“ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” แฉ “เชื่อมจิต” ปมที่ดินสร้างสถานปฏิบัติธรรม พร้อมให้ปากคำ ตร. เพิ่มเติม

จากกรณีที่ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง ได้ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า แม่น้องไนซ์ นำเงินบริจาคมาซื้อที่ดินของตัวเองที่จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 1 แปลง จากทั้งหมด 5 แปลงโดยจากการตรวจสอบพบว่ามีราคาประเมินอยู่ที่ 260,000 บาทเท่านั้น แต่มีการบวกราคาขึ้นมาเป็น 6 ล้านบาท ก่อนที่ครอบครัวน้องไนซ์จะออกมาไลฟ์บอกว่าได้นำเงินบริจาคไปซื้อที่ดินพร้อมก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนเงิน 15 ล้านบาท จึงตั้งข้อสังเกตว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการฟอกเงินหรือไม่ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (13 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. น.ส.ชลิดา พร้อมด้วย อ.รัก คำราม พยานและผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ปากคำในคดีที่ดิน (เชื่อมจิต) ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ที่กองบังคับการปราบปราม อาคารประชาอารักษ์ ถ.พหลโยธิน กรุงเทพฯ
น.ส.ชลิดา เผยว่า วันนี้ตน และ อ.รัก ได้เดินทางมาเพื่อมอบหลักฐานและเป็นพยานกลุ่มสุดท้ายเกี่ยวกับการฟอกเงิน ที่มีการนำน้องไนซ์มาใช้หาผลประโยชน์ จากการเปิดบัญชีรับบริจาคด้วยชื่อนายแพทย์ท่านหนึ่ง เพื่อซื้อที่ดินสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม พร้อมเปิดเผยว่าแม่น้องไนซ์เคยโพสรูปขายที่ดินในเพจซื้อขายที่ดิน จ. สุราษฎร์ธานีในราคา 8 แสน 9 หมื่นบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยระบุขนาดที่ดิน แต่หลังจากที่มีกระแสข่าวเรื่องที่ดินรอบที่ 2 กลับมีการเข้าไปแก้ไขโพสต์เพื่อเพิ่มขนาดพื้นที่บ่อยครั้งในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ตั้งแต่ 38 ไปจนถึง 40 ตารางวา ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่าหากบริสุทธ์ใจ ทำไมต้องแก้ไขโพสต์
สำหรับที่ดินดังกล่าว น.ส.ชลิดา เผยว่าเท่าที่ตนทราบมีการเปิดเป็นลักษณะกองทุนในราคา 350-390 บาท โดยมีผู้เสียหายครอบครัวหนึ่งมาแจ้งความไว้แล้ว ซึ่งผู้เสียหายไม่ทราบมาก่อนว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของแม่น้องไนซ์ แต่มาทราบทีหลัง นอกจากนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีอดีตแอดมินเข้ามาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ในฐานะพยานจำนวน 3 ปาก โดยวันนี้ตนจะให้ข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่าที่ตนทราบ ส่วนจะดำเนินคดีได้มากน้อยขนาดไหนเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเส้นทางการเงินแล้วอยู่ระหว่างสืบสวนความเชื่อมโยงของนายแพทย์เจ้าของบัญชีรับบริจาคกับครอบครัวน้องไนซ์ รวมทั้งบัญชีวอลเล็ตของพ่อน้องไนซ์ที่ใช้รับเงินบริจาคจากญาติธรรม / รับโอนเงินเข้าจากแอดมินเพจ และโอนออกเพื่อเติมเกมให้น้องไนซ์ รวมทั้งลงทุนเทรดหุ้นด้วย
ด้าน อ.รัก คำราม ซึ่งเป็นทั้งพยานและผู้เสียหายเผยว่า ตนได้ร่วมบริจาคไปเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ซึ่งหากแม่น้องไนซ์บอกแต่แรกว่าเป็นที่ดินของแม่เอง แล้วคนยังบริจาคก็จะไม่มีปัญหาอะไร เมื่อมารู้ทีหลังก็ทำให้รู้สึกว่าไม่เป็นธรรม โดยตั้งแต่ครั้งแรกที่ตนเข้าร่วมกิจกรรมเชื่อมจิต ก็จะมีการพูดถึงเรื่องบริจาคเพื่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมมาโดยตลอด
ทั้งนี้ น.ส.ชลิดา ยังบอกอีกว่าสำหรับการเข้าให้ปากคำที่กองปราบปรามของนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความของครอบครัวน้องไนซ์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เท่าที่ตนทราบน่าจะเป็นเพียงการยื่นบทสัมภาษณ์ที่ทองหล่อให้เจ้าหน้าที่ดูเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้กลับไปหาหลักฐานมาเพิ่มเติม โดยส่วนตัวไม่มีความกังวลใดๆ และคาดว่าคดีน่าจะคืบหน้าไปถึง 80-90 % แล้ว
ส่วนความคืบหน้าในคดีที่ตนถูกอีกฝ่ายฟ้องร้อง ขณะนี้มี 1 คดีในข้อหาแจ้งความเท็จ ซึ่งจะขึ้นศาลวันที่ 5 ส.ค. นี้ ส่วนคดีเชื่อมจิตที่น้องไนซ์มอบหมายให้แม่ดำเนินการมีกำหนดนัดขึ้นศาลวันที่ 24 มิ.ย. นี้ แต่คาดว่านายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม น่าจะขอเลื่อนออกไปก่อนเนื่องจากติดภารกิจ พร้อมยืนยันว่าวันที่ 1 ก.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปที่ศาลฯจ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้กำลังใจผู้ที่ออกมาต่อสู้เรื่องนี้ โดยกล่าวว่าไม่ใช่การปลุกระดมแต่อย่างใด
#ดูข่าวออนไลน์ #เชื่อมจิต #ต้นอ้อเป็นหนึ่ง
#ทนายอนันต์ชัย #หนุ่มกรรชัย