ปรัชญาจารวาก สมภาร พรมทา

[@pomo5911]

ชอบมากๆครับ สำนักนี้เอาความจริงมาสอน ไม่ได้งมงาย

[@elonm6967]

ชอบแนวคิดสำนักนี้ครับ

[@มะมามีนา-ฒ7ซ]

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้อาจารย์ และครอบครัว มีความสุข ความเจริญ ตลอดปี 2563 และขอขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ

[@เสาวรีย์วงละคร]

ผมเป็นพุทธแต่ทำไมผมคิดตรงกับจารวาก นำมาเติมเต็มเพื่อตอบคำถามเรื่องชีวิตหลังความตายและไม่มีอดีตชาติ.และเชื่อตามท่านพุทธทาส.

[@sriratdecha8809]

ขอบคุณมากครับ!สำหรับข้อมูลความรู้

[@pomo5911]

คำสอนดั่งเดีมของพระพุธทเจ้าก็สอนว่าให้เชื่อในสิ่งที่ตรวจสอบได้เช่น ตาเห็น หูได้ยิน พระพุธทเจ้าก็สอนแบบเดียวกันกับอาเกตะ เกชะกำพล

[@theravadaofbuddhism]

แนวความคิดทางปรัชญาของอชิตเกสกัมพล เรียกว่า อุจเฉทวาทะ หมายถึง ลัทธิที่ถือว่าหลังจากตายแล้วอัตตาขาดสูญ

[@theravadaofbuddhism]

“ทานที่ให้แล้วไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล การเซ่นสรวงก็ไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีทำชั่วก็ไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี บิดาไม่มีคุณ มารดาไม่มีคุณ สัตว์ที่ผุดเกิดขึ้นไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติปฏิบัติชอบทำให้แจ้งโลกนี้และโลกหน้าด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งก็ไม่มีในโลก มนุษย์คือประชุมแห่งมหาภูตรูป ๔ เมื่อสิ้นชีวิต ธาตุดินไปตามธาตุดิน ธาตุน้ำไปตามธาตุน้ำ ธาตุไฟไปตามธาตุไฟ ธาตุลมไปตามธาตุลม อินทรีย์ทั้งหลายย่อมผันแปรไปเป็นอากาศธาตุ มนุษย์มีเตียงนอนเป็นที่ ๕ นำศพไป ร่างกายปรากฏอยู่แค่ป่าช้า กลายเป็นกระดูกขาวโพลนดุจสีนกพิราบ การเซ่นสรวงสิ้นลงแค่เถ้าถ่าน คนเขลาบัญญัติทานนี้ไว้ คำที่คนบางพวกย้ำว่ามีผลนั้นว่างเปล่า เท็จ ไร้สาระ เมื้อสิ้นชีวิต ไม่ว่าคนเขลาหรือคนฉลาดย่อมขาดสูญไม่เกิดอีก”

[@theravadaofbuddhism]

จารวากนั้นยืนยันความรู้ทางผัสสะ หรือประสาทสัมผัสเท่านั้นที่ให้ความรู้ที่แท้จริงแก่เรา อะไรก็ตามที่อยู่นอกเหนือประสาทสัมผัส ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน แนวความคิดทางอภิปรัชญา และจริยศาสตร์ของจารวากจึงอธิบายบนพื้นฐานหลักการนี้ อะไรที่อยู่นอกเหนือจากนี้ จารวากไม่ยอมรับ

[@theravadaofbuddhism]

ปรัชญาจากวาก เป็นปรัชญาที่จุดกำเนิดมาจากความไม่พอใจในลัทธิประเพณีดั้งเดิมที่สืบเชื้อสายมาจากพระเวท โดยเฉพาะความไม่พอใจต่อพิธีกรรมของพวกพราหมณ์ที่ช่วงหลัง ๆ มักจะมีผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวข้อง แทนที่จะมุ่งสั่งสอนให้ประชาชนได้เข้าถึงสัจธรรมความจริง ลัทธินี้จึงสั่งสอนในสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยการปฏิเสธระบบศีลธรรมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นความดี ความชั่ว นรก สวรรค์ โลกหน้า จารวากจึงคล้าย ๆ กับพวกเอปิคิวเรียนในประเทศกรีกที่มักจะเป็นที่เกลียดชังมากกว่าให้ความสนใจ

[@theravadaofbuddhism]

อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่แม้จะบอกว่าเกลียด หรือต่อต้านแนวความคิดนี้ แต่ลึก ๆ แล้ว หลายต่อหลายเรื่องก็นิยมชมชอบโดยไม่รู้ตัว ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ วงการปรัชญาอินเดียที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ก็เพราะจารวากเป็นมูลเหตุ การอุบัติขึ้นของจารวาก สะท้อนให้เห็นถึงอิสรภาพทางความคิด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดสำนักปรัชญาอีกหลายสำนักในเวลาต่อมา

[@theravadaofbuddhism]

มีร่องรอยหลักฐานหลายประการในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่ยืนยันว่า ในยุคที่พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นมานั้น เป็นยุคที่ความเจริญ หรือพัฒนาการทางความคิดทางปรัชญาของมนุษย์ได้ถึงจุดสูงสุด มีการสร้างศาลาสี่มุมเมือง ไว้โดยการสนับสนุนของเจ้าฟ้ามหากษัตริย์เพื่อเป็นที่โต้ลัทธิปรัชญา คัมภีร์พระพุทธศาสนาจึงปรากฏร่องรอยหลายแห่งที่แสดงให้เห็นว่า พระพุทธเจ้า และเหล่าสาวกได้เคยมีการโต้ลัทธิบ่อยครั้ง

[@โอภาสขวัญวิเชียร]

ผมก็ว่าแบบจารวากนั่นแหละ ควรยอมรับความจริงก่อน แล้วค่อยเพิ่มจริยธรรมเข้าไปเพื่อความสงบสุขของสังคม

[@AtheistThailand]

จารวาก อนุมานว่าเป็นสำนักคืดแบบวิทยาศาสตร์ยุคแรกๆได้มั้ยครับท่าน อาจารย์

[@เสาวรีย์วงละคร]

มีคนพุทธบางคนพูดว่าศาสนาฮินดูที่เขาแบ่งคนออกเป็นสี่วรรณะเป็นเรื่องดี.หากไม่ดีจะไม่มีคนนับถือมาจนป่านนี้.คือเหตุผลของเขา ผมเลยรับไม่ได้เลิกคุยเดินหนีดีกว่า.

[@น้อยทอง-ษ1ป]

ถ้ามนุษย์สร้างปัญญาประดิษฐ์ได้สำเร็จครูอชิตเกศกัมพลชนะ5555

[@theravadaofbuddhism]

ทัศนะต่อโลกของอชิตเกสกัมพลตรงกับพวกนักวิทยาศาสตร์ ถือว่าไม่โง่ ฉลาดกว่าพวกทำบุญหวังสวรรค์ไร้หลักฐานความจริง

[@theravadaofbuddhism]

แต่ทัศนะต่อการดำเนินชีวิตนั้นสุดโต่งไปทางสุขนิยมไม่ต่างกับสังคมปัจจุบัน ซึ่งเราก็เห็นกันอยู่ว่าต้องดิ้นรนไม่มีที่สิ้นสุด ได้เท่าไหร่ไม่รู้จักพอ

[@โสดาบันสุกขวิปัสสโก]

พระพุทธเจ้าท่านสอนปัญจวัคคีย์ กัณฑ์แรกเลย สอนธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ท่านสอนเริ่มต้นท่านก็บอกว่า มีสิ่ง 2 สิ่งที่บรรพชิตไม่ควรเอา สิ่ง 2 สิ่งที่ผู้ปฏิบัติไม่ควรเอา อันแรกก็คือการปล่อยกาย ปล่อยใจตามกิเลสไป ตามใจกิเลส เรียกว่าย่อหย่อนไป กามสุขัลลิกานุโยค กับการกดข่มบังคับทำกาย ทำใจตัวเองให้ลำบาก ท่านบอกอย่าทำ 2 อย่างนี้ แล้วจิตจะเดินในทางสายกลาง ฉะนั้นเริ่มต้นพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนทางสายกลาง แต่เริ่มต้นท่านสอนสิ่งที่ไม่ถูกเสียก่อน สิ่งที่ไม่ถูกมี 2 อย่าง คือย่อหย่อนไปกับตึงเครียดไป พอไม่ย่อหย่อน ไม่ตึงเครียดก็เข้าทางสายกลางง่าย ท่านก็เลยสอนเรื่องมรรคมีองค์ 8

[@น้อยทอง-ษ1ป]

ที่ครูอชิตพูดหมายถึงพลังงานที่ปล่อยออกมาจากสสารเป็นวิญญาณดังนั้นเวลากายดับวิณญาณก็ดับแบบนี้ครับเหมือนถ่านไปฉายพอแท่งท่านที่ทำจากโลหะปล่อยพลังง่นออกไปพร้อมกับสสารก็สลายไป พอสลายหมดพลังงานก็หมดดังนี้ครับ แต่พลังงานตรงนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นกว่าจะสร้างจนให้มีปัญญาคงต้องละเอียดอีกมาก แต่ผมว่าไม่ต้องคิดทำครับเพราะถ้าจะให้มีปัญญาเท่ากับคนคงต้องเป็นสสารที่ละเอียดเหมือนกายคนนั่นเอง เข้าทำนองทำแบงค์ปลอมถ้าจะทำให้จนจับไม่ได้ก็ต้องใช้ทุนืำเท่ากับแบงค์จริงดังนั้นไม่มีกำไรเลยต้องทำให้ไม่มีคุณภาพจนเป็นแบงค์ปลอมไปนั่นเอง

[@opapatika1228]

ถามว่าถ้าหุ่นยนต์มีปัญญาญาณได้ แล้วคนจะหลุดจากการเป็นทาสหุ่นยนต์ได้อย่างไร ตอบว่ามนุษย์เราซึ่ง 99.00 - 99.99% ใช้ชีวิตอยู่ในความคิดโดยไม่รู้จักความรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ จะไปเดือดร้อนอะไรกับการต้องเป็นทาสของหุ่นยนต์ละครับ ทุกวันนี้คนก็เป็นทาสของหุ่นยนต์ไปเกิน 50% แล้ว เพราะความคิดของเราทุกวันนี้ถูกกำหนดด้วย AI ที่ส่งผ่านมาทางก้อนเมฆลงมาทางกูเกิล แล้วอย่างนี้ต่อไปการเป็นมนุษย์หรือการเป็นหุ่นยนต์จะไปแตกต่างกันตรงไหน การมีลูกน้องมีเจ้านายหรือมีแฟนเป็นคนหรือเป็นหุ่นยนต์ก็ไม่ต่างกัน การคบหุ่นยนต์อาจจะดีกว่าเสียอีกตรงที่ความคิดไม่เปะปะและไม่ต่างกันมากจนต้องทำสงครามตบตีกัน (ดร.สันต์ ใจยอดศิลป์)

[@น้อยทอง-ษ1ป]

เห็นตรงกับ จารวากนะครับไม่ได้เห็นด้วยพอดีผมก็คิดเองว่ายังงั้นแล้วนะครับ

[@jrpjrp6366]

เคารพความเห็นต่างนะครับ แชร์เพื่อคิดร่วมกันเท่านั้น -มิจฉาทิฏฐิแปลว่าความเห็นที่อันตรายได้ไหมครับอ. แต่ข้อเท็จจริงบางอย่างอาจจะถูกตามของจารวากก็ได้ ลัทธินี้เป็นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ได้ทีเดียว -ส่วนตัวผมนั้นไม่รู้ว่าจะผิดหรือถูก แต่ผมก็เชื่อชีวิตหลังความตายตามสตีเฟ่น ฮอร์กิ้งทุกอย่าง แต่ว่าบวกความเชื่อเรื่องบาปบุญและกรรม(คิดพูดทำ) ว่าจะให้ผลดีผลร้ายในชาติปัจจุบันเข้าไปด้วย ไม่เคยเชื่อหรือพะวงในเรื่องชาติก่อนชาติหน้าเลย และภพชาติตามปฏิจสมุปบาทของพุทธนั้น เป็นภาวะจิตของคนเป็นๆในปัจจุบัน -จารวากผิดตรงเชื่อเฉพาะรูปธรรม ไม่เชื่อเรื่องนามธรรม เช่นเรื่องของจิตซึ่งพุทธถือว่าสำคัญที่สุด เพราะจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว -สิ่งที่พระพุทธองค์จี้ได้ตรงจุดคือเรื่องการนุ่งห่มของครูอชิตะ ซึ่งมันบ่งบอกถึง"การอวดกู"ซึ่งเป็นอุปาทานกิเลสอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากตัวกู ของกู