Рет қаралды 14,261
19 มิ.ย. 67 ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 #ประชุมสภา #งบ68 โดยว่าการจัดงบประมาณทำให้ประเทศไทยทำลายสถิติวินัยทางการคลังหลายตัว นอกจากรายจ่ายลงทุนที่สูงที่สุดในรอบ 17 ปีแล้ว การตั้งงบขาดดุลต่อจีดีพีหรือการกู้ขาดดุลก็สูงที่สุดในรอบ 36 ปีเช่นกัน ขณะที่ดอกเบี้ยต่อรายได้ก็สูงที่สุดในรอบ 14 ปีเช่นเดียวกับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีก็สูงที่สุดในรอบ 29 ปี
แต่ก็ยังมีเรื่องดีคือการชำระคืนเงินต้นต่องบก็สูงที่สุดในรอบ 31 ปี ซึ่งในหลายประเทศที่มีปัญหาการคลังเรื้อรังก็มีการกำหนดไว้ในกฎหมายว่าจะไม่กู้ชดเชยขาดดุลเกิน 3 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี แต่ประเทศไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี และในปี 2567 ที่มีการกู้เพื่อทำโครงการดิจิทัลวอลเลตก็จะทำให้งบขาดดุลต่อจีดีพีสูงถึง 4.3 เปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกัน
น.ส.ศิริกัญญากล่าวต่อว่า จริงๆ เราไม่เคยทำแบบนี้เลย ถือเป็นความกล้าหาญที่กล้าทำขนาดนี้ แต่แน่นอนว่าอาจจะมีหลายปีที่ถือว่ามีวิกฤตทำให้ต้องกู้มากกว่าที่ตั้งขาดดุลไว้ หรือจำเป็นต้องมีการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เพื่อกู้เงินเพิ่มเติม แต่ในการวางแผนงบประมาณในปีปกติที่ไม่ใช่ปีที่เป็นวิกฤตเศรษฐกิจก็ไม่ต้องกู้มากเช่นนี้
และดูเหมือนรัฐบาลจะเริ่มเสพติดการขาดดุล เพราะเป็นการกู้เต็มเพดานทุกปีตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมาที่กู้แค่ 50-80 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่หากมาดูปีหลัง ๆ กลับกู้มากขึ้น ซึ่งหากจะกู้เต็มเพดานในช่วงที่มีวิกฤตโควิดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ในปี 2567 และ 2568 กลับกู้สูงถึง 99 เปอร์เซ็นต์
“ปัญหาคือเมื่อเราใช้จ่ายเกินตัวแต่หาเงินไม่ทันก็จะทำให้ชีวิตเราเสี่ยง แต่ครั้งนี้ไม่ได้เสี่ยงแค่คนคนเดียว แต่รัฐบาลนี้ที่ใช้เงินมือเติบนั้น ท่านกำลังพาประเทศไปเสี่ยงด้วย แล้วหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน น้ำท่วมหนัก แล้งหนัก หรือมีโรคระบาดอีกครั้ง เราจะไม่เหลือพื้นที่และงบประมาณไปรองรับเช่นนั้นได้ แต่ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่คือทำตัวโนสน โนแคร์ ว่าประเทศไปเสี่ยงเช่นนี้เพราะแค่ต้องการให้มีเงินมากพอที่จะทำโครงการเดียวนั่นคือโครงการดิจิทัลวอลเลต” น.ส.ศิริกัญญากล่าว