Рет қаралды 196
ค่ายดับทุกข์ เรื่อง อานาปานสติโดยประสงค์ ตอนที่ ๒ - พุทธทาสภิกขุ
.
เนื้อหาโดยสังเขป
.
อธิบาย อานาปานสติ 16 ขั้น ในหมวดที่ 1 (กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน) ขั้นตอนที่ 4
.
ขั้นที่ 4 ซึ่งเป็นขั้นที่เรียกว่า ประณีต ละเอียด คือ การทำกายสังขาร (ลมหายใจ) ให้ระงับอยู่
.
การบังคับลมหายใจ ควบคุมลมหายใจ จัดการปรับปรุงเกี่ยวกับลมหายใจ มีคำโบราณเก่าแก่ก่อนพุทธกาล เรียกว่า "ปราณายามะ" ซึ่งถูกปรับปรุงตามหมู่ตามคณะของครูบาอาจารย์ และยังมีอยู่ในอานาปานสติ
.
เริ่มด้วยการกำหนดรู้โดย "วิ่งตาม" ลมหายใจเข้าและออก เกาะติดไปกับลมหายใจเข้าก็เข้าไปด้วยกัน วิ่งตาม วิ่งตาม จุดสูงสุดชั้นนอกคือปลายจงอยจมูก จุดสุดข้างในก็คือความรู้สึกที่ท้อง วิ่งตามเข้าออก วิ่งตามเข้าออก จนอยู่ในอำนาจ เรามีอำนาจเต็มที่สูงสุดที่บังคับให้วิ่งตาม เข้าออก เข้าออกโดยไม่ขาดสาย
.
ต่อมาลำดับเฝ้าดู ไม่วิ่งตาม ให้กำหนดรู้อยู่ที่ตรงเหมาะสม คือ ปลายจงอยจมูก เฝ้าดูที่ตรงนั้น เหมือนกับเฝ้าที่ประตู ไม่ต้องวิ่งตามเข้าไปข้างใน เฝ้าอยู่ที่ตรงนั้น ก็เป็นอันว่ารู้เหมือนกัน มันเข้าไปก็รู้ มันออกมามันก็รู้ มันก็เท่ากับรู้ทั้งหมดเหมือนกันด้วยอาการเพียงแต่เฝ้าดูที่จุดๆ หนึ่ง ไม่ต้องวิ่งตาม ถ้าทำได้จิตมันก็สงบระงับยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเราสามารถควบคุมจิตหรือสิ่งที่เรียกว่า สติ กำหนดหยุดได้ที่จุดนั้น ที่เราเรียกว่าเฝ้าดู มันก็เป็นการเลื่อนชั้นของความระงับ ระงับขึ้นมาได้อันหนึ่ง
.
ขั้นต่อมากำหนดเป็นความรู้สึก สร้างมโนภาพ แทนที่จะเป็นจุดเนื้อหนังที่ปลายจมูก มันกลายเป็นนิมิตหรือมโนภาพ บางคนจะเกิดเป็นดวง บางคนจะเกิดเป็นรูปร่างอย่างอื่น ที่เขียนเป็นตัวอย่างไว้ในคัมภีร์มีมากเหลือเกิน
.
เก่งไปกว่านั้นอีกก็บังคับมโนภาพน้อมจิตไปอย่างไร มโนภาพก็เปลี่ยนไปอย่างนั้น ให้มันเปลี่ยนโดยลักษณะ โดยขนาด โดยสีสัน โดยอาการที่มันเคลื่อนไหว เช่น มันสีเขียวเป็น..ให้มันเป็นสีแดงสีขาว ให้มัน..เล็กให้มันกลายเป็นใหญ่ ทำได้ทุกอย่างทุกประการอย่างนี้แล้วก็เรียกว่า มีอำนาจเหนือจิต มีอำนาจเหนือจิต เป็นนายเหนือจิตในการบังคับจิตที่เกี่ยวกับลม ที่เกี่ยวกับลม เรามาถึงขั้นนี้ก็เรียกว่า มีอำนาจเหนือจิต เหนือการบังคับลม ถึงขนาดที่จะใช้เป็นมาตรฐานหรือบาทสถานของการปฏิบัติในขั้นต่อไป
.
ถ้าใครสามารถหรือมีความพร้อมที่จะปฏิบัติสูงขึ้นไปจนถึงฌาน มีฌานประเภทรูปฌานก็ได้ แต่ถ้าใครไม่สามารถก็ไม่ต้อง ถ้าบังคับจิตได้พอสมควร มีสมาธิพอสมควร แล้วน้อมไปพิจารณาขั้นสุดท้ายของอานาปานสติ คือ ขั้นที่ 13 เสียเลยก็ได้ มันตัดลัดไปโดยเร็ว
.
ตามธรรมดาที่สอนอานาปานสติู่โดยปกติ ไม่มาแจกเป็นลำดับอานาปานสติอย่างนี้ เขาจะพูดสั้นๆ ที่สุด คือ ทำจิตเป็นสมาธิพอสมควร เป็นสมาธิพอสมควรแล้วก็พิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วก็หลุดพ้นเป็นพระอริยเจ้าไป พูด 3 คำจบ
.
แต่ถ้าพูดกันอย่างไม่ตัดลัด เมื่อเลือกเอาภาพนิมิตที่บังคับได้ตามต้องการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เหมาะสม แล้วมาก็กำหนดอยู่ ความสงบระงับก็มีมากขึ้น มากขึ้น ความเพ่งของจิตนั้นจะประกอบอยู่ด้วยความรู้สึก 5 ประการ
.
เมื่อความรู้สึกกำหนดอยู่ที่อารมณ์นี้เรียกว่า วิตก
ความรู้จักแจ่มแจ้งในลักษณะของอารมณ์นี้เรียกว่า วิจาร
ความรู้สึกพอใจในการกระทำได้เช่นนั้นเรียกว่า ปีติ
มีความสุข สบาย สงบ เรียกว่า ความสุข
จิตมีอารมณ์เดียว มียอดสุดอยู่ที่อารมณ์เดียวเรียกว่า เอกัคคตา
.
ครบเต็มที่อย่างนี้ในความรู้สึกเรียกว่า ปฐมฌาน
.
ถ้าละ วิตก วิจาร ที่ยังหยาบอยู่ เหลือแต่ ปิติ สุข เอกัคคตารมณ์ มันก็ระงับกว่า ประณีตกว่า ลึกซึ้งกว่า เรียกว่า ทุติยฌาน
.
เอา่ปีติออกไปเสีย คือ รู้ว่าปีตินั้นคือความสุขที่ฟุ้งซ่าน ความสุขที่ไม่ฟุ้งซ่านเรียกว่าความสุข หยาบเอาออกไปเสีย ก็เหลือแต่สุขกับเอกัคคตา คือ ตติยฌาน
.
ถ่้าเห็นสุข่ก็ยังเป็นความรู้สึกที่ยังรบกวน ทำให้เป็นอุเบกขาเสีย เพ่งเฉยๆ ไม่รู้สึกเป็นสุข มันก็เหลืออยู่แต่อุเบกขากับเอกัคคตาเป็นชั้นสุดท้าย ่คือ จตุตถฌาน ชั้นนี้การหายใจมันจะละเอียดจนท่านกล่าวกันว่าไม่หายใจ มันหายใจชนิดที่ไม่มีความรู้สึกอย่างที่ว่ามันละเอียดกว่านี้จนไม่รู้สึกว่าเข้าหรือออก
.
จบหมวดที่ 1 ของอานาปานสติ
.
#จดหมายเหตุพุทธทาส #พุทธทาส #อานาปานสติ #ค่ายดับทุกข์ #สวนโมกข์กรุงเทพ #สงบเย็นและเป็นประโยชน์