ปฏิจจสมุปบาท : อวิชชาคือไม่รู้อะไร? ไฉนจึงเป็นปัจจัยให้เกิดภพชาติได้ คลิปนี้มีคำตอบ!!

[@JournalKorat]

ขอบคุณแม่ครูที่ช่วยเผยแผ่ธรรมของพระพุทธองค์ พูดดีเป็นลำดับเข้าใจง่าย ขอแม่ครูเอ่ยถึงที่มาของข้อธรรมในพระสูตรนั้นๆ ด้วย เผื่อผู้สนใจได้ไปค้นคว้าต่อและยังเป็นที่ชอบใจของนักวิชาการศาสนาด้วยครับ...ขออนุโมทนากับความเป็นผู้ทรงธรรมของคุณแม่ครูด้วยครับ...สาธุ

[@nuntiwan1963]

@@JournalKorat ขอบคุณนะคะ จะนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงนะคะ 🥰🥰🥰🙏🙏🙏

[@Sam-kz6hs]

มีประโยชน์ครับ...พอสมควรครับ..นัยยะต่างๆพอใช้ครับ..ขอบพระคุณฯ❤😊

[@nuntiwan1963]

@Sam-kz6hs 🙏🙏🙏

[@พรมดีลีลาชัย]

คุณครูอธิบายได้เข้าใจแจ่มแจ้งครับ

[@nuntiwan1963]

@@พรมดีลีลาชัย ขอบคุณนะคะ🙏🙏🙏🥰🥰🥰

[@ปันกุสารัมย์]

สาธุ สาธุค่ะ

[@nuntiwan1963]

@@ปันกุสารัมย์ 🥰🥰🥰

[@ณัฐมงคลทาศรี-บ7ค]

สาธุครับ คุณครูนัน

[@nuntiwan1963]

@@ณัฐมงคลทาศรี-บ7ค 🥰🥰🥰🙏🙏🙏

[@poongjiem9761]

สาธุ🙏🙏🙏

[@nuntiwan1963]

@@poongjiem9761 ขอบคุณนะคะ

[@Sakorn_Kusaram]

สาธุๆๆจ้า

[@nuntiwan1963]

@@Sakorn_Kusaram ขอบคุณค่ะ

[@ตาดวงเรียกประโคน]

🙏🙏🙏

[@nuntiwan1963]

@@ตาดวงเรียกประโคน 🙏🙏🙏

[@AnanchRed]

สาธุ

[@nuntiwan1963]

@@AnanchRed 🙏🙏🙏🥰🥰🥰

[@tinnalakpanapong]

จักรวาลหรือรูปเป็นมาด้วยการเกิดดับกี่แสนโกฐกัปป์ เป็นเช่นนี้ไม่มีเริ่มต้นไม่มีขั้นปลายครับ แต่ธรรมมีทั้งฝ่ายรูปและนาม มีสัตว์ในภพภูมิที่ไม่เกี่ยวข้องกับธาตุหยาบอยู่มากมายที่ยังมีอาสวะอยู่แต่ยังไม่ปรากฎคือนอนเนื่องอยู่ ส่วนเมื่อปรากฎธาตุหยาบขึ้น ทรงแสดงอาภัสราพรหมที่ลงมายังโลกแล้วจึงมีสภาพรูปกับนามที่อาศัยกันเกิดขึ้น ซึ่งก็แล้วแต่ยุคสมัยว่ากายที่ปรุงแต่งเกิดขึ้นเป็นอย่างไร ในสมัยพระสัมมาฯองค์ใด มีรูปกายอย่างไร มีอายุขัยอย่างไร ไม่ใช่วิวัฒนาการเฉพาะโลกปัจจุบันนี้ที่มีอายุไม่กี่พันล้านปี ถ้าเทียบกับแสนโกฐกัปป์ครับ

[@nuntiwan1963]

🙏🙏🙏

[@wongtong225]

อย่าเร็วอย่างนั้นเลย..แม่เอ้ย

[@nuntiwan1963]

@@wongtong225 ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ

[@thecatfig6187]

สาธุครับ ขออนุญาติ แสดงความเห็น อวิชชา เข้าใจว่าเป็นความหลงยึด ความเป็นตัวตน อัตตา ความเป็นเรา เพราะหลงยึดนี่แหละ เป็นตัวก่อเจตนาสร้างกรรม สร้างภพชาติ สืบเนื่องต่อไปไม่จบสิ้น ปัญญาที่รู้ทันในปัจจุบัน สลัด คลาย ทิ้ง ความหลงยึดนี้แหละ จิตจึงพ้น สลัดออกจากวัฎฏะได้ แบบนี้เข้าใจถูกมั้ยครับ?

[@nuntiwan1963]

@@thecatfig6187 🙏🙏🙏ใช่ค่ะ🥰🥰🥰

[@wittsimma8867]

ยังไม่ถูกครับ เพราะอวิชชาคือ ความไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้จักเหตุแห่งทุกข์ ทำให้ไ่ม่เห็นความดับทุกข์ และไม่เห็นหนทางการดับทุกข์ การที่เราไปเพ่งเล็งความยึดมั่นถือมั่นเป็นหลักเราก็จะทำการปล่อยวางโดยไม่สนใจใคร่รู้ว่านี่คือทุกข์นี่คือเหตุแห่งทุกข์ ซึ่งการจะปล่อยวางไม่สนใจทุกข์และเหตุแห่งทุกข์ก็เท่ากับเรายังจะหลงไปทำเหตุแห่งทุกข์อยู่อีกครับ นี่คืออวิชชา ฉะนั้นอวิชชาจะดับไปปัญญา หรือ ดับได้ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญานี่ไม่ใช่อาการปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่น แต่คือการเจริญปัญญา การฟังพระสัจธรรม การคิดตริตรองเหตุและผลของทุกข์และเหตุแห่งทุกข์ การภาวนาเพื่อเจริญสติเจริญกรรมฐานให้จิตมีกำลังในการดูและเห็นทุกข์และเหตุแห่งทุกข์ให้แจ้งครับ

[@เสียงเพลงบันเทิง]

อนุโมทนาสาธุค่ะ

[@S.W_inC_9151]

- อวิชชาเป็นเพียงสภาวะหนึ่งของจิตที่มีความไม่รู้หรือการรู้ไม่เท่าทัน แสดงว่าก่อนหน้า อวิชชานั้นจะต้องมีจิตที่มีชีวิตเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว สภาวะหรือสภาพของจิตจึงจะเกิดขึ้นตามมา แล้วอวิชชาจะเป็นจุดเริ่มต้นในปฏิจจสมุปบาทได้อย่างไร...

[@nuntiwan1963]

อวิชชาเกิดขึ้นพร้อมกับจิต เหมือนทารกเกิดมาพร้อมกับอวิชชา ดูเหมือนคุณจะเข้าใจคำว่าอวิชชาคลาดเคลื่อนไปน่ะ อวิชชาในปฏิจจสมุผบาท หมายถึงความไม่รู้แจ้งอริยสัจ ก็จะไปรู้ได้ในเมื่อยังไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า และยังไม่ได้ปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรม

[@S.W_inC_9151]

@@nuntiwan1963 - ความไม่รู้แจ้งอริยสัจ..มันก็คือสภาวะหนึ่งของจิตที่ไม่รู้และไม่เข้าใจในอริยสัจไม่ใช่หรือ - ถ้าอวิชชาเกิดขึ้นพร้อมกับจิต ก็แสดงว่าจิตมนุษย์สามารถที่จะเกิดขึ้นมาได้เองโดยที่ไม่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยเหมือนกับอวิชชา “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี” - และถ้าอวิชชาเกิดขึ้นพร้อมกับจิต ก็ต้องเพิ่มอีกข้อความหนึ่งลงไปในพระไตรปิฏกด้วยว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งจิตที่มีชีวิตของมนุษย์ย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้ จิตมนุษย์นั้นยังไม่มี แต่ภายหลังจึงมี”

[@yanapolthandee9867]

ความสุขและทุกข์นั้นล้วนเป็นไปตามที่จิตใจของเราไปกำหนดยึดถือเอา เมื่อใด ก็ตามที่จิตใจของเราหยุดการปรุงแต่งความทุกข์สุขนั้นจะยังมีอยู่หรือ?

[@wittsimma8867]

แม้เราจะหยุดปรุงแต่งสุขทุกข์ก็ยังมีอยู่ครับ เพราะแม้ไม่ปรุงแต่งก็ยัง เกิด แก่ เจ็บ ตาย แลพลัดพรากจากของรักอยูเหมือนเดิม ต่อให้เราปล่อยวางจนจิตมันว่าง แต่ด้วยกายสังขารที่มีหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจอยู่เหมือนเดิม นั่นทำให้ผัสสะและเวทนาที่ดีที่ไม่ดีอยู่ ฉะนั้น เราก็จะโดนอาการ กายและจิตไม่เที่ยง มีความเสื่อมสลาย และบังคับให้อยู่แบบนั้นแบบนี้ไม่ได้ เพราะมีเหตุปัจจัยของกายใจเป็นของที่ดำรงอยู่ด้วยธาตุ 4 ขันธุ์ 5 ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ฉะนั้นความปล่อยวางก็ไม่เที่ยง เราต้องเข้าถึงศีล สมาธิ ปัญญาให้มากขึ้นละเอียดขึ้นถึงจะเห็นทุกข์เห็นเหตุแห่งทุกข์เห็นอาการดับของทุกข์และกระทำเหตุแห่งการดับของทุกข์ครับ

[@nuntiwan1963]

สุขหรือทุกข์มีปัจจัยมาจากผัสสะ เพราะตราบใดที่ยังมีผัสสะอยู่ ตราบนั้นเวทนา3 คือสุข ทุกข์ เฉยๆก็ยังมีอยู่ตราบนั้น ปัญหาสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเมื่อสุขทุกข์เกิดขึ้นแล้ว มีเราเป็นผู้สุขหรือทุกข์อยู่หรือไม่?

[@wittsimma8867]

@@nuntiwan1963 ความเป็นเราสำหรับผมแล้วมันมีอยู่ตลอดครับ ความเป็นเราจะหมดไปก็ต่อเมื่อเราละเหตุแห่งทุกข์ได้ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ในแต่ละ 1 เราไปเรื่อยๆ จนกว่าเหตุแห่งทุกข์หรือเหตุแห่งการเกิดจะหมดไป นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมต่อให้เราสำเร็จถึงอนาคามีถึงยังมีภพให้เราอยู่ได้อีกครับ ซึ่งสภาวะอนาคามีแล้วแม้จะมีความรู้สึกว่าไม่ใช่เราใช่เขาแต่เหตุแห่งการเกิดที่ยังเป็นอาสวะก็ยังเหลืออยู่ครับ บุคคลผู้ไม่มีเราจริงๆ คือผู้ที่สิ้นอาสวะแล้ว นอกนั้นความเป็นเราก็จะยังจะมีอยู่ตราบเท่าหมดเหตุปัจจัย และความเป็นเรานี่แหละคือเหตุแห่งปัญญาของการรู้แจ้งเราเขาจนสามารถหมดเราหมดเขาได้จริงๆ ครับ ดังนั้นไม่ว่าเราจะปล่อยวางหรือยึดมั่นมันก็แค่อาการหนึ่งของความไม่รู้แจ้งเท่านั้นเองครับ แต่การปล่อยวางก็แค่ทำให้เรารู้สึกเบาโล่งสบายสุขสงบระงับเฉยๆ ครับแต่ก็ยังเป็นหนึ่งของอาการสังขารธรรมครับ

[@Sam-kz6hs]

​@@wittsimma8867เยี่ยมครับท่าน..กล่าวได้ดี...ไม่ประมาทครับ❤😊

[@Prasa_Yiaedin]

อวิชชา มันก็เหมือนคนเราออกจากบ้านแล้วมาเจอโลกอันกว้างใหญ่ มีสิ่งที่ให้ต้องเรียนรู้มากมายในโลกกว้าง ที่เมื่อเราก้าวเท้าของเราเดินออกมาจากบ้าน จากสิ่งที่คุณคุ้นเคยรู้มันอยู่เฉพาะตรงนั้น คุณได้สำเร็จตรงนั้นแล้ว และออกมาจากมันแล้ว แล้วกำลังอยู่ในระหว่างมิติของการเข้าไปสู่อ้อมกอดของโลกแห่งการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่

[@Prasa_Yiaedin]

ความรู้ อันหมายถึงวิชชา มันเป็นสิ่งไร้พรมแดน ดังนั้นแล้ว อวิชชาก็เลยต้องกลายเป็นสิ่งที่ไร้พรมแดนเช่นเดียวกัน แต่พอมนุษย์มีกรรม กรรมที่เป็นเขตแดนของความรู้เป็นผู้กำหนดเขตแดนของอวิชชา ดังนั้นเขตแดนของความรู้เท่าที่มนุษย์จะพึงมีได้ จึงเป็นแค่เพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่เรียกว่า วิชชา เพราะมันไปไม่ถึงวิชชาที่เป็นแบบไร้พรมแดน ซึ่งต่อให้เก่งขนาดไหน พอพ้นเขตแดนวิชชาของความเป็นมนุษย์ไปแล้ว ก็จะต้องประสบพบเจอกับ อวิชชาในแดนอื่นที่ไม่ใช่ความรู้ในแบบของมนุษย์ ก็ต้องไปเรียนรู้วิชชาเอาจากตรงที่แดนเกิดใหม่ตรงนั้นขึ้นมาอีกอยู่ดีแหละ ไม่พ้นเพราะสิ่งเหนือเหตุเหนือผลของความเป็นมนุษย์ มันมีอยู่ไง พอเราไปถึงตรงนั้นเราก็จะเป็นอวิชชาของที่นั่นที่ต้องเริ่มเสริมความรู้ในแดนเกิดรูปสถานะนั้นของตนใหม่อีก

[@Prasa_Yiaedin]

คุณมาเกิดซ้ำ้ในอดีตชาติที่เป็นคนเก่าของคุณเอง ได้ไหมหละ ? ถ้าได้ นั่นแหละทางพ้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม เพราะถ้าคุณมาเกิดซ้ำที่เดิมได้ มันจะเป็นชาติแห่ง วิชชา ของคุณที่คุณจะสำเร็จมันได้โดยง่ายดาย แต่ธรรมชาติเขาฉลาด เขาตั้งอวิชชาเป็นแดนเกิดเท่านั้น ดังนั้นการสวมทับชาติแห่งวิชชาเดิม จึงมีเพียงพระอรหันต์เท่านั้นที่รู้วิธีทำฤทธิ์ในแบบนั้น

[@nuntiwan1963]

👍👍👍

[@phanpunta8034]

อาสวะทั้ง 4 คือสามารถเชื่อมโยงพระสูตรการกำเนิด 4 ของสัตว์โลกในสังสารวัฏฏ์ กำเนิดจาก1.อัณฑชะ 2.สังเสทชะ 3.ชลาพุชะ 4.โอปปาติกะ ดังนั้นนรกกับสวรรค์ ทุกข์กับสุข ชั่วกับดี มืดกับสว่างตายกับเกิด ฯลฯ ธรรมอันเป็นคู่อันเป็นธรรมชาติในสัตว์ในโลกคือความสุดโต่งส่วนสุดทั้งสองเป็นปัจจัยนำไปสู่ภพภูมิที่สัตว์ไปกำเนิดตั้งอยู่ (การกำเนิด 4 ไปค้นหาความหมายในกูเกิลเป็นอย่างไร)

[@nuntiwan1963]

@@phanpunta8034 ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ

[@เสียงเพลงบันเทิง]

อนุโมทนาสาธุกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ค่ะ🙏🙏🙏

[@nuntiwan1963]

@@เสียงเพลงบันเทิง 🥰🥰🥰ขอบคุณนะคะ

[@chaiwat724]

พืชมีกี่ขันธ์

[@nuntiwan1963]

คำว่าขันธ์ในพุทธศาสนา ท่านจะหมายเอาขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นว่าเป็นเราหรือกู แล้วพืชมันมีสมองคิดได้หรือ?

[@chaiwat724]

@@nuntiwan1963 คืดเกิดจากสมองหรือจิตครับ

[@konjing.666]

คำว่า "ก่อนมีเราในชาติแรกเราเป็นอะไร" ในหน้าปกของคลิป ถือเป็นเรื่องอจินไตยในพุทธศาสนา คือไม่สำเร็จด้วยความคิด ชาวพุทธจึงไม่ควรเอามาคิดเอามาพูด เพราะอาจเป็นเหตุทำให้บ้าได้ แล้วที่ควรคิดคืออะไร? ตอบคืออริยสัจสี่ หรือปฏิจจสมุปบาทในปัจจุบันขณะจิต

[@nuntiwan1963]

ก่อนมีเราในชาติแรกถ้าฟังจบจะเข้าใจว่าทำไมต้องนำเสนอเรื่องนี้ ไม่ใช่เป็นการนำเสนอแนววิทยาศาสตร์ แต่นำเสนอเพื่อประโยชน์ในการถอดถอนอัตตาตัวตน

[@konjing.666]

@@nuntiwan1963 การถอนอัตตาต้องถอนจากอัตตาในปฏิจจสมุปบาทในรอบขณะจิตปัจจุบัน ไม่ใช่ไปถอนจากอดีตหรือชาติแรก หรือชาติในอนาคต เพราะว่ามันเป็นอฐานะคือเป็นไปไม่ได้ในสิ่งที่ล่วงมาแล้วกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่สำเร็จประโยชน์แก่ใครๆ อัตตาเกิดที่นี่เดี๋ยวนี้ ก็ต้องถอนต้องดับที่นี่และเดี๋ยวนี้

[@konjing.666]

การถอนอัตตาตัวตนต้องถอนออกจากวงรอบของปฏิจจสมุปบาทที่เป็นปัจจุบันขณะจิตเท่านั้นจึงจะถอนได้จริง ไม่สามารถถอนจากอดีตที่ผ่านมาแล้ว และจากอนาคตที่ยังมาไม่ถึงได้เลย เพราะมันเป็นอฐานะที่จะเป็นไปได้ครับคุณ

[@tinnalakpanapong]

คำอธิบายที่ไม่ใช่คำของพระสัมมาฯ ไม่ควรนำมาชี้แจงเช่น วิวัฒนาการ มันด้อยค่าพระปัญญาคุณ อาจเข้าใจไปว่าสู้วิทยาศาสตร์สมัยนี้ไม่ได้ และคุณก็เก่งกว่าพระสัมมาฯด้วยว่าอวิชชามีตอนไหน ถ้าไม่ทรงตรัสไว้อย่าคิดเองครับ

[@nuntiwan1963]

วัตถุประสงค์ของคลิปนี้เผยแพร่เพื่อเป็นเครื่องมือในการถอดถอนอุปาทาน ถ้าฟังแล้วถอดถอนอุปาทานได้แสดงว่าสำเร็จประโยชน์แล้ว

[@อินช้อปพิจิตร-ค1ด]

มันไม่ใช่ง่ายๆนะครับเรืองอวิชชาในปฏิจจสมุปบาท และการบรรลุธรรม7วันครูไม่ใช่พระพุทธเจ้าและไม่มีอภิญญา6วิโมกข์8 วิชชา8และมีปาฏิหารย์3และครูมีเจโตปริยญาณหรือที่จะรู้ว่าคนนี้สำเร็จธรรมแล้วคนนี้ยังไม่สำเร็จครูเอาอะไรมาตัดสินครูอธิบายผิดครูอธิบายว่าอวิชชาคือไม่รู้ทั้ง3กาลที่จริงแล้วอวิชชาในปฏิจจสมุปบาทคือขันธ์5ล้วนๆเลยครูต้องระวังอย่างยิ่งเรืองการรับรองผลของการปฏิบัติสามัญผลในปัจจุบัน

[@nuntiwan1963]

คุณฟังคลิปให้จบก่อนดีไหม สงสัยอะไรตรงไหน เขียนเรียงแต่ละข้อเลย จะตอบทุกข้อเลย

[@เฉลากุสารัมย์]

สาธุๆๆ

[@nuntiwan1963]

@@เฉลากุสารัมย์ 🥰🥰🥰

[@laolao-yo8nx]

🙏🙏🙏

[@nuntiwan1963]

@@laolao-yo8nx 🥰🥰🥰