เราเป็นคนเขียนสรุปไว้เองค่ะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมโดนลบ 1. เปลี่ยนจากมอง GDP เป็น Better World Index (Well being index) แทน คนในองค์กรควรมีชีวิตที่ดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น ได้รับการศึกษาตามความเหมาะสม ** นักการตลาดควรโฟกัสที่ 3P: Profit, People, Planet ** 2. นักการตลาดควรทำการที่วัดผลได้ เห็นเป็นรูปธรรม Old marketing (Mass): วัดไม่ได้จริง vs. New marketing e.g. Facebook ads สามารถวัดได้ 3. CMO (Chief Marketing Officer) ในบริษัทควรเปลี่ยน หรือ เพิ่มตำแหน่ง CGO (Chief Growth Officer) ขึ้นมา ผู้ที่ดูแลและทำให้บริษัทเติบโต “Marketers are out in the field” - ลงพื้นที่ไปฟังผู้บริโภค, นักการตลาดต้องเป็นคนแรกที่รู้ว่าธุรกิจที่ควรจะเข้าไป / ปัญหาที่เกิดขึ้น คืออะไร Marketer needs to be a source of ideas 4. Skill ที่จำเป็น: ต้องเข้าใจคณิตศาสตร์ 5. 4P (Product, Price, Place, Promotion) ยังคงใช้ได้ในปัจจุบัน แต่อาจจะขยายหรือเพิ่มปัจจัยอื่นเข้าไปด้วย ** ต้องทำให้ผู้บริโภคกลายเป็น Brand ambassador ของสินค้าคุณ 6. นักการตลาดต้องเป็นคนระแวดระวังอยู่สม่ำเสมอ, ต้องดูบริบทตลอดว่ามีอะไรเข้ามาทำลาย disrupt บ้าง 7. พัฒนาวันละนิดในทุกๆวัน (หลักคิด Kaizen ของญี่ปุ่น 8. หมดยุค Mass Marketing และเข้าสู้ยุด “Very Much Targeted Marketing” แล้ว ต้อง target, เจาะจงมากขึ้น, ต้องเข้าใจผู้บริโภคเป็นตัวรายบุคคล Focus on New technology capability: Case study: ตู้เย็นสั่งซื้อนมอัตโนมัติ 9. นักการตลาดต้องทำตัวเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิต 10. ปรัชญาในการใช้ชีวิตของ Kotler 10.1 ทำตามสัญชาติญาณ (Follow your instinct) 10.2 การให้คือการได้รับที่ดีที่สุด (Giving is a way to getting) "The best advertising is done by satisfying customer" (Philip Kotler)