Рет қаралды 739
Q : นั่งสมาธิแล้วคิดเรื่องกามบ้าง ไม่กามบ้าง คือหลุดจากสมาธิ ?
A : หากยังคิดเรื่องกามอยู่ นั่นยังไม่เกิดสมาธิ สมาธิจะเกิดได้ ต้องฝึกสติ ต้องแยกแยะความคิดที่ผ่านมาให้ได้ ว่าเป็น กุศล (คิดมาในการหลีกออกจากกาม ไม่พยาบาทเบียดเบียน) หรืออกุศล (คิดเรื่องกาม พยาบาท เบียดเบียน) พยามไม่บังคับกาย ไม่บังคับจิต ใช้เครื่องมือ คือสติ ควบคุม (ไม่ใช่บังคับหรือละเลย) ฝึกสังเกต กำหนดดู ระลึกรู้ ไม่ว่าจะมีความคิด ที่ผ่านเข้า-ออก จะตามความคิดไปหรือไม่ตาม จะมีความคิดหรือไม่มีความคิด ก็ไม่ลืมลม พอเราฝึกสติ แล้วสติมีกำลัง สมาธิก็จะตามมา
Q : ความสุขในสมาธิ
A : เป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยตนเอง เปรียบดัง เราจะรู้ว่าอาหารร้านนี้อร่อยแค่ไหน เราก็ต้องไปทานด้วยตัวเอง สมาธินั้นจะไม่ได้ด้วยความอยากแต่ได้ด้วยการสงบระงับ ด้วยการะงับการปรุงแต่ง สติจะเป็นตัวแยกแยะ จัดระเบียบ ทำไปเป็นขั้น อย่าข้ามขั้น จะก้าวหน้าตามลำดับ แล้วเราจะรู้เองเห็นเอง เราปฏิบัติ ไม่ได้จะเอาเวทนา ไม่ได้จะเอาสุข แต่ปฏิบัติเอาปัญญา เอาการรู้แจ้ง เอาการเข้าใจ สุขเวทนาเป็นทางผ่าน เป็นทางที่เป็นกุศล ให้เห็นว่าสุขเวทนาเป็นของไม่เที่ยง เราก็จะผ่านไปได้
Q : เพลิน กับ ภวังค์
A : เพลินในภายใน คือตั้งสยบอยู่ในภายใน สมาธิที่มีปิติสุขคือตั้งสยบในภายใน การเข้าภวังค์ คือ เหมือนหลับแต่ไม่ใช่หลับ สติไม่มี คือเพลินไปในสมาธิ ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดปัญญา ไม่ได้ทำให้เห็นไปตามจริง เหมือนกัน ตรงที่ไม่มีสติเหมือนกัน ต่างกัน ตรงที่ภวังค์เป็นกำลังของสมาธิเกินมา น้อมไปในทางขี้เกียจ การแก้ไข ถ้าตกภวังค์ สิ่งแรกคือต้องมีสติรู้ตัวอยู่ในทุกที่ หากเราเพลินไปในสมาธิ สมาธิเกินกำลัง เราต้องเพิ่มความเพียร ฝึกเห็นความไม่เที่ยงในสิ่งต่าง ๆ พอเราเห็นตรงนี้ นั่นคือ ปัญญา
Q : การพิจารณา กับ ฟุ้งซ่าน
A : ถ้าแยกไม่ได้แสดงว่าสติยังไม่เต็มที่ ควรเริ่มจากากรฝึกสติ โดย ทำศีลให้ละเอียด รู้ประมาณในการบริโภค สำรวมอินทรีย์ ประกอบในธรรมอันเป็นเครื่องตื่น สันโดษ ด้วยปัจจัยเหล่านี้จะทำให้สติมีกำลัง เริ่มแยกแยะได้
Q : ประโยชน์จะงดงามเมื่อสำเร็จ
A : สำเร็จแล้วจึงรู้ว่าสิ่งนี้มีประโยชน์อย่างนี้ ตอนทำสมาธิไม่ได้ ก็ไม่รู้ประโยชน์ แต่พอได้มาแล้ว จึงรู้ว่ามันดีอย่างไร ประโยชน์ไม่ใช่แค่ภพนี้ แต่ถึงภพหน้า ประโยชน์ในโลกุตตรธรรม มรรคคือสิ่งที่งดงาม
#โลกุตตรธรรม, #ฟุ้งซ่าน, #ปิติสุข, #ความเพลิน, #ภวังค์