ประวัตินบีนูฮ (อ.ล.) EP.4

Рет қаралды 52,897

151yamaah ฅนสองโลก

Күн бұрын

Пікірлер: 110

@darumarubpapa-fj5wu Жыл бұрын

ไม่ได้คิดจะเข้ารีตครับ แต่ฟังแล้วสนุกดี

@อรัญปุสสะ-ฤ8ต 11 ай бұрын

ไม่เข้าไม่เป็นไรคับ ฟังเพื่อความรู้ศึกษาก็ได้..

@จัดเต็ม-บ9ฌ 2 ай бұрын

ที่สนุกนี้คือคิดว่ามันเป็นนิทานใช่ไม แต่ศาสนาอิสลามมันคือเรื่องจริงทั้งหมดครับ

@sakkareeyasanteh1896 3 жыл бұрын

นุวฮ์คือรอซูลองค์แรงหลังหลังจากน้ำถ่วโลกเพื่อปราปพวกบูชาจะเว๊ต แต่นาบีอาดัมคือรอซูลองค์แรกของมนุษย์ชาติ รอซูลทั้งหมดมี313องค์ที่เราจำเป็นต้องรู้มี25องค์ส่วนนาบีมีทั้งหมดหนึ่งแสนสองหมื่นสี่พันองค์หรือเปล่าครับ

@ananyotlonlam8845 2 жыл бұрын

ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่านบีนัวห์(อ.ล)สงสารท่านนบีนัวห์เหลือเกินท่านเผยแพร่อิสลามถึง950ปีแต่ก็ไม่มีใครเชื่อท่านสักเท่าไหร่

@SaleeDeejaroen Жыл бұрын

สล่ามค่ะอาจารย์ พูดช้าลงนิดนึงก้อดีนะค้ะ

@เกียรติศักดิ์-ฑ6ว 6 ай бұрын

เกยรติศักดิ์ ปุมเป้า(โก้)อาเมน

@preecharobbana1980 3 жыл бұрын

อย่าลื่มการขอดุอาร์ทุกครั้งขึ้นต้นด้วยอัลฮุมดิ้ลละและก่อนขอดอาร์เสร็จทุกครั้งอย่าซอลาวาตให้ท่านรอซู้ล.ซล.ทุกครั้งในการขอดุอาร์อีกอย่างทุกการขออจ่าขาดความมั่นใจในการขอว่าดุอาร์จะถูกรับหรือไม่ให้มั่นใจว่าพระองค์.อัลลอฮ.ซบ.รับแน่นอนและการขอต้องขอตัวเองก่อนจะดุอาร์ให้ผู้อื่นหรือพวกที่หลงผิดก็ตามขอให้พระองค์ทรงเปิดใจให้มุสลีมีน-มุสลีมะฮ์ทั่วโลกพ้นจากบาลาโลกนี้และโลกหน้าด้วยเถิดและพ้นจากอาลัมกุโบร์ด้วยว่าซอลลัลลอฮูอาลัยฮีว่าซัลลัมวัลฮัมดูลิลลาฮีร็อบบิลอาลามีน..อามีน

@JOHN-fi5iv 3 жыл бұрын

อย่าเจาะจงทำครับ คุณจะบอกแบบนี้ไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานให้เจาะจงทำนะครับ

@snuchamayasa6774 3 жыл бұрын

ผมกลับมาฟังเรื่องราวนบีนุฮ์อีกเพราะดูหนัง ฝั่งตะวันตก รู้สึกว่าบิดเบือนมากๆ

@azmiming5006 2 жыл бұрын

หนังที่สร้างจาก คริส มันจะเป็นแบบอื่นครับ

@25gz3 Ай бұрын

ผมรู้สึก ลึกซึ้งกับเรื่องราวพวกนี้จัง . ความจริงอย่างไรก็คือความจริง แต่ผมสามารถเดินทางของผม(พุทธ) จะสามารถเจอทางจริงเดียวกันกับทุกคนไหมครับ รู้สึกกลัวหลายอย่าง ผมไม่อยากพยายามเกินไปที่จะเป้น

@โซเฟียร์มูดอ Жыл бұрын

ช่วงนาบีนุ์ไหมที่เกิดเดือนซูรอ ค่ะ

@SaleeDeejaroen Жыл бұрын

มีชาวอินคาด้วยเหลอค้ะ

@oatsteve3421 2 жыл бұрын

แล้วที่ขึ้นไปบนเรือตอนนั้นมีกี่คนกันแน่ครับ ถ้าบอกว่า 5คนที่ได้ขึ้นเรือแล้วลูกชายทั้ง3คนได้กลายเป็นคนทั่วๆไปในโลก แล้วชาย3คนนั้นเอาภรรยามาจากไหนครับ ในเมื่อคนตายหมดสิ้นยกเว้นพวกเขา ได้มีบอกไว้ไหมละครับ

@socutenaka4719 Жыл бұрын

ต้นกำเนิดของมนุษย์ชาติมี 3 ช่วง ช่วงนบีอาดัม นุฮ และอิบราเฮม

@bassjakailaa1116 Жыл бұрын

ขอโทษน้ะครับ คือในบ้านจะมีรูปครอบครัวไว้ให้ลูกหลานได้รู้จัก มีรูปอยู่ในบ้าน ในหลักศาสนาคือไม่ได้หรอครับ ผมไม่เข้าใจ เห็นอาจารย์พูด สงสัยมากครับ อาจารย์ช่วยตอบด้วยน้ะครับ ว่าการที่มีรูปในบ้าน แปะไว้ ตกแต่ง หรือไม่ก็ให้ลูกหลานได้เห็นว่าปู่ ย่า ตา ยาย หรือบรรพบุรุษหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าใครมีความรู้ตอบหน่อยน้ะครับ ขอหลักฐานตามศาสนาด้วยครับ จริงจังมาก ตอบทีครับ

@diidii8856 11 ай бұрын

มีไว้ได้ครับ แต่อย่าติดหรือแปะบนผนัง เพื่อที่ว่า เราจะได้ไม่บูชารูปภาพในอนาคต

@ped9green369 5 ай бұрын

ถ้าไม่เคารพสักการะ ไม่ผิดครับ ควรใว้ในที่ ที่เหมาะสมครับ

@ทีปกรฐิติชญากูล 2 жыл бұрын

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

@narzoff7685 3 жыл бұрын

โนอาร์เป็นเรื่องที่อยู่ในพระคำภีร์ไ ไบเบิลไม่ใช่หรอครับ

@navavi 3 жыл бұрын

โนอา เป็นหนึ่งใน ศาสนทูต ของอิสลาม ก่อน ท่านนบีมูฮำหมัดครับ

@ananyotlonlam8845 3 жыл бұрын

ใช่ค่ะโนอาฮ์เป็นชื่อเรียกที่ฝรั่งเรียกเพี้ยนแต่อิสลามเรียกนบีนัวห์ซึ่งมีในอัลกุรอ่าน

@babylove4783 2 жыл бұрын

ไบเบิล เป็นคัมภีร์ที่ถูกประทานมาแก่ประชาติของพระเยซู ก่อนจะประทานลงมาแก่ประชาติ นบี มุฮัมมัด ซึ่งเป็นประชาติสุดท้ายค่ะ ดังนั้น พระวจนะของพระองค์ในไบเบิล ก็จะปรากฏในอัลกุลอ่านด้วยเช่นกัน

@mahaleetupae2941 2 жыл бұрын

ในไบเบิ้ลก็มี แต่ในอัลกุรอ่านพระเจ้าจะกล่าวมีเนื้อหามากกว่าและสมบูรณ์กว่าไบเบิ้ลคัมภีร์ที่มีการเพิ่มเติมแต่ง

@lavich... 2 жыл бұрын

สิ่งที่แต่ละศาสนาเชื่อและและยึดมั่น . อิสลาม คริสต์ ยิว : พันธสัญญาเดิม (คัมภีร์โทราห์ = คัมภีร์เตารอต) . อิสลาม คริสต์ : พันธสัญญาใหม่ (คัมภีร์ไบเบิล = คัมภีร์อินญิล) . อิสลาม : พันธสัญญาสุดท้าย (คัมภีร์อัลกุรอาน)

@เซอร์ริส-จ9ฎ 3 жыл бұрын

ทำไมยิวถึงคิดว่าเรื่อเป็นของพวกเขา

@-so5okk 3 жыл бұрын

เพราะนบีส่วนใหญ่มาจากยิว มันนับถือทุกนบีจนมาถึงคนสุดท้ายเป็นอาหรับ มันรับไม่ได้ครับ

@ananyotlonlam8845 3 жыл бұрын

ท่านนบีอีซาหรือท่านเยซูยิวก็ไม่ยอมรับท่านแต่อิสลามเรายอมรับท่านว่าท่านคือศาสดาท่านหนึ่ง

@blackrose2010city 4 жыл бұрын

😻😻😻

@สุรีรัตน์มาราสา 4 жыл бұрын

สนใจคะ

@oatsteve3421 2 жыл бұрын

555 ผมว่าคนที่บอกว่าไดรโนเสาร์ตายเพราะน้ำท่วมยังสมเหตุผลว่าการที่อ.บอกว่าตายจากการโดยอุกาบาทเสียอีกครับ และอุกาบาทตกก็ไม่ได้รับการยืนยันได้เลยว่าจริงหรือไม่ และที่อ.บอกว่าพอสร้างเรือเสร็จนบีนัวะห์ปิด แน่ใจนะครับว่าจะปิดได้เองด้วยกำลังมือ เรื่อใหญ่ขนาดนั้นและประตูจะใหญ่ขนาดไหนอย่างน้อยต้องใหญ่กว่าช้างแน่นอน

@zakiyahzak3975 3 жыл бұрын

🤭

@อัดฮาฟีรูน 2 жыл бұрын

قل انكنت ال

@อามีนอุสมันบาฮา 10 ай бұрын

P⁰

@masramasra2518 4 жыл бұрын

คนที่ไม่เชื่อก็เป็นคนบ้าไปแล้ว

@wong2503 4 жыл бұрын

ความเชื่อกับความงมงาย มันแทบแยกกันไม่ออก แต่ถ้าจะเชื่อเราก็ต้องพิจารณาด้วยว่าคำสอนนั้นมันมีความเป้นจริงหรือไม่ ถ้าจริงแล้วจริงกี่เปอเซ็นต์ มีอะไรพิสูตรหรือมีหลักฐานอะไรบ้างมาเป็นตัวชีวัด ความเป็นไปได้

@hackshacks4474 3 жыл бұрын

@@wong2503 อิสลามร่วมสมัย - วิถีโคจรในอัลกุรอาน การกล่าวถึงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ในอัลกุรอานนั้น มีการเน้นย้ำว่าทั้งสองต่างมีวงโคจรที่แน่นอนเฉพาะตน ในซูเราะฮ์ อัลอัมบิยาอฺ وَهُوَ الَّذِي خَلَقَ اللَّيْلَ وَالنَّهَارَ وَالشَّمْسَ وَالْقَمَرَ ۖ كُلٌّ فِي فَلَكٍ يَسْبَحُونَ ( 33 ) ความว่า“และอัลลอฮ์ ทรงสร้างกลางวันและกลางคืน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ซึ่งทุกๆสิ่งล้วนโคจรในจักรราศี”(อัลกุรอาน 21:33) ในซูเราะฮ์ยาซีนอายะฮ์หนึ่งกล่าวเอาไว้อีกว่า ดวงอาทิตย์นั้นไม่ได้อยู่กับที่ แต่เคลื่อนไปตามวงโคจรที่แน่นอน وَالشَّمْسُ تَجْرِي لِمُسْتَقَرٍّ لَّهَا ۚ ذَٰلِكَ تَقْدِيرُ الْعَزِيزِ الْعَلِيمِ ( 38 ) ความว่า“และดวงอาทิตย์ย่อมโคจรไปตามตำแหน่งสถิตของมันเองการนั้นเป็นการกำหนดของผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง” (อัลกุรอาน 36:38) ความจริงทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอานนั้น เพิ่งถูกค้นพบโดยการศึกษาสังเกตทางดาราศาสตร์ในสมัยของเรานี้เอง จากการคำนวณของนักดาราศาสตร์ ดวงอาทิตย์จะเดินทางด้วยความเร็วสูงถึง 720,000 กิโลเมตร/ ชั่วโมง ในทิศทางของดาวเวก้า ที่วงโคจรเฉพาะตัว เรียกว่าโซล่าร์ เอเพ็กซ์ (Solar Apex) นั่นหมายความว่า ดวงอาทิตย์จะเดินทางประมาณวันละ 17,280,000 กิโลเมตร และที่เดินทางไปพร้อมดวงอาทิตย์ด้วยนั้น มีทั้งดาวเคราะห์ต่าง ๆ และดาวบริวารในขอบเขตแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ ซึ่งโคจรไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น ดวงดาวทั่วทั้งจักรวาล ก็มีลักษณะการเดินทางที่ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นเดียวกันความจริงที่ว่า ทั้งจักรวาลเต็มไปด้วยเส้นทางและวงโคจรที่มีลักษณะคล้ายกันเช่นนี้ ได้ปรากฏอยู่ในอัลกุร-อานซูเราะฮ์ อัซซาริยาต ว่า وَالسَّمَاءِ ذَاتِ الْحُبُكِ ( 7 ) “ขอยืนยันด้วยฟากฟ้าที่มีช่องการโคจร อย่างมากมายยิ่ง” (อัลกุรอาน 51:7) ในจักรวาลมีกลุ่มดาวอยู่ประมาณ 2 แสนล้านกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มมีดวงดาวประมาณ 2 แสนล้านดวง ดวงดาวส่วนใหญ่ประกอบด้วยดาวเคราะห์ และดาวเคราะห์ส่วนใหญ่จะมีดาวบริวาร ส่วนประกอบของจักรวาลทั้งหมดนี้ จะเคลื่อนไปในวงโคจรที่กำหนดไว้อย่างเที่ยงตรง นับเป็นเวลาหลายล้านปีมาแล้วที่ดาวแต่ละดวงเดินทางหมุนเวียนอยู่ในวงโคจรอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับดาวอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีดาวหางต่างๆที่เดินทางอยู่ในวงโคจรที่กำหนดไว้ วงโคจรต่างๆในจักรวาลนั้น ไม่ได้มีเฉพาะวงโคจรของดวงดาวเท่านั้น กาแล๊คซีต่างๆก็โคจรด้วยความเร็วสูงมากบนวงโคจรที่คำนวณและกำหนดไว้เช่นกัน ในระหว่างวงโคจรนั้นจะไม่มีดาวดวงใดเลยที่จะโคจรตัดข้ามไปยังวิถีโคจรของดาวดวงอื่นหรือเกิดการปะทะกันกับดาวดวงอื่น ๆ ในช่วงที่อัลกุรอานประทานลงมานั้น ยังไม่มีกล้องดูดาวอย่างทุกวันนี้ และไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการศึกษาสังเกตอวกาศที่ห่างไกลออกไปนับล้าน ๆ กิโลเมตร อีกทั้งยังไม่มีความรู้ทางฟิสิกส์หรือดาราศาสตร์ที่ทันสมัย ดังนั้นในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้น มาอธิบายว่า อวกาศ “เต็มไปด้วยเส้นทางและวงโคจร” เหมือนดังที่ปรากฏอยู่ในอายะฮ์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นหลักฐานหนึ่งที่ยืนยันว่า อัลกุรอานนั้นเป็นวจนะของพระผู้เป็นเจ้า m.kzbin.info/www/bejne/gqqxhYOnpc-bosU ---------------------- seed ikwan นำเสนอ | Facebook swky.co/Az16Tn

@wong2503 3 жыл бұрын

@@hackshacks4474 ต่อให้มีการบรรยายสัพคุณตามที่คำภีร์ที่คุณกล่าวมาสาระมันยังจับประเด่นอะไรไม่ได้ จึงต้องหันกลับไปมองและศึกษาต้นกำเนิดของศาสนานี้ ว่าจุดกำเนิดที่แท้จริงมาจากอะไร อะไรเป้นแรงจุงใจให้ศาสนานี้เกิดมา และจุดประสงคืหลักของศาสนานี้เพื่ออะไร จึงสรุปได้ว่า ก็เพียงเพื่อต้องการรวบรวมมวลชนเข้ากลุ่มเป็นของตัวเอง เพื่อต่อสู้กับอีกข้าศึกที่มารุกราน เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธ์ตัวเอง ต่างหาก นี้ผมไม่ได้นำเสนอในด้านที่เพ้อฝัน หรือเพ้อเจออะไรเลยนะนี้ ว่าไปตามหลักการณ์และเหตุผล การจะดุอะไร เราต้องดูต้น ดูกลาง และดูปลาย อันนี้สำคัญที่สุดครับ

@hackshacks4474 3 жыл бұрын

@@wong2503 *การรู้จักตัวตน* มหัศจรรย์อัลกุรอ่าน - กฎเกณฑ์ว่าด้วยบททดสอบในชีวิตมนุษย์ (ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ) **มีกฎเกณฑ์บางประการที่มนุษย์มิอาจหลีกหนีได้พ้น เป็นกฎที่เกี่ยวกับการเกิดแก่เจ็บตาย และสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับโดยดุษฎีก็คือ มนุษย์มิได้กำเนิดมาด้วยความประสงค์ของตัวเขาเอง เราต่างปรากฏอยู่ในโลกนี้ด้วยกำหนดของพระองค์ผู้สร้าง โดยปราศจากคำร้องขอใดๆ จากเราตั้งแต่ต้น **เหตุใดพระองค์ผู้ทรงปรีชาญาณจึงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายในเอกภพ และยังได้สร้างสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ขึ้นมาอีกด้วย? แล้วทำไมเราต้องมีชีวิต? คำถามเหล่านี้เกินกว่าความสามารถที่มนุษย์จะตอบเองได้ เพราะเราเป็นเพียงแค่ผู้ถูกสร้าง การตระเวนหาคำตอบโดยอาศัยมันสมองของมนุษย์เพียงประการเดียวจึงย่อมก่อให้เกิดความสับสน ฟุ้งซ่าน และหลงทาง นับเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงที่พระองค์ผู้สร้างไม่ทรงปล่อยให้เราเคว้งคว้างท่ามกลางความสับสนทางความคิดเพื่อจะหาคำตอบเกี่ยวกับเหตุผลของการมีชีวิต ในพระดำรัสของพระองค์มีคำตอบอย่างชัดเจนว่า เราเกิดมาเพื่อเป็นบ่าวของพระองค์ที่ต้องน้อมรับศรัทธาและปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์สั่งใช้พระองค์ตรัสว่า..“และข้าไม่ได้สร้างหมู่ญินและมนุษย์ เว้นแต่เพื่อให้พวกเขาอิบาดะฮฺ(เป็นผู้ที่มอบการเคารพภักดี)ต่อข้า” (อัซ-ซาริยาต : 56) **สถานะแห่ง “อุบูดิยะฮฺ” หรือการเป็นบ่าวที่ยอมมอบตนต่อพระผู้อภิบาลอย่างสุดซึ้ง เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติสูงส่งที่สุดในมาตรวัดของอัลลอฮฺ "การเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ คือการได้ตำแหน่งผู้ที่พระองค์โปรดปรานมากที่สุดในหมู่สรรพสิ่งทั้งมวล เมื่อเป็นผู้ที่ถูกโปรดปรานของพระองค์แล้ว ความจำเริญอันดีงามทั้งหลายในชีวิตก็จะปรากฏให้เห็นในตัวเขาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ดังนั้นตำแหน่งการเป็นบ่าวของพระองค์จึงไม่ใช่ว่าจะสามารถได้มาง่ายๆ นอกจากเหตุผลที่มนุษย์ถูกสร้างให้ทำหน้าที่บ่าวของอัลลอฮฺโดยภาพรวมแล้ว ในระดับที่ชัดเจนสำหรับเหตุผลอีกประการของการมีชีวิตก็คือ การทดสอบพวกเขาว่าใครที่ตั้งใจจริงกว่ากันในการที่จะเป็นบ่าวที่ดีของพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “พระองค์คือผู้ที่สร้างความตายและชีวิต เพื่อทดสอบพวกเจ้า ว่าผู้ใดในหมู่พวกเจ้าที่จะปฏิบัติดีกว่ากัน และพระองค์ทรงเป็นผู้เปี่ยมด้วยเดชานุภาพและทรงอภัยยิ่ง” (อัล-มุลก์ : 2)และพระองค์ตรัสว่า“และพระองค์คือผู้ที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและพื้นพิภพในหกวัน และอัรช์(บัลลังก์)ของพระองค์นั้นอยู่เหนือน้ำ(เหนือชั้นฟ้าทั้งเจ็ด) ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะทดสอบพวกเจ้า ว่าผู้ใดในหมู่พวกเจ้าที่ปฏิบัติดีกว่ากัน” (ฮูด : 7) **คำว่า “ผู้ใดที่ปฏิบัติดีกว่ากัน” มีการอธิบายจากเหล่าอุละมาอ์ตัฟสีรว่า ความหมายก็คือใครที่บริสุทธิ์ใจมากที่สุดและทำได้ถูกต้องมากที่สุด อัล-ฟุฎัยล์ บิน อิยาฎ กล่าวว่า “แท้จริงแล้ว การปฏิบัติอามัลนั้นถ้าหากทำด้วยความบริสุทธิ์ใจแต่ไม่ถูกต้อง ก็ย่อมไม่ถูกตอบรับ” (ดู ตัฟสีร อัส-สะอฺดีย์ สูเราะฮฺ ฮูด อายะฮฺ 7) ⤵️ swky.co/u6R0s7

@hackshacks4474 3 жыл бұрын

↕️ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบว่าชีวิตโลกนั้นมีอุปสรรคมากมายที่เป็นบททดสอบ นับตั้งแต่เรื่องที่ใหญ่ที่สุดอย่างเรื่องความศรัทธา ความเชื่อ และการน้อมรับคำสั่งขององค์อภิบาล ไปจนถึงเรื่องทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตในแต่ละวัน ล้วนมีบททดสอบให้เราเผชิญทั้งสิ้น **ในเรื่องเกี่ยวกับการศรัทธา อัลลอฮฺได้ทรงอธิบายว่า เป็นเรื่องง่ายที่พระองค์จะทำให้มวลมนุษย์มีศาสนาเดียวกันโดยไม่แตกต่างทางความเชื่อ แต่ที่ไม่เป็นเช่นนั้นก็เพราะนี่คือการทดสอบ มนุษย์ต้องผ่านบททดสอบท่ามกลางความขัดแย้งนี้ด้วยการเลือกเองว่าจะเชื่อและศรัทธาแบบไหน จะถูกต้องตามเจตนารมณ์ของอัลลอฮฺหรือไม่? พระองค์ตรัสว่า “และเราได้ประทานคัมภีร์อัลกุรอานลงมาแก่เจ้า(มุหัมมัด)ด้วยสัจธรรมที่มารับรองความถูกต้องและครอบคลุมคำสอนของคัมภีร์ก่อนหน้ามัน ดังนั้น จงสั่งใช้บัญญัติต่างๆ ระหว่างพวกเขาด้วยสิ่งที่อัลลอฮฺประทานลงมา และอย่าได้ตามอารมณ์ของพวกเขาเหล่านั้นจนต้องหันเหจากสัจธรรมที่ลงมายังเจ้า ทุกๆ ประชาชาติในหมู่พวกเจ้าเราได้กำหนดบัญญัติและวิถีทางไว้เฉพาะแล้ว และหากแม้นอัลลอฮฺทรงประสงค์ แน่แท้พระองค์ย่อมทำให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติเดียวกัน(ใช้บัญญัติและแนวทางอันเดียวกัน) แต่ทว่า (ที่ไม่เป็นเช่นนั้น)เพื่อพระองค์จะทดสอบพวกเจ้าในสิ่งที่ทรงมอบให้กับพวกเจ้า ดังนั้น จงแข่งขันมุ่งสู่ความดีงามทั้งหลายเถิด ยังอัลลอฮฺนั้นคือที่คืนกลับของพวกเจ้าทั้งหมดทั้งมวล แล้วพระองค์ก็จะทรงบอกให้พวกเจ้ารู้ถึงสิ่งที่พวกเจ้าเคยขัดแย้งกันมา” (อัล-มาอิดะฮฺ : 48) *[การทดสอบของบรรดาผู้ศรัทธา] ส่วนการทดสอบในกรอบของบรรดาผู้ที่น้อมรับการศรัทธาแล้วนั้น พระองค์ได้ตรัสว่า “หรือมนุษย์คิดว่าพวกเขาถูกปล่อยให้กล่าวว่า ‘เราได้ศรัทธาแล้ว’ โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกทดสอบใดๆ ขอสาบานว่า แท้จริงเราได้ทดสอบบรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขา ดังนั้น อัลลอฮฺย่อมที่จะรู้(จำแนกให้เห็น)ว่าผู้ใดที่สัจจริงและผู้ใดที่โกหก” (อัล-อันกะบูต : 2-3) ➡️ มีต่อ คุณไปเปิดดูในกูเกิลเอาเองนะจร้า swky.co/Q8o9_v

@wong2503 4 жыл бұрын

เอาจริงที่คุณพูดมา42 นาที่นี้ เอาจริงมันมีอะไรที่เป็นจริงบ้างถามใจตัวเอง 1. เรื่องสร้างเรือบ้าอะไรนั้นหนะ เรื่องนี้ดันไปอ้างเอานิยายชาวคริสมาสะงั้น 2. เรื่องการลงโทษจากอัลเลาะ ข้อนี้สรุป อัลเลาะคือพระเจ้าหรือมัจจุราชกันแน่ 3. อิสลาม พึ่งเกิดมา พันกว่าปี แต่ดันมาบอกว่าเป็นศาสนาที่สร้างโลก โดยที่พากันพูดสะเหมือนคนเพอเจอ เกินความจริงสะงั้น สรุป ผมคนหนึ่งนะที่ชอบศึกษาเรื่องของศาสนา และพยามหาจุดเด่นข้อดีในศาสนานั้นมาใช้ แต่อะไรที่มันเพอเจอมันก็เป็นเรื่องที่ไร่สาระนะครับ ศาสนาคริสที่บอกว่ามีคนนับถือศาสนามากที่สุดในโลก แต่ความจริงแล้วคนในศาสนากลับไม่เชื่อในพระเจ้าของเขาเองสะงั้น จนทำให้เป้นคนไม่นับถือศาสนาอะไรเลย เกือบ30 เปอเซ็นต์ เพราะอะไร ก็เพราะมันหาสาระความจริงอะไรไม่ ดังนั้น อยากให้เข้าใจอยู่อย่างหนึ่งคือ คนยุคปัจจุบันนี้ เวลาเขาฟังอะไรจากใคร เราจะไม่ฟังผ่านๆ จะจับประเด่นมาวิเคราะห์ มันไม่เหมือนคนพูดที่สัดแต่ว่าพูดเอามัน เลื้อยเฉือยไปงั้นๆ

@dawudsunnu9706 4 жыл бұрын

มันเป็นความเชื่อครับ ถ้าไม่เชื่อไม่เป็นไรครับ แล้วความเชื่อมาจากคำภีของพระเจ้า และคำพูดของศาสนาธนูตครับ

@hackshacks4474 4 жыл бұрын

คุณนับถือศาสนาอะไร ?

@wong2503 4 жыл бұрын

@@hackshacks4474 ศาสนา อะไรก็ได้ที่ มันเป็นการสอนที่ ยื่นอยู่บนความเป็นจริง ไม่เพอเจอ ไม่หลักลอย พิสูจน์ได้ หลักฐานชัดเจนทั้งในอดีตปัจจุบันตลอดถึงอนาคต การมองศาสนาหรือจะนับถือศาสนาอย่ามุ่งสุดโ่ต่งในศาสนาเดียว เพราะทุกศาสนามันเป็นคำสอนของคนในสมัยก่อน ที่ระดับไอคิวเขาก็ยังไม่ค่อยได้พัฒนาเท่าทุกวันนี้ เพราะทุกศาสนาสมัยก่อนมุ่งเน้นการสอนอยู่บนพื้นฐานของความกลัว..กลัวเพราะความไม่รู้จึงเชื่อ..เมื่อเชื่อจนเกิดความงมงาย งมงายจนไม่มองเหตุและผลของความจริงของโลก เมื่อองค์ความรู้จากการเรียนรู้ของมนุษย์มันอธิบายความจริงให้คนได้รู้ว่าอะไรคืออะไร คำสอนที่พูดไปในทางอภินิหาร ความอัศจรรย์ ที่เหนือธรรมชาติ มันก็เป็นเรื่องที่ไร้สาระนะครับ อย่าเชื่อที่ยื่นอยู่บนพื้นฐานของความกลัวและไม่รู้ เราต้องฉลาดในโลกปัจจุบน เพราะกาลเวลามันสอนมนุษย์ให้เจริญขึ้นทั้ง วัตถุ และความรู้

@wong2503 4 жыл бұрын

@@dawudsunnu9706 เชื่อ..ก็เชื่อได้แต่บางอย่าง แต่คำพูดหรือคำสอนที่อ้างว่ามาจากคำภีร์ อันนี้คือประเด่น เราต้องมาดูว่าใครเป็นคนเขียนคำภีร์ เขียนในสมัยไหน โดยใครร่าง เนื้อหามีเหตุผลที่น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน และเพื่อจุดประสงค์อะไร แก่ใคร ... คำสอนมันต้องมีขออธิบายให้เห็นแก่คนทุกวัย วัยเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอได้ฟังมันก็เชื่อ โตขึ้นมาหน่อยพอรู้เรื่องของโลกที่เป็นจริง มันก็ต้องหาเหตุผล และถ้าคำสอนเอาไปสอนคนที่เดินทางไปนอกโลก หรือนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ คำสอนนี้มันจะมีความเชื่อหลงเหลืออยู่ไหม โลกคือสิ่งที่มีวิวัฒนาการในตัวของมันอยู่ตลอดเวลา

@hackshacks4474 4 жыл бұрын

@@wong2503 แล้วศาสนาอะไรล่ะที่คุณคิดว่าเป็นศาสนาที่แท้จริง ? คุณรู้จักเกี่ยวกับคำสอนของศาสนาอิสลามไหม ?