Рет қаралды 12,704
💥💥15 สิ่งควรระวังเมื่อจะฟ้องคดีเช็ค: เมื่อเช็คเด้งควรฟ้องคดียังไง💥💥
🔥1. ฟ้องคดีอาญา (ตามพรบ.ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534) คดีอาญาอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี (เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง)
🔥2. ม.4 "ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมีลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น
(2) ในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้
(3) ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น
(4) ถอนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คจนจำนวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้
(5) ห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริต
เมื่อได้มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น ผู้ออกเช็คมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ"
🔥3. ม.5 "ความผิดตามมาตรา 4 เป็นความผิดอันยอมความได้"
🔥4. เมื่อผู้มีสิทธิรับเงินตามเช็ค (ผู้ทรงเช็ค) ทราบว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค (ทำให้กลายเป็นผู้เสียหาย ปวิอ.ม.2(4) ตามพรบ.ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ผู้เสียหายต้องร้องทุกข์ตามระเบียบ ภายใน 3 เดือนหรือฟ้องคดีภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่รู้เรื่องการปฏิเสธการจ่ายเงิน และรู้ตัวผู้ทำผิดมิฉะนั้นคดีอาญาขาดอายุความ ปอ.ม.96
🔥5. กรณีที่ร้องทุกข์ใน 3 เดือน สามารถฟ้องคดีภายในอายุความได้ ซึ่งคดีอาญาความรับผิดจากการใช้เช็ต มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี จะมีอายุความฟ้องคดีอาญา 5 ปี ตามปอ.ม.95(4)
🔥6. แต่หากมิได้มีการร้องทุกข์ไว้ในกำหนดเวลา 3 เดือน ผู้เสียหายจะต้องฟ้องคดีอาญาภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่รู้เรื่องการปฏิเสธการจ่ายเงิน และรู้ตัวผู้ทำผิดมิฉะนั้นคดีอาญาขาดอายุความ ปอ.ม.96
🔥7. โดยผู้เสียหายต้องร้องทุกข์ ปวิอ.ม.3(1) โดยมีเจตนานำผู้ทำผิดมาลงโทษ จึงจะถือเป็นการร้องทุกข์ตามระเบียบ ปวิอ.ม.2(7) อันจะทำให้พนักงานสอบสวนที่มีอำนาจสอบสวน ปวิอ.ม.121 ว.2 และต้องร้องทุกข์ในท้องที่ความผิดเกิด อ้าง เชื่อว่าเกิดตาม ปวิอ.ม.18, ม.19
🔥8. ม.7 "ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 4 ได้ใช้เงินตามเช็คแก่ผู้ทรงเช็คหรือแก่ธนาคารภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ออกเช็คได้รับหนังสือบอกกล่าวจากผู้ทรงเช็คว่าธนาคารไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น หรือหนี้ที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 4 ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา"
🔥9. ระวังสิทธินำคดีอายามาฟ้องระงับเพราะ ถอนคำร้องทุกข์ (ถอนการแจ้งความ) หรือทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ปวิอ.ม.39 และระวังการแปลงหนี้ใหม่ ปพพ.ม.349 อาจทำให้ไม่อาจมาฟ้องพรบ.เช็คได้อีก
🔥10. ฟ้องคดีแพ่งตามมูลหนี้เดิม (มูลหนี้ที่เป็นเหตุในการออกเช็ค ดูเรื่องความสมบูรณ์ของหนี้ ไม่เป็นโมฆะ วัตถุประสงค์ของการก่อหนี้เดิม ไม่ขัดต่อกม. ไม่ขัดความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี)
🔥11. หากมูลหนี้เดิมเป็นโมฆะ หรือโมฆียะที่ถูกบอกล้างแล้ว แม้ต่อมาเช็คนั้นถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน ก็ไม่อาจฟ้องผู้สั่งจ่ายให้รับผิดพรบ.เช็คได้ เพราะไม่มีมูลหนี้ที่จะบังคับตามกม.ได้ ตามพรบ.เช็ค ม.4
🔥12. ฟ้องคดีแพ่งตาม กม.แพ่ง ลักษณะตั๋วเงิน ปพพ.ม.988 เช็คที่มีเนื้อความสาระสำคัญครบถ้วนสมบูรณ์เป็นเช็ค จึงจะฟ้องให้รับผิดได้ หากเช็คไม่สมบูรณ์ เนื้อหาไม่ครบถ้วนจะไม่สามารถฟ้องให้รับผิดตามพรบ.ฌช็คได้
🔥13. เปรียบเทียบ ข้อดีข้อเสียการฟ้องตามพรบ.เช็ค มูลหนี้เดิม และกม.ตั๋วเงิน โดยเฉพาะเรื่องอายุความ และประเภทคดี
🔥14. ฟ้องตามมูลหนี้เดิม/กม.ตั๋วเงิน (เช็ค) ถ้าทุนทรัพย์ไม่เกิน 300,000 บาท เป็นคดีมโนสาเร่ ค่าขึ้นศาล 1,000 บาท (คดีอยู่ในออำนาจศาลแขวง)
🔥15. ฟ้องตามมูลหนี้เดิม/กม.ตั๋วเงิน (เช็ค) หากเกิน 300,000 บาท เป็นคดีแพ่งประเภทไม่มีข้อยุ่งยาก ทุนทรัพย์ร้อยละ 2 ของจำนวนเงินตามเช็ค (อยู่ในอำนาจศาลจังหวัด)