เฟื่องลดา LDA การถูกมัดด้วยโซ่ตรวนของคำว่า Working Woman | 30 ยังจ๋อย EP65

  Рет қаралды 2,945

The MATTER

The MATTER

Күн бұрын

Пікірлер: 7
@JaideeRx
@JaideeRx 7 сағат бұрын
ฟังจนจบรู้สึกว่าคุณเฟื่องเป็นคนที่น่าอัศจรรย์ใจมากที่สามารถเข้าใจเรื่องต่างๆได้ในวัย 30 + ชอบคุณพิธีกรมาก ฟังเก่งและตั้งคำถามได้ลื่นไหลต่อเนื่องมากๆค่ะ 🙂
@linglabanana
@linglabanana Күн бұрын
เฟื่องมีความคิดและความสามารถที่โตเกินวัยมากๆ ทั้ง Self-Awareness และการจัดการกับความคิด ขอชื่นชมค่ะ
@napaporntansuwannarat3286
@napaporntansuwannarat3286 Күн бұрын
1. "พอมันเริ่มแตะวัย 30 เหมือนเฟื่องรู้สึกว่ามันเป็นอีกแช็ปเตอร์หนึ่ง ที่ตัวตนเดิมของเรา เราไม่สามารถที่จะใช้มัน เพื่อพาเราไปต่อในขวบปีอีกสักหนึ่งทศวรรษต่อไป หรือใน 30-40 หรืออะไรแบบนี้ได้ เฟื่องก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญของการที่มนุษย์ทุกคน เฟื่องเชื่อว่ามีหลาย ๆ ตัวตนที่เป็นตัวเองทั้งสิ้น แล้วก็การที่เราจะสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมีพลังที่สุด เฟื่องคิดว่ามันเป็นการทำความรู้จักและสนิทกับตัวตนทุก ๆ เวอร์ชันที่เป็นตัวของเราเองทั้งสิ้น" 2. "จริง ๆ ว่าเฟื่องเป็นคนใช้ Feeling แต่ว่าพอด้วยบทบาทกับสิ่งที่เราอยากจะเป็น จะไปจากตรงนี้ ทำให้เราพยายาม Force ตัวเองให้เป็นคนแบบลอจิ๊ก ลอจิก ใช้หัวครอบทุก ๆ อย่าง ซึ่งมันทำได้จุดหนึ่ง แต่พอถึงจุดหนึ่ง มันก็แบบแปลกแยกจากตัวเอง เราเป็นใคร" 3. "Feeling เฟื่อง มันจะขัดกับ Feeling มากไม่ได้ ซึ่งในการตัดสินใจในช่วงหลัง ๆ ที่เราพยายามจะใช้ลอจิกเยอะ ๆ มันมีความรู้สึกอึดอัด อัดอั้น Something อยู่ข้างใน ซึ่งเราไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้ว่ามันคืออะไร แต่ว่าพอมาผ่านเรื่องราว ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านการตัดสินใจอะไรต่าง ๆ แล้วก็ทำงานกับข้างในตัวเองมากขึ้น เราเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้นว่า ก็ใช่แหละ เธอเป็นคน Feeling เหมือนกันแหละ เธอก็เป็นคนแบบ ถ้ามันมีอะไรที่มันขัดกับ Intuition หรือว่าสัญชาตญาณข้างในลึก ๆ ของเรา เราจะข้ามมันไปได้ยากอยู่ อะไรประมาณนี้ค่ะ" 4. "เฟื่องรู้สึกว่ามนุษย์มีความน่าสนใจ มันมีความซับซ้อน มันมีความแตกต่าง มีความเข้มแข็งและอ่อนแอ อะไรอย่างนี้ มันเป็นสิ่งที่เฟื่องสนใจ แต่ว่าพอมันมาถึงจุดที่เราต้องเริ่มทำงานกับคนเยอะขึ้น ต้องเริ่มใส่หมวกหลายใบมากขึ้น มันก็ทำให้มันมีความขัดแย้งกันอยู่ กับเรื่องที่เราจำเป็นจะต้องทำ ที่สังคมบอกว่ามันดี กับสิ่งที่เรารู้สึกจากข้างในว่า นี่มันดีจริงหรือเปล่า หรืออะไรอย่างนี้" 5. "สิ่งที่ตกผลึกว่าความสำเร็จในภาพองค์รวมค่ะ หลังจากการเป็นมนุษย์จริง ๆ มันคือการบาลานซ์กันในทุก ๆ ด้านของชีวิต" 6. "เฟื่องก็รู้สึกว่าจริง ๆ เฟื่องไม่เคยตั้งเป้าว่าเฟื่องจะไปถึงไหน แต่เฟื่องแค่ทำทุกวันให้ดีที่สุด แล้วดี แล้วมันก็แล้วดีไปถึงไหน มันไม่มีแบบอันนี้คือแบบดีที่สุด แล้วมันก็เลยบอกว่า ทำให้ช่วงวัย 30 ขึ้นไป มันไม่สามารถที่จะผูกติดกับเรื่องงานอย่างเดียวได้แล้ว เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะสูงไปถึงไหนอีก" 7. "พอมันถึงจุดหนึ่ง ตัวนี้ มันด้วยทริกเกอร์หรืออะไรบางอย่าง มันก็จะถูกปลุกขึ้นมาอยู่แล้วค่ะ แล้วก็พอเรายิ่งไปกดทับเขาไปอีก แล้วไม่ฟังเลย ไม่ฟังเสียงที่ความรู้สึกพยายามบอก ไม่ฟังสิ่งที่ร่างกายพยายามบอก มันก็จะทำให้รู้สึกว่ามันมี Some Missing Piece ของตัวเราค่ะ ที่มันยังไม่ออกมา มันก็เลยรู้สึกแปลกแยกกับตัวเองว่า เอ๊ะ สรุปฉันเป็นใครกันแน่ อะไรอย่างนี้" 8. "สิ่งที่ดีขึ้นก็คือ เฟื่องรู้สึกว่าเฟื่องสามารถมารีเช็กกับตัวเองบ่อย ๆ ว่า ณ เธออายุเท่านี้ ตัวตนเธอ ณ ตอนนี้เป็นอย่างนี้ สิ่งที่เธอมีความเชื่อฝังหัวในวัยเด็ก ความกลัวของเธอคืออะไร แล้วรีเช็กตอนนี้มันยังเป็นอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า เหมือนบางทีก็คือ ต้องมาเขียนรีเช็กกับตัวเองให้มันเห็นเป็นรูปธรรมบนกระดาษ เพื่อให้เรารู้สึกว่าให้สมองของเราหรือร่างกายของเรา มันจดจำสิ่งใหม่ค่ะ ว่าแบบอันนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว อันนี้คือความกลัวของตัวตนหนูเฟื่องลดาในวัยเด็ก แต่ว่าเฟื่องลดาตอนอายุขวบนี้ ไม่เป็นไร แล้วก็ค่อย ๆ คุยกับเขาอย่างใจเย็นค่ะ" 9. "หลาย ๆ ครั้งพอมาถึงวัยผู้ใหญ่ หลาย ๆ คนอาจจะกดเด็กในตัวทิ้งไป ด้วยความรู้สึกว่าเรา Helpless เหลือเกินในวัยเด็ก เราแบบไม่ชอบความรู้สึกนี้ อะไรอย่างนี้ค่ะ การที่จะให้เขาออกมาโลดแล่นได้ใหม่ คือเฟื่องก็รู้สึกว่ามันก็ต้องทั้งทำความรู้จักกับบาดแผลของเขาแล้วก็สิ่งที่เป็นข้อดีของเขาเช่นเดียวกัน"
@napaporntansuwannarat3286
@napaporntansuwannarat3286 Күн бұрын
10. "เหมือนตัวเราก็ชอบที่เราจะนิยามตัวเองว่าเราเป็น Working Woman เช่นเดียวกัน แต่พอถึงจุดที่กำลังจะเปลี่ยนผ่าน เหมือนที่เล่าเนี่ยค่ะ คือเฟื่องก็รู้สึกว่ามันเหมือนเป็นโซ่ตรวนเช่นเดียวกัน กับการที่เรามัดตัวเองไว้ หรือว่าอาจจะเป็นความคาดหวังที่เราคิดว่าคนอื่นมีต่อเรา หรือว่าจริง ๆ เป็นความคาดหวังที่เรามีต่อตัวเองด้วยซ้ำว่า เธอต้องทำได้สิ เธอต้องทำได้ทุกอย่าง อะไรอย่างนี้ ซึ่งเฟื่องก็รู้สึกว่ามันช่างไม่ Realistic เอาซะเลย อะไรประมาณนี้ค่ะ หรือว่า ณ จุดหนึ่งมันก็เหมือนตัวตนหนึ่ง มันก็พาเรามาถึงจุดหนึ่งได้ ก็ควรจะขอบคุณเขา แล้วก็พอแล้ว" 11. "เฟื่องก็รู้สึกว่ากลับมาที่เรื่องที่ตัวเองอาจจะพอทำได้ดี สิ่งที่เฟื่องรีเช็กกับตัวเองว่ายังทำได้ เพิ่มพลังแล้วไม่เหนื่อย มันก็คือการศึกษาเรื่องใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์กับคน แล้วก็ถ่ายทอดไปให้เขาได้รับรู้ ก็อาจจะเลยเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ในอาชีพที่ดูแบบเข้ากับเพจตอนนี้ที่สุด อะไรอย่างนี้ค่ะ" 12. "Small Win ทำให้มันเหมือนเรามีฟาสต์ชาร์จ ที่เติมพลังแบตเตอรี่ของเราไปเรื่อย ๆ ค่ะ แล้วก็มันอาจจะทำให้เรายังจำได้ว่าสิ่งที่เป็นตัวเราและทำได้ดีคืออะไร มันก็จะช่วยเสริมความมั่นใจ ให้เราไปลอง Area ใหม่ ๆ ซึ่งอาจจะทำได้ดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้ แต่ว่าก็อย่างน้อย ๆ ก็รู้ว่ายังมีสิ่งที่ทำได้ดี แล้วก็สามารถมีพลังเพิ่มเติมขึ้นค่ะ" 13. "เฟื่องว่ากายกับใจเป็นของคู่กัน สัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญ เราไม่สามารถทิ้งส่วนใดส่วนหนึ่งได้ จิตใจที่ดีก็จะอยู่ในร่างกายที่ดี แล้วเมื่อร่างกายเราดี จิตใจเราก็จะดีขึ้นไปด้วย" 14. "ถ้าตัวเราจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น ความสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อมนุษย์ มมนุษย์แต่ละคนควรจะมีความชัดเจนกับความต้องการของตัวเองก่อน และมีขอบเขตที่เพียงพอ นั่นคือสเต็ปแรกที่ต้อง Aware มาก ๆ และไปสู่สเต็ปที่สอง คือมองเห็นหัวใจของคนอื่นด้วยเช่นเดียวกัน แล้วมันจึงจะเป็นความสัมพันธ์ที่เฮลทีจริง ๆ" 15. "การซื่อสัตย์กับตัวเองสำคัญที่สุดเลย เพราะว่ามันก็จะทำให้เราไม่เสียใจกับการกระทำของเราในภายหลัง" 16. "เวลาเราเป็น People Pleaser หรือว่าเราพยายามเซิร์ฟคนอื่นมากเกินไป โดยที่ไม่ยืนหยัดกับความต้องการหรือเสียงข้างในของตัวเอง มันเป็นเพราะว่าเราไม่อยากถูกเขาเกลียด เรายังอยากมีความสัมพันธ์ที่รู้สึกดีอยู่ อันนั้นคือความต้องการ แต่สุดท้ายมันเห็นแก่ตัว เพราะว่าเราไม่ได้พูดความต้องการจริง ๆ ของเราออกไป เขาก็ไม่ได้รู้ว่าเราต้องการอะไร แล้วหลาย ๆ ครั้งมันก็เลยเป็นแบบ Mismatch Expectation, Hard Conversation ยากเสมอ แต่ว่าถ้าเราชัดเจน ซึ่งเฟื่องว่ามันคือเห็นแก่ตัวน้อยกว่าการที่พยายามหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วทำให้เหมือนทุกอย่างยังแบบ Look good on the surface. ยังดูดีภายนอก แต่ข้างในแบบตายแล้ว งง อันนั้นเฟื่องว่าแย่กว่าค่ะ" 17. "เฟื่องก็เชื่อว่า Same Input เท่ากับ Same Output มัน Try Hard มาแบบขนาดนี้ มันชนเพดานแล้ว Output มันไม่ได้เปลี่ยน แต่พอแบบยัง Try อยู่ เปลี่ยน Energy ให้มัน Softer มันอาจจะได้ Output ใหม่ ๆ" 18. "บางครั้งการแก้ปัญหาอาจจะไม่ใช่การลงมือทำ ณ ตอนนี้ แต่บางปัญหามันต้องปล่อยให้เวลาจัดการ มันไม่ได้ต้องแก้ได้ทุกอย่างตอนนี้ บางทีมันมีที่เราควบคุมไม่ได้หลาย ๆ ปัจจัย" 19. "จริง ๆ ตั้งแต่เขาเริ่มออกมาลืมตาดูโลก คือเฟื่องก็รู้สึกว่าตอนนั้นมันเป็นจุดที่เฟื่องก็นิยามตัวเองนะว่า ณ ตอนนั้นมันก็เป็นจุดที่ดูเหมือนแบบจะลงตัวในชีวิต เพราะก่อนหน้านี้แม้คนจะนิยามว่าเฟื่องสำเร็จทางด้านการงาน การอะไรมากมาย แต่เฟื่องก็รู้ตลอดว่ามันไม่ใช่ที่สุด แต่พอมีลูก มันเหมือนมาช่วยบาลานซ์ตรงนี้สักครึ่งหนึ่งว่า เรามีความเป็นมนุษย์มากขึ้น เพราะลูกคือ เขามีแม่คนเดียว แล้วก็การที่เราจะเลี้ยงดูเขาอย่างไร มันก็ส่งผลไปกับการเติบโตหรือว่าสิ่งที่เขาสะสมมา ประกอบร่างสร้างตัวเป็นเขา เหมือนที่เราผ่านมาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเฟื่องก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นโปรเจกต์ที่เปลี่ยนเฟื่องไปหลาย ๆ อย่าง"
@napaporntansuwannarat3286
@napaporntansuwannarat3286 Күн бұрын
20. "หลาย ๆ ครั้งจิตใจของคนที่ทำแบบนี้ได้ มันคือจิตใจของคนที่ไม่มีความกลัว ใส Innocent, Sensitive ซึ่งเฟื่องว่ารู้สึกว่ามันมีพลังงานตรงนั้นอยู่ เฟื่องเคยเป็นแบบนั้นได้ แต่ว่าตอนนี้เฟื่องพูดตรง ๆ ว่าเฟื่องก็ผ่านอะไรมาเยอะ มันก็เลยทำให้ความ Innocent จิตวิญญาณที่มันเปล่งแสง ซึ่งเฟื่องรู้สึกว่ามันช่างสร้างความหวังให้กับโลกนี้ แล้วช่างมีประโยชน์กับผู้อื่นเหลือเกิน มันค่อย ๆ ฝ่อลง เฟื่องก็เลยรู้สึกร้องไห้มั้งคะ ว่าแบบเศร้า คือเหมือนรู้สึกว่าอยากให้ตัวเองด้วย กลับไป Connect กับสิ่งนี้ได้มากขึ้น หรือกระทั่งแบบมันดีจัง โลกใบนี้มันคือความคำว่า 'Alive' ค่ะ เฟื่องรู้สึกว่ามนุษย์ทุกวันนี้ มันจะ Sleep มันไม่ Alive ทำยังไงเราถึงจะ Alive การ Alive ทำให้ชีวิตของเรามีความหมาย แล้วก็ Alive ทำให้โลกนี้มันน่าอยู่ขึ้น เฟื่องก็เลยร้องไห้" 21. "เฟื่องว่าความรู้สึกที่น่ากลัวกว่าความเจ็บปวดคือความว่างเปล่า สำหรับเฟื่องนะ เวลาที่ไม่รู้สึกอะไรเลย Connect กับความรู้สึกไม่ได้ อันนั้น Suffer ที่สุดเลยนะ เพราะเฟื่องรู้สึกว่ามนุษย์มันก็เป็นเกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก แต่ถ้าเธอไม่ได้ Connect กับตรงนี้เลย มันเศร้าค่ะ" 22. "คือเฟื่องว่าการที่มี Routine ที่บาลานซ์และทำตามนั้นได้จริง ๆ มันจะทำให้หลาย ๆ อย่างมันตอบโจทย์ชีวิตที่เราต้องการจริง ๆ" 23. "สุดท้ายมนุษย์ก็มีความเป็นมนุษย์อยู่ดี อันนี้คือสิ่งที่เฟื่องเชื่อมาก ๆ แม้ว่า AI จะมา จะอะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าสิ่งที่มันเป็น มนุษย์ที่มันเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน อะไรอย่างนี้ เฟื่องว่ามันคือความต้องการพื้นฐาน ต้องการเป็นที่รัก ยอมรับ อะไรอย่างนี้ มันก็ยังเป็นจุดนี้อยู่ ดังนั้น สำคัญก็คือ มนุษย์ควรจะมี Self Awareness แล้วในขณะที่เราโฟกัสแต่ข้างหน้า เราอย่าลืมมาโฟกัสตัวเราเองด้วย แล้วมันจะเป็นการบาลานซ์ที่ดี เทคโนโลยีไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ว่ารู้เฉพาะอันที่จำเป็นกับการใช้ชีวิตหรือการทำงานของเรา และให้ชีวิตดีขึ้น ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บทุกอย่าง อะไรอย่างนี้ค่ะ" 24. "ไม่ต้องรีบสำเร็จหรอกในยุคนี้ ความสำเร็จ มันมีความสำเร็จของคนอื่น ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ความสำเร็จของเราก็ได้ Explore เยอะ ๆ รีเช็กตัวเองบ่อย ๆ เช็กอินแล้วก็ตอบตัวเองให้ได้ แล้วมันก็จะเป็นการเคลื่อนที่ไปอย่างมีพลัง แล้วก็เริ่มดูแลสุขภาพ"
@patinya118
@patinya118 16 сағат бұрын
ขอบคุณครับ
Когда отец одевает ребёнка @JaySharon
00:16
История одного вокалиста
Рет қаралды 14 МЛН
How I Turned a Lolipop Into A New One 🤯🍭
00:19
Wian
Рет қаралды 11 МЛН
إخفاء الطعام سرًا تحت الطاولة للتناول لاحقًا 😏🍽️
00:28
حرف إبداعية للمنزل في 5 دقائق
Рет қаралды 82 МЛН
What's in the clown's bag? #clown #angel #bunnypolice
00:19
超人夫妇
Рет қаралды 20 МЛН
Когда отец одевает ребёнка @JaySharon
00:16
История одного вокалиста
Рет қаралды 14 МЛН