เท่าที่เข้าใจเอาเฉพาะมือถือนะครับมือถือทุกตัวมีdacอยู่ในตัวอยูแล้วมือถือที่มั่นใจในdacของตัวเองจึงทำช่องเสียบ3.5ในตัวเลยหรือเหตุผลอะไรไม่ทราบแต่เสียเปรียบมือถือที่เป็น type c เพราะ type c สามารถใช้หูฟังได้ทั้งแจ็ค type c โดยตรงไม่ต้องมาหาต้วแปลง(ตัวแปลงมี2แบบนะครับคือแบบมีdacกับไม่มีdacคือใช้dacในมือถือเลยแปลงแค่รูเสียบแต่ไม่แปลงเสียง)ดังนั้นหูฟังทั้ง2แบบจึงให้เสียงไม่ต่างกันที่ต่างกันคือไม่มีบริษัทไหนที่ทำตัวแปลงภายนอก type c มาเป็น type c เพื่อใช้dacภายนอกนี่แหล่ะครับ ดังนั้น 1.ใครที่ชอบอะไรง่ายๆจบๆก็หาหูฟังที่ชอบคุณภาพแบนด์เกรดดีๆและเป็น type c ในตัวจะลดปัญหาความไม่เข้ากันของหูฟังกับตัวแปลงเพราะตัวแปลงเลือกยากมากที่จะเข้ากับหูฟังผมซื้อdacตัวละเกือบ2พันมาวางทิ้งไว้เพราะมันดีเลย์และช็อตไปซื้อหางหนู avani 290บ.มาใช้ดีมากไม่ดีเลย์ไม่ช็อต 2.มือถือแบบtype c เราสามารถหาdac/amp มาแปลงออกได้ถึง3แบบคือ 3.5/4.4/2.5 เลือกได้ตามใจชอบดังนั้นแบบ type c จึงเสียเปรียบตรงนี้แหล่ะที่ไม่มีตัวแปลง type c มาเป็น type c แค่นั้นเอง ส่วนตัวผมใช้หูฟังรุ่นยี่ห้อเดียวกันต่างกันที่แจ็คและใช้ตัวแปลงแบบไม่มีdacโดยใช้dacมือถือปรากฎว่าเสียงไม่ต่างกันครับเพราะหูฟังก็ไม่มีdacใช้dacมือถือเหมือนกัน 3.ผมไปซื้อตัวแปลงDAC/AMPที่มีชิพเสียงมาเสียบแทนตัวแแลงคราวนี้เสียงเปลี่ยนทันทีดังขึ้นและดีขึ้นในหูฟังตัวเดิมส่วนหูฟัง type c ก็ชายต่อเพราะมันทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้มายังไงก็เป็นอย่างนั้นดังนั้นการซื้อหูฟัง type c ต้องเลือกเกรดหูฟังดีๆและมีdac/ampในตัวนะครับซึงข้อดีของหูฟัtype cที่มีพร้อมและดีในตัวจะเข้ากันได้ดีกับมือถือตรงที่ไม่ช็อตไม่ดีเลย์เพราะมันออกแบบมาให้ไม่เกิดการรบกวนกัน 4.หูฟังแบบแจ็ค3.5นี่แหล่ะปัญหาความเข้ากันได้ของdac/ampที่เรานำมาอัพเสียงยุ่งยากพอควรและเสียงช็อตนี่มีแน่นอนเพราะผมมีหูฟังหลายตัวมันจะช็อตในแต่ละตัวไม่เหมือนกันนี่แหล่ะคือข้อเสียส่วนข้อดีมีเยอะและก็หมดตังค์เยอะ สรุป ใครที่อยากสบายใจไม่อยากเสี่ยงผมว่าควรใช้หูฟังที่มีแจ็คtype cที่มีdac/ampดีๆในตัวราคาหลักพันกลางๆขึ้นไปจะสบายใจกว่าสำหรับคนที่ใช้ทั่วไปนะครับดูหนังฟังเพลงแบบไม่ต้องการลึกซึ้งมากมายนักเพราะหูฟังแบบ type c ก็มีตัวเลือกไม่เยอะแต่เลือกที่ดีเท่าทีงบอำนวยดีกว่าละไปลงทุนกับdac/ampภายนอกครับอันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวผมนะเพราะผมเจอปัญหาที่เขียนมายาวขนาดนี้