คิดแบบเฟสเดียว เพื่อให้เห็นง่ายๆ สาย L กับ N เป็นสายจ่ายไฟ มีไฟออกมาทั้งสองสายนั่นแหล่ะ แบบ บวกลบ ทำนองเดียวกับ ไฟกระแสตรง แต่ไฟสลับมันสลับ บวกลบตลอดเวลา เช่นตอนแรก บวกออกสาย L ลบออกสาย N สักแป๊ป เปลี่ยน บวกออกสาย N ลบออกสาย L เป็นแแบนี้ไปเรื่อย เขาเลยเรียกว่า ไฟสลับ ทีนี้ทำไมเรียกว่า สาย N ไม่มีไฟ ก็เพราะที่ต้นทาง หรือที่หม้อแปลงการไฟฟ้า เขาเอาสาย N ต่อลงดิน ก็เลยกลายเป็นว่า โลกหรือดินคือสาย N ไปด้วย หากเขาไม่เอาสาย N ดิน เอาไขควงเทสไฟวัดดู มันก็จะมีไฟเหมือนสาย L นั่นแหล่ะ เมื่อเขาเอา N ลงดิน กลายเป็นว่า เมื่อวัดไฟที่สาย N เทียบกับดิน มันจึงมีศักย์เท่ากัน ( เหมือนจุดเดียวกัน) เลยเรียกกันว่าสายไม่มีไฟ คือสามารถจับสาย N ได้ ไฟไม่ดูด เพราะตัวเราก็อยู่บนดิน ศักย์เท่ากันหมด แต่หากเราจับสาย L ไฟจะไหลจากกตัวเราไปลงดิน ก็จะดูด เพราะไฟไปครบวงจาจาก L ไป N เนื่องจาก N ลงดินไปแล้ว สาย E ล่ะ ( สายเขียว ) คือสายที่ต่อจากโครงอุปกรณ์ไฟฟ้าลงดิน เพื่อให้เวลามีไฟรั่ว ให้ไหลลงดินไป จะได้ปลอดภัย(ขอขอบคุณข้อมูลจากพันทิพย์มา ณ ที่นี้ด้วย)