเติม - ภาษาบาลีไม่ใช่ภาษาเขียน แต่เป็นภาษาเสียง ยุคพุทธกาลยังไม่มีการประดิษฐ์อักษรใช้กัน ดังนั้นการแปลจึงทำได้ง่ายโดยการเทียบเสียงใช้พยัญชนะในภาษาแต่ละประเทศ - การเรียนศึกษาของเหล่าสาวกในพุทธกาลใช้วิธีท่องจำเรียก 'มุกปาฐะ' ดังนั้นการทรงจำคำสอนของภิกขุในสมัยนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะทรงจำได้หลายสิบหลายร้อยพระสูตร ลองนึกถึงพระอานนท์สิว่าทรงจำไปได้ยังไงเป็นพันเป็นหมื่นพระสูตรทั้งๆที่ไม่ได้บรรลุฌาณสมาบัติอะไรกับเขา ก็แค่ได้ความเป็นโสดาบันที่ได้ดวงตาเห็นธรรมหยั่งศรัทธาแล้วในอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
@signspeedservice
8 жыл бұрын
กระผม ยอมรับว่า เรื่องการท่องจำ เเละ นั้นคือ การเรียน การศึกษา เช่น มีภิกษุบวชใหม่ เพียงพรรษาเดียวก็สามารถท่องปาฏิโมกได้ รวมทั้งบุคคล ก็สามารถท่องจำปาฎิโมกได้ เเละกระผม ได้บวชมา เเละเคยทดลองปฎิบัติ อย่างจริงจัง เเละได้ผลตามความเป็นจริง คือ เปรียบ อุปมาได้ว่า เเม่บ้านซื้อตำราอาหาร มาอ่าน เมื่ออ่านเเล้ว ก็ ลงมือ ซื้อวัตถุ ดิบต่างๆ มาประกอบกัน เเละทำการปรุง เมื่อปรุ่งเสร้จ ตามตำรา บางครั้ง รสชาด อาหาร อาจจะไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง หรืออาจจะได้ผลตามที่คาดหวัง ปัญหา เรื่องนี้ คือปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน ประเทศเราเป็นเมืองพุทธ เเต่ปัญหาเรื่อง การผิด ศีล ทั้ง 5 ข้อ ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมากมาย ในทุกสังคม เเต่ถึงจะอย่างไร การนำข้อธรรมทั้งหลาย มาวิเคราะห์ กันในวงกว้างถือว่าเป้นเรื่องดี เเต่ถ้าจะให้ดี คือ เมื่อเรียนเเล้ว ศึกษาเเล้ว ก็ต้องลงมือทำ ปฎิบัติ ทีละข้อ อย่างจริงจัง เเล้วค่อยมาบอกว่า ข้าพเจ้าได้ ปฎิบัติ ตามข้อนั้นๆ เเละได้ผล อย่างไร ไม่ได้ผลอย่างไร ถ้าทำได้อย่างนี้ ก็จะได้ไม่ต้องมาเเยกฝั่ง เเยกฝ่าย ใครหรือผู้ใด ก็ตาม หากคิดว่า หรือไตร่ตรองได้ว่า ข้อธรรมนั้นๆ คือ ของจริง หรือไม่จริง ก้ต้องลงมือ ปฎิบัติ เท่านั้น เมื่อต่างคนต่างปฎิบัติ เเละเป้นกัลยานิมิตรที่ดีต่อกัน ก็มารวมกลุ่ม มาเล่า มาคุยกัน มาWORKSHOP กัน ถึงเหตุปัจจัยที่เกิด ขึ้น อย่างนี้ เรียกว่า เข้าถึงธรรมะ ถกธรรมะ สมัยก่อนนั้น สมเด้จพระสังฆราช ท่านได้ตั้งโรงเรียน ฝึกสอนพระวิปัสนาจาร์ย เพื่อเหตุผลอะไร ? เพราะถ้าเอาเเต่พูด เอาเเต่เรียนอย่างเดียว ถ่องจำอย่างเดียว เเล้วไม่ปฎิบัติ ไม่เอามาใช้ เช่น เดียวกับ ศลี 5 ข้อ ถามว่ามีใครสักกี่คน ในประเทศนี้ ที่ไม่รู้จัก หรือถ่องไม่ได้ เเม้เเต่ตัวกระผมเองเมื่อสึกออกมาจากความเป็น สมมุติสงฆ์ ก็ยัง ไม่สามารถรักษา ศีลได้ เนื้อความที่ได้กล่าวมานั้น กระผม มีเจตนา คือ ต้องการให้ สมมุติสงฆ์ ช่วยเคร่งครัดปฎิบัติ ในเเต่ละข้อธรรม ทีละข้อให้ปรากฎ ตามความเป็นจริง จากนั้นจึงค่อยออกมาถ่ายทอดธรรม ตามความเป็นจริง เพราะพุทธศาสนา เป็น วิทยาศาตร์ อย่างนั้นใช่หรือไม่ เเละถ้าเป้นอย่างนั้น ก้ต้อง ปฎิบัติ 1.สวากขาโต ภควตา ธัมโม พระธรรมเป็นคำสอนอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว 2.สันทิฏฐิโก พระธรรมนี้ผู้ปฏิบัติตามจะเห็นได้ด้วยตนเอง 3.อกาลิโก ไม่เนื่องด้วยกาลเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับเวลาปฏิบัติตามได้พร้อมบริบูรณ์เมื่อใดก็เห็นผลเมื่อนั้น เป็นจริงตลอดเวลาไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัย 4.เอหิปัสสิโก ควรเรียกให้มาดู คือ พระธรรมเป็นคำสอนที่ควรจะเชิญให้ใครๆ มาดู มาพิสูจน์ มาตรวจสอบ เพราะเป็นของที่จริงตลอดเวลา 5.โอปะนะยิโก ควรน้อมเข้ามา คือ เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้าไว้ในใจเพื่อยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในชีวิต จะได้บรรลุถึงความหลุดพ้น 6.ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ คือวิญญูชนรู้ได้เฉพาะตน คือพระธรรมนี้เป็นสิ่งที่วิญญูชนจะรู้ได้ และการรู้ได้นั้นเป็นของเฉพาะตน ต้องปฏิบัติตามจึงจะรู้ ทำแทนกันไม่ได้ แบ่งปันให้กันไม่ได้ ต้องประจักษ์ด้วยตนเอง
@smaxbio1
8 жыл бұрын
คุณคิดว่า 'ธรรมวินัย' เป็นคำสอนของใคร??? คนที่ยังไม่ได้อะไรเลยแล้วบัญญัติคำสอนมันจะถูกทางไหม??? พระสัทธรรมเป็นคำสอนที่เลิศอยู่ แล้วเหตุใดเราต้องไปขวนขวายในคำสอนอื่นอีก??? บวชมาไม่ได้ให้ไปสวดปาฏิโมกอย่างเดียว จะเป็นสาวกได้ยังไงถ้าไม่รู้คำสอนพระศาสดาบ้างเลย ส่วนการปฏิบัติก็ต้องฟังก่อน ข้อนี้พระองค์ตรัสไว้ชัด (ผมทรงจำและท่องพระสูตรนี้ได้นะ) ดังนี้ "สมัยใดอริยะสาวกนั้น ตั้งใจ ใส่ใจ รวมเข้าไว้ด้วยใจทั้งหมด เงี่ยโสตลงสดับ สมัยนั้นนิวรณ์ ๕ ย่อมไม่มีแก่เธอ โพชฌงค์ ๗ ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์" เห็นไหมครับ แค่เงี่ยโสตลงฟังธรรม นิวรณ์ ๕ ดับ แถมยังได้โพชฌงค์ ๗ เพิ่มอีก ทีนี้เมื่อพิจารณาการได้ปฐมฌานพบว่าเกิดจากการละนิวรณ์ให้ได้เสียก่อน เห็นไหมว่ามีการปฏิบัติเกิดขึ้นแล้ว มีหลายๆคนมักจะยกเรื่องความมีปัญญาขึ้นมาอีก ผมคิดว่าคนเหล่านั้นไม่รู้อะไรในคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย เพราะมีปรากฏชัดอีกว่าการได้ปัญญาเป็นการได้หลังจากการได้ศรัทธาก่อนแล้วเรียงขึ้นมาถึงการฟังธรรมเนืองๆคล่องปากขึ้นใจและท้ายๆก็จะเป็นการเห็นเข้าใจแทงตลอดในธรรมนั้นๆ (ปัญญา) ดังนั้นอยู่ๆจะยกตนว่ามีปัญญาเห็นจะไม่ถูกเพราะไม่เรียนคำสอนแล้วปัญญาที่มีน่ะมันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ (มีปัญญาเข้าใจในธรรมคำสอนนั้นๆต่างหาก) .......................................................................... หัวข้อที่คุณยกมาผมขอแสดงความเห็นส่วนตัวในวงเล็บนะครับ แต่อยากให้ไปพิสูจน์ที่ตัวพระสูตรเป็นดีที่สุด 1.สวากขาโต ภควตา ธัมโม พระธรรมเป็นคำสอนอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว (คำสอนที่พระศาสดาบัญญัติ ไม่ใช่คำสอนสาวกหรือคำสอนอื่น) 2.สันทิฏฐิโก พระธรรมนี้ผู้ปฏิบัติตามจะเห็นได้ด้วยตนเอง (ผู้ปฏิบัติต้องฟังคำสอนนั้นๆก่อน ไม่ใช่อยู่ๆก็ปฏิบัติโดยไม่ท่องอ่านกัน) 3.อกาลิโก ไม่เนื่องด้วยกาลเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับเวลาปฏิบัติตามได้พร้อมบริบูรณ์เมื่อใดก็เห็นผลเมื่อนั้น เป็นจริงตลอดเวลาไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัย (ความหมายนี้ชี้เฉพาะพระสัทธรรม มิได้ชี้ไปยังคำสอนอื่นใดที่จะมีฐานะเทียบเคียงได้) 4.เอหิปัสสิโก ควรเรียกให้มาดู คือ พระธรรมเป็นคำสอนที่ควรจะเชิญให้ใครๆ มาดู มาพิสูจน์ มาตรวจสอบ เพราะเป็นของที่จริงตลอดเวลา (ใครได้ยินได้ฟังก็ย่อมได้ประโยชน์กว่าคนที่ไม่ได้ยินได้ฟัง) 5.โอปะนะยิโก ควรน้อมเข้ามา คือ เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้าไว้ในใจเพื่อยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในชีวิต จะได้บรรลุถึงความหลุดพ้น (ก็ต้องฟังแล้วท่องจำกันก่อน ปฏิบัติตามคำสอนแล้วได้แค่ไหนก็ตามอินทรีย์แห่งตนๆ) 6.ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ คือวิญญูชนรู้ได้เฉพาะตน คือพระธรรมนี้เป็นสิ่งที่วิญญูชนจะรู้ได้ และการรู้ได้นั้นเป็นของเฉพาะตน ต้องปฏิบัติตามจึงจะรู้ ทำแทนกันไม่ได้ แบ่งปันให้กันไม่ได้ ต้องประจักษ์ด้วยตนเอง (สอดคล้องกับที่พระองค์ตรัสไว้ว่า "กรรมไม่ได้เกิดจากใครจะบันดาลกันได้" และทรงให้พี่งตนพึ่งธรรม)
@signspeedservice
8 жыл бұрын
กระผม ยอมรับได้ว่า การฟัง ก้ดี การท่องจำก็ดี ล้วนเเต่เป้นการศึกษา เล่าเรียน ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป้น วิชาอะไร หรือใดๆ ก้ตาม ในโลกใบนี้ ต้องเล่า เรียน เขียน อ่านกันทั้งนั้น ขึ้น ชื่อ ว่าสูตร หรือพระสูตร ใดๆ ก้ตาม เมื่อได้ยินมา ได้ฟังมา ได้อ่านมา เราต้องใช้ ตระกระ ถ้าให้ดี ต้องปฎิบัติ ให้เห้นผล เป็นข้อๆไป กาลามสูตร กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตรอย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ) ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น สูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ ตัวอย่างอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลายอย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแสอย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า เข่าว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลายอย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอกอย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอาอย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วยอย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิตอย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชักอย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้งอย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้กระผมจึงได้บอก ว่า นี้ถ้าพระพุทะเจ้า ยังไม่ได้ปรินิพพาน เเล้วได้ฟังจากพระพุทะเจ้า โดยตรง ทุกอย่างก้จบ เพราะว่า พระองค์ทรงได้ตรัสรู ? เเต่ปัจจุบัน เราทั้งหลาย ต่างก็ ไม่ได้เกิด มาทันในสมัยที่พระพุทะเจ้า ยังอยู่ ใช่หรือไม่ เพราะฉนั้นการ เล่าเรียน เเละศึกษา จากการสืบทอดกันมาก็ดี นั้นก็เป็นสิ่งที่ดี เพียงเเต่ว่า ได้ทดลอง ได้ทดสอบ ได้ปฎิบัติ เเละเห็นชัด ด้วยตนเอง 100% ครบถ้วนในทุกพระสูตร อย่างบริบูรณ์ ปราณีต ตามที่ท่านได้ท่องจำมา ครบหรือไม่ หรือว่าท่านคิดว่า เพียงเเค่ฟัง เเค่เรียน เเค่จำมา เพียงอย่างเดียว จะทำให้ท่านสามารถ เข้าสู่นิพพาน ได้อย่างนั้นหรือ พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ธรรมด้วยการปฎิบัติ ท่านดู ซิ ว่า เหล่าพรามณ์ ที่เคยเป็นอาจารย์ ของพระพุทธเจ้า สุดท้ายก้ต้องเข้ามาอยู่ ในพุทธศาสนา เพราะอะไร ก็เพราะว่า พระพุทะเจ้าไม่ได้เชื้อเหล่าพรามณ์ เมื่อไม่เชื่อ จึงต้องปฎิบัติ ใช่หรือไม่ ในที่สุด ด้วยความพยายาม ของพระพุทธเจ้า ในการฝึกตน ปฎิบัติอย่าง เด็จเดี่ยว กล้าหาญ จึงสามารถบรรลุธรรม เเละได้สำเร็จ เป็นพระพุทะเจ้า คำถาม ? กระผมใคร่ถาม ท่านผู้รู้ว่า ใครคืออาจาร์ย ของพระพุทธเจ้า หรือถามท่านผ้รู้ว่า ใคร สอนให้พระพุทธเจ้า ได้บรรลุธรรมเเละตรัสรู้ ไหนช่วยตอบ...................................ให้กระผมหายข้อสงสัย............................. เเต่กระผมขอตอบด้วย เหตุผลง่ายๆ ว่า.....................เคยบวชมา 1 ปี เเละฝึกสมาธิมาตั้งเเต่ 10 ขวบ จนถึงปัจจุบัน ..............ว่าพระธรรมเหล่าใดก็ตาม ไม่ไช่เเค่รู้ด้วยปัญญา..............เเต่ต้องนำมาปฎิบัติ....................เมื่อได้ผล หรือไม่ได้ผล จึงจะรู้ในคุณค่าที่เกิดขึ้น..............ได้รู้ในเส้นทาง...นั้นๆที่ดำเนินอยู่ กระทำอยู่ คือ กระทำด้วยหรือเเสดงออกทางกาย กระทำเเละเเสดงออกทางใจ กระทำเเละเเสดงออกด้วยวาจา .......โดยทั้ง 3 ส่วนนี้ จะต้อง ไม่ปกปิด ซ่อนเร้น บริสุทธิ อยู่ ทั้งในที่ลับเเละที่เเจ้ง เพราะฉนั้น กระผม อยากได้ ยินท่านผู้รู้ ............ได้กล่าวอย่างนี้ นะว่า.....เช่น เราได้ปฎิบัติในพระะรรมคำสอนในข้อนี้ ข้อนั้น จนได้ผลกับตัวเอง เเละปรากฎ ว่าเป้นจริงดังนี้ ดังนั้น มีอุปสรรค์อย่างนี้ อย่างนั้น ......อย่างนี้นะ................ทุกอย่างมันก็เหมื่อน เเนวทางการดำเนินชีวิต เช่น เเนวทางเศรษฐกิจ พอเพียง ของสมเด้จพระเจ้าอยู่หัว ......................ถ้าได้ฟังมาอย่างเดียว.................เเล้วมาบอกว่าดี อย่างนี้ อย่างนั้น..ท่านจะเชื่อหรือไม่........เเต่ถ้าท่านผู้รู้.......ลงมือทำเลย............ทำเหมือนหลายๆคน..........นั้นคือ คำตอบ
@smaxbio1
8 жыл бұрын
เห็นไหมว่าคุณยังไม่ศรัทธาอะไรในพระศาสดาเลย ยังตามพวกที่บิดเบือน 'กาลามสูตร' อยู่ โดยยังคิดหาตรรกกระหรือแง่มุมช่องว่าง 'ที่จะไม่เชื่อคำสอนของพระศาสดา' ลองพิจารณาดูใหม่นะครับ 'อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)' สมณะ คือใคร? เพราะแค่สาวกของพระองค์ พระองค์ยังแทนด้วย 'อริยะสาวก' เพราะนอกจากศาสนาของพระองค์ไม่มีบุรุษที่หนึ่ง สอง สาม และสี่เลย และความเป็นอริยะก็สูงยิ่งกว่าสมณะใดๆจะยกฐานะเทียบได้ ยิ่งการจะอ้างรวมไปถึงพระพุทธเจ้าก็มิใช่ฐานะที่จะเป็นไปได้เลย 'ครู' ก็แปลตามนั้นคือ ครูอาจารย์ ที่สาวกด้วยกันสามารถเป็นครูของกันและกันได้ แต่ไม่ใช่แน่ในความเป็นพระศาสดาผู้ที่บัญญัติคำสอน ดังนั้นครูอาจารย์ก็เป็นแค่สาวก ที่อาจจะจำมาผิดพระองค์จึงไม่ให้เราเชื่อเลยทีเดียว ซึ่งจะสอดคล้องทันทีกับหลักมหาปเทส ๔ และพระสูตรอื่นๆ ดังนี้คือ 1. 'หลักมหาปเทส ๔' : "หากมิ่ใช่พระดำรัสของพระพุทธเจ้า ภิกษุเหล่านั้นจำมาผิด ให้เธอจงละทิ้งคำเหล่านั้นไปเสีย" 2. 'พึ่งตนพึ่งธรรม' : "ใครก็ตามจักต้องมีตนและธรรมเป็นประทีปเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ" เห็นไหมว่าทรงให้ใช้พระธรรมคำสอนของพระองค์ 3. 'การฟังธรรมโดยกาลอันควรและการใคร่ครวญธรรมโดยกาลอันควร' : พระสูตรนี้มี 3 นัยยะ ไม่มีนัยยะไหนที่จะมาคิดว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี (กำลังจะตายมัวคิดอยู่ ก็คงตายเปล่า) 3.1 ก่อนตายได้เห็นตถาคตแสดงธรรม 3.2 ก่อนตายได้เห็นสาวกของตถาคตแสดงธรรม 3.3 ก่อนตายใคร่ครวญธรรมที่ตัวเองจำได้ (ท่องจำได้) 4. 'อานิสงส์ 4 ประการที่บุคคลฟังธรรมเนืองๆคล่องปากขึ้นใจแทงตลอดด้วยดีด้วยความเห็น' : ทุกประการเหมือนกันที่ท่องจำได้แบบคล่องปากขึ้นใจ ล้วนแต่ได้บรรลุธรรมทั้งสิ้น และอย่างน้อยได้เกิดในเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง 5. 'ปฏิปุจฉาวินีตา ปริสา โน อุกกาจิตวินีตา' : "บริษัทที่เลิศคือกลุ่มสาวกที่ฟังธรรมด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน" เห็นไหมว่าไม่มีตรรกกระดังกล่าวเลย สรุปคือ ที่ไม่ให้เชื่อแม้ในคำพูดของพระพุทธเจ้า เป็นการตีความหมายของสาวกอีกชั้นหนึ่ง และความหมายนี้ไม่สอดล้องอะไรเลยกับพระสูตรที่ผมยกมาข้างต้น (ยังมีพระสูตรอื่นอีกมาก) แต่ที่ผมแปลกใจคือ 'คนที่ยินดีที่จะเอาการตีความหมายที่บิดเบือนไปใช้ด้วยดี' นี่สิทำไมหนอ??? และตรงนี้คงต้องย้อนกลับไปเรื่อง 'ศรัทธา' ของคุณที่มีต่อพระพุทธเจ้าว่า ศรัทธากันแล้วทำไมยังบอกว่ายังไม่เชื่อคำพูดของพระองค์อีก และที่สำคัญมันขัดกับคำพูดที่คุณยกมาตอนแรกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพระธรรมว่าเป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัวบ้าง เป็นคำสอนที่บริบูรณ์ เป็นอกาลิโก.... ผมขอยุติการสนทนาต่อนะครับ เหตุเพราะลักษณะการคุยมันนอกกรอบแตกประเด็นไปเรื่อย แค่เรื่องแรกๆ เกี่ยวกับ 'ศรัทธา' คุณก็ยังไม่ชี้แจง แต่กลับเปิดประเด็นเพิ่มด้วยคำถามมากมาย... มันไม่จบหรอกครับถ้าจะยกความเห็นอื่นที่ไม่ใช่ความเห็นของพระศาสดามาคุยกัน.... ลองวางความเห็นหรือประสบการณ์ของคนทั้งโลกและตัวเองลงก่อน แล้วพิจารณาเฉพาะพระสัทธรรมที่ได้จากการตรัสรู้ของสัมมาสัมพุทธะดูสักระยะหนึ่งก่อนครับ (ทุกสิ่งที่ผมยกมา ขอให้พิจารณาสอบเทียบได้ที่ : etipitaka.com แต่ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ อย่าใจร้อน)
@buaphankramer9923
8 жыл бұрын
ชอบฟังธรรม. ไม่ชอบแย้ง.
@chafuby3202
7 жыл бұрын
ท่านเรียนวิทยาศาสตร์มาก่อน ท่านจึงไม่ยอมต่ออะไรง่ายๆ ท่านเคร่งครัดต่อความจิงระดับอกาลิโกเท่านั้น คนที่ไม่ได้เรียนมาอย่างนี้หรือไม่ซาบซึ้งว่าพุทธศาสนาคืออะไรจะไม่เป็นอย่างนี้เลย แม้แต่พระเอง 99% ก็ไม่รู้ซึ้งหรอกว่าพุทธศาสนาคืออะไร (ดูรู้จากการเทศของท่าน) แม้แต่พระชั้นผู้ใหญ่สุดๆแล้วก็ยังเทศแต่เรื่องหน้าที่พลเมืองและศีลธรรมท่านเข้าใจว่าพุทธศาสนาคือการมาทำความดีกัน เวลาเทศต่อหน้าในหลวงก็เทศแต่เรื่องอย่างนี้จนในหลวงต้องทรงเบือนหน้าหนีหลังจากที่ท่านฟังไปได้เพียงห้าหกนาที ผมสังเกตมาโดยตลอด เหตุในเนื่องมาจากที่ท่านไม่ได้เทศพุทธศาสนา ท่านเทศวิชาศีลธรรมต่างหาก ท่านเข้าใจผิดคิดว่าพุทธศาสนาคือวิชาศีลธรรม เทศภันเตตรีนั่นซิเทศพุทธศาสนา ฟังดูให้ดีซิไพเราะเหลือเกิน
@smaxbio1
7 жыл бұрын
"เวลาเทศต่อหน้าในหลวงก็เทศแต่เรื่องอย่างนี้จนในหลวงต้องทรงเบือนหน้าหนีหลังจากที่ท่านฟังไปได้เพียงห้าหกนาที" คุณหมายถึงสมณะใดหรือ?
@kw-deaw4159
8 жыл бұрын
ก็มั่วแต่เพ่งโทษ คนโน้นผิด คนนี้ผิด จงเปิดใจยอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่ยอมรับบ้างงง ความจริงอาจจะซ่อนอยู่ในนั้น......
@baanck6892
8 жыл бұрын
คนที่สนทนาธรรมกับท่านคึกฤทธิ์ยังไม่แตกฉานพอเถียงไปก็แพ้ มารคาบคัมภีร์อ้างคำศาสดาหากินอย่างคึกฤทธิ์ต้องเจอนักปราชญ์ผู้รู้อย่างท่านพระพรหมคุณาภรณ์แต่ท่านคงไปลดตัวลงมาเสวนากับคึกฤทธิ์หรอกครับผมว่า ทฤษฎีเยอะ แต่ปฏิบัติไม่ได้เปรียบเหมือนเถรใบลานเปล่า
@สนั่นประสมทรัพย์-ฏ2ล
8 жыл бұрын
Baan Ck พระในประเทศไทยที่ยังมีชีวิตอยู่ผมนับถือพระพรหมคุนาพรองค์เดียวท่านสอนเป็นเหตเป็นผลและอยู่อย่างสมถะ
@ปอปอ-ฆ3บ
8 жыл бұрын
สมมุติสงฆ์องค์ใดยังประกอบไปด้วย โลภ โกรธ หลง มีกิเลสนอนเนื่องอยู่ในสันดานก็เชื่อไม่ได้ทั้งนั้นล่ะครับ ดำเนินมรรค๘ ตามแนวอริยสัจ๔ ธรรมะเป็นของจริง ถ้าปฏิบัติจริงย่อมได้รู้จริงเห็นจริง ไม่ต้องมาเถียงกันด้วยโมหะแบบที่เห็นในคลิปนี้แหละ
@สนั่นประสมทรัพย์-ฏ2ล
8 жыл бұрын
Baan Ck ถูกต้องมันเข้าใจเอาพระพุทธเจ้ามาอ้างคนเลยไม่กล้าแม้แต่จะเถียงเพราะกลัวบาปเหมือนกับนักเรียนอ้างคำสั่งของครู
@smaxbio1
8 жыл бұрын
ท่านปยุต ท่านยังแก้คำสอนตัวเองเรื่อยๆอยู่เลยนะ ที่แก้แล้วก็แก้อีก ส่วนที่ยังไม่รู้ว่าผิดแต่ยังไม่ได้แก้เลยก็น่าจะเยอะ.... จะให้ผู้คนเสียเวลามาเสี่ยงกับคำสอนของคนธรรมดาไปทำไมกัน? คำสอนพระพุทธเจ้ามีอยู่แล้วก็น่าจะเอาเวลาไปศึกษาซะมากกว่า .... เสียดายชีวิตท่านที่ใช้ชีวิตมายาวนานในพระศาสนาแต่กลับไม่ได้ศรัทธาในพระสัทธรรมเสียเลย ดันไปหลงเชื่อคำสอนอรรถกถาจารย์เสียได้... ................................ ตัวอย่างที่ตรวจเจอการแก้ไขเรื่อง 'สิกขาบท 150' 2553 : ... สิกขาบท 150 ถ้วนนี้... [หนังสือพุทธธรรม] 2554 : ... สิกขาบท ๑๕๐ ทั้งยังมีเกินขึ้นไปอีกนี้... [บทความพระไตรปิฎกอยู่นี่] 2555 : ... (ให้เหตุผลที่แก้ไปปี 2554) ... ตอนที่เขียน..ไม่ได้นึกถึงวินัยมุข... [บทความศึกษาและเกื้อกูลในการศึกษา] 2557 : ... ภิกขุว่าสิกขาบท ๑๕๐ ... [ดัชนีในหนังสือพุทธธรรม] ................................ คนจะอ่านก็เหมือนกับแทงหวยเลย.... หยิบผิดเล่มก็ได้พลาดแบบไม่รู้เรื่องกันเลยทีเดียว
@03_คัทลียาจิระพรกุล
8 жыл бұрын
ก็ถูกแล้วนี้ครับ ก็ท่านเป็นสาวก ก็อ้างพระพุทธเจ้า มันผิดตรงไหน แต่ถ้าท่าน ตีความผิด พระหรือผู้มีความรู้ทางธรรมก็ควรจะโต้แย้งว่าผิดยังไง แล้วควรจะ พูดกับพระดีๆ ผมยังไม่เห็นท่านผิดตรงไหน ต่อให้ท่านตีความพุทธวจนะผิด มันก็ไม่เห็นจะแปลกเพราะพระธรรมเป็นสิ่งลึกซึ้ง งันทุกคนก็เป็นอรหันต์หมด ซิ ถ้ามันง่ายนะ สมัยพุทธกาล สาวกขนาดเป็นอรหันต์พูดบางครั้งพระพุทธเจ้า ยังไม่เห็นด้วย นั้นภูมิเอหิภิกขุ นะ
@hfggf7214
3 жыл бұрын
สปปลาวสาทุ,พทวจน
@robotcanfly4864
6 ай бұрын
คัมภีร์อรรถกถาก็อธิบายมั่วไปหมด ถ้าไปยึดมากๆ คำสอนของพระพุทธเจ้าก็จะอันตระธานได้
22:52
aพระอาจารย์คึกฤทธิ์ บรรยายพุทธวจน พุทธวจนสถาบันภาคใต้ 2014 02 02
Chattida Chanthorn
Рет қаралды 13 М.
27:51
ความยึดมั่นถือมั่นในอรรถกถา ครูอาจารย์ , ความเห็นอรหันต์(สาวก)มีโอกาสพลาด , จุดมุ่งหมายของพุทธวจน
ทางนิพพาน พุทธวจน
Рет қаралды 24 М.
00:24
99.9% IMPOSSIBLE
STORROR
Рет қаралды 31 МЛН
00:18
Правильный подход к детям
Beatrise
Рет қаралды 11 МЛН
00:22
Cat mode and a glass of water #family #humor #fun
Kotiki_Z
Рет қаралды 42 МЛН
00:15
It’s all not real
V.A. show / Магика
Рет қаралды 20 МЛН
1:37:41
สังคายนา พระไตรปิฎกเชื่อถือได้แค่ไหน โดย รศ.ดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์ | Myth Universe EP79
Salmon Podcast
Рет қаралды 376 М.
28:46
เปิดใจเซียนพระเครื่อง , ซื้อขายพระจะบาปไหม , พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง
ทางนิพพาน พุทธวจน
Рет қаралды 37 М.
4:12
สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม พุทธวจน
Sakdinan Channel
Рет қаралды 17 М.
33:22
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ช่วงตอบคำถามภิกษุ
Aek Nakhonnayok
Рет қаралды 70 М.
1:01:54
พุทธวจน - การตาย กรรม นิพพาน ฯลฯ
BuddhaWajana2012
Рет қаралды 500 М.
1:09:52
สวดมนต์เป็นเรื่องใหญ่ "บวชพระ ไม่ได้มาสวดมนต์" จริงหรือไม่ที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกไว้
MaMaNee นานาสาระธรรม
Рет қаралды 44 М.
19:19
ตอบโจทย์ : ปิดหลักฐาน "พระคึกฤทธิ์" ผิดพระวินัย...? ต้อง "อาบัติ" ปาราชิก
Thai PBS
Рет қаралды 186 М.
1:49:39
"พุทธวจน" เทปที่หาดูได้ยาก การเสวนา 3 ศาสนา @ ไบเทคบางนา เปิดธรรมที่ถูกปิด โดยพระอาจารย์คึกฤทธิ์
D O P E
Рет қаралды 180 М.
35:13
พุทธวจน เดรัจฉานวิชา
panakaj
Рет қаралды 44 М.
31:24
เซียนพระเครื่อง ถาม-ตอบพุทธวจน (ผมเป็นเซียนพระ ซื้อพระ ขายพระ จะบาปมั้ยครับ ?)
Chakkrit
Рет қаралды 44 М.
00:24
99.9% IMPOSSIBLE
STORROR
Рет қаралды 31 МЛН