Рет қаралды 20,179
เมื่อเรานึกถึงพระเครื่องสายโชคลาภ หลายคนจะต้องนึกถึงพระสังกัจจายน์ คนที่เคยใช้และได้รับประสบการณ์ส่วนมากจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องของเจ้าคุณศรี วัดสุทัศน์ ตามประวัติพระรุ่นนี้มีการจัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๘๕ และใน ปี พ.ศ.๒๔๙๕ ทั้ง ๒ รุ่นเป็นเนื้อทองผสมหล่อโบราณ และยังมีพิมพ์ที่มีพุทธศิลป์คล้ายกันจะเป็นของหลวงปู่เผือกออกวัดบางโฉลงนอก และถ้าเป็นของวัดบางโฉลงนอกของแท้ พิมพ์จะมีรายละเอียดต่างกันกับของวัดสุทัศน์ #พระเครื่อง #วัตถุมงคล
พุทธศิลป์
เป็นพระรูปหล่อพิมพ์พระสังกัจจายน์ เศียรกลมใหญ่ ตาใหญ่ ปากยิ้ม ใบหูยาวใหญ่ แขนทั้งสองข้างทอดยาวลงมา มือทั้ง ๒ ข้างประทับบนหน้าตัก มีรายละเอียดของเส้นจีวรชัด ประทับบนฐานหนาและสูง ด้านหลังเห็นรอยพระศกที่เศียรพระด้านล่าง และมีรายละเอียดขององค์พระ มีเส้นจีวรและสังฆาฏิ ใต้ฐานกลวง
เนื้อพระ
พระองค์นี้เป็นเนื้อโลหะผสม หรือสำริดทองผสมคือโลหะผสมทองคำ หล่อโบราณ เราจะดูที่ความเก่าผ่านอายุ สิ่งที่แสดงออกมาจากความเป็นเนื้อโลหะผสม และธรรมชาติจากการหล่อโบราณ สำหรับทองเหลืองนั้น จะเกิดจากผสมทองแดงและสังกะสี ถึงจะเป็นทองเหลืองเก่า ก็สร้างจากทองแดงผสมสังกะสีเหมือนกัน ทองเหลืองเป็นโลหะผสมไม่ใช่ธาตุโลหะหลัก เพราะฉะนั้น ในพระเนื้อโลหะเก่า ยิ่งก่อนปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เราจะไม่เริ่มต้นกันด้วยเนื้อทองเหลืองล้วนๆ ยิ่งถ้าเป็นเนื้อนวะโลหะแบ่งพระกริ่ง เนื้อจะแกร่ง ธรรมชาติจะหลากหลายและซับซ้อนมากกว่าเนื้อทองผสมอีก
การดูพระเก่า เราจะเริ่มมองหาความแห้ง
หัวใจของพระเก่า คือความแห้งที่เกิดจากการสัมผัสกับอากาศ ผ่านอายุ และเกิดออกไซด์คลุมผิว ให้พี่ๆ เพื่อนๆ ส่องหาดูตามร่อง หรือในซอกที่ระบายความชื้นได้น้อยกว่าเนื้อพระด้านบน พระผ่านอายุมากว่า ๗๐ ปี ถ้าเนื้อพระในร่องมีความแห้งเท่ากัน หรือมีธรรมชาติแบบเดียวกับบนผิวพระ และถ้าไม่ใช้พระล้างมา ไม่ดีครับ หรือถ้าเป็นพระล้างก็ต้องเพิ่งล้างมาด้วยนะครับ เพราะถ้าล้างมานานเป็นปีๆ แล้ว ก็ต้องเห็นออกไซด์แห้งๆ อยู่ดี แต่สำหรับการสะสมพระเก่า การไม่ล้างดีที่สุดครับ
เนื้อเหี่ยว
เมื่อพระผ่านอายุ ก็จะมีธรรมชาติต่างๆ มีออกไซด์เกิดขึ้นบนผิวองค์พระ รวมถึงความสึกหรอต่างๆ และยิ่งเป็นการสร้างด้วยวิธีหล่อโบราณ ถ้าพี่ๆ เพื่อนๆ กำลังส่องพระหล่อโบราณเก่าๆ ที่เนื้อเรียบตึงไปทั้งหมด ไม่มีเนื้อเกิน ไม่มีหลุมตามด พิมพ์ก็คมๆ เหมือนหล่อฉีด หล่อเหวี่ยง กำหนดตำหนิในพิมพ์ได้ทุกจุด และส่วนมากพระกลุ่มนี้มักจะเป็นเนื้อทองเหลืองล้วนๆ อมเขียวๆ ตำหนิครบเป็ะ ส่วนมากพระเนื้อทองเหลือง ผิวจะตึงแล้วแต่งผิวมา ถ้ารับเข้ามาสูง ออกได้ออกดีกว่าครับ
กระแสโลหะ
จุดนี้คือส่ิงสำคัญ ถ้าองค์พระแห้ง เนื้อพระเหี่ยวและมีกระแสโลหะ เกือบทั้งหมดที่พบมาจะแท้ และเรื่องกระแสโลหะในพระเก่า คนขายพระแพงไม่ค่อยลงรายละเอียดกัน กระแสโลหะคือสิ่งที่ต้องมีในพระเก่าเนื้อโลหะผสม โดยเฉพาะส่าทองหรือกระแสทองที่มักจะอยู่ในสูตรการสร้างพระเนื้อสำริดเก่า การผสมโลหะเพื่อสร้างพระด้วยวิธีการหล่อโบราณ รวมถึงการให้ความร้อนและการเข้ากันของโลหะต่างๆ โลหะจะไม่ได้ผสมเข้ากันดีเหมือนการหล่อเหวี่ยงแบบสมัยใหม่ โลหะต่างชนิดจะยังไม่ได้ผสมเข้ากันดีทั้งหมด ทำให้เราเห็นการอยู่ของโลหะหลายๆ ชนิดได้
กระแสโลหะเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับชนิดของโลหะ ความร้อน การเข้ากันของโลหะในแต่ละจุด ลักษณะของกระแสโลหะ มีทั้งโลหะหลายชนิดที่รวมกันอยู่ในจุดใดจุดหนึ่ง เส้นเสี้ยน ตามุ้ง และเกล็ดโลหะ องค์นี้เห็นกระแสโลหะได้ชัดนะครับ น่าจะมีมวลสารเก่าผสมอยู่มาก กระแสทองคำที่ขึ้นเป็นคราบสีแดงอมส้มสว่างๆ และพระเนื้อสำริดเมื่อมีทองคำผสม เนื้อพระทั้งองค์จะดูสุกปลั่ง ไม่เป็นสีเหลืองซีดๆ หม่นๆ
ออกไซด์
กระแสโลหะเกิดในเนื้อ ออกไซด์เกิดบนผิวและในร่องทั่วทั้งองค์ เป็นชั้นคลุมผิวไว้เหมือนสนิม และต้องมีออกไซด์หลากชนิดเกิดขึ้นในพระเก่าเพราะเป็นการผสมโลหะ ไม่ได้เป็นโทรสั่งทองเหลืองจากโรงงานมาหล่อเป็นองค์พระใหม่แล้วแต่งผิวเอา ซึ่งเราจะเห็นออกไซด์ชนิดเดียว โลหะทุกชนิดเมื่อถูกอากาศก็ต้องเกิดปฏิกิริยาขึ้นเป็นออกไซด์ ในตู้เซฟ ในกรอบเลี่ยมพลาสติกก็มีอากาศ แล้วพระก็ไม่ได้เลี่ยมเก็บในเซฟมาตั้งแต่สร้าง ออกไซด์ที่เกิดขึ้นจะหายไปไม่ได้ ออกไซด์ของโลหะแต่ละชนิดก็เกิดขึ้นต่างรูปแบบกัน และเมื่อออกไซด์ทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ทองคำก็ออกแดงอมส้มสว่างๆ ทองแดงก็ออกฟ้าอมเขียว เนื้อพระแต่ละจุดก็มีโลหะแต่ละชนิดไม่เท่ากัน ออกไซด์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็ยังทำงานตลอดเวลา ทำให้เกิดออกไซด์ที่มีความหลากหลาย มีความหนาบางในแต่ละจุดไม่เท่ากัน มีสีเข้มอ่อน เหลือง ส้ม แดง หลากสีผสมผสานทับซ้อนอยู่ในจุดเดียวกัน ธรรมชาติแท้ๆ จะเกิดขึ้นแบบนี้ครับ
ตามด
ตามดเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นในพระหล่อโบราณ ไม่มีได้ แต่ส่วนมากจะมี ก็เหมือนการเทน้ำลงในขวดแล้วมีฟองอากาศเกิดขึ้น การเทโลหะในการหล่อโบราณก็เช่นเดียวกัน การสร้างพระจะเป็นการเทโลหะผ่านช่อชนวนลงไปแทนที่อากาศในเบ้าพิมพ์ ฟองอากาศก็จะถูกดันตัวมาอยู่ตามขอบพิมพ์ไม่มีทางออกเพราะโลหะหลอมเหลวมีความข้นกว่าน้ำ ฟองอากาศในเบ้าพิมพ์จึงออกมาไม่ได้ เมื่อทุบเบ้าพิมพ์ออกจึงเกิดเป็นหลุมตามด
รอยตามดมีได้ทั้งใหญ่และเล็ก ลึกและตื้น กำหนดตายตัวไม่ได้ แต่จะมีลักษณะเป็นหลุม และก้นหลุมต้องมีธรรมชาติการสะสมตัวของออกไซด์และคราบต่างๆ ตามสภาพแวดล้อมและการผ่านอายุ
รอยตะไบ
การดูรอยตะไบ ก็เหมือนการดูแผล รอยตะไบเก่าก็เหมือนแผลเป็น รอยตะไบใหม่ก็เหมือนแผลสด รอยแทงตะไบเก่า ผิวจะกลับ ท้องรอยจะกลับเป็นสีเดียวกับกับผิวพระ ร่องตื้นดูมีรอยแต่ไม่มีร่องเพราะมีออกไซด์คลุม ปากรอยตะไบต้องเหี่ยว ไม่เป็นรอยแทงคมๆ ธรรมชาติในรอยตะไบก็จะเหมือนธรรมชาติในจุดอื่นๆ บนองค์พระ มีกระแสโลหะ มีออกไซด์ มีความแห้งและเหี่ยว รอยตะไบฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เป็นจุดที่แต่งเก่าได้ยากมาก
ส่วนคราบดินเบ้า พอใช้ดูได้ แต่ไม่ควรใช้ตัดสินความแท้ สูตรเข้าดินเบ้าของแต่ละวัด แต่ละวาระก็ไม่ได้จะเหมือนกันทั้งหมด ดูยากกว่าการดูธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนเนื้อพระครับ