Рет қаралды 4,734
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 ที่จังหวัดเชียงราย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า บรรยายหัวข้อ “ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ ทวงคืนอำนาจสู่ท้องถิ่น” ปิยบุตรกล่าวว่ารูปแบบการบริหารราชการแผ่นดินสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ รวมศูนย์อำนาจ(Centralization) และกระจายอำนาจ(Decentralization)
ในสมัยก่อนส่วนใหญ่มักใช้การบริหารแผ่นดินรูปแบบรวมศูนย์อำนาจ การตัดสินใจในการบริหารราชการแผ่นดินมาจากรัฐราชการส่วนกลางทั้งหมด รัฐราชการส่วนกลางจะส่งตัวแทนเข้าไปบริหารราชการในพื้นที่ต่างๆ อย่างเช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นต้น โดยตัวแทนที่ถูกส่งไปทำหน้าที่จะรับคำสั่งจากส่วนกลาง
การบริหารราชการแผ่นดินแบบรวมศูนย์อำนาจมีข้อจำกัดคือ ความล่าช้าในการบริหารจัดการ ในขณะที่โลกหมุนเร็วขึ้น สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา และการตัดสินใจจากราชการส่วนกลางไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของคนในทุกพื้นที่ บางจังหวัดอาจจะพอในในการตัดสินใจจากส่วนกลาง แต่อีกหลายจังหวัดอาจจะไม่พอใจกับการตัดสินใจจากรัฐส่วนกลาง เนื่องจากไม่ตอบสนองต่อพื้นที่ของเขา หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ
ด้วยข้อจำกัดของการบริหาราชการแผ่นดินแบบรวมศูนย์อำนาจ จึงมีการคิดค้นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินแบบกระจายอำนาจ ออกแบบหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นมา ให้ประชาชนในพื้นที่เป็นคนเลือกผู้นำในท้องถิ่นตนเอง ให้อำนาจตัดสินใจในการจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่ตนเอง
ในหลักสากลการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีองค์ประกอบ 5 ข้อ คือ
1.ผู้บริหารและสภาท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้งของคนในท้องถิ่นนั้น
2.อำนาจและหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะเป็นของตนเอง
3.มีงบประมาณเป็นของตนเอง
4.มีบุคลากรเป็นของตนเอง
5.การกำกับดูแลโดยราชการส่วนกลาง แต่ไม่แทรกแซงการบริหารจัดการของท้องถิ่น
ในประเทศไทยมีการเรียกร้องการกระจายอำนาจมาโดยตลอด และมาสำเร็จเมื่อตอนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่ประกาศกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นครบถ้วนทุกองค์ประกอบอย่างที่กล่าวมา โดยเขียนว่าให้ออกกฎหมายฉบับหนึ่งคือ “พระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจ พ.ศ.2542” ว่าด้วยเรื่องการถ่ายโอนอำนาจจากส่วนกลางให้ท้องถิ่น การแบ่งรายได้ระหว่างส่วนกลางกับท้องถิ่น การเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่นเป็นการเลือกตั้งโดยตรง
จนกระทั้งมีรัฐประหารปี 2549 การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นต้องสะดุดหยุดลง และรัฐประหารปี 2557 ถือว่าเป็นการถอยหลังเข้าคลองในเรื่องการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นถูกแช่แข็งไว้เป็นเวลาเกือบทศวรรต ปี 2563 เรากลับต้องตั้งคำถามว่าเมื่อไรจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งที่เรื่องนี้สังคมได้ข้อตกแล้วเมื่อปี 2540
ในด้านงบประมาณประจำปี ท้องถิ่นได้รับงบประมาณรวมกันคิดเป็นจำนวน 35% ของงบประมาณทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณที่ราชการส่วนกลางมาฝากไว้ให้กับท้องถิ่นเป็นคนจัดการเท่านั้น ท้องถิ่นไม่สามารถตัดสินใจทำอย่างอื่นได้ จะต้องทำตามสิ่งที่ราชการส่วนกลางกำหนดไว้ อย่างเช่น เบี้ยคนชรา ก็นับรวมอยู่ใน 35% นี้เช่นเดียวกัน
ปิยบุตรกล่าวต่อว่า ขอเสนอวิธีคิดแบบใหม่คือ ทวงคืนอำนาจสู่ท้องถิ่น เราต้องมองมุมใหม่ มองว่าแต่เดิมอำนาจอยู่กับท้องถิ่นแต่ถูกทำให้รวมศูนย์อำนาจ เราจึงต้องการดึงอำนาจกลับไปสู่ท้องถิ่น เราเสนอให้ท้องถิ่นสามารถจัดทำบริการสาธารณะ (Local public service) ได้ด้วยตนเอง เว้นแต่กฎหมายว่าเป็นอย่างอื่นให้ราชการส่วนกลางเป็นคนจัดการ เราเสนอให้มีการแบ่งรายได้ภาษีแบบใหม่คือ 50 : 50 ตอนนี้ต้องส่งรายได้ที่จัดเก็บจากภาษีให้กับส่วนกลางแล้วส่วนกลางจะแบ่งกลับมาให้ แต่เราเสนอว่าให้ท้องถิ่นจัดเก็บภาษีและเก็บในส่วนของตนเองไว้ และส่งส่วนที่เหลือให้กับราชการส่วนกลาง เราเชื่อว่าในแต่ละท้องถิ่นมีศักยภาพของตนเอง การคืนอำนาจให้ท้องถิ่นจะทำให้ประเทศไทยเติบโตขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
-----
สนับสนุนการทำงานของมูลนิธิคณะก้าวหน้า ได้ทางบัญชีธนาคารกรุงศรี ชื่อบัญชีมูลนิธิคณะก้าวหน้า เลขที่บัญชี 493-1-08675-0