อนัตตา กรรม นิพพาน สมภาร พรมทา

  Рет қаралды 25,080

Somparn Promta

Somparn Promta

7 жыл бұрын

บรรยายแก่นิสิตปริญญาโทและเอก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ลงทะเบียนเรียนวิชาพุทธปรัชญาในพระสุตตันตปิฎก โดยศาสตราจารย์ ดร. สมภาร พรมทา ๙ กันยายน ๒๕๕๙

Пікірлер: 601
@user-li7vg6nc3i
@user-li7vg6nc3i 2 жыл бұрын
อาจารย์ ต้องเพื่อเติมความ้
@แฟล็คอนุโมทนาสาธุครับ
@แฟล็คอนุโมทนาสาธุครับ 4 жыл бұрын
*อนิจจัง* แสดงอยู่ตลอดเวลา *ทุกข์* เพราะมีอดีต มีปัจจุบัน มีอนาคต *สภาวะธรรม* รู้ได้ในปัจจุบัน *ปฏิจจสมุปบาท* แสดงอยู่ตลอดเวลา *กรรม* นั้นมีอดีต มีปัจจุบัน มีอนาคต *ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน* ถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญาในปัจจุบัน *อนัตตา* แสดงอยู่ตลอดเวลา *พระอรหันต์* ไม่หลงทั้งเรื่องในอดีต ปัจจุบัน อนาคต *นิพพาน* ของจริงปรากฎเฉพาะในปัจจุบัน
@user-ut2op3tx7g
@user-ut2op3tx7g 8 ай бұрын
สาทุ
@jonathanlivington2943
@jonathanlivington2943 Жыл бұрын
นักบวชจัญไรก็มักตีความว่าเป็นอัตตาทั้งนั้น
@user-wd4tb3gw8h
@user-wd4tb3gw8h 7 ай бұрын
0:40 อัตตา - ตัวตน - ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ อนันตา - ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน - เป็นมรรค นิพพาน - เป็นผล - คนละอย่าง เอาสมมุติ - ชั่วคราวเป็นอัตตา - มองต่างมุม
@2nTai
@2nTai 3 жыл бұрын
การกล่าวถึงสิ่งหนึ่งที่เข้าใจได้ด้วย *ปรีชาญาณ* เพื่อบอกให้เรารู้แทนอีกสิ่งหนึ่งที่ภายหน้าจะได้รู้ของจริงด้วย *ปัญญาญาณ* 1. สิ่งที่ *รู้ได้* ด้วยปรีชาญาณได้รู้แล้วอธิบายได้ 2. สิ่งที่ *ยังไม่รู้* แต่สักวันจะรู้ได้ด้วยปรีชาญาณ 3. สิ่งที่ *ไม่อาจรู้ได้* ด้วยปรีชาญาณเมื่อเอามาคิดจะเข้าใจไปอีกอย่าง 4. สิ่งที่ *รู้ได้ด้วยปัญญาญาณ* จำต้องอธิบายด้วยการสมมุติอย่างอื่นให้เข้าใจไปพลางๆก่อน
@thestoryofbuddha1883
@thestoryofbuddha1883 3 жыл бұрын
อาทิตตปริยายสูตร : ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน ก็อะไรเล่าชื่อว่าสิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน? ร้อนเพราะอะไร? เรากล่าวว่า ร้อน เพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ
@thestoryofbuddha1883
@thestoryofbuddha1883 3 жыл бұрын
โสตเป็นของร้อน เสียงทั้งหลายเป็นของร้อน ... ฆานะเป็นของร้อน กลิ่นทั้งหลายเป็นของร้อน ... ชิวหาเป็นของร้อน รสทั้งหลายเป็นของร้อน ... กายเป็นของร้อน โผฏฐัพพะทั้งหลายเป็นของร้อน ... มนะเป็นของร้อน ธรรมทั้งหลายเป็นของร้อน วิญญาณอาศัยมนะเป็นของร้อน สัมผัสอาศัยมนะเป็นของร้อน ความเสวยอารมณ์เป็นสุข เป็นทุกข์หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ที่ เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้วเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในจักษุ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูปทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณอาศัยจักษุ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ใน สัมผัสอาศัยจักษุ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในความเสวยอารมณ์ ที่เป็นสุข เป็นทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์ มิใช่สุข ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย
@thestoryofbuddha1883
@thestoryofbuddha1883 3 жыл бұрын
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้น แล้ว อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จ แล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้ไม่มี.
@thestoryofbuddha1883
@thestoryofbuddha1883 3 жыл бұрын
ความสิ้นไปแห่งราคะ, ความสิ้นไปแห่งโทสะ, ความสิ้นไปแห่งโมหะ, อันใด ; ทรงแสดงไว้ด้วยคำว่า :- อสังขตะ (ธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง หรือปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้) อนตะ (ธรรมที่ไม่น้อมไปในสิ่งใด หรือสิ่งใดน้อมไปไม่ได้) อนาสวะ (ไม่มีอาสวะอันเป็นสิ่งเศร้าหมองโดยประการทั้งปวง) สัจจะ (ของจริงเพียงสิ่งเดียว ไม่มีสิ่งที่สองเทียบ) ปาระ (ฝั่งนอกที่กิเลสและทุกข์ตามไปไม่ถึง) นิปุณะ (สิ่งละเอียดอ่อนสำหรับการศึกษาและปฏิบัติ ไม่มีสิ่งใดยิ่งกว่า) สุทุททสะ (อันผู้ไม่สิ้นอาสวะเห็นได้ยากที่สุด) อชัชชระ (ไม่มีความคร่ำคร่าลงโดยประการทั้งปวง) ธุวะ (ยั่งยืนมั่นคงไม่แปรผัน) อปโลกินะ (เป็นที่จ้องมองแห่งสัตว์เพื่อการบรรลุถึง) อนิทัสสนะ (ไม่มีการแสดงออกทางวัตถุ หรือทางตา ; ผู้อื่นพลอยเห็นด้วยไม่ได้) นิปปปัญจะ(ไม่มีเครื่องกีดกั้นให้เนินช้าเพราะว่างจากกิเลส) สันตะ (สงบระงับจากการปรุงแต่งเสียดแทงเผาลน) อมตะ (ไม่ตายเพราะไม่มีการเกิด เพราะไม่อยู่ในอำนาจเหตุปัจจัย) ปณีตะ (ประณีตละเอียด เพราะพ้นไปจากความเป็นรูปธรรมและนามธรรม) สิวะ (สงบเย็นเพราะไม่มีไฟกิเลสและไฟทุกข์) เขมะ (เกษมจากสิ่งรบกวนทุกชนิด) ตัณหักขยะ (เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา หรือภาวะสิ้นสุดแห่งตัณหา) อัจฉริยะ (น่าอัศจรรย์ ไม่มีสิ่งใดน่าอัศจรรย์เท่า) อัพภุตะ (ประหลาดควรนำมาบอกกล่าวในฐานะสิ่งที่ไม่เคยบอกกล่าว) อนีติกะ (ไม่มีเสนียดจัญไร เพราะพ้นดีพ้นชั่ว) อนีติกธัมมะ (มีปกติภาวะไม่มีเสนียดจัญไรเป็นธรรมดา) อัพ๎ยาปัชฌะ (ไม่มีความเบียดเบียนเป็นสภาวะ) วิราคะ (ไม่มีความย้อมติดในสิ่งใด มีแต่จะทำให้คลายออก) สุทธิ (บริสุทธิ์หมดจด เพราะไม่มีที่ตั้งแห่งความเศร้าหมอง) มุตติ (เป็นความปล่อยความหลุดจากความยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปาทาน) อนาลยะ (ไม่เป็นที่ตั้งที่อาศัยแห่งกิเลสและความทุกข์) ทีปะ (เป็นดวงประทีปที่พึ่งของสัตว์ผู้ตกจมอยู่ในความมืดคืออวิชชา) เลณะ (เป็นเสมือนที่หลบซ่อนจากภัยของสัตว์ผู้หนีภัย) ตาณะ (เป็นเสมือนที่ต้านทานของสัตว์ผู้แสวงหาที่ต้านทานข้าศึกศัตรู) สรณะ (เป็นที่แล่นไปสู่แห่งจิตที่รู้สึกว่ามีภัยต้องการที่พึ่ง) ปรายนะ (เป็นเป้าหมายในเบื้องหน้าแห่งสัตว์ผู้เวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะ). คำแทนชื่อกันและกันชนิดนี้ ในบาลีท่านเรียกว่า อธิวจนะ ในที่นี้เป็นอธิวจนะของคำว่า นิพพาน ]. (- สฬา. สํ. ๑๘/๔๔๑-๔๔๒, ๔๕๐-๔๕๓/๖๗๔-๖๘๔, ๗๒๐-๗๕๑.) [อริยสัจจากพระโอษฐ์ ๑ ภาค ๓ ว่าด้วย นิโรธอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือความดับไม่เหลือของทุกข์ หน้าที่หน้าที่ ๔๕๑-๔๖๓.]
@iHear_Sound
@iHear_Sound 3 жыл бұрын
คนที่ใช้สมองเรียนรู้ธรรมะอย่างที่เรียกว่าใช้ "ความคิดนำปัญญา" จะเอาความรู้จากตัวหนังสืออันเป็น "ติ๊งต่าง" หรือ "สมมุติบัญญัติ" มาตีความโดยเชื่อว่ามันคือ "สัจธรรม" โดยไม่เฉลียวใจว่ามันไม่ใช่ "ของจริง" ครั้นเมื่อมีคนอธิบาย "ของจริง" ด้วย "ติ๊งต่าง" ที่ไม่มีในพระไตรปิฎก เขาก็จะบอกว่ามันคือ "มิจฉาทิฏฐิ" การยึดติด "สมมุติบัญญัติ" คือไม่รู้ความหมายที่แท้จริงในตัวหนังสือเรียกว่า "ปทปรมะบุคคล"
@user-kw7bx9op5n
@user-kw7bx9op5n 2 жыл бұрын
รู้ไม่จริงเรื่องอัตตากับอนัตตาเอามาพูดกับเรื่องนิพพานไม่ได้
@user-iy5yk9ju9o
@user-iy5yk9ju9o 2 жыл бұрын
อัตตาได้แต่หาความดับในส่วนตนไม่ได้คนส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น
@user-xq1xy7ft6p
@user-xq1xy7ft6p 3 жыл бұрын
จากทารก อ้อมอกมา จนหย่านม ขอขนม ชมการ์ตูน วุ่นแต่เล่น จากเด็กเล็ก จนเด็กใหญ่ ใจรักเป็น จึงอยากเด่น อยากเป็นคน ที่สนใจ จากมีรัก อกหักมา รู้ว่าทุกข์ จนพบสุข ติดคุกวัน แต่งงานได้ จากมีลูก สุขทุกข์นั้น แปรผันไป เข้าใจไหม? ใน "อตัมมยตา" จากมนุษย์ หลุดพ้นจาก ความอยากเก่า สิ่งใหม่เร้า เอาตามวัย เปลี่ยนไปหา จากเพลิดเพลิน เจริญใจ อยากได้มา วันเวลา ก็พาไป หาใหม่กัน จาก "อตัมมยตา" ปุถุชน อยากหลุดพ้น สนใจธรรม มุ่งทำนั้น จากเห็นทุกข์ สุขโง่เขลา ไม่เอามัน เลิกเป็นขั้น ผลาญตัวตน จนนิพพาน
@user-xq1xy7ft6p
@user-xq1xy7ft6p 3 жыл бұрын
อนัตตา เรื่องของกรรม นิพพานนั้น ฟังตำนาน อ่านชาดก ยกพระสูตร พุทธพจน์ บทสวดใด ร่ายสมมุติ ย่อมมาสุด ที่ "อตัมมยตา" อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ภาวนา ปัญญาญาณ นั้นเห็นได้ เคยยึดมั่น ถือมั่นวาง กระจ่างใจ แจ้งแล้วไซร้ ใน "อตัมมยตา" มโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม แต่ละคำ มีความหมาย ใช่หลอกเล่น มีเหตุผล ดลบันดาล ให้มันเป็น ใครบ้างเห็น เป็น "อตัมมยตา" การหลุดพ้น มรรคผลถึง จึงนิพพาน ใช่ด้วยการ อ่านแล้วคิด จิตยังหลง ใช่สุขว่าง วางเรื่องราว เอาแต่ปลง ยังไม่ตรง ตาม "อตัมมยตา"
@user-bt6um5sm7k
@user-bt6um5sm7k 3 жыл бұрын
ที่สุดของชีวิต จิตไม่ใช่ตัวกู กายไม่ใช่ของกู กูไม่เอากับมึงอีกต่อไป
@user-bt6um5sm7k
@user-bt6um5sm7k 3 жыл бұрын
"อตัมมยตา" มาถึงที่สุดแล้ว
@user-bt6um5sm7k
@user-bt6um5sm7k 3 жыл бұрын
แล้วไงล่ะ "ชีวิตมึงจบแล้ว"
@user-bt6um5sm7k
@user-bt6um5sm7k 3 жыл бұрын
ยอมจำนนโดยดี
@musictherapy1702
@musictherapy1702 3 жыл бұрын
เช้าตื่นมาจิตปฏิสนธิ จากภวังค์จิตผัสสะรับรู้ที่ใจ แล้วจุติในโลกความคิด เจตสิกพาไปสู่วิถีจิต เกิดกุศลกรรมและอกุศลกรรม จิตดวงเก่าดับ จิตดวงใหม่เกิด เสวยอารมณ์ยังนรก-สวรรค์ เป็นสังสารวัฏอุปาทานขันธ์ เวียนว่ายตายเกิดซ้ำๆ จนหลับยังมีฝันเรื่อยเปื่อย เช้าตื่นมาจิตปฏิสนธิเป็นวัฏจักร วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ใครบ้างมีสติรู้สึกตัวได้ ใครบ้างมีปัญญาหลุดพ้นได้
@musictherapy1702
@musictherapy1702 3 жыл бұрын
จิตเป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์ ส่วนเจตสิกเป็นธรรมชาติที่ปรุงแต่งจิตที่รับรู้อารมณ์ จิตกับเจตสิกเป็นนามธรรมเหมือนกันจึงเข้าประกอบกันได้สนิท จิตอุปมาเหมือนน้ำที่ใสบริสุทธิ์ไม่มีสี เจตสิกอุปมาเหมือนสีต่าง ๆ เมื่อเอาสีเขียวใส่ลงไปในน้ำแล้วน้ำนั้นก็จะกลายเป็นสีเขียวไป เมื่อเอาสีแดงใส่ลงไปในน้ำแล้วน้ำนั้นก็จะกลายเป็นสีแดง ทำให้เรียกชื่อว่า น้ำเขียว น้ำแดง เป็นต้น อกุศลเจตสิก คือเจตสิกฝ่ายไม่ดี เข้าประกอบกับจิตแล้ว ก็จะทำให้จิตนั้นกลายเป็นจิตที่ชั่วหยาบ เป็นจิตที่เป็นบาป เป็นจิตที่ไม่ดีไปด้วย ถ้าเป็นกุศลเจตสิก คือเจตสิกฝ่ายดี เข้าประกอบกับจิต ก็จะทำให้จิตนั้นเป็นจิตที่ดี มีเมตตา กรุณา มีศรัทธา เป็นต้น ภูมิทั้งหมดมี ๔ ภูมิ คือ ภูมิขั้นต่ำ ได้แก่ กามาวจรจิต หรือกามาวจรภูมิ สูงขึ้นไปกว่านั้นก็คือ รูปาวจรจิต สูงขึ้นไปกว่านั้น คือ อรูปาวจรจิต และสูงสุดคือโลกุตตรจิต ทุกวันในชีวิตของเราไม่พ้นจากกามาวจรจิต เพราะเหตุว่าตราบใดที่ไม่ใช่ฌานจิต ไม่ใช่รูปฌาน ไม่ใช่อรูปฌาน ไม่ใช่โลกุตตรจิตแล้วละก็ ต้องเป็นกามาวจรจิต
@musictherapy1702
@musictherapy1702 3 жыл бұрын
ภิกษุ กายแตกสลาย โผฎฐัพพะแตกสลาย กายวิญญาณแตกสลาย กายสัมผัสแตกสลาย แม้สุขเวทนาก็ดีทุกขเวทนาก็ดี หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัยก็แตกสลาย. ภิกษุ ใจแตกสลาย ธรรมแตกสลาย มโนวิญญาณแตกสลาย มโนสัมผัสแตกสลาย แม้สุขเวทนาก็ดี ทุกขเวทนาก็ดี หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็แตกสลาย. ภิกษุ เพราะจะต้องแตกสลาย เราจึงกล่าวว่า โลกดังนี้. - บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๖๔/๙๘.
@musictherapy1702
@musictherapy1702 3 жыл бұрын
แน่ะเธอ ! ที่สุดโลกแห่งใด อันสัตว์ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ เราไม่กล่าวว่า..ใคร ๆ อาจรู้ อาจเห็น อาจถึงที่สุดแห่งโลกนั้นได้ด้วยการไป. แน่ะเธอ ! ในร่างกายที่ยาวประมาณวาหนึ่ง ที่ยังประกอบด้วยสัญญาและใจนี้เอง. เราได้บัญญัติโลก เหตุให้เกิดโลก ความดับสนิทไม่เหลือของโลก, และทางดำเนินให้ถึงความดับสนิท ไม่เหลือของโลกไว้ดังนี้แล. (บาลี) จตุกฺก.อํ. ๒๑/๖๒/๔๕.
@musictherapy1702
@musictherapy1702 3 жыл бұрын
สิ่งที่เรารับรู้จากภายนอก ภาพ เสียง กลิ่น รส ความรู้สึกทางกายและใจ เป็นสัญญาที่ปรากฏในใจ โลกในความคิดอันเป็นนามธรรมจึงมีทุกอย่างเช่นเดียวกับรูปธรรม คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ เหตุการณ์ เรื่องราว ฯลฯ ที่เรานึกคิดทำให้เกิดความทุกข์ความสุขหลายรูปแบบ อุปมาเป็น ภพ ภูมิ แตกต่างกันได้มากมาย
@musictherapy1702
@musictherapy1702 3 жыл бұрын
โลกในหัวเกิดจากสัญญา แดนนรกแดนสวรรค์เกิดจากใจ กรรมชั่วกรรมดีเกิดจากเจตสิก เทวดา มนุษย์ เปรต อสุรกาย สัตว์นรกคือจิต(วิญญาณ) เราเวียนว่ายตายเกิดอย่างนี้ตลอดชีวิต
@user-zj6px9md7k
@user-zj6px9md7k 3 жыл бұрын
❤ถ้าจิตปัจจุบันไม่ทำกรรม ย่อมไม่มีกรรมสะสมเพิ่ม ไม่มีกรรมสืบต่อให้จิตรับกรรม จิตหนึ่งเป็นจิตที่มีสติรู้เนื้อรู้ตัว ไม่ทำกรรม ไม่ผิดศีล บางครั้งอุเบกขา บางครั้งมีปัญญา 💚ส่วนจิตที่นึกคิดปรุงแต่ง หลงไปดูหลงไปฟังเป็นจิตสองก็ว่าได้... ❤ จิตหนึ่งคือจิตปัจจุบัน เหมือนเวลาพูดปรกติคือเสียงหนึ่ง เสียงสองมันคือเสียงตอแหล 💚จิตสองมันคือจิตหลงในโลกตอแหล
@user-bt6um5sm7k
@user-bt6um5sm7k 3 жыл бұрын
บรรลุธรรม คือธรรมใด ที่ได้ธรรม คนที่ทำ แค่ได้ทำ หรือทำได้ มีนิพพาน เป็นอารมณ์ ใช่ข่มใจ พูดไปไย เขาไม่ถึง จึงคิดเอา ศีลวิสุทธิ์ จิตวิมุตติ์ หลุดพ้นขันธ์ โสดาบัน ท่านกระจ่าง บางเรื่องราว ตัดสังโยชน์ เพียรโภชชงค์ ไม่หลงเงา ใช่พวกเดา เข้าใจเอง เก่งเกินใคร บรรลุธรรม คือธรรมใด ที่ได้ธรรม คนที่ทำ ใช่แค่ทำ หรือทำใจ ได้นิพพาน เป็นอารมณ์ ระลึกได้ รู้แก่ใจ ใครจะรู้ เท่ารู้ตน ผู้จบกิจ จิตไม่กลับ ไปจับขันธ์ อรหันต์ มีสัญญา รู้ว่าพ้น สิ้นมานะ อวิชชา อัตตาตน ต่างกับคน อ้างตนได้ หาใช่จริง
@เล็กไม่ยอมตาย
@เล็กไม่ยอมตาย 4 жыл бұрын
เราคือผู้เห็นความเป็นเรา ความเป็นเราที่เรายึดถือเรียกว่าอัตตา เรามีอัตตาจึงปรุงแต่งจิตให้มีตัวตน ตัวตนให้วิญญาณอาศัยเวียนว่ายตายเกิดในใจ ถ้าเราละทิ้งความเป็นเราได้ เราจะไม่มีอัตตาที่ไปปรุงแต่งจิตเป็นตัวตน เมื่อนั้นจะมีแค่เรากับมีแค่จิต แต่ไม่มีอัตตาและไม่มีตัวตน เราที่ไม่เป็นใคร = 0 จิตที่ไม่เป็นอะไร = 0 วิญญาณจึงไม่มีตัวตนให้อาศัย = 0 หลังจากตายทั้ง 3 สิ่ง = 0 จิตไม่ใช่เรา = อนัตตา วิญญาณไม่ใช่เรา = อนัตตา กายไม่ใช่เรา = อนัตตา ใจไม่ใช่เรา = อนัตตา เราเป็นเพียงผู้นอนหลับและฝันตั้งแต่เกิดจนตาย เมื่อใดที่เราตื่นได้ครั้งหนึ่งแล้วเราจะรู้จักฝึกการตื่น พระอรหันต์คือผู้ที่ตื่นถาวรไม่หลับอีกไปจนวันตาย ตายแล้วจึงไม่มีเราให้ใช้แต่งนิยายสร้างละครภาค 2 เราไม่ใช่รูป เราไม่ใช่นาม รูปไม่ใช่เรา นามไม่ใช่เรา
@เล็กไม่ยอมตาย
@เล็กไม่ยอมตาย 4 жыл бұрын
อนัตตาที่ *คิดเอา* เป็นเหมือนเส้นเชือกเส้นเดียว *ยาว* ไม่สิ้นสุด อนัตตาที่ *เห็นนั้น* เป็นเหมือนตาข่ายโยงใยสรรพสิ่ง *กว้าง* ไม่สิ้นสุด
@พุทธิวิจัย
@พุทธิวิจัย 4 жыл бұрын
การอ่าน "อนัตตลักขณสูตร" แล้วใช้สมองคิดล้วนๆไม่สามารถรู้แจ้ง "อนัตตา" ได้นะครับท่านผู้เจริญฯ ศีลกับสมาธิมีมาก่อนพุทธกาลแต่ยังไม่มีใครสอน "อนัตตา" _การสอนชำระกายให้บริสุทธิ์ด้วยศีลและชำระจิตให้บริสุทธิ์ด้วยสมาธิ_ เพื่อความหลุดพ้นที่เรียกว่าวิโมกข์หรือโมกษะ คือบรรลุ "เจโตวิมุตติ" มีมาก่อนพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ แต่พระพุทธเจ้าเห็นว่าศีลกับสมาธิแบบนั้นเป็น "อัตตกิลมถานุโยค" สุดโต่งไปทางทำตนให้ลำบากจึงยากที่จะเกิดปัญญาเห็นความจริง _ด้วยพระพุทธเจ้าใช้ทางสายกลางเดินไปสู่การตรัสรู้เห็น_ "อนัตตา" พระองค์จึงสอน ศีลกับสมาธิที่ง่ายกว่า+สติปัฏฐาน 4 ทำให้เกิดปัญญาบรรลุ "เจโตวิมุตติ" สำเร็จเป็นพระอริยะและ "ปัญญาวิมุตติ" สำเร็จเป็นพระอรหันต์ การรู้แจ้ง "อนัตตา" จึงต้องมี "อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา"
@พุทธิวิจัย
@พุทธิวิจัย 4 жыл бұрын
การรู้เห็นตามความเป็นจริงที่ไม่ได้เกิดจากการ "ภาวนามยปัญญา" นั้นไม่อาจเรียกว่า "รู้ชัด" หรือ "รู้เห็นตามความเป็นจริงได้เลย" เป็นเพียงการคาดคะเนเอาเองเท่านั้นว่า ความคิดเห็นนั้น "ใช่" เรียกว่าคิดถูกต้องตาม "จินตมยปัญญา" ของตนเองเท่านั้นยังไม่จัดว่าเป็น "ความเห็นชอบ" ที่เรียกว่า "สัมมาทิฐิ" อย่างแท้จริงเพราะยังขาดการพิสูจน์ทราบจากลงมืออย่างจริงจังในการ "ภาวนามยปัญญา" จนเกิดผลให้รู้เห็นตามความเป็นจริงคืออธิปัญญา
@พุทธิวิจัย
@พุทธิวิจัย 4 жыл бұрын
อธิปัญญาที่นำไปสู่ความรู้แจ้งเป็นลำดับดังนี้ -ความหมดจดแห่งทิฏฐิ คือ ความรู้เข้าใจมองเห็นนามรูปตามสภาวะเป็นจริง เป็นเหตุข่มความเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์บุคคลเสียได้ เริ่มดำรงในภูมิแห่งความไม่หลงผิด จัดเป็นขั้นกำหนดทุกขสัจจ์ ปัญญาจาก"ทิฏฐิวิสุทธิ"นี้ทำให้ละ"สักกายทิฏฐิ"ได้
@พุทธิวิจัย
@พุทธิวิจัย 4 жыл бұрын
-ความหมดจดแห่งญาณเป็นเหตุข้ามพ้นความสงสัย, ความบริสุทธิ์ขั้นที่ทำให้กำจัดความสงสัยได้ คือ กำหนดรู้ปัจจัยแห่งนามรูปได้แล้วจึงสิ้นสงสัยในกาลทั้ง 3 ข้อนี้ตรงกับ ธรรมฐิติญาณ หรือ ยถาภูตญาณ หรือ สัมมาทัสสนะ จัดเป็นขั้นกำหนดสมุทัยสัจจ์ ปัญญาจาก"กังขาวิตรณวิสุทธิ"นี้ทำให้ละ"วิจิกิจฉา"ได้
@พุทธิวิจัย
@พุทธิวิจัย 4 жыл бұрын
-ความหมดจดแห่งญาณที่รู้เห็นว่าเป็นทางหรือมิใช่ทาง คือ เริ่มเจริญวิปัสสนาต่อไปด้วยพิจารณากลาป จนมองเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปแห่งสังขารทั้งหลาย อันเรียกว่าอุทยัพยานุปัสสนา เป็นตรุณวิปัสสนา คือวิปัสสนาญาณอ่อนๆ แล้วมีวิปัสสนูปกิเลส เกิดขึ้น กำหนดได้ว่าอุปกิเลสทั้ง 10 แห่งวิปัสสนานั้นมิใช่ทาง ส่วนวิปัสสนาที่เริ่มดำเนินเข้าสู่วิถีนั่นแลเป็นทางถูกต้อง เตรียมที่จะประคองจิตไว้ในวิถีคือ วิปัสสนาญาณนั้นต่อไป ข้อนี้จัดเป็นขั้นกำหนดมัคคสัจจ์ ปัญญาจาก"มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ"นี้ทำให้ละ"สีลัพพตปรามาส"ได้
@พุทธิวิจัย
@พุทธิวิจัย 4 жыл бұрын
-ความหมดจดแห่งญาณอันรู้เห็นทางดำเนิน คือ ประกอบความเพียรในวิปัสสนาญาณทั้งหลายเริ่มแต่อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ที่พ้นจากอุปกิเลสดำเนินเข้าสู่วิถีทางแล้วนั้น เป็นต้นไป จนถึงสัจจานุโลมิกญาณหรืออนุโลมญาณ อันเป็นที่สุดแห่งวิปัสสนา ต่อแต่นี้ก็จะเกิดโคตรภูญาณ คั่นระหว่างวิสุทธิข้อนี้กับข้อสุดท้าย ปัญญาจาก"ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ"นี้คือหัวต่อแห่งความเป็น"ปุถุชน"กับความเป็น"อริยบุคคล"
@user-bt6um5sm7k
@user-bt6um5sm7k 3 жыл бұрын
เครื่องมือที่ใช้ในการรู้ 3 อย่าง ปริยัติ-รู้ด้วยการเข้าใจ-ใช้ปรีชาญาณนำทาง ปฏิบัติ-รู้ด้วยความรู้สึก-ใช้สัญชาตญาณนำทาง ปฏิเวธ-รู้ด้วยจิตวิสุทธิ-ใช้ปัญญาญาณนำทาง
@user-hv2hb9bc2h
@user-hv2hb9bc2h 3 жыл бұрын
สอนตัวเอง ไม่เก่งสอน สอนไม่ได้ รู้อะไร ใจไม่รู้ ใช่รู้ธรรม ทุกข์ไม่เข็ด เสร็จความทุกข์ ทุกข์ครอบงำ ใจไม่จำ ไม่ทำใจ ใจดื้อดึง ก่อนสอนใคร ให้สอนตน สอนจนเห็น รู้ตัวเป็น เป็นผู้รู้ เป็นผู้ถึง ได้มรรคผล ได้ผลจริง ได้จริงจึง สอนได้ซึ้ง สอนถึงแกน สอนแก่นธรรม
@user-sx9rp7lm4h
@user-sx9rp7lm4h 3 жыл бұрын
*จิตและกรรม* • _จิตใต้สำนึกบันทึกทุกกรรม_ • _การกระทำทุกอย่างหลังกำเนิด_ • _จิตสำนึกแม้ลืมเรื่องที่เกิด_ • _แต่กรรมเชิดเป็นหุ่นเล่นละคร_ • _กรรมสั่งจิตเบื้องหลังอนัตตา_ • _เราหลงว่ากายใจรวมเป็นก้อน_ • _คือตัวเราแสดงทุกบทตอน_ • _กรรมมันสอนไตรลักษณ์ไม่รู้ตัว_ • _จิตใต้สำนึกสัมพันธ์ทุกคน_ • _เป็นตัวตนภายในสร้างดีชั่ว_ • _จิตสำนึกหลงคิดเรื่องในหัว_ • _มีกรรมยั่วกิเลสและตัณหา_ • _กรรมทำงานพร้อมกันเป็นตาข่าย_ • _เช่นกล่าวไว้บังเอิญไม่มีหนา_ • _มันเป็นอิทัปปัจจยตา_ • _เป็นที่มาวัฏฏะอันเวียนวน_ • _จิตพ้นสำนึกคือจิตพ้นโลก_ • _พ้นความโศกความเศร้าความหมองหม่น_ • _มันรู้ตื่นเบิกบานในทุกคน_ • _แต่เพราะผลแห่งกรรมอำพรางเรา_ • _กรรมกับจิตผูกพันทั้งครอบครัว_ • _ทั้งของตัวพ่อแม่ยันโคตรเหง้า_ • _จิตรับมารวมอยู่ในตัวเรา_ • _ใครอื่นเขามีกรรมร่วมสังคม_ • _จิตพ้นสำนึกโลกุตตระ_ • _ได้เพราะละจากขันธ์ที่เคยจม_ • _ดุจดอกบัวพ้นน้ำเหนืออารมณ์_ • _ปัญญาคมประหารแต่ละที_ • _กรรมไม่หมดชักนำจิตจับขันธ์_ • _โสดาบันถึงอนาคามี_ • _เห็นกิเลสสังโยชน์ยังเหลือนี้_ • _ครั้งที่สี่คือตัวอวิชชา_ • _จิตใต้สำนึกสมรู้ร่วมคิด_ • _พาหลงผิดติดโลกแห่งมายา_ • _จิตสำนึกลวงหลอกทุกเวลา_ • _เอะใจว่าจิตนี้ไม่ใช่กู_ • _กรรมใหม่จากมหากุศลเกิด_ • _จิตชั้นเลิศคือจิตของผู้รู้_ • _ได้โลกุตตรปัญญาสู้_ • _ปราบตัวกูตัวมารอวิชชา_ • _จิตพ้นสำนึกถึงวิมุตติ์แท้_ • _มารก็แพ้หมดสิ้นไร้อัตตา_ • _ไร้ตัวตนจึงว่างสิ้นกังขา_ • _คือปัญญาวิมุตติ์อรหันต์_ • _กรรมวิบากนำพาแก่เจ็บตาย_ • _มันเป็นไปร่วมกับธาตุและขันธ์_ • _แต่ว่าจิตแยกขาดไม่รวมกัน_ • _ตราบจนวันสิ้นลมหมดสิ้นกรรม_
@user-yj9kl3sj5y
@user-yj9kl3sj5y 3 жыл бұрын
เกี่ยวไรกะ อภิปรัชญา
@saabpen1139
@saabpen1139 2 жыл бұрын
ในสติปัฏฐาน๔... แสดงชัดว่าผู้เห็นเกิดดับ...คือ " ภิกษุ-เธอ-พวกเธอ-เธอทั้งหลาย "... ซึ่งเรียกสั้นๆว่า " บุคคล "...และในกรณีนี้...บุคคล = สัตว์...ผู้ยึดติด บุคคลนี่หละ..เป็นผู้..ตามเห็นกายในกาย ตามเห็นเวทนา ตามเห็นจิต และตามเห็นธรรม... ตลอดสังสารวัฏฏ...สัตว์ผู้ยึดติดมันไม่ตาย...จะตายก็เมื่อนิพพานโน้น.. พอนิพพาน...ก็คือ...นิพพานธาตุ
@user-hv2hb9bc2h
@user-hv2hb9bc2h 3 жыл бұрын
"ตถตา"คาถาพระ..ตถาคต สื่อถึงกฏ.. _อิทัปปัจจยตา_ . _ปฏิจจสมุปบาท_ ..อนัตตา ย่อลงมาว่ามันเป็น..เช่นนั้นเอง "ตถตา"คาถาพระ..พุทธทาส ผู้ประกาศศาสตร์พุทธะ.. _พระสัมมา_ . _อนิจจังทุกขังน่ะ_ ..อนัตตา ทุกข์ใดมาว่ามันเป็น..เช่นนั้นเอง
@user-zi2si9of4p
@user-zi2si9of4p 3 жыл бұрын
โอ้..ชีวิตมันเป็น..เช่นนั้นเอง
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
ผู้ตื่นรู้มองเขา เห็นอะไร ธาตุทั้งหลายแต่เดิม เหมือนๆกัน ธรรมชาติแยกแล้ว ไม่ต่างกัน ทุกสิ่งนั้นล้วนเป็น ตถตา ผู้ตื่นแล้วมองตน เห็นอะไร ทั้งกายใจใช่เรา ที่ไหนหว่า เราไม่ใช่อะไร ในขันธ์ห้า อนัตตาทั้งหมด เช่นนี้เอง
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
ผู้ที่รู้อนัตตาด้วยการคิดแล้วไม่ยึดติดสิ่งสมมุติ kzbin.info/www/bejne/gKq7nGaejdOZqqc
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
การเผยแพร่คลิปในที่สาธารณะเพื่อชักจูงคนให้คล้อยตามความคิดนั้นมีผลต่อพุทธศาสนา สาธุชนชาวพุทธมีสิทธิในการปกป้องโต้แย้งเพื่อความกระจ่างอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมครับ
@user-og8xr1ly6d
@user-og8xr1ly6d 3 жыл бұрын
🙏
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
อิทัปปัจจยตา คือตาข่าย สิ่งทั้งหลายเชื่อมโยง เกี่ยวข้องกัน รูปธรรมทั้งหมด ล้วนสัมพันธ์ เกิดดับนั้นลงตัว เกินเข้าใจ ธาตุเดิมแท้ประกอบ เป็นสิ่งนี้ มีสิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้ได้ สรรพสิ่งมีเหตุ มีปัจจัย ล้วนไม่ใช่เหล่าเทพ ดลบันดาล ปฏิจจสมุปบาท คือสืบเนื่อง อยู่ในเรื่องของจิต โลกภายใน นามธรรมทั้งหมด ล้วนเป็นไป หลุดพ้นได้เมื่อสิ้น อวิชชา วิสังขารวิญญาณ สิ้นปัจจัย สิ้นทุกข์ได้ดับเหตุ ด้วยปัญญา อุปาทานไม่เหลือ พ้นขันธ์ห้า ดับที่มาแห่งทุกข์ จึงนิพพาน
@user-bt6um5sm7k
@user-bt6um5sm7k 3 жыл бұрын
ปัญจวัคคีย์มีท่าน โกณฑัญญะ ฟังพุทธะ ปฐมเทศ สำเร็จนำ โสดาบัน ได้ปัญญา ตาเห็นธรรม เพราะท่านทำ บำเพ็ญศีล อภิญญา แจ้งทิฏฐิ วิสุทธิ์ได้ ก่อนใครนั้น เพราะจิตท่าน ขั้นวิสุทธิ์ วิมุตติ์กล้า เกิดมรรคผล จึงพ้นไป ไร้อัตตา สิ้นกังขา มัคคาผ่าน แจ้งญาณทัศน์ อรหันต์ ท่านอื่นได้ ใช่เพียงฟัง ด้วยระวัง ทั้งศีลละ จิตสะอาด ไตรสิกขา เดิมมาครบ จบไม่ขาด จึงสิ้นชาติพ้นวัฏฏะ พระนำทาง ไม่ได้จิตไม่ได้ธรรม ไม่ทำเอง ใครอวดเก่ง ไม่เคร่งครัด ตัดบางอย่าง เปรียบตนว่า พาหิยะ จะเป็นบ้าง หลงในว่าง ยังห่างไกล ไม่ใช่เอย
@กีต้าร์4สาย
@กีต้าร์4สาย 3 жыл бұрын
พระพาหิยะท่านเดินมาเจ็ดวันเจ็ดคืนเพื่อมาพบพระพุทธเจ้า ศรัทธาก็เต็ม วิริยะก็เต็ม สติก็เต็ม สมาธิก็เยอะ อดนอนเจ็ดวันเจ็ดคืนได้แสดงว่าสมาธิเยอะ พระพุทธเจ้าจึงทรงเติมปัญญานิดเดียว เติมปัญญานิดเดียวนี่แหละ บรรลุอรหันต์เลย
@กีต้าร์4สาย
@กีต้าร์4สาย 3 жыл бұрын
หมายเหตุ: พระพาหิยะท่านปฎิบัติตนปลีกวิเวกในป่าลึกเคร่งครัดศีล ออกมาชายป่าจะนุ่งผ้าเปลือกไม้เป็นโยคีชีเปลือยฝึกฌานชั้นสูง
@user-bt6um5sm7k
@user-bt6um5sm7k 3 жыл бұрын
การจบกิจ ใช่คิดจบ แล้วจบกิจ หลงทำจิต ให้ติดว่าง ปล่อยวางใจ หมดสงสัย ใช่เลิกคิด เชื่อผิดไป ยังอวดใคร ว่าได้จบ ไม่จบเอย
@user-im3tt1fs7b
@user-im3tt1fs7b 3 жыл бұрын
ความรู้กับการรู้ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ความรู้เป็นของมือสอง การรู้เป็นของเราเอง ความรู้มักจะปิดกั้นการเรียนรู้ ความคิดกับความจริงไม่ใช่สิ่งเดียวกัน การคิดคือใช้ตรรกะคำนวณ ความจริงคือสิ่งที่ปรากฏแล้วรู้ชัด ความคิดมักจะปิดกั้นการเห็นความจริง
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
กรรมของพุทธคือกรรม ของเผ่าพันธุ์ กรรมพันธ์คือโรค สืบเชื้อสาย มีเจ้ากรรมนายเวร เป็นโรคร้าย บ้างค้าขายหมดตัว เพราะผลกรรม กรรมของพราหมณ์คือกรรม อันงมงาย ต่างความหมายกับพุทธ ปัญญานำ กรรมชาติก่อนโคตรเหง้า เคยกระทำ คือเหตุกรรมมีผล ถึงลูกหลาน
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
คำว่าชาติของพุทธ อยู่ในใจ จิตเวียนว่ายตายเกิด นับไม่ถ้วน วิญญาณขันธ์เกิดดับ หลงล้วนๆ นับจำนวนไม่ได้ กว่าจะตาย คำว่าชาติของฮินดู คือสังสาร แต่โบราณครอบงำ จนงมงาย ภควัทคีตา อธิบาย สร้างจุดขายพุทธะ อวตาร
@user-qu1zx8mf8s
@user-qu1zx8mf8s 3 жыл бұрын
เจโตวิมุตติอาศัยอัตตาตัวตนที่ทิ้งกิเลสหยาบมายึดกิเลสละเอียดแทน นิพพานของพุทธนิกายมหายานจิตยังไม่สะอาดบริสุทธิ์ ยังติดในเมตตา กรุณา มุฑิตา การสอนจิตเป็นอมตะนิพพานเป็นแดนสวรรค์ทำให้เกิดความเพียร ปัญญาวิมุตตินั้นพ้นอัตตาตัวตนทิ้งกิเลสละเอียดเพราะสิ้นอวิชชาด้วยโลกุตตระปัญญา นิพพานของพุทธเถรวาทจิตจึงสะอาดบริสุทธิ์เป็นอุเบกขา การสอนอนัตตาทำให้เห็นความจริงที่พ้นจากความเชื่อในกาลามสูตร
@user-zj6px9md7k
@user-zj6px9md7k 4 жыл бұрын
ความเชื่อเรื่องกรรมที่คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจกันไม่ต่างจากความเชื่อที่ถ่ายทอดมาแต่ก่อนพุทธกาล กรรมจากชาติก่อนมาชาตินี้ไปชาติหน้าคือกรรมจากบรรพบุรุษมาพ่อแม่ไปยังลูกหลานรู้ได้ด้วยปัญญา เราเป็นทายาทของกรรมที่รับจากบรรพบุรุษปู่ย่าตายยายมาถึงพ่อแม่ทำให้เราเกิดมามีรูปร่างหน้าตาสติปัญญาและโรคกรรมพันธุ์ รวมทั้งกรรมดีกรรมชั่วที่ส่งผลต่อฐานะความเป็นอยู่หรือแม้แต่การผจญเคราะห์กรรม ด้วยเหตุนี้การที่ผลกรรมตกกับลูกหลานเพราะคนในครอบครัวทำไว้จึงมีให้เห็นเป็นคดีอยู่ทุกวัน
@user-vc8fw4cs6w
@user-vc8fw4cs6w 4 жыл бұрын
คำว่า กรรม แปลว่า การกระทำด้วยเจตนา (ตั้งใจ) ซึ่งเจตนานั้นก็คือ กิเลส (คือความพอใจ, ไม่พอใจ, และลังเลใจ ซึ่งบางทีก็เรียกว่า ตัณหา ที่แปลว่า ความอยาก คือทั้งอยากได้และไม่อยากได้) ส่วน ผลของกรรม เรียกว่า วิบาก คือสรุปว่า เมื่อใดที่จิตของเราเกิดกิเลส ก็เรียกว่าเป็นกรรมทันที
@user-bt6um5sm7k
@user-bt6um5sm7k 3 жыл бұрын
เจโตวิมุตต์ วิสุทธิจิต แม้พ้นเรื่องคิด แต่ติดอัตตา กิเลสตัดได้ แล้วไม่กลับมา เหลืออวิชชา ใช่ว่าหลุดพ้น ปัญญาวิมุตต์ วิสุทธิญาณ แจ้งวิสังขาร วิญญาณตัวตน ถึงวิราคะ วัฏฏะเวียนวน อรหันต์ผล จึงพ้นแท้จริง
@parinyapramote4279
@parinyapramote4279 3 жыл бұрын
รู้ยัง? ท่าน "ดีม็อค วัน" ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "พระ สมบูรณ์" แล้วนะ
@Quitser
@Quitser 2 жыл бұрын
ถ้าฉันไปเขาจะไปด้วย- ถ้าที่เป็นไปได้ กับถ้าโดเรมอนมีจริง คนที่อยู่กับโดเรมอนก็สบายเลย อย่างนี้แสดงว่าโดเรมอนอาจมีอยู่จริง เพราะเปิดประเด็นไว้ ใช่หรือไม่
@yordshanek-un2217
@yordshanek-un2217 3 жыл бұрын
ขอบคุณ...ครับอาจารย์
@kutapunyophatummada1329
@kutapunyophatummada1329 2 жыл бұрын
ก็ถก กันไปนะแสดงความคิดเห็น ถึงหาข้อสรุปยาก ก็ควรยกมาคุยกัน เพื่อจะมีความรู้เพิ่มอีก คงไม่หนัก สมองมากนัก
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
อนัตตาของพุทธ เถรวาท ทรงบัญญัติสอนไว้ อย่าสับสน ชาวฝรั่งตีความ สัปดน พาปะปนปรัชญา ตามโลกีย์ อนัตตาคือเห็น ไม่ใช่เรา หรือของเราสักอย่าง แยกให้ดี ความเที่ยงแท้ตัวตน นั้นไม่มี ทุกสิ่งนี้ล้วนเป็น ตถตา
@user-oh5sj6wg3s
@user-oh5sj6wg3s 4 жыл бұрын
การรู้อนัตตาจากการแปลความหมายไม่ใช่การเห็นอนัตตา...การเห็นอนัตตานั้นเห็นธรรมทั้งหลายมีความเกี่ยวพันกันเป็นอิทัปปัจจยตา...รูปนามไม่ใช่เรามันเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปด้วยเหตุปัจจัย...มีเหตุปัจจัยมากมายทำให้รูปนามไม่เป็นไปตามความต้องการของเรา...ความเกี่ยวพันของธรรมทั้งหลายไม่ใช่ 1ต่อ1 แต่เป็นองค์รวมทั้งหมด...
@thestoryofbuddha1883
@thestoryofbuddha1883 3 жыл бұрын
"ผู้ใด *เห็นธรรม* ผู้นั้นเห็นเราตถาคต" เราคือตถาคตผู้ได้ดวงตา *เห็นธรรม* ตามพระพุทธเจ้าแล้วสำเร็จเป็นพระโสดาบัน ๑. *เห็นธรรม* คือเห็นความเกิดดับแห่งรูปนาม จึงไม่มีความเห็นผิดว่าขันธ์ ๕ เป็นเรา เป็นของเรา เป็นว่ามีตัวตน ยึดกายของตน ความเห็นเข้าข้างตน ๒. *เห็นธรรม* คือเห็นเหตุปัจจัยเกิดดับแห่งรูปนาม จึงไม่มีความลังเลสงสัย ความเคลือบแคลงในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่สงสัยในพระรัตนตรัย ๓. *เห็นธรรม* คือเห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคเป็นอริยสัจ จึงไม่มีความยึดมั่นการถือศีลถือพรตอย่างงมงาย ไม่เชื่อโชคลาง ไม่เชื่อพิธีกรรม หรือศรัทธาใดๆที่ขาดปัญญา
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
"ตถาคต"คือผู้ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่ามี"อาตมัน"เป็นเรา "ตถาคต"คือ"เราผู้เห็นธรรม"แล้วละสังโยชน์ได้ 3 ข้อ
@eeeaaa8676
@eeeaaa8676 3 жыл бұрын
เรา,อาจารย์,และมัน อยู่ในสงคราม หลักๆมีเท่านี้เเหละ
@user-qu1zx8mf8s
@user-qu1zx8mf8s 3 жыл бұрын
เรื่องการฟังธรรมแล้วบรรลุโสดาบันครับ อมราวิกเขปิกทิฐิ ลัทธิของสัญชัยปริพาชกมีการปฏิบัติถือศีลทำสมาธิเข้าฌานตามความเชื่อในสมัยนั้นจนมีความรอบรู้ มักโต้วาทีโดยมีความเห็นไม่แน่นอน ซัดส่ายไหลลื่นเหมือนปลาไหล เพราะเหตุหลายประการ เช่น เกรงจะพูดปด เกรงจะเป็นการยึดถือ เกรงจะถูกซักถามเพราะโง่เขลา จึงปฏิเสธว่า อย่างนี้ก็ไม่ใช่ อย่างนั้นก็ไม่ใช่ ไม่ยอมรับและไม่ยืนยันอะไรทั้งหมด อุปติสสะปริพาชกเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ในสำนักสัญชัยปริพาชกจึงมีศีลมีสมาธิจิตสะอาด มิได้มีกิเลสเต็มหัวอย่างนักฟังธรรมแล้วคิดเอาในยุคปัจจุบัน ท่านพระอัสสชิ ได้กล่าวธรรมปริยายแก่อุปติสสะปริพาชกดังนี้ "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ (ทุกข์) พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น (สมุทัย) และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น (นิโรธ) พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้ (มรรค)" การคิดพิจารณาอย่างแยบคายต้องมีสภาวะธรรมของจริงให้เห็นก่อน ปริพาชกอุปติสสะฟังแล้วบรรลุโสดาบันเมื่อนำไปบอกกล่าวกับปริพาชกโกลิตะก็บรรลุโสดาบันเช่นกัน แล้วทั้งสองได้ชวนกันไปหาสัญชัยปริพาชก ผู้เป็นอาจารย์โดยมุ่งหวังว่าจะชวนอาจารย์เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ทั้งนี้ด้วยความหวังที่จะให้อาจารย์ได้ บรรลุอมตธรรมอันเป็นธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง “ฉันขอบใจเธอทั้ง ๒ ที่หวังดี ในโลกนี้คนโง่มากหรือคนฉลาดมาก” อาจารย์ถามลูกศิษย์ “คนโง่มีมาก คนฉลาดมีน้อย” ลูกศิษย์ตอบอาจารย์ “ถ้าอย่างนั้น ขอให้คนฉลาดจงไปหาพระสมณโคดม ส่วนคนโง่จงมาหาฉัน” ทั้งสองไม่สามารถโน้มน้าวอาจารย์จึงกราบลาไป ภายหลังได้บวชในพระพุทธศาสนาแล้ว ปริพาชกอุปติสสะมีชื่อเรียกใหม่ว่า สารีบุตร(บุตรของนางสารี) ส่วนปริพาชกโกลิตะมีชื่อเรียกใหม่ว่า โมคคัลลานะ (ผู้มีเชื้อสาย ของนางโมคคัลลี) การสืบทอดคำสอนพระพุทธเจ้าของคนจำนวนน้อยยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน ทั้งฝ่ายปริยัติและฝ่ายปฏิบัติยังไม่สูญไปครับ
@2nTai
@2nTai 3 жыл бұрын
อุปติสสะและโกลิตะไปชมมหรสพแล้วรู้สึกเบื่อหน่าย เพื่อแสวงความหลุดพ้น ทั้งสองท่านจึงไปที่สำนักสัญชัยเวลัฏฐบุตร และสำเร็จโดยใช้เวลาเพียงสองสามวัน แต่รู้สึกว่ายังไม่ใช่สิ่งที่ตนแสวงหา จึงแยกย้ายเพื่อหาครูผู้สามารถสอนได้แท้จริงหากใครพบก่อนให้มาบอกอีกฝ่ายมิอำพราง วันหนึ่งท่านอุปติสสะพบภิกษุรูปหนึ่งเดินบิณฑบาตรรู้สึกประทับใจในอิริยาบทน่าเลื่อมใสจึงเดินตามเพื่อใส่บาตรและรอโอกาสเพื่อสอบถาม ครั้นได้โอกาสจึงใส่บาตร และถามพระอัสสชิเถระว่า ท่านพอใจในธรรมของใคร และกล่าวธรรมอย่างไรบ้างครับ พระอัสสชิเถระ ตอบว่า เรายินดีในธรรมของพระผู้มีพระภาค พระองค์ทรงตรัสธรรมว่า "เยธมฺมา เหตุปฺปพวา เตสํ เหตุ ตถาคโต เตสญฺ จ โยนิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ"
@2nTai
@2nTai 3 жыл бұрын
ธรรมเหล่าใดมีเหตุเป็นแดนเกิด ตถาคตตรัสถึงเหตุแห่งธรรม และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะเจ้ามีปกติตรัสอย่างนี้ ฟังแล้วจึงแจ้งว่าธรรมทั้งหลายเกิดดับตามเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดเป็นอมตะ อาตมันที่เชื่อว่าเป็นตัวตนอมตะไม่ใช่ความจริง เมื่อเห็นความเกิดดับด้วยตนเองย่อมละสักกายทิฏฐิได้ ผู้รู้แจ้งในสิ่งที่ไม่เคยมีใครสอนจึงเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้า เชื่อในคำสอน เชื่อในพระสาวก สุดท้ายคือละทิ้งความเชื่อและการปฏิบัติที่เคยทำ จึงสำเร็จโสดาบันด้วยดวงตาเห็นธรรม(ญาณปัญญา)
@chapkitcx7842
@chapkitcx7842 6 жыл бұрын
เรื่องนี้งงดีจริง ๆ เหมือนเข้าใจ. อีกแปบก็งง
@เล็กไม่ยอมตาย
@เล็กไม่ยอมตาย 4 жыл бұрын
อ่านมากหลงมาก ฟังมากหลงมาก ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน เลิกฟังเลิกอ่านเลิกคิด รู้อะไรไม่สู้การรู้ตัว
@popsecondhand4307
@popsecondhand4307 4 жыл бұрын
ตามมาจากเฟสบุ๊คครับ
@user-vc8fw4cs6w
@user-vc8fw4cs6w 4 жыл бұрын
ตามมาเช่นกัน
@user-ie3rt8jo4s
@user-ie3rt8jo4s 3 жыл бұрын
ตามจากกลุมไหนคับ
@user-zi2si9of4p
@user-zi2si9of4p 4 жыл бұрын
#สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลส แต่ยังมีขันธ์ 5 อยู่ เป็นนิพพานของพระอรหันต์ผู้ยังมีชีวิตอยู่ #อนุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลส ไม่มีขันธ์ 5 เหลือ คือ สิ้นทั้งกิเลสและชีวิต หมายถึง พระอรหันต์สิ้นชีวิต
@user-sl4bm1qd5t
@user-sl4bm1qd5t 3 жыл бұрын
บรรลุพระอรหันต์ เรียกบรรลุถึงสอุปาทิเสสนิพพาน นิพพานที่มีขันธ์เหลือ ความทุกข์ยังมีอยู่ แต่ใจมันพ้นทุกข์ ใจมันไม่ทุกข์ไปด้วย ความทุกข์ก็คือตัวขันธ์ 5 มันยังมีอยู่ แล้วขั้นสูงสุด ความดับสนิทแห่งทุกข์ อันนั้นเป็นการที่บรรลุถึง พวกเราจะเรียกว่านิพพาน จริงๆ มันคือ อนุปาทิเสสนิพพาน นิพพานที่ไม่มีขันธ์เหลืออยู่ นี่เป็นความดับขันธ์ ดับขันธ์ก็คือดับทุกข์ ยังมีขันธ์อยู่แต่จิตไม่ยึดถือขันธ์ จิตมันก็พ้นทุกข์ ฉะนั้นนิพพานตรงนี้มีสองชนิด นิพพานที่มีขันธ์เหลืออยู่กับนิพพานที่สิ้นขันธ์
@user-ry4zg2jd3k
@user-ry4zg2jd3k 4 жыл бұрын
เรื่องนี้ดูง่ายเข้าใจง่าย ผมว่าท่านนั่นแหละหลงทาง
@thounthongsomsong9010
@thounthongsomsong9010 4 жыл бұрын
ผมว่าชาวบ้านเขาไม่สงสัยและสับสนเรื่องนี้ แต่นักวิชาการที่ร่ำเรียนมาแบบฝรั่งกลับสับสน และหลงทางอย่างท่านว่า
@user-oh5sj6wg3s
@user-oh5sj6wg3s 4 жыл бұрын
แต่ละคนเห็นอนัตตากว้างไกลได้ไม่เท่ากัน...การเห็นธรรมทั้งหลายเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่เหนือความคิดความเข้าใจ...ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวพันกันไม่ใช่ความบังเอิญ...รูปนามของทุกสรรพสิ่งมิได้เป็นไปตามยถากรรม...สิ่งที่อยู่เบื้องหลังอันไร้รูปไร้นามนั้นอธิบายให้เข้าใจไม่ได้...ความเป็นอนัตตาที่สอนกันจึงเป็นความจริงตื้นๆอันไร้มิติ...
@user-zi2si9of4p
@user-zi2si9of4p 4 жыл бұрын
#พุทธนิกายเถรวาทสอน *"อนัตตา"* และเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดที่เป็น *"นามธรรม"* เหมาะสำหรับบุคคลประเภทที่สามารถเป็นบัวพ้นน้ำได้ #พุทธนิกายอื่นใช้สัทธรรมปฎิรูปสอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดที่เป็น *"รูปธรรม"* เหมาะสำหรับบุคคลประเภทที่ไม่อาจเป็นบัวพ้นน้ำได้
@user-zi2si9of4p
@user-zi2si9of4p 4 жыл бұрын
#การเห็นปฏิจจสมุปบาทเป็น *"นามธรรม"* คือเห็นการเวียนว่ายตายเกิดที่เป็น _สังสารวัฏภายใน_ #เรียนปริยัติแล้วต้องปฏิบัติเจริญสติปัฏฐานเพื่อให้เห็น _สังสารวัฏภายใน_ ซึ่งไม่ใช่การคิดเข้าใจด้วยการอ่านการฟัง
@user-zi2si9of4p
@user-zi2si9of4p 4 жыл бұрын
#การเห็นปฏิจจสมุปบาทเป็น *"รูปธรรม"* คือเห็นการเวียนว่ายตายเกิดที่เป็น _สังสารวัฏภายนอก_ #พระวินัยของพุทธเถรวาทห้ามพระสงฆ์เสพเมถุนทำให้ไม่มีการเกิดทางร่างกาย _สังสารวัฏภายนอก_ ก็สิ้นสุดในชีวิตนี้
@user-zi2si9of4p
@user-zi2si9of4p 4 жыл бұрын
#พุทธนิกายอื่นไม่ห้ามพระสงฆ์เสพเมถุนทำให้ยังมีการเกิดทางร่างกาย _สังสารวัฏภายนอก_ จะสิ้นสุดได้อย่างไรกัน?
@user-zi2si9of4p
@user-zi2si9of4p 4 жыл бұрын
#พุทธนิกายอื่นไม่สอน *"อนัตตา"* ไม่เห็นการเวียนว่ายตายเกิดที่เป็น *"นามธรรม"* จะต่างอะไรกับศาสนาฮินดู?
@ZaZa-bs1wl
@ZaZa-bs1wl 10 ай бұрын
​@@user-zi2si9of4pมั่วแล้วครับ นิกายวินัย หรือ ริชชู ของญี่ปุ่นเขายังมีวินัยใกล้เคียงกะเถรวาท แถมยังเคร่งมากๆ ไม่มีเมียด้วยนิครับ เพียงแค่เขาเติมศีลพระโพธิสัตว์เข้าไปเอง ส่วนบางนิกาย เช่น โจโดชินที่มีเมียได้นั่นค่อยอีกเรื่อง อย่ามาด่ามั่วๆ ไปศึกษามาให้ดีก่อนนะครับ ก่อนที่จะมาด่าเขา
@สามารถเพ็ญสว่าง
@สามารถเพ็ญสว่าง 4 жыл бұрын
สิ่งที่คิดมาจากความเชื่อใดในกาลามสูตร
@สามารถเพ็ญสว่าง
@สามารถเพ็ญสว่าง 4 жыл бұрын
กาลามสูตรกังขานิยฐาน Kālāmasutta-kaṅkhāniyaṭṭhāna 1. มา อนุสฺสเวน อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา Be not led by report 2. มา ปรมฺปราย อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา Be not led by tradition 3. มา อิติกิราย อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ Be not led by hearsay 4. มา ปิฏกสมฺปทาเนน อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์ Be not led by the authority of texts 5. มา ตกฺกเหตุ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก Be not led by mere logic 6. มา นยเหตุ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน Be not led by inference 7. มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล Be not led by considering appearances 8. มา ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว Be not led by the agreement with a considered and approved theory 9. มา ภพฺพรูปตาย อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ Be not led by seeming possibilities 10. มา สมโณ โน ครูติ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา Be not led by the idea, ‘This is our teacher’.
@สามารถเพ็ญสว่าง
@สามารถเพ็ญสว่าง 4 жыл бұрын
สูตรนี้ ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติยสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาลามะแห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาลามะนั้นเป็นชาวเกสปุตตนิคม
@สามารถเพ็ญสว่าง
@สามารถเพ็ญสว่าง 4 жыл бұрын
จาก: พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต
@user-tl2kd3ts4c
@user-tl2kd3ts4c 3 жыл бұрын
"ผู้เฒ่าเต๋าบรรเลงพิณไร้สาย" _แต่เดิมเริ่มหัดดีดพิณกับผู้เฒ่ามานั้นเสียงมันน่ารำคาญต่อผู้ผ่านมาได้ยินครั้นเมื่อเขาบรรเลงได้เป็นเพลงก็น่าฟังขึ้นนับวันยิ่งไพเราะเสนาะหูจนมีคนหยุดฟังการไปแสดงที่ต่างๆยิ่งได้รับเสียงปรบมือยิ่งทำให้พัฒนาฝีมือจนเหนือใครมีคนมาสมัครเรียนเป็นลูกศิษย์มากมายแต่ก็ไม่เคยมีใครได้ยินผู้เฒ่าซึ่งเป็นอาจารย์ของเขาบรรเลงพิณเลยสักครั้ง_ การบรรลุทางธรรมได้เจโตวิมุติก็เหมือนกับศิลปินผู้สำเร็จความใคร่ในอัตตาตัวตน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด พุทธนิกายใด เชื่อเทพเจ้าใด งมงายบูชาผีสางหรือเจ้าพ่อเจ้าแม่ใด สามารถบรรลุเจโตวิมุติได้ ไม่ต่างกับคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพของตนจนยกระดับจิตใจอยู่เหนืออำนาจเงิน ทำเพื่อสิ่งที่รัก ทำเพื่อสังคม ทำเพื่ออุดมการณ์ แม้ละกิเลสหยาบ ละกิเลสกลาง มาจับกิเลสละเอียด แต่ก็ยังไม่พ้นอัตตาตัวตน คนทรงเจ้าเข้าผีบางคนเคยบรรลุเจโตวิมุติก็มี ดังนั้นคนมากมายได้เจโตวิมุติโดยไม่ได้ปฏิบัติภาวนา ไม่ได้เจริญสติเจริญปัญญาอย่างถูกต้อง เมื่อเจอนิมิต เจอวิปัสสนูกิเลสต่างๆ จึงตีความธรรมะจากตัวอักษรไปด้วยอวิชชา มีคนเคยบอกว่าอวิชชาที่ครอบงำทำให้มนุษย์โตแต่ตัวแต่จิตใจเป็นเด็กไม่ยอมโต ผู้บรรลุเจโตวิมุตติทั้งหลายก็เช่นกัน รู้อะไรไปหมดไม่ต่างจากเด็กแก่แดด ตัวผู้รู้ จิตผู้รู้ ที่แสนวิเศษก็ยังเป็นเด็กแก่แดด เป็นผีใหญ่ของพระอริยะบุคคล ฟังหลวงตาหลวงปู่บอกอย่างนี้ใช่จะพาลไม่เอาอะไรเลย ไม่เป็นผู้หลงไม่เป็นผู้รู้ เอาแต่ว่างๆ เป็นการว่างที่มีอวิชชา ไม่เห็นอัตตาตัวตนที่ซ่อนอยู่อย่างแนบเนียน ต่อมาก็หลงตนว่าบรรลุนิพพานไม่ปรุงแต่งอะไร เพราะไม่รู้ว่าความว่างแบบนี้ไม่ใช่ของจริง ว่างของจริงไม่มีตัวกูของกู ไม่มีผู้บรรลุอะไรทั้งนั้น เมื่อฟังแล้วก็ซ้อนความคิดนี้เข้าไปอีกชั้น _การเชื่อว่านิพพานเป็นอัตตา_ เอาธรรมะตัวหนังสือมาหลอกตัวเองได้ทุกอย่าง หลอกได้แม้แต่ตนเองว่าเป็นพระพุทธเจ้าได้ จึงมีสำนวนว่าพบผู้รู้ให้ทำลาย พบพระพุทธเจ้าให้ฆ่าทิ้ง เพราะมันคืออัตตาตัวตนที่ครอบงำดุจเดียวกับศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่ติดกับดักความยิ่งใหญ่ของตนเอง ครูบาอาจารย์มักสอนลูกศิษย์ผู้ปฏิบัติภาวนาว่าอย่าใช้ความฉลาดนำ อย่าใช้ความคิดล้ำหน้าการปฎิบัติ ทั้งปุถุชนและพระอริยะบุคคลต้องอาศัยตัวผู้รู้ จิตผู้รู้ อันหมายถึงการบรรลุเจโตวิมุตติต้องอาศัยอัตตาตัวตน ไม่ต่างกับการเป็นศิลปินสนองตอบอีโก้จนถึงจุดสุดยอด การละกิเลสตัณหาเป็นลำดับได้ "จิตต้องผ่านการสำเร็จความใคร่เป็นลำดับ" #ต้องพิจารณาอย่างแยบคาย #การสนองอัตตาตัวตน #มิใช่สนองกิเลสตัณหา #เจโตวิมุตติมีหลายเส้นทาง #ปัญญาวิมุตติมีเส้นทางเดียว "ท่านผู้เฒ่าสอนเต๋าผ่านบทเพลงพิณแก่ลูกศิษย์" _จนกระทั่งเขาได้เรียน"บทเพลงที่ไม่เป็นเพลง"เป็นครั้งสุดท้ายผู้เฒ่าก็หายสาปสูญไปนับแต่นั้นมาเขาจึงไม่ได้เรียน"บทเพลงพิณไร้สาย"จากผู้เฒ่าอีกเลย_ 🙏กราบขอบพระคุณท่านสามัญชน จนและโง่ ที่ช่วยชี้แนะข้าพเจ้า
@user-tl2kd3ts4c
@user-tl2kd3ts4c 3 жыл бұрын
การเรียนดนตรีแบบ "มุขปาฐะ" kzbin.info/www/bejne/haatY4mbfsd5hbc
@user-tl2kd3ts4c
@user-tl2kd3ts4c 3 жыл бұрын
รวี ศังกร (เบงกอล: রবি শংকর ;อังกฤษ: Ravi Shankar, 7 เมษายน ค.ศ. 1920 - 11 ธันวาคม ค.ศ. 2012) เป็นนักเล่นซีตาร์และนักประพันธ์ชาวอินเดีย หนังสือ Musik in Geschichte und Gegenwart กล่าวว่าเขาเป็นนักดนตรีร่วมสมัยชาวอินเดียที่เป็นที่รู้จักที่สุด รวีเกิดในเมืองพาราณสีและใช้ชีวิตวัยรุ่นในการออกทัวร์ในยุโรปและอินเดียกับกลุ่มเต้นรำของพี่ชาย อุทัย ศังกร เขาหันหลังให้กับการเต้นรำในปี ค.ศ. 1938 เพื่อศึกษาการเล่นซีตาร์ ภายใต้การสอนของนักดนตรี อลูดิน คาห์น หลังจากศึกษาจบในปี ค.ศ. 1944 รวีทำงานในฐานะนักประพันธ์ สร้างสรรค์ดนตรีในภาพยนตร์เรื่อง The Apu Trilogy ของสัตยาจิต เรย์และเป็นผู้กำกับดนตรีให้กับสถานีวิทยุออลอินเดียเรดิโอ ในนิวเดลี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 ถึง 1956 ในปี ค.ศ. 1956 เขาเริ่มออกทัวร์ในยุโรปและอเมริกา เล่นดนตรีคลาสสิกอินเดียและได้รับความนิยมมากขึ้นที่นี่ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 เนื่องจากการสอน การแสดงและการร่วมกับนักไวโอลินที่ชื่อ เยฮูดิ เมนูฮิน รวมถึงจอร์จ แฮร์ริสันแห่งวงเดอะบีตเทิลส์ รวีมีส่วนร่วมกับดนตรีตะวันตกโดยการเขียนเพลงคอนเสิร์ตในส่วนซีตาร์และออร์เครสตรา และออกทัวร์ทั่วโลกในคริสต์ทศวรรษ 1970 และ 1980 ตั้งแต่ปี 1956 ถึง 1992 เขาได้รับการเสนอชื่อในสภาสูงของรัฐสภาอินเดีย เขาได้รับรางวัล Bharat Ratna ในปี 1999 และได้รับ 3 รางวัลแกรมมี่ เขายังคงแสดงต่อในคริสต์ทศวรรษ 2000 โดยร่วมกับลูกสาว อนุษกา เป็นส่วนมาก
@user-tl2kd3ts4c
@user-tl2kd3ts4c 3 жыл бұрын
อนุษกา ศังกร (เบงกอล : অনুষ্কা শঙ্কর; อังกฤษ: Anoushka Shankar) เกิด 9 มิถุนายน ค.ศ. 1981 เป็นนักเล่นซีตาร์และนักประพันธ์ชาวอินเดีย บิดาของเธอคือ รวี ศังกร มารดาของเธอคือ สุกัญญา ราชัน เธอเป็นพี่น้องต่างมารดากับ นอราห์ โจนส์ นอราห์ โจนส์ (เบงกอล: গীতালি নোরা জোনস শঙ্কর, Geethali Norah Jones Shankar) เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1979 ในนครนิวยอร์ก เป็นนักร้อง นักประพันธ์เพลงแจ๊ซ และนักเปียโนชาวอเมริกัน โจนส์ได้รับรางวัลแกรมมี่ 9 รางวัล และมียอดขายมากกว่า 50 ล้านชุดทั่วโลก
@user-tl2kd3ts4c
@user-tl2kd3ts4c 3 жыл бұрын
จิตวิญญาณชาวตะวันตก kzbin.info/www/bejne/f3qlf5tri96cjM0
@user-tl2kd3ts4c
@user-tl2kd3ts4c 3 жыл бұрын
Tal Wilkenfeld (born 2 December 1986) is an Australian singer, songwriter,bassist and guitarist whose career began performing alongside artists includingJeff Beck, Prince, Eric Clapton, Herbie Hancock and Mick Jagger. In 2008, Wilkenfeld was voted "The Year's Most Exciting New Player" by Bass Playermagazine readers' choice poll. In 2013, Wilkenfeld was awarded Bass Player Magazine's "Young Gun Award" by Don Was, where she performed "Chelsea Hotel" by Leonard Cohen.
@eh6117
@eh6117 3 жыл бұрын
เลิกโต้แย้งกัน!แล้วต่างภาวนาของตนไปเถอะ!
@user-zi2si9of4p
@user-zi2si9of4p 3 жыл бұрын
ขอบคุณครับ
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
ถูกต้องครับ..แต่อธิบายไว้เผื่อคนอื่นที่จะหลงผิดครับ
@eh6117
@eh6117 3 жыл бұрын
@@user-je6tl8yb4m ท่านทำดีแล้วครับ
@eh6117
@eh6117 3 жыл бұрын
@@user-zi2si9of4p คุณทำถูกแล้วครับ
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
@@eh6117 สาธุครับ
@user-oh5sj6wg3s
@user-oh5sj6wg3s 4 жыл бұрын
ถ้าไม่มีการเกิดจะไม่มีทุกข์เพราะแก่เพราะเจ็บเพราะตาย...การไม่มีลูกเป็นนิโรธที่สิ้นสุดกรรม...
@user-vc8fw4cs6w
@user-vc8fw4cs6w 4 жыл бұрын
พระพุทธเจ้าสอนเรื่องจิตที่เวียนว่ายตาย-เกิดอยู่ในร่างกายขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี้เท่านั้น เมื่อมีเชื้อของพ่อเป็นเหตุ มาผสมกับปัจจัยคือไข่ของแม่ จึงทำให้เริ่มเกิดร่างกายของเราขึ้นมา และเมื่อมีอาหาร น้ำ ความร้อน อากาศบริสุทธิ์ เป็นเหตุ และมีการรักษาดูแลเป็นปัจจัย ร่างกายของเราจึงเจริญเติบโตขึ้นและตั้งอยู่ได้ แต่ถ้าขาดอาหาร หรือน้ำ หรือความร้อน หรืออากาศบริสุทธิ์ ร่างกายของเราก็จะแตกหรือตายไปทันที ซึ่งนี่ก็แสดงถึงว่า ร่างกายของเรานี้เป็น "สิ่งปรุงแต่ง"
@user-vc8fw4cs6w
@user-vc8fw4cs6w 4 жыл бұрын
ที่เป็นอนัตตา คือไม่ใช่อัตตา และเป็นอนัจจัง คือไม่เป็นอมตะ รวมทั้งยังเป็นทุกขัง คือมีสภาวะที่ต้องทนอยู่ด้วยตลอดเวลา
@user-vc8fw4cs6w
@user-vc8fw4cs6w 4 жыл бұрын
แม้จิตของเรา ก็เป็นสิ่งปรุงแต่งเหมือนกับร่างกาย คือจิตต้องอาศัยร่างกายเป็นเหตุให้เกิดวิญญาณ (การรับรู้ทางอายตนะทั้ง ๖ ของร่างกาย) ขึ้นมา และอาศัยความทรงจำจากสมองเป็นปัจจัย มาปรุงแต่งร่วมกัน จึงเกิดเป็นความรู้สึกว่ามีตัวเราอยู่นี้ขึ้นมา และตั้งอยู่ได้ก็เพราะยังมีวิญญาณและความทรงจำอยู่
@user-vc8fw4cs6w
@user-vc8fw4cs6w 4 жыл бұрын
แต่ถ้าร่างกายตาย วิญญาณก็จะดับหายไปทันที ซึ่งนี่ก็คือเหตุได้ดับหายไปแล้ว จึงทำให้จิตพลอยดับหายตามไปด้วยทันที เหมือนแสงไฟจากหลอดไฟฟ้า ที่เมื่อไม่มีกระแสไฟฟ้ามาหล่อเลี้ยงไส้หลอด แสงไฟฟ้านั้นมันก็จะดับหายไปทันที
@user-vc8fw4cs6w
@user-vc8fw4cs6w 4 жыл бұрын
หรือในกรณีถ้ายังมีเหตุ (คือมีวิญญาณ) อยู่ เพราะร่างกายยังไม่ตาย แต่สมองเสียหาย จนความทรงจำหายไปหมด ก็จะยังเกิดจิตขึ้นมาเหมือนกัน แต่ว่าไม่สมบูรณ์ คือแม้จะรับรู้และรู้สึกได้ แต่จำอะไรไม่ได้ และคิดอะไรไม่ได้ ที่เรียกว่าเป็นเจ้าชายนิทรา
@user-ri5zb9hx6m
@user-ri5zb9hx6m 4 жыл бұрын
อนัตตา อัตตา สุญตา.
@user-oh5sj6wg3s
@user-oh5sj6wg3s 4 жыл бұрын
เราไม่ใช่รูป...ไม่ใช่นาม... เราไม่ใช่จิต...ไม่ใช่วิญญาณ... เราเป็นเพียงผู้เห็นอนัตตา...
@เล็กไม่ยอมตาย
@เล็กไม่ยอมตาย 4 жыл бұрын
คนที่หลงในว่างจะไม่มีกิเลสให้ดู เมื่อไม่เห็นสภาวะธรรมเกิดดับก็เห็นจิตไม่แก่ไม่เสื่อม เข้ากับความเชื่อนิกายอื่นที่ตายแล้วไปแดนนิพพาน ยิ่งได้เจโตวิมุตติยิ่งมั่นใจว่าจบกิจเป็นพระอรหันต์ หารู้ไม่ยังหลงในความเที่ยงยึดมั่นถือมั่นตัวตนถาวร นิพพานมีอัตตาอย่างนี้ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า
@user-ri5zb9hx6m
@user-ri5zb9hx6m 4 жыл бұрын
5555
@user-dj3jg3ge4k
@user-dj3jg3ge4k 5 жыл бұрын
ไม่ผิดไม่ถูกไม่มีมหายานไม่มีเถรวาทหินยานผู้พ้นแล้วจากความคิดความเห็นความหมายจะจะเข้าใจพระนิพพาน นิพพานไม่ใช่อัตตาหรืออนัตตาจิตที่พ้นแล้วซึ่งความคิดปรุงแต่งอยู่เหนือสมมุติบัญญัติและนอกเหนือมนุษย์ความเป็นคนเป็นสัตว์ก็ไม่ได้มีอยู่จริงเป็นเรื่องของปัจจัยอาการคือเหตุปัจจัยปรุงแต่งกันขึ้นมา อนิจจังกฎแห่งอนิจจังทุกสรรพสิ่งผันแปรเปลี่ยนแปลงมิได้หยุดนิ่งสิ่งที่ไม่เคยมีกับมีขึ้นสิ่งที่มีอยู่ดับสลายหายไปแล้วแต่เหตุปัจจัยเป็นเช่นนั้นเองจะไม่เป็นอย่างอื่นจะไม่อื่นไปจากที่เป็น ตถตา
@สามารถเพ็ญสว่าง
@สามารถเพ็ญสว่าง 4 жыл бұрын
อนัตตา กรรม นิพพาน ปุถุชนใช้อะไรรู้ อนัตตา กรรม นิพพาน พระอริยะใช้อะไรรู้
@user-qp7nv5wq9h
@user-qp7nv5wq9h 3 жыл бұрын
ปุถุชน อริยะ ก็ต้องอาศัย ขันธ์5 สัมปยุตปัจจัย จึงรู้..
@user-cm4xe3kb4b
@user-cm4xe3kb4b 3 жыл бұрын
ท่านทั้งหลาย..หากท่านหยิบหม้อมาหม้อนึง...ถ้าในนั้นใส่แกงก็เรียกหม้อแกง...ถ้าใส่ข้าวก็เรียกหม้อข้าว...ถ้าไม่ใส่อะไรเลยก็ย่อมเป็นหม้อ...อยู่นั่นแหล่ะ..ท่านทั้งหลายนิพพานก็เช่นนั้นเอง..เป็นหม้อนั่นเอง..แต่ข้างในหม้อนั้นว่างปล่าว
@user-dj3jg3ge4k
@user-dj3jg3ge4k 5 жыл бұрын
มีสิ่งหนึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ที่หลงมายึดขันธ์ 5เป็นสิ่งไม่เที่ยงอนิจจังเมื่อหมดหลงเลิกหลงก็วิมุติหลุดพ้นคืนสู่อมตะธาตุ ไม่ใช่อัตตาหรืออนัตตาเป็นอมตะทำอมตะธาตุซึ่งมีอยู่ก่อนแล้วและจะมีต่อไปไม่สิ้นสุดเรียกนิโรธก็ได้เรียกนิพพานก็ได้เรียกสุนิตาก็ได้แล้วแต่สถานการณ์เหตุการที่เราจะอุปโลกน์ขึ้นมาสื่อสารให้กันและกันเข้าใจได้ท่านวิมลเกียรติท่านเอามือปิดปากแสดงความเป็นนิพพานหรือ ศูนย์ตา
@เล็กไม่ยอมตาย
@เล็กไม่ยอมตาย 4 жыл бұрын
ธาตุรู้เป็น *อสังขธรรม* ที่ให้กำเนิดจิตอันเป็น *สังขตธรรม* ขันธ์ 5 เป็นผลผลิตของจิต วิญญาณอาศัยจิตที่เคลื่อนไปในวงจร *ปฎิจจสมุปบาท* อันเป็น *สังสารวัฏภายใน*
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
ปัญญานั้นใช่การ คิดคำนวณ เข้าใจล้วนด้วยหัว เป็นสังขาร การเห็นจริงเห็นด้วย ปัญญาญาณ อย่าเพียงอ่านแล้วเชื่อ ตรรกะตน ทำสติปัฏฐาน ได้ปัญญา ได้เห็นว่าไม่เที่ยง มันทุกข์ทน อนัตตารู้ถึง พาหลุดพ้น ไม่เวียนวนซ้ำซาก อวิชชา
@thounthongsomsong9010
@thounthongsomsong9010 4 жыл бұрын
นิพพานเป็นอนัตตาแน่นอน ชาวพุทธเถววาทตั้งแต่โบราณกาลมาท่านชัดเจนในประเรื่องนี้มานานแล้ว แต่พวกรุ่นหลังในปัจจุบันนี่แหละที่สับสนและหลงทาง แล้วพยายามลากเอาคำสอนของพุทธเถรวาทเข้าไปเป็นความสับสนและหลงทางของพวกเขาเอง
@user-oh5sj6wg3s
@user-oh5sj6wg3s 4 жыл бұрын
ลองดูร่างกายเรานี้ประกอบด้วยอะไรบ้าง...มีธาตุกี่ชนิดที่หมุนเวียนอยู่ตั้งแต่เราเกิดจนตาย...ใจของเราแปรเปลี่ยนไม่หยุดนิ่งตั้งแต่เราเกิดจนตาย...รูปนามที่ประกอบกันเป็นชีวิตทั้งหลายเกี่ยวพันกันตลอดเวลา...แม้ไม่มีเราเป็นผู้รับรู้ความมีอยู่เหล่านี้...ทุกสรรพสิ่งก็ยังดำเนินไปอีกนานเท่านาน...ความเป็นอนัตตาจึงอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป...
@user-ij2qh3sz5z
@user-ij2qh3sz5z Жыл бұрын
"ความคิด"เป็นธรรมใช่หรือไม่? ถ้าความคิดเป็นธรรม ดังนั้นความคิดก็เป็นความจริง(สัจธรรม) เเต่ควรรู้ไว้เสมอว่าสิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ความคิดก็ฉันนั้นเเล
@smitjhone3443
@smitjhone3443 5 жыл бұрын
ผมเข้าใจว่า อัตตาเป็นแค่แนวคิดอย่างหนึ่งของคนที่ไม่เห็นสภาวะที่เกิดดับด้วยสติและปัญญา ที่มีอยู่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน นาม และรูป เกิดดับอยู่ตอนนี้ ไม่รู้ไม่เห็น มีแตอัตตสัญญาอยู่ร่ำไป ยังไม่เห็นอนัตตาสัญญา ด้วยปัญญา แท้จริงนามรูปเป็นอนัตตา แม่แต่ความคิดว่ามีอัตตา ก็เป็นอนัตตา เพราะมีเหตุให้คิดจึงคิดอย่างนั้น นอนหลับก็ไม่คิดแล้ว พอจิตเกิดด้วยสัญญาความจำก็คิดใหม่ สงสัยใหม่ ความสงสัยก็อนัตตา เกิดจากความไม่รู้ความจริงๆ ของลักษณะของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และบัญญัติ ครับ ขอบคุณครับอาจารย์ ติดตามอยู่ครับ ขอให้อาจารย์มีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะครับ
@พุทธิวิจัย
@พุทธิวิจัย 3 жыл бұрын
มันคืออวิชชาครับท่านผู้เจริญฯ
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
คำถามที่ 4 : อะไรที่เที่ยงแท้ถาวรและไม่เที่ยงแท้ถาวร ?
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
สังขตธรรมทั้งหลายไม่เที่ยงแท้ถาวร
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
ธาตุอนัตตาอันเป็นอสังขตธรรมเที่ยงแท้ถาวร
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
รูปและนามทั้งหลายเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นสังขตธรรม
@popsecondhand4307
@popsecondhand4307 4 жыл бұрын
สันตติ ปิดบัง อนิจจัง เพราะสันตติ คือ การเกิดสืบต่อของนามรูปที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ไม่สามารถเห็นความเกิด และความดับของนามรูปได้ เราจึงเข้าใจผิดว่ามีความเที่ยงแท้ถาวร
@popsecondhand4307
@popsecondhand4307 4 жыл бұрын
เห็นอนิจจัง ละ มานะ เห็นทุกขัง ละ ตัณหา เห็นอนัตตา ละ ทิฏฐิ
@saabpen1139
@saabpen1139 2 жыл бұрын
อัตตา - อนัตตา
@user-zi2si9of4p
@user-zi2si9of4p 3 жыл бұрын
เล่นอินเตอร์เน็ตผลาญสติ สมาธิ ปัญญา kzbin.info/www/bejne/iJTNlKiEpqlonZI
@กีต้าร์4สาย
@กีต้าร์4สาย 3 жыл бұрын
ผู้ใดแล ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรมอยู่ ผู้นั้น ย่อมชื่อว่าสักการะ เคารพนับถือ บูชาตถาคต ด้วยการบูชาอย่างยอด เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรมอยู่
@กีต้าร์4สาย
@กีต้าร์4สาย 3 жыл бұрын
การเรียนทฤษฎีดนตรีจนรอบรู้เพียงอย่างเดียวไม่อาจทำให้เป็นนักดนตรีได้ มีนักดนตรีมากมายที่เล่นดนตรีโดยอ่านโน้ตไม่ออก อธิบายไม่ได้ว่าทางคอร์ดในแต่ละเพลงมาได้อย่างไร แต่ก็เป็นศิลปินโด่งดังสร้างผลงานที่ไม่ผิดหลักวิชาการเลยสักนิด
@กีต้าร์4สาย
@กีต้าร์4สาย 3 жыл бұрын
นักดนตรีที่เริ่มต้นในระบบการศึกษา เล่นวงโยธวาทิตหรือเข้าเรียนสถาบันดนตรีจนอ่านโน้ตได้เหมือนอ่านหนังสือกับนักดนตรีบายฮาร์ทที่ไม่ได้เรียนแต่อาศัยหูในการแกะเพลงนั้นแตกต่างกัน ปริยัติทางดนตรี = มีความรู้ทางดนตรีเช่น สเกล คอร์ด เป็นต้น ปฏิบัติทางดนตรี = มีทักษะการเล่นเพลงผู้อื่นด้วยเครื่องดนตรี ปฏิเวธทางดนตรี = มีความสามารถในการประพันธ์เพลงขึ้นใหม่
@กีต้าร์4สาย
@กีต้าร์4สาย 3 жыл бұрын
ในภาคปริยัติทางดนตรี(ปรีชาญาณ)ของคนที่ใจรักในการเล่นดนตรีที่ไม่มีโอกาสเรียนดนตรีในระบบทำให้ไม่สามารถอ่านโน้ตได้ ไม่เข้าใจทฤษฎีดนตรีอย่างแตกฉานแต่ก็เล่นด้วยการใช้หูฟังและแกะเพลงรวมวงเล่นเพลงทำมาหากินบนถนนคนดนตรี ต่างกับนักดนตรีอาชีพที่เรียนมาไม่ต้องเสียเวลาแกะเพลง เวลาเล่นก็เล่นไปตามโน้ต การอ่านโน้ตได้ย่อมได้เปรียบกว่าเวลาอ่านตำราทำความเข้าใจถึงวิชาเรียบเรียงเสียงประสานและการประพันธ์เพลง
@กีต้าร์4สาย
@กีต้าร์4สาย 3 жыл бұрын
ในภาคปฏิบัติทางดนตรี(สัญชาตญาณ)ของพวกอ่านโน้ตสามารถบรรเลงเพลงที่ไม่เคยฟังได้พร้อมเพรียงกันทั้งวงเป็นแบ็คอัพให้นักร้องร้องเพลงได้แม้จะไม่เคยซ้อมเพลงนี้มาก่อน แต่ไม่สามารถเล่นเพลงโดยไม่มีโน้ตให้ดูถ้าไม่ฝึกการเล่นจำแบบนักดนตรีบายฮาร์ท ในทางกลับกันนักดนตรีบายฮาร์ทจะสามารถบรรเลงเพลงได้ดีถ้าเพลงนั้นเคยแกะมาหรือเคยฟังมาก่อน เมื่อเปรียบเทียบวงดนตรีสองวงที่นักดนตรีถนัดดูโน้ตเพียงอย่างเดียวกับวงที่ถนัดแกะเพลงเพียงอย่างเดียวเล่นบทเพลงเดียวกัน พวกที่อ่านโน้ตจะด้อยกว่าในเรื่องอารมณ์เพลงและสำเนียงความไพเราะที่เหมือนต้นฉบับ ดังนั้นถ้านักดนตรีมีความสามารถทั้งสองอย่างนี้ได้ ย่อมเป็นมืออาชีพกว่าคนที่ถนัดด้านเดียว
@กีต้าร์4สาย
@กีต้าร์4สาย 3 жыл бұрын
ในภาคปฏิเวธทางดนตรี(ปัญญาญาณ)ของนักดนตรีพวกที่มีพื้นฐานมาจากการอ่านโน้ตกับพวกที่ใช้หูแกะเพลงแล้วจดจำที่ถนัดคนละด้านเมื่อต้องการสร้างผลงานของตัวเองแม้จะมีการคิดและวิธีการต่างกัน แต่ปลายทางก็สามารถสร้างสรรผลงานออกมาจนสำเร็จเป็นเพลง หากจะดูที่การประสบความสำเร็จสร้างชื่อเสียงให้ตนแล้ว ศิลปินชื่อดังส่วนใหญ่จะอ่านโน้ตแบบวางแล้วเล่นทันทีไม่ได้ ในขณะที่อาจารย์ทางดนตรีที่เก่งวิชาการกลับไม่มีผลงานอันโด่งดังอย่างศิลปินทั้งที่มีความรอบรู้ละเอียดลึกซึ้งกว่าในทางทฤษฎีดนตรีแบบอธิบายได้ถูกต้อง 100 %
@กีต้าร์4สาย
@กีต้าร์4สาย 3 жыл бұрын
จะเห็นได้ว่าคนดนตรีที่เป็นศิลปินกับเป็นครูนั้นมีปัจจัยที่ต่างกัน มีอัตตราส่วนผสมความรู้กับความสามารถไม่เท่ากัน มนุษย์นั้นมีสองมือแต่ถนัดซ้ายถนัดขวาไม่เท่ากัน ยิ่งถนัดมือขวายิ่งทำให้มือซ้ายไม่ได้ใช้และด้อยกว่ามาก ยิ่งใช้ความคิดปรีชาญญาณมากจะทำให้สัญชาตญาณและปัญญาญาณยิ่งด้อยลงไป
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
คำถามที่ 5 : _เรากับไม่ใช่เรา_ นิยามกันอย่างไร?
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
ธาตุไม่ใช่เรา ขันธ์ไม่ใช่เรา
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
ความเป็นเราที่ยึดมั่นคืออุปาทานขันธ์
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
ทั้งรูปธรรมและนามธรรมที่ถูกเรารู้ไม่ใช่เรา
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
เรากับความเป็นเราไม่ใช่อันเดียวกัน
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
คำถามที่ 1 : อาพาธหมายความว่าอย่างไร ?
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
อาพาธของ "รูป" หมายความว่า... อาพาธของ "เวทนา" หมายความว่า... อาพาธของ "สัญญา" หมายความว่า... อาพาธของ "สังขาร" หมายความว่า... อาพาธของ "วิญญาณ" หมายความว่า...
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
ถ้าขันธ์ทั้ง 5 เป็น _อัตตา_ แล้ว ขันธ์ทั้ง 5 ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในขันธ์ว่า ขันธ์ทั้ง 5 ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด ขันธ์ทั้ง 5 ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
ก็เพราะขันธ์ทั้ง 5 เป็น _อนัตตา_ ฉะนั้นขันธ์ทั้ง 5 จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในขันธ์ว่า ขันธ์ทั้ง 5 ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด ขันธ์ทั้ง 5 ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
"อาพาธ" ในความคิดผมหมายถึงความเป็น _อนิจจังลักษณะ_ ที่เปลี่ยนแปลงไม่คงที่ถาวร คือสภาพความจริงของ _สังขตธรรม_ ทั้งหลาย
@popsecondhand4307
@popsecondhand4307 4 жыл бұрын
“สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือ จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา”
@anattakrudejmodel7701
@anattakrudejmodel7701 5 жыл бұрын
กรณี การวัดไม่ได้ ของอาจารย์กริม กับ อนัตตา ของพุทธองค์ คิดว่าน่าจะเป็นการเปรียบเทียบคนละประเด็นนะครับ คือ จะวัดก็ต้องวัดตอนที่เป็นอัตตานะ
@kumpeasona-un7791
@kumpeasona-un7791 3 жыл бұрын
หนังสือชื่อไรครับ ฟังไม่ชัด
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
คำถามที่ 2 : ขันธ์ทั้ง 5 เป็น _อัตตาหรืออนัตตา_ ?
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
"รูป" เป็น _อัตตาหรืออนัตตา_ ถ้ารูปนี้จักได้เป็น _อัตตา_ แล้ว รูปนี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ และบุคคล พึงได้ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ก็เพราะรูปเป็น _อนัตตา_ ฉะนั้นรูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
"เวทนา" เป็น _อัตตาหรืออนัตตา_ ถ้าเวทนานี้จักได้เป็น _อัตตา_ แล้ว เวทนานี้ไม่พึง เป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในเวทนาว่า เวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของ เราจงอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ก็เพราะเวทนาเป็น _อนัตตา_ ฉะนั้น เวทนาจึง เป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในเวทนาว่า เวทนาของเรา จงเป็นอย่างนั้นเถิด เวทนา ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
"สัญญา" เป็น _อัตตาหรืออนัตตา_ ถ้าสัญญานี้จักได้เป็น _อัตตา_ แล้ว สัญญานี้ไม่พึง เป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ก็เพราะสัญญาเป็น _อนัตตา_ ฉะนั้น สัญญาจึงเป็นไป เพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
สังขารเป็น _อัตตาหรืออนัตตา_ ถ้าสังขารเหล่านี้จักได้เป็น _อัตตา_ แล้ว สังขารเหล่านี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของ เราจงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ก็เพราะ สังขารทั้งหลายเป็น _อนัตตา_ ฉะนั้น สังขารทั้งหลายจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้ เป็นอย่างนั้นเลย.
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
วิญญาณเป็น _อัตตาหรืออนัตตา_ ถ้าวิญญาณนี้จักได้เป็น _อัตตา_ แล้ว วิญญาณนี้ ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในวิญญาณว่า วิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย ก็เพราะวิญญาณเป็น _อนัตตา_ ฉะนั้น วิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในวิญญาณว่า วิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
@user-je6tl8yb4m
@user-je6tl8yb4m 3 жыл бұрын
แดนนิพพานไม่มี หลังจากตาย เป็นนิยายของพุทธ มหายาน เถรวาทไม่เชื่อ เป็นวิมาน ขายสวรรค์อย่างพวก ธรรมกาย อันนิพพานรู้แจ้ง ปัจจุบัน อรหันต์ท่านเห็น ใช่ที่ไหน เกิดต่อหน้าต่อตา รู้ด้วยใจ ใช่หลังตายคืนกลับ เหมือนพวกพราหมณ์
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
คำถามที่ 3 : รูปนี้หมายถึงรูปธรรมหรือนามธรรม ?
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
"รูปที่เป็นธาตุ" กับ "รูปที่เป็นขันธ์" คือสองด้านของเหรียญเดียวกัน
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
ทั้ง "รูปธรรม" กับ "นามธรรม" ของรูปคือสองด้านของเหรียญเดียวกัน
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
ทั้ง "รูปภายนอก" กับ "รูปภายใน" คือสองด้านของเหรียญเดียวกัน
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
"รูปนี้" คือ "รูปที่เป็นขันธ์" เป็นนามธรรมอันหมายถึง สิ่งที่ปรากฎภายในได้แก่ ภาพแสงสี รสต่างๆ เสียงทั้งหลาย กลิ่นทั้งหมด สัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง ธรรมารมณ์นานา
@user-cm1dv5rm8f
@user-cm1dv5rm8f 4 жыл бұрын
ลักษณะอาพาธของ "รูปนี้" สัมพันธ์กับเวทนาอย่างไร แล้วสืบเนื่องกับสัญญากับสังขารอย่างไร สุดท้ายแล้ววิญญาณเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปอย่างไร
@surawitwann8322
@surawitwann8322 3 жыл бұрын
การแปลบาลีนั้นต้องพิจารณาตามบริบทที่ศัพท์คำนั้นใช้อยู่ ดังนั้นการแปลและให้ความหมายคำบาลีจึงจะมีความถูกต้องตามเจตนารมย์ของพระพุทธองค์ในเรื่องราวในพระสูตร ผู้ศึกษาจึงต้องแยกให้ออกระหว่างอัตตาที่หมายถึงตัวตน/การมีตัวตน กับอัตตาที่แปลว่าตัวเรา ก่อนกระมังครับ
@truthorlies2813
@truthorlies2813 3 жыл бұрын
ด้วยภาษาที่ใช้แปรเปลี่ยนความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากพระอภิธรรมของนักปฏิบัติที่ไม่ได้ร่ำเรียนปริยัติอย่างพวกนักธรรม พวกมหาเปรียญทั้งหลาย การสื่อสารกันจึงเข้าใจไม่ตรงกันได้อย่างเช่น พระโสดาบันยังละมานะสังโยชน์ไม่ได้ จึงยังคงมีความยึดมั่นในอัตตาตัวตน ยังแสดงอารมณ์โกรธออกมาด้วยถือทิฏฐิแห่งตน ทำให้ตีความสับสนว่าละสักกายทิฏฐินั้นละอะไรกันแน่ ทำไมยังเกิดความอหังการ มมังการเช่นนี้ พระอรหันต์เท่านั้นที่ได้ปัญญาวิมุตติพ้นจากอวิชชาอย่างแท้จริง จึงจะหมดสิ้นสังโยชน์ทั้ง10ไปได้ พระอริยบุคคลทั้งหลายได้เจโตวิมุตติยังไม่พ้นอวิชชา จึงยังเหลือสังโยชน์บางตัว ยังมีอัตตาตัวตนที่แสดงทิฏฐิมานะ อหังการ มมังการให้เห็นเมื่อขาดสติ การละสักกายทิฏฐิจึงต้องนิยามให้ถูกต้องว่า เป็นการละความเห็นผิดที่เชื่อว่ามีตัวตนเที่ยงแท้เป็นเรามาตั้งก่อนเกิดและยังคงอยู่เมื่อตาย ตัวตนที่เรายึดมั่นว่าเป็นกายภายในนี้คือสักกายทิฏฐิ รู้ด้วยปริยัตินั้นคือรู้บัญญัติความหมาย อย่างคำว่าอนัตตารู้ด้วยสัญญาเพื่อเป็นสัมมาทิฏฐิ รู้แบบสุตมยปัญญายังละวางอะไรไม่ได้จริงเพราะยืมเขามา เมื่อรู้แล้วเอามาวิเคราะห์ทบทวนกับเรื่องราวในชีวิต ใคร่ครวญถึงความทุกข์ที่เคยผ่าน การรู้อนัตตาจะได้ความเข้าใจ เกิดปัญญาของตนที่เรียกว่าจินตามยปัญญา อันนี้ยังพอช่วยให้ละวางความยึดมั่นลงได้ด้วยการมีสติ รู้ด้วยปฏิบัติคือการเจริญศีล สมาธิ ปัญญาด้วยสติสัมปชัญญะ จากใช้สมองมาใช้ใจรู้สภาวะธรรมที่แสดงอยู่ในปัจจุบัน การรู้แบบนี้เรียกว่าภาวนามยปัญญา ต้องอาศัยจิตรู้ซึ่งตั้งมั่นเป็นกลาง ถอยออกมาจากความคิดไม่เอาความรู้ไปเข้าใจอารมณ์ที่เกิด การรู้อนัตตาจึงรู้จากการเห็นจริงๆ เห็นแล้วก็รู้ด้วยตัวเองได้ปัญญาของตัวเอง ใช้จินตามยปัญญาต่อยอดจากเดิมให้แก่กล้า รู้ด้วยปฏิเวธคือการที่จิตมันแจ้งแก่อนัตตาเอง ไม่ใช่แค่เรารู้ด้วยปริยัติและปฏิบัติ จิตมันเป็นอิสระจากความยึดมั่นต่อขันธ์5 ด้วยมัคคญาณ ผลญานหนุนเนื่องด้วยฌานจะรู้แจ้งถึงอัตตา อันเป็นตัวตนรูปธรรมก็ดี หรือตัวตนที่เป็นนามธรรมก็ดี แยกไปเป็นคนละส่วนกัน เราที่เป็นตัวตนจึงขาดลงตามลำดับสำเร็จโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี ไปจนถึงอรหันต์ผู้ไม่มีอัตตาตัวตนแสดงออกมาจนถึงลมหายใจสุดท้าย
@truthorlies2813
@truthorlies2813 3 жыл бұрын
สักกายทิฏฐิของศาสนาพราหมณ์ฮินดูก็คืออาตมัน ปรมาตมัน พรมมัน ศิวรูป สักกายทิฏฐิของพุทธนิกายอื่นก็คือจิตเดิมแท้ จิตหนึ่ง จิตพุทธะ จิตญาณอันเข้าใจรวมๆว่าจิตที่ไม่มีเกิดไม่มีดับมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต พระโสดาบันของพุทธเถรวาทพ้นจากทิฏฐิอย่างนี้ ไม่เชื่อว่ามีตัวตนที่เป็นเราอย่างนี้ จะรู้แจ้งด้วยปฏิเวธก็ดี รู้เห็นด้วยปฏิบัติก็ดี รู้เข้าใจด้วยปริยัติก็ดี จะไม่หลงไปตามความเชื่อศาสนาอื่นหรือนิกายอื่น การละสักกายทิฏฐิได้จึงเป็นคนละเรื่องกับการละอัตตาตัวตน ยังมีจิตรู้ ยังมีจิตหลงซึ่งมีอวิชชาครอบงำ จึงแสดงตัวตนทั้งความคิด คำพูด การกระทำด้วยอัตตาในขณะที่ไม่เชื่อว่าอาตมันมีอยู่จริง ไม่เชื่อว่ามีจิตอมตะเป็นเรา เพราะเห็นจิตเกิดดับไปพร้อมกับสฬายตนะด้วยตนเอง ประจักษ์แจ้งจนมีปัญญาเป็นของตนเอง แต่จิตมันไม่ทิ้งขันธ์5 จิตมันเป็นหนึ่งเดียวกับอัตตาตัวตน นี่คือความแยบคายในการใช้ปัญญาของตน จึงไม่ได้คิดเข้าใจอย่างคนที่ยืมปัญญาเขามา พระโสดาบันละสักกายทิฏฐิได้ เห็นว่าไม่มีจิตอมตะ ไม่มีวิญญาณนิรันดร์ จึงไม่งมงายว่ามีเราที่เป็นตัวตนหลังจากตาย คนอื่นตายก็ไม่มีตัวตนเที่ยงแท้เช่นกัน ไม่มีกายทิพย์ กายละเอียดที่ออกจากร่าง ไม่มีวิญญาณสลับร่างอย่างในละคร ไม่มีผีที่สิงร่างคนอย่างที่หลายคนเชื่อ ไม่มีตัวตนใดที่เป็นอมตะมาให้คุณให้โทษแก่ใคร ไม่มีตัวตนใดที่กลายเป็นเทพเจ้าอย่างพราหมณ์ฮินดูเชื่อ คนไม่กลัวผีจะบรรลุโสดาบันได้ง่ายๆ ใครที่ประกาศตนว่าบรรุธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ ถ้ายังเชื่อเรื่องผี เรื่องเทพเจ้า ให้สัณนิษฐานว่าหลอกลวง อุปโลกน์ตน วัดด้วยสักกายทิฏฐิข้อเดียวอย่างที่ว่ามานี้แหละ ความผิดเพี้ยนข้อนี้ก็เพราะพระดังๆ พระมีระดับใช้กุศโลบายสอนบุญบาปอย่างพราหมณ์ฮินดู จนฝังหัวคนไทยมาช้านานจึงเชื่อตามหนังตามละครเป็นตุเป็นตะ บ้าทำสมาธิเห็นโน่นเห็นนี่ไปตามภาพในหัว ญานอภิญญาของจริงไม่ใช่มโนภาพอย่างที่เข้าใจกัน รู้ด้วยญาณอภิญญาคือเข้าใจลึกซึ้งอันเป็นปฏิเวธ ไม่ใช่เข้าใจตามปริยัติด้วยสมอง ไม่ใช่เข้าใจด้วยปฏิบัติแล้วเห็นนิมิต หรือวิปัสสนูกิเลสพาให้เข้าใจ รากเหง้ามาจากการละสักกายทิฏฐิไม่ได้ มันจึงชักนำให้ออกไปจากคำสอนพระพุทธเจ้า จะฟังก็ดี จะอ่านก็ดี จะคิดก็ดี จะดูสภาวะธรรมก็ดี ถ้าไม่เชื่อว่ามีจิตอมตะเสียแล้วตั้งแต่ต้น การตีความอะไรมันก็จะไม่มีตัวตนใดเป็นเราทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต แม้จะยังมีทิฏฐิมานะ อหังการ มมังการก็ตาม แต่มีเส้นตรงที่ขีดไว้ว่านี่คือ คำสอนพระพุทธเจ้าที่ไม่มีอยู่ในศาสนาใดๆ ไม่หลงทางอย่างพุทธนิกายอื่นๆแน่นอน
@truthorlies2813
@truthorlies2813 3 жыл бұрын
จิตเกิดดับในความคิด จิตพ้นการคิดคือจิตรู้ ไม่มีจิตก่อนเราเกิด ไม่มีจิตหลังเราตาย ไม่มีเราเป็นใครก่อนเกิด และหลังจากตาย สิ่งที่มีก่อนเราเกิด และหลังเราตาย ไม่ใช่เรา สิ่งที่ทำให้มีการเกิด และมีการตาย คือผลกรรม ตายแล้วเกิด ตายแล้วไม่เกิด ทั้งสองความคิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ จะเกิดหรือไม่เกิดอยู่ที่การกระทำ เพราะกรรมเป็นเหตุปัจจัยให้มีการเกิดและไม่มีการเกิด การเกิดทางกายก็ดี การเกิดทางใจก็ดี คือสมุทัย การไม่เกิดทางกายก็ดี ไม่เกิดทางใจก็ดี เป็นนิโรธ แล้วเจริญมรรคมีองค์8 เพื่อให้ถึงวิมุตติหลุดพ้นทุกข์
@truthorlies2813
@truthorlies2813 3 жыл бұрын
อมตะธรรม อมตะธาตุ เป็นเรื่องเกินวิสัยจะรู้ได้ด้วยปัญญาปุถุชน แม้แต่พระอริยบุคคลผู้ยังไม่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ยังตีความผิดๆได้
@user-ve9vx6nr3g
@user-ve9vx6nr3g 3 жыл бұрын
@@truthorlies2813 ตถาคตไม่มี ตัวอีโก้ สิ้นโมโหโทสะ กิเลสมาร ไร้ทิฏฐิมานะ อหังการ มมังการสูญสิ้น ด้วยวิชชา อรหันต์ไม่เหลือ แล้วตัวตน จึงหลุดพ้นความโกรธ ทิ้งอัตตา จิตทิ้งจิตรู้แจ้ง อวิชชา ด้วยปัญญาวิมุตติ์ วิสังขาร โสดาบันยังโกรธ เพราะอัตตา แม้รู้ว่าตัวตน คือวิญญาณ มันไม่เที่ยงถาวร เกิดดับนั้น อยู่ทุกวันใช่เรา จนนิรันดร์ ปุถุชนยังเชื่อ จิตเที่ยงแท้ รู้เพียงแค่ร่างกาย อยู่ไม่นาน มันเสื่อมลงแก่ลง ทรมาน หวังวิญญาณเกิดใหม่ เพราะผลบุญ ตถาคตไร้ความ เป็นบุคคล รู้ตัวตนแจ่มแจ้ง ค่าเป็นศูนย์ เมื่อตายไปแล้วสูญ หรือไม่สูญ เพราะต้นทุนของกรรม ไม่เท่ากัน โสดาบันไม่เชื่อ จิตไม่ตาย แต่ไม่หายยึดมั่น อุปาทาน ยังรักโลภโกรธหลง อหังการ มานะนั้นจึงมี เช่นนี้เอย
@Quitser
@Quitser 2 жыл бұрын
เรื่องถ้าจักรวาลไม่เที่ยงก็เหมือนถ้า2+2=4แล้วไซ้...ไม่ได้แปลว่าผู้พูดบอกว่ามี2+2ไม่=4 คำว่าถ้าตีความกันเองไม่ได้ ขึ้นกับเจตนาของผู้พูด
@AtheistThailand
@AtheistThailand 4 жыл бұрын
ถ้าขันธ์ห้าเป็นอนัตตา . แต่นิพพานเป็นอัตตา อนัตตาใด จะเข้าถึงอัตตา จะมีขันธ์ห้าใด เข้าถึงนิพพาน.. ปวดศรีษะ .ปัญญาข้าน้อยไม่ถึง ถ้าขันธ์ห้าเป็นอนัตตา แล้วผู้ใด ส่วนใดจะเข้านิพพาน . แล้วใครกันปฏิบัติ เพื่อละอัตตา ในเมื่อมันไม่ใช่ อัตตาอยู่แล้ว . ถ้าเข้าใจแบบนี้ แปลว่า เราไม่ต้องปฏิบัติอะไร เพียงแต่ทำความเข้าใจกับคำศัพท์ให้ชัดเจน ก่อน จะได้บทสรุปว่า แท้จริง สุข ทุกข์ เป็นเพียงสภาวะแบบหนึ่ง ในมุมมองของธรรมชาติ มีค่าเท่ากัน แต่มุมมองของมนุษย์ มีค่าตรงข้ามกัน การทำความเข้าใจมุมมองของธรรมชาติให้ชัดเจนถึงที่สุด . คือการเข้าถึงสิ่งเที่ยงแท้ (อัตตา) .ถ้าเข้าใจเช่นนี้ได้จริงๆ การยึดมั่นถือมั่น จะสลายไป ความถูก ผิด ดีชั่ว บุญ บาป จะสลายไป (สลายในความยึดถือในใจ) จะเปลี่ยนเป็นความเข้าใจ แบบของตน แต่การใช้ชีวืตจริง ยังต้องยึดถือปฏิบัติตนในกติกา หรือสมมุติที่ชาวโลกตกลงร่วมกันอยู่..เช่นเดิม .
@user-zi2si9of4p
@user-zi2si9of4p 4 жыл бұрын
มีการเปลี่ยนชื่อนะครับ # 18/11/2020 ดีม็อค วัน เป็นชื่อที่ใช้ในการสนทนา แล้วมาเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า พระ สมบูรณ์ หลังจากสนทนากันจบไป 2-3 เดือน แล้ว สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนคือการพ้น #ทุกข์ทางใจ อันหมายถึงจิตกับขันธ์ 5 แยกขาดกันในขณะมีชีวิต(จิตพ้นโลก) เรื่องอะไรที่เกินกว่านี้รู้ไปก็เท่านั้นครับ ส่วน #ทุกข์ทางกาย นั้นเกี่ยวข้องกับกรรมที่มีปัจจัยเป็น #อิทัปปัจจยตา ใช่ว่าพระอรหันต์จะมีปัญญาล่วงรู้ได้ทั่วถึงกันทุกองค์ แต่อย่างไรการรู้เรื่องกรรมง่ายๆที่เป็น #สัมมาทิฏฐิ ก็เพียงพอแล้วครับ
@AtheistThailand
@AtheistThailand 4 жыл бұрын
@@user-zi2si9of4p ตามท่านกล่าว ขันธ์5กับจิตแยกกันอยู่ ย่อมแสดงว่า ท่านเชื่อว่า มีจิต อีก 1อย่าง เป็น 6 ขันธ์ แบบนี้ แล้ว ขันธ์ที่เรียกว่าวิญญาณ เป็นคนละสิ่งกับจิต ที่ท่านกล่าวถึง หรืออย่างไร รบกวนด้วย
@user-zi2si9of4p
@user-zi2si9of4p 4 жыл бұрын
*"ขันธ์ 6" ไม่มีครับ! ขันธ์ทั้ง 5 ก็คือจิตที่แปรเปลี่ยนไปเหมือนน้ำที่อยู่ในภาชนะต่างกัน 5 อัน น้ำในภาชนะแม้จะต่างกัน 5 สี แต่ความเป็นน้ำนั้นคือน้ำอันเดิมที่ถูกปรุงแต่ง(อุปาทาน) จิตที่หลุดพ้นคือน้ำที่ไร้สีไปรู้นิพพานเรียกว่า "โลกุตตรจิต" เป็นจิตพ้นโลกที่ไม่ได้หมายความว่า _จิตออกจากร่างกายเราไปอยู่นอกโลกหรือไปแดนสวรรค์นิพพานนะครับ_
@AtheistThailand
@AtheistThailand 4 жыл бұрын
@@user-zi2si9of4p ขอบคุณที่ชี้แนะครับ แต่ฟังแล้ว ทำไรไม่ถูกเลย ไม่รู่จะหาบทสรุปแบบไหน เหมือน คนบรรลุธรรม เป็นเหตุคาดเดาไม่ได้ หรทอฟลุ๊ค อะไรแบบนั้นหรือเปล่า...
@AtheistThailand
@AtheistThailand 4 жыл бұрын
ท่านตอบมากระผมก้อไม่เข้าใจ ขันธ์ห้า ตาม อธิธรรมเป็นอนีตตา แต่มีจิตมาอีกหนึ่งชนืด เลยไม่เข้าใจว่าจิตหมายถึงสิ่งใด
@jrpjrp6366
@jrpjrp6366 3 жыл бұрын
เคารพความเห็นต่างนะครับ ถือว่ามาแชร์เพื่อวิเคราะห์ร่วมกันเป็นอีกชุดความคิดหนึ่งเท่านั้น ไม่มุ่งหมายเป็นที่สุด - เท่าที่ได้ศึกษาพระอริยทางอิสานหลายรูปรวมหลวงตามหาบัว,และท่านพุทธทาส พอสรุปได้แบบนี้นิพพานเป็นสภาวะธรรมที่เป็นนามธรรมและเป็นอสังขตธรรม(เช่นเดียวกับบุญ,ความดี ฯลฯ) นิพพานไม่เป็นทั้งอัตถิตา(ตัวตน)แบบของพราหมที่จะไประบุรูปธรรมสัญฐานหรือถิ่นที่อยู่ได้ ไม่เป็นทั้งนัตถิตา(ว่างเปล่า)ไม่งั้นการพ้นทุกข์จะมีไม่ได้ และไม่เป็นทั้งอนัตตา(ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงเพราะเกิดขี้นตั้งอยู่ดับไป)ซึ่งต้องตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ - แต่การไปสู่นิพพาน(บ้าน)ต้องผ่านทางอนัตตา(บันได) และชานหน้าประตู(อัตตา) กล่าวคือผ่านการเพ่งไตรลักษณ์(อนิจจัง,ทุกขัง,อนัตตา) เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ของเที่ยงแท้ แล้วจึงเข้าสู่การละอัตตา(กิเลสตัณหาอุปาทาน) ละได้เด็ดขาดแล้วจึงเข้าสู่สภาวะธรรมหนึ่งซึ่งสูงสุดคือนิพพาน เมื่อข้องใจว่านิพพานมีอยู่เป็นอยู่ในลักษณะไหน ให้เทียบคำว่าความดีไว้เลยก็ได้ มีอยู่เป็นอยู่ในลักษณะคล้ายๆกัน - นิพพานไม่ใช่เรื่องเข้าใจยาก ท่านพุทธทาสอธิบายว่า สังสารวัฏคือการเวียนวนของกิเลสในคนเป็นๆในปัจจุบันเป็นภาวะจิตในตัวคน ตรงข้ามกันคือนิพพานคือการหมดกิเลสในคนเป็นๆในปัจจุบันเป็นภาวะจิตในตัวคน - นิพพานไม่ใช่เรื่องลึกลับแต่การไปถึงไม่ง่ายนัก ไม่งั้นคนเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปี ก็ไม่สามารถรู้และบรรลุได้ในวันเดียว นิพพานสามารถอธิบาย,ชี้ทางให้ไปได้แต่ความรู้สึกตอนเป็นอรหันต์ต้องให้ได้เอง เหมือนเรียนป.เอกสามารถอธิบายและชี้ทางกันได้แต่ความรู้สึกคนเป็นดร.ต้องให้จบเอง สาธุ พ. พัฒนมงคล (ประชาชนทั่วไป)
@user-sl4bm1qd5t
@user-sl4bm1qd5t 3 жыл бұрын
สิ่งที่คุณว่ามาได้จากการปฏิบัติธรรมอย่างไรครับ
@opapatika4728
@opapatika4728 3 жыл бұрын
การดูจิตเหมือนเราดูหนัง จิตเป็นผู้แสดงเราแยกออกมาเป็นคนดู เราไม่ใช่ผู้กำกับ ไม่ใช่คนเขียนบท ไม่ใช่นักวิจารณ์ จิตจะเล่นบทอะไรก็ดูมันโดยไม่แทรกแซง ไม่บังคับควบคุม เราดูด้วยสติปัฏฐาน ดูไปเพื่อให้เกิดปัญญารู้ทันจิต เห็นมันแปรเปลี่ยนเมื่อผัสสะถูกกระทบ เห็นจิตมันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เห็นความทุกข์ที่จิตดิ้นรน เห็นความเกิดความดับเอง เห็นว่ามันไม่เป็นดั่งใจ จิตมันไม่ใช่เรา
@opapatika4728
@opapatika4728 3 жыл бұрын
จิตไม่ได้เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้มาก่อนเราเกิด มันเกิดที่นี่เดี๊ยวนี้แล้วก็ดับให้เห็น เกิดเพราะมีกายมีใจ เมื่อเราตายกายและใจหมดสภาพ จิตมันก็เกิดไม่ได้ ตัวละครที่ตายแสดงอะไรไม่ได้อีก ไม่มีตัวละครที่เล่นเป็นผีอย่างที่เขียนในนิยาย ถ้าเห็นได้ด้วยตนเองอย่างนี้นี่แหละ เห็นด้วยดวงตาเห็นธรรม คือดูหนังเป็น ดูละครชีวิตเป็น
@opapatika4728
@opapatika4728 3 жыл бұрын
ดูจนกระทั่งจิตมันสำนึกรู้ว่า "กูเป็นแค่ตัวละครนี่หว่า" เราเป็นผู้เห็นจิตว่า "มึงก็แค่ตัวละครเท่านั้น" ไม่มีตัวตนที่เป็นอมตะเป็นเราหลังจากตาย ตายแล้วไม่สูญนั้นหมายความว่าอย่างไร? วันหนึ่งจะรู้ได้ด้วยตนเอง อย่าไปคิด! อย่าไปถามใคร! แค่เรียนรู้ตัวเองต่อไปเท่านั้น!
@opapatika4728
@opapatika4728 3 жыл бұрын
ดูจิตไม่ได้ก็ดูกาย ดูกายไม่ได้ก็ทำสมถะ ไม่มีคำว่าไม่ต้องปฏิบัติ ไม่มีใครได้อะไรฟรีๆโดยไม่ลงแรงทำ ใครสอนว่าสามารถบรรลุธรรมด้วยการคิดหรือฟังอย่างเดียวผิดแน่นอน
@paulauckland7862
@paulauckland7862 3 жыл бұрын
วัดธรรมกายไม่ใช่สายเถรวาท...ท่านเป็นมหายาน..ไม่น่าจะผิดตรงไหน
@eeeaaa8676
@eeeaaa8676 3 жыл бұрын
20:20 ท่านอาจารย์เอาอะไรมายืนยันครับ ว่าเวทนา/สัญญา/สังขาร/วิญญาณ ไม่เข้า! หรืออาจารย์สั่งสิ่งเหล่านี้ได้ ? อนัตตลักขณสูตรพระสูตรนี้ในภาคปฏิบัติจัดอยู่ในพระสูตรที่ยอดเยี่ยม วางจิตตามนั้น วันหนึ่งถ้าหยอดกระปุกครบแล้ว เหรียญจะปรากฏ อันนี้จะปรากฏเป็นตามหลักของธรรมชาติเลย..... เหมือนพวกปั่นจักรยานใส่ล้อพยุงข้าง..... ล้อสีแดงเล็กๆ! 30:00 "ขันธ์ 5 ไม่ใช่อัตตา มันก็ต้องมีสิ่งอื่น..." แต่สิ่งอื่นในที่นี้ไม่ควรจะบัญญัติว่าอัตตาแล้ว เพราะอัตตาคำนี้ในทางพุทธศาสนาแล้วคือสิ่งชั่วร้าย... ในจุดนี้อาจารย์ท่านนี้เดาถูก... แต่ได้ไปต่อหรือเปล่าไม่ทราบได้!??! 32:00 จุดนี้อาจารย์ต้องขยายสัมมาทิฏฐิมิจฉาทิฏฐิครับ ถ้าอาจารย์ขยายไม่ได้นะครับ อาจารย์ไปต่อไม่ได้ครับ อันนี้เป็นกฎเหล็ก โลกนี้เต็มไปด้วยกะลา กะลาแบบพิเศษ .. ขนาดของกะลาไม่เท่ากันสักใบ ใบใหญ่ครอบใบเล็กไปเรื่อยๆ เป็นปัจเจกของใครของมัน อัตตา-อนัตตา คิดผิด-คิดถูก มันก็ซ้อนแบบนี้แหละครับ... 34:20 "ทุกวันนี้เวลานี้เราก็ไม่เจ็บไม่ป่วยนี่ครับ" ผมว่าอาจารย์พลาดแล้วนะ ทุกขณะเนี่ย ..เซลล์ดีเซลร้ายมันฆ่ากันเท่าไหร่ เชื้อมะเร็ง-ภูมิคุ้มกันมันปฏิวัติกันเท่าไหร่ อันนี้หลักชีววิทยาก็สังเกตได้ ตื่นเช้ามาต้องรักษาโรคปากเหม็น หลังจากขับถ่ายแล้วก็ต้องเอาน้ำไปล้างดาก เดี๋ยวมันจะเป็นโรคคัน หนอนไชดาก กินข้าวไม่กินน้ำข้าวก็จะติดคอ มันไหลไม่ได้ พวกนี้โรคทั้งนั้น ต้องหาอากาสดีๆให้มัน มีควันเหม็นๆมันก็จะปวดหัว เยอะแยะไปหมดโรค แต่อาจารย์กลับบอกว่าไม่มีโรค! 35:00 เขาตามล่าศัตรูผู้ก่อคดีชั่วร้ายกันอยู่ มีพยานยืนยันว่าศัตรูชื่อนี้ๆ....... ตอนสุดท้ายก็เจอตัวจับได้แล้วนำมาลงโทษ แต่จะมีใครบ้างนะที่เอาชื่อศัตรูมาตั้งใส่ชื่อตัว มันจะมีไหมนะ แต่ฉันเชื่อนะไม่มีหรอก เพราะมันไม่ใช่ฐานะ อัตตาก็เช่นกัน มีแต่เขาจะเผาผลาญ สำเร็จโทษเรียบร้อยมีแต่เขาจะฝังกลบ... ถึงว่าปั้นไปเรื่อยแหละสังเกตเถอะ บางทีก็เห็นข้อดีของเซนนะ ที่ว่าการสอนไม่ค่อยใช้คำพูด เพราะว่าใช้แล้วก็จะบัญญัติไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้แหละ!
@user-sl4bm1qd5t
@user-sl4bm1qd5t 3 жыл бұрын
อัตตาไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย มนุษย์มีอัตตาโดยสัญชาตญาณ มนุษย์ไม่เห็นอนัตตาเพราะไม่รู้ความจริง การรู้อนัตตาด้วยการคิดเข้าใจยังไม่พ้นอวิชชา จะรู้ได้ต้องเจริญสติปัฏฐาน ดูกาย เวทนา จิต ธรรม จนเห็นสภาวะของมันโดยไม่ใช้ความรู้ในหัวมาชี้นำ เห็นอิทัปปัจจยตาอันเป็นองค์รวมอยู่เหนืออัตตา การอธิบายไม่ยาก แต่การก้าวพ้นอัตตานั้นยาก เราใช้สมองคิดได้แต่จิตไม่วางถ้าไม่ปฏิบัติจนถึงที่สุด
@user-sl4bm1qd5t
@user-sl4bm1qd5t 3 жыл бұрын
เซนใช้หลักก้าวพ้นจากความคิด เพราะบัญญัติปกปิดความจริงเหมือนกระดาษห่อกล่องของขวัญ ซาโตริเกิดได้เมื่อ intellect สิ้นสภาพเป็นใบ้ไปไม่เป็น แล้วเปิดทางให้ intuition ทำงานแทน การฟังประโยคเด็ด วรรคทองจากพวกเซนแล้วคิดเข้าใจ อย่าได้เชื่อว่าความเข้าใจนั้นคือของจริง เพราะตรรกะคือสิ่งที่เป็นอุปสรรคของซาโตริ
@user-sl4bm1qd5t
@user-sl4bm1qd5t 3 жыл бұрын
จิตตสิกขาเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ถ้าละเลยสัมมาสติ สัมมาสมาธิจะทำให้ไม่เกิดปัญญาจนเกิดอริยมรรคอริยผล คนส่วนมากจะเอาแต่ปัญญาด้วยการอ่านและฟัง จึงได้แต่ปัญญาฟุ้งซ่านที่เรียกว่าธัมมุทธัจจะ เป็นปัญญาที่ทำให้เพ้อเจ้อพล่ามพูดได้เป็นชั่วโมง พระอรหันต์จริงไม่สอนเยอะ สอนโดยเลือกคนที่ควรสอน ชี้ตรงประเด็นแบบกระชับได้ใจความ
@user-sl4bm1qd5t
@user-sl4bm1qd5t 3 жыл бұрын
นักปฏิบัติจะพบว่าครูบาอาจารย์สอนให้ทำเรื่องหนึ่งๆไปแล้วผลที่ได้คือรู้อีกเรื่องหนึ่ง เพราะถ้าพูดถึงเรื่องนั้นให้รู้แต่แรกก็จะถูกกับดักภาษาพาให้เข้าใจผิดไปเองได้ พุทธนิกายเซนเกิดจากจากการแก้ทางพวกติดอรรถกถา แบบเดียวกับพวกติดพุทธวจน(คึกฤทธิ์) ติดการทำความเข้าใจ(สุจินต์) ดังนั้นคำสอนเซนไม่ได้วิเศษกว่าการเจริญสติปัฏฐาน เรื่องต่างๆจึงมีบริบทที่ต้องวิเคราะห์และสังเคราะห์ด้วยใจเปิดกว้าง
@user-sl4bm1qd5t
@user-sl4bm1qd5t 3 жыл бұрын
คนไทยฟังเซนเอาแต่ความว่าง หลงปรุงแต่งความว่าง สร้างภพขึ้นมาอยู่เพราะไม่มีวิหารธรรม การไม่เอากรรมฐานใดๆ เพราะฟังคนอื่นบอก ไม่เรียนรู้ด้วยตนเอง จะว่าไปแล้วเพราะเคยปฏิบัติผิด ทำสมาธิผิด ไม่เคยรู้เนื้อรู้ตัว ก็เลยพาลเอาว่าไม่ใช่ทาง พอเจอคนสอนให้เลิกปฏิบัติก็เลยเข้าทาง อ้างเว่ยหล่าง ฮวงโปแบบมั่วๆคิดเดาเข้าใจไปเอง
@user-qj3fu6uq4y
@user-qj3fu6uq4y 3 жыл бұрын
*อนัตตา กรรม นิพพาน* ที่คุณเข้าใจมาจากไหน? ก. อ่านพระสูตร ข. ฟังพุทธวจนะ ค. ครูบาอาจารย์สอน ง. ค้นคว้าด้วยตนเอง จ. ใช่มากกว่า 1 ข้อ
@user-qj3fu6uq4y
@user-qj3fu6uq4y 3 жыл бұрын
ความเข้าใจต่อ *อนัตตา กรรม นิพพาน* โดยใช้การคิดนั้นมาจากความรู้ที่ผ่านภาษาเขียนหรือภาษาพูด หากไม่พ้นจากความเชื่อ 10 อย่างในกาลามสูตร จะเป็น *สัญญา* ให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ บ้างหมายมั่นว่าตนเข้าใจธรรมะของจริงมีมานะอัตตาไม่ยอมรับคำโต้แย้งใดๆจากใคร บ้างอหังการปรามาสพระปฏิเสธคำสาวก ผู้ยึดถือว่าตนเข้าใจถูกที่สุดอย่างนี้ *ย่อมห่างไกลมรรคผล*
@user-qj3fu6uq4y
@user-qj3fu6uq4y 3 жыл бұрын
สัมมาทิฏฐิแห่งมรรคมีองค์ 8 จึงเป็นสิ่งสำคัญอันเสมือนเข็มทิศ คนที่หลงทิศย่อมไปผิดทาง
@user-qj3fu6uq4y
@user-qj3fu6uq4y 3 жыл бұрын
*ขณิกสมาธิ* เป็นสมาธิชั่วขณะที่ใช้เห็นสภาวะธรรมด้วยสติสั้นๆ เหมาะกับคนที่ดำรงชีวิตอยู่กับสังคมปัจจุบันอันวุ่นวาย การภาวนาในชีวิตประจำวันจึงต้องใช้ *สัญญา* จำได้หมายรู้เป็นตัวช่วยในการเชื่อมโยง *สภาวะธรรม* ที่ปรากฏจากสมาธิชั่วขณะเพื่อจับได้ว่ามันมีสามัญลักษณะเป็น *ไตรลักษณ์*
@user-qj3fu6uq4y
@user-qj3fu6uq4y 3 жыл бұрын
เมื่อความเชื่อทั้งหลายถูกแทนด้วย *สัญญาใหม่* จากการเห็นสภาวะธรรมด้วยตนเองบ่อยๆจนพบความเป็น *ไตรลักษณ์* เห็นว่าความยึดมั่นทั้งหลายเป็นมายาหาแก่นสารไม่ได้ จิตที่ยอมรับความจริงนี้จึงไม่ใช่การคิดเข้าใจอย่างเช่นแต่ก่อน *สัญญาใหม่อันเป็นภูมิปัญญาเฉพาะตน* พ้นจากความเชื่อจะพัฒนาไปถึง *โลกุตตรปัญญา* ได้ในเวลาไม่นาน
@user-qj3fu6uq4y
@user-qj3fu6uq4y 3 жыл бұрын
สัมมาสมาธิได้จาก *สัญญา* ที่มีความรู้ถูก(ปริยัติ) ภูมิปัญญาได้จาก *สัญญา* ที่รู้ด้วยตนเอง(ปฎิบัติ) ความรู้แจ้งได้จาก *สัญญา* ที่รู้ด้วยญาณปัญญา(ปฏิเวธ)
@happykpp4843
@happykpp4843 7 ай бұрын
ทำไมไม่อ้าง. -.สัพเพ ธัมมา อนัตตา - อัตตา หเว ชิตัง เสยโย บ้างล่ะ กำลังสับสนอะไรหรือเปล่า แค่คำว่า "สั่งได้" ก็เข้าใจผิดแล้ว....สั่งดระดิกนิ้ว มันคนละสั่งนะนั่่น
@Vesinah
@Vesinah 7 жыл бұрын
ฟังคำถามเรื่องกบ นี่ผมมีอนุสรณ์เรื่องตาบอดคลำช้างขึ้นมาในใจ เวลาพูดถึงกบเราใช้สายตาแบบไหนมอง ถ้ามองด้วยสายตาธรรมดามันก็จำแนกกบด้วยกายภาพหยาบ ๆ มองด้วยสายตานักออกแบบอาจจะมองสี ลายบนตัว มองแบบประติมากร จะเห็นกล้ามเนื้อ โครงสร้าง มองแบบนักวิทยาศาสตร์ จะมองไปถึง DNA จำแนกในระดับสปีชีส์ ด้วยมุมมองที่แตกต่าง หรือด้วยแว่นคนละแบบ กบ มันไม่ใช่แค่กบ ถ้าคนทั่วไปบอกว่ากบ นักวิทยาศาสตร์อาจจะค้านว่าไม่ใช่กบ มันเป็นเขียนตะปาด เพราะมี DNA แบบนี้ เพียงแต่ลักษณะคล้ายกบมาก ประติมากร อาจจะค้านว่า มันเป็นกบภูเขา ไม่ใช่กบ เพราะโครงสร้างมันเป็นแบบนี้ ต่างจากกบ นักออกแบบจะค้านว่า มันสีออกเขียวเข้ม ไม่ใช่กบภูเขา เป็นกบนา การที่จะยุติอะไรว่ากบ หรือไม่ใช่กบ ที่อาจารย์ชวนคิดเรื่องภาษาศาสตร์ นี่มันอยู่ตรงนี้เอง คือ นิยามโดยใคร ด้วยแว่นตาแบบไหน ถามว่า ประสบการณ์ว่าเคยเห็นกบ หรือ ม้า มันอยู่บนฐานอะไร สายตาคู่ไหน ใครจะมีสายตาที่คลอบคลุม ชัดเจนแทงทะลุไปในประเด็นทุกประเด็นของกบ และม้า ทีนี้หากปล่อยไปแบบนี้ก็จะกลายเป็นว่า เราไม่มีวันมีกบ และม้า ที่แท้จริง กลายเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่แว่น แต่ดูเหมือนว่าพระพุทธเจ้าจะต้องเป็น นักอะไรซักอย่างหนึ่ง สมมติว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าโยงศาสนาพุทธไปยัดในวิทยาศาสตร์อีก ที่จริงเป็นนักอะไรก็ได้สมมติไว้ พระพุทธเจ้าก็ทำหน้าที่นักใดนักหนึ่ง แล้วก็ตั้งทฤษฎีการจำแนกขึ้นมา โดยเพ่งกบ ศึกษากบ ด้วยแว่นของพระพุทธเจ้าเอง - อันนี้ถ้าดูจากพระสูตร แว่นก็คือ ปฏิจจสมุปบาท ที่แกสร้างขึ้นมาจากการเดิรทาง แว่นนี้ทำเสร็จขึ้นก่อนตรัสรู้ แกก็ใช้แว่นนี้เพ่งกบ ผ่านเครื่องมือช่วยต่าง ๆ เช่น สมาธิ จนแกได้หลักการมองกบ พิจารณากบ เราอาจจะบอกได้ว่า พระพุทธเจ้าต้องเคยเห็นกบ และศึกษากบมาอย่างโชกโชน แกถึงตั้งฐานพิจารณากบขึ้นมาได้ เพื่อรับรองว่าแกเคยเห็นกบ และศึกษากบมาอย่างถ่องแท้จริง หลาย ๆ พระสูตร แกก็จะแสดงว่าแกได้ศึกษากบมาอย่างไร หลายพระสูตรก็แสดงว่า กบ อย่างนี้เป็นอย่างไร อย่างนั้นเป็นอย่างไร หลายพระสูตรก็ค้านวิธีมองกบของนักอื่น ๆ ว่ามองกบไม่ทั่วถึงอย่างไร แต่ว่าคำถามใหญ่ของเทปนี้ ยังมีประเด็นว่า แล้วอะไรคือกบ อะไรไม่ใช่กบ แล้วตกลงกบคือกบ หรือกบไม่ใช่กบ อันนี้ผมก็ยังคิดถึงไม่ละเอียดเท่าไหร่ครับ
@เล็กไม่ยอมตาย
@เล็กไม่ยอมตาย 4 жыл бұрын
คำว่าปัญญาและคำว่าสติที่ใช้ทางโลกมีความหมายคนละอย่างกับความหมายในทางธรรม ปัญญาที่เป็นไตรสิกขาต่างกับปัญญาความรู้ สติที่เป็นสติปัฏฐานต่างกับสติในการดำรงชีวิต จึงควรตระหนักไว้ว่าเมื่อเรียนธรรมะนั้นเรากำลังเข้าใจด้วยความหมายทางโลกหรือทางธรรมกันแน่
@เล็กไม่ยอมตาย
@เล็กไม่ยอมตาย 4 жыл бұрын
*พุทธิสติ* ได้จากการเจริญสติปัฏฐานมีวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่ *พุทธิญาณ* ได้จาการเจริญวิปัสสนาเห็นความจริงอันเป็นไตรลักษณ์ *พุทธิปัญญา* ได้จากการเจริญปัญญาจนได้มรรค 4 ผล 4 และนิพพาน แต่ทว่าในปัจจุบันคำว่าพุทธิปัญญาถูกใช้ในทางโลกเป็นปัญญาความรู้ไปแล้ว
@AtheistThailand
@AtheistThailand 3 жыл бұрын
@@เล็กไม่ยอมตาย มองในมุมมองแบบธรรมขาติ (ไม่ได้มองผ่านแว่นแบบคุณยกตัวอย่าง) จะได้ข้อสรุปเพียงว่า นั่นคือสิ่งรู้ของจิต (หรืออะไรสักอย่าง สมมุติเรียกว่าจิต) กบจึงไม่มีอยู่จริง อะไรๆ ตามภาษาปากจึงไม่มีจริง มีแต่สิ่งปรากฏให้รับรู้ . ต่อจากการรับรู้ มนุษย์ก้อจะเอาภาษาสมมุติไปสวมทับ .ภาษามาจากความคิดให้ค่ากันเองของมนุษย์ .ธรรมชาติไม่เคยรับรู้กับพวกเรา . ทุกๆเรื่องในวัฒนธรรมมนุษย์ มาจาก จุดเรื่มต้นเดียวกัน คือ รับรู้สิ่งปรากฏ แล้วคิดสมมุติให้ค่าขึ้นมาเอง เพื่อประโยชน์ในการใช้งานดำรงสังคม เท่านั้น พวกเราจึงตกอยู่ในโลก (สังคมมนุษย์) ของสมมุติ หรือโลกของความคิดปรุงแต่งให้ค่า อย่างไม่รู่ตัว(ทั้งๆที่ของจริง คือ แค่ สิ่งปรากฏให้รับรู้เพียวๆ) ความทุกข์เพราะยึดมั่นถือมั่น เอาจริงเอาจัง เอาเป็นเอาตาย ในสมมุติเหล่านั้น โดยไม่รู้ตัว .. อันนี้ความเห็นส่วนตัวครับ ..
@user-gr8oc4fc1h
@user-gr8oc4fc1h 3 жыл бұрын
@@AtheistThailand อาจารย์แดงบอกว่าถ้าใครเข้าใจ"คิดแล้วรู้ว่าคิดได้"ก็จบกิจเป็นพระอรหันต์อย่างแก สิ่งที่คุณอธิบายแสดงว่าเข้าใจตามที่แกบอก อย่างนี้คุณก็จบกิจหมดสงสัยแล้วใช่ไหม?
@AtheistThailand
@AtheistThailand 3 жыл бұрын
@@user-gr8oc4fc1h ไปถามอ.แดงดูนะ ครับ ผมไม่รู้ว่า ความหมายแก กับความหมายผมเหมือนกันหรือเปล่า แต่เอ . คุณไม่นับถือศาสนา ทำไมสนใจเรื่องศาสนาจัง เพิ่มเติม .. การบรรบลุธรรม จบกิจ อรหันต์ มันก้อเป็นแค่คำศัพท์สมมุติขึ้นมา มันขึ้นอยู่กับว่า เราให้ความหมายคำสมมุติพวกนี้อย่างไร. .อ.แดง ก้อ อรหันต์ในความหมายส่วนตัวของแก .แล้วยังไง . ใครจะบังคับให้คนอื่นต้องเป็นอรหันต์แบบที่ที่ตัวเองคิดและเข้าใจ คนพวกนั้นแหละยังไม่เข้าใจอะไรเป็นอะไร ยากๆๆๆๆ จะอธิบายเรื่องพวกนี้ให้คนเข้าใจตรงกัน
DAD LEFT HIS OLD SOCKS ON THE COUCH…😱😂
00:24
JULI_PROETO
Рет қаралды 15 МЛН
What it feels like cleaning up after a toddler.
00:40
Daniel LaBelle
Рет қаралды 73 МЛН
Despicable Me Fart Blaster
00:51
_vector_
Рет қаралды 24 МЛН
อาจารย์ยอด : ธรณีสงฆ์ [กรรม]
27:27
อาจารย์ยอด
Рет қаралды 3,2 М.
(67-7) จาก "ศรัทธา" สู่ "นิพพาน" เป็นอย่างไร?
1:31:05
ธรรมสถาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Рет қаралды 5 М.
กรรมกับอนัตตาขัดกันหรือไม่?
29:20