Рет қаралды 288,698
พอร์ท OBD II Bluetooth ใช้มือถือสแกนโค้ด เช็คโค๊ด ลบโค๊ด โค๊ดรถยนต์ ไฟโชว์ โค้ด Error ผ่านแอพ torque งบหลักร้อย
Car OBD2 Scanner Interface ELM327 Engine Code Diagnostic Scanner Automotive
* แอพ torque pro download link.
www.mediafire.com/file/ym385te...
OBD มาจากคำว่า On-board Diagnostic เป็นมาตรฐานที่กำหนดขี้นร่วมกันโดย SAE และ ISO โดยกำหนดมาตรฐานวิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางดิจิตอลระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งบนรถยนต์ ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยไอเสีย (Emission) กับเครื่องสแกนข้อมูล ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ตำแหน่งการติดตั้ง รหัสบันทึกความบกพร่องที่ตรวจพบ (Malfunction Indicator Light : MIL) แล้วแสดงออกมาให้คนขับหรือช่างได้รู้ถึงปัญหานั้น ในปี 1988 The California Air Resources Board (CARB) ได้กำหนดความต้องการไว้ว่า รถยนต์ทุกคันต้องมีระบบที่สามารถแยกแยะปัญหาการขัดข้องที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยไอเสีย(emission system) และระบบควบคุมเครื่องยนต์(powertrain system) ซึ่งเรียกว่าระบบOBD-I ในขณะเดียวกัน CARB ยังได้กำหนดมาตรฐาน OBD-II ขึ้นมาและให้มีผลบังคับใช้กับรถยนต์ทุกคันในอเมริกา ตั้งแต่ปี 1996 เพื่อจะได้เป็นแนวทางใหม่ให้กับช่างในการแก้ปัญหาการซ่อมเครื่องยนต์และระบบควบคุมการปล่อยไอเสีย
ข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์ OBD-II แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆคือ
1. DTC (Diagnostic Trouble Code) หมายถึง รหัสวิเคราะห์ปัญหา ซึ่งใช้ในการคาดคะเนความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่น เมื่ออ่านรหัสวิเคราะห์ปัญหาเป็นรหัส P0068 ตามมาตรฐานที่กำหนดก็จะหมายถึงว่า อุณหภูมิน้ำมันเชื้อเพลิงสูงเกินไป เป็นต้น
2. ข้อมูลการทำงานแบบ Real-time เป็นข้อมูลที่ได้จากตัวตรวจจับการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อใช้วัดประสิทธิภาพการทำงาน หรือใช้เพื่อประมวลความเสียหายประกอบกับรหัส DTC หรือข้อมูลอื่นๆ เช่น ความเร็วรอบเครื่องยนต์ อุณหภูมิหม้อน้ำ แรงดันคอมมอลเรล ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดขณะรถกำลังวิ่งหรือไม่ (รถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีค่าที่แตกต่างกันออกไป)
3. ข้อมูลการทำงานแต่ละช่วงเวลา เป็นการอ่านข้อมูลแบบ Real-time ในช่วงต้นของรอบเวลา และ ล็อกข้อมูลนั้นไว้จนครบรอบของเวลา ก่อนที่จะอ่านข้อมูลอีกครั้ง ข้อมูลที่ได้นี้จะใช้สำหรับประกอบการปรับแต่งการทำงานของเครื่องยนต์
OBD-II โปรโตคอล
วงการอุตสาหกรรมรถยนต์ได้ร่วมมือกับ The Society of Automotive Engineers (SAE) เพื่อกำหนดมาตรฐานทางเทคนิคและกฏข้อบังคับสำหรับ OBD-II ขึ้นมา โดยมาตรฐานนี้จะเป็นการกำหนดรูปแบบของข้อมูลที่ใช้ติดต่อสื่อสารกัน วิธีการในการทดสอบ รวมถึงการกำหนดรหัสวิเคราะห์ปัญหาให้เป็นรหัสที่สามารถใช้ได้เหมือนกันหมดโดยที่ไม่ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ หรือรุ่นของรถ มาตรฐานการสื่อสารหรือโปรโตคอลที่ใช้ในอุปกรณ์ OBD-II มีการปรับแต่งหรือเพิ่มเติมเพื่อใช้แต่ละค่ายรถยนต์ แต่พอสรุปรวมได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. ISO 9141 มีความเร็วในการรับส่ง 10kb/s ใช้กับรถยุโรปและรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่
2. J1850 PMW(Pulse Width Modulation) มีความเร็วในการรับส่ง 100kb/s ใช้ในรถฟอร์ดและมาสดา
3. J1850 VPM (Variable Pulse Modulation) มีความเร็วในการรับส่ง 100kb/s ใช้กับรถในเครือจีเอ็ม
4. CAN (Controller Area Network) มีความเร็วในการรับส่ง 1-10Mb/s ใช้กับรถที่จะออกในปี 2008 โปรโตคอลที่ต่างกันจะไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ เพราแตกต่างกันทั้งด้าน ฮาร์ดแวร์ ระดับสัญญาทางไฟฟ้า และซอฟท์แวร์
***ลักษณะของปลั๊ก OBD-II จะเป็นมาตรฐานเดียวกันหมดโดยมีการกำหนดขาต่อใช้งาน
สำหรับ ISUZU DMAX และ TOYOTA VIGO จุดติดตั้งปลั๊ก OBD-II จะอยู่ด้านคนขับ อยู่ใต้คอนโซลและใต้พวงมาลัยทั้ง SAE J1850 PWM, SAE J1850 VPW, ISO 9 141 - 2
*ข้อมูลจากเพจ OBDIISHOP39*