(ที่นี่คือบ้านที่แท้จริง!) ฝรั่งลองใช้ชีวิตมาหลายประเทศ สุดท้ายกลับมาซบเมืองไทย

คริสได้เพิ่งกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง หลังจากการเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อหาสถานที่สำหรับเป็นฐานในการทำงาน ในเวลาเพียงแค่ 130 วัน วิดีโอนี้เป็นการสรุปรวบยอดเกี่ยวกับการเดินทางของเขา ในฐานะที่เป็น Digital Nomad ในปี 2022 และจากนี้ไป เรื่องราวต่างๆจะจบลงที่นี่ ซึ่งเขาจะเล่าให้เราฟัง ต่อจากนี้
เมื่อการห้ามเดินทางระหว่างประเทศ ถูกยกเลิกในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2021 เขารู้ทันทีว่า มันคือเวลาที่จะต้องเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พร้อมในตอนนั้น ในขณะที่สถานการณ์โรคระบาดในออสเตรเลียเริ่มดีขึ้น และเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะเดินทางออกนอกประเทศ และทั้งๆที่การใช้ชีวิตในโกลด์โคสต์ดูจะมีความสุขดี แต่มีเสียงบางอย่างในใจของเขา บอกให้ออกเดินทางต่อ แม้ว่าจะใช้เวลามากกว่า 1 ปีกับครอบครัวและเพื่อน แต่คริสก็ไม่สามารถให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่า จะมีชีวิตใหม่ที่ดีไปตลอดได้ แต่ปี 2022 ทำให้เกิดการเดินทางครั้งใหม่ เพื่อค้นหาที่ไหนสักแห่งเพื่อที่เขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นหลัก ที่ไหนสักแห่ง ที่เขาเรียกว่าบ้าน
หลังจากที่ได้รับเชิญจากเพื่อนคนหนึ่งของเขา Josh ให้ลองไปอยู่ในเมืองซิดนีย์ เพื่อช่วยลดช่องว่างที่ต้องการย้ายไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศ และสิ่งต่างๆที่ดูเหมือนจะลงตัวแล้ว หลังจากที่อาศัยอยู่ในโกลด์โคสต์มาปีกว่าๆ ซึ่งซิดนีย์ให้อะไรมากขึ้น และเขาก็ค่อยๆเริ่มชอบที่นี่มากขึ้นเป็นลำดับ ทั้งในเรื่องความสวยงามของเมืองและชีวิตที่ดูซับซ้อน แต่ด้วยการที่เมืองไร้ซึ่งแรงกระตุ้นใดๆ ทำให้เขาหันเข้าสู่การออกสังคมกลางคืนมากขึ้น จนกลายเป็นเรื่องหลักๆของชีวิต ทั้งการร่วมงานปาร์ตี้ และสังสรรค์เฮฮาไปในแต่ละวัน เป็นการฆ่าเวลาในช่วงเดือนหลังๆของฤดูร้อนในออสเตรเลีย เขาให้เวลากับซิดนี่ย์อยู่ 3 เดือน แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่ Josh ได้เชิญชวนเขา เพราะทันทีที่เริ่มมีการเปิดประเทศกันมากขึ้น ยุโรปเป็นเป้าหมายของกลุ่มเพื่อนๆของเขา ที่อยากจะลองไปท่องเที่ยวและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นในช่วงฤดูร้อน สิ่งที่พวกเขายังไม่เคยทำมาก่อนในช่วง 2 ปีก่อน อย่างไรก็ตาม การที่ยังมีเวลาเหลือก่อนที่่ฤดูร้อนของยุโรปจะเริ่มขึ้น เขาได้กลับไปยังที่ๆเขาคุ้นเคย เชียงใหม่ ประเทศไทย
และแม้ว่าเขาจะได้ทำคอนเทนท์เกี่ยวกับเชียงใหม่ออกมามากมาย แต่เขาก็ไม่ได้แสดงตัวว่าอยู่ที่นั่นมากนัก มันเป็นช่วงเวลาที่เขายังรู้สึกตื่นๆอยู่ เพราะเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกหลังการแพร่ระบาดของโควิด 19 โดยเขาได้ถูกกักตัว 1 วันเพื่อรอดูผลตรวจ
หลังจากการใช้ชีวิต 40 วันในเมืองไทย เขาเดินทางไปสถานที่แรกในยุโรป นั่นก็คือโปรตุเกส และจะใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์ในโครเอเชีย ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม
ซึ่งเขาได้จองที่พักร่วมกับ Josh และเพื่อนๆอีกหลายคน ทำให้มีเวลาว่างในช่วงพฤษภาคมและมิถุนายน โชคดีที่ซาร่า เพื่อนเก่าคนหนึ่งของเขา ได้ชวนไปเที่ยวที่ลิสบอนและอัลการ์ฟ ในโปรตุเกส ร่วมกับเธอและเพื่อนๆของเธอ ซึ่งในตอนนั้น ลิสบอนถือว่าเป็นสถานที่น่าสนใจสำหรับชาวดิจิตอนอร์แมดเลยเมืองหนึ่ง และเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พูดคุยกับเพื่อนเก่าๆที่เป็นดิจิตอลนอร์แมดเหมือนกัน ซึ่งไม่ได้เจอกันตั้งแต่ก่อนที่จะมีโรคระบาดด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น เขาได้ใช้เวลา 1 เดือนในกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี จุดหมายปลายทางที่เขาเลือกเพราะกำลังเป็นที่นิยมของชาวดิจิตอลนอร์แมดอยู่ในตอนนั้น รวมถึวัฒนธรรมที่โดดเด่นของตุรกีด้วย และงานแสดงดนตรีที่นั่นก็ตรงกับรสนิยมของเขาด้วย การใช้ชีวิตที่นั่น มันทำให้เขานึกถึงการเป็นดิจิตอลนอร์แมดที่คุ้นเคยในปี 2017 ซึ่งเขาก็ได้ติดต่อคนกลุ่มนี้หลายคนที่อาศัยอยู่ในอิสตันบูล แต่เขาก็รู้สึกอิ่มตัวกับการใช้ชีวิตในแบบนี้ ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกสับสนด้วยว่า มันไม่ใช่ชีวิตของดิจิตอลนอร์แมดที่เขาเป็น ทำไมมันเป็นเรื่องยาก ที่จะทำตามที่เคยสัญญากับตัวเองเอาไว้ ตอนอยู่ในออสเตรเลีย หลังจากใช้ได้เวลาใน 3 ประเทศเท่านั้น เขาก็รู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางเสียแล้ว แล้วเขารู้สึกคิดถึงการใช้ชีวิตในออสเตรเลียหรือไม่ เขาบอกว่าไม่เลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เหลือทางเลือกเดียว ก็คือการหาบ้านหลังใหม่ แต่ปัญหาก็คือ เขาได้นัดหมายกับเพื่อนทั้งในโครเอเชียและอิตาลีไว้ก่อนแล้ว แต่เพื่อไม่ให้เสียโอกาสที่จะได้ประสบการณ์ใหม่ หลังจากที่ต้องอยู่ในออสเตรเลียมานานเกือบ 2 ปี เขาตัดสินใจทำตามกำหนดการเดิม ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่เป้าหมายการเดินทางสุดท้าย กลุ่มเพื่อนๆของเขาได้ออกเดินทางไปยังประเทศต่างๆทั้งโครเอเชีย อิตาลี สเปน โมร็อคโค ซึ่งเขาได้บอกเพื่อนๆว่าการใช้ชีวิตในแบบดิจิตอลนอร์แมดยังไม่จบ เขาได้ใช้เวลาของเดือนกรกฏาคมใน 5 ประเทศ ก่อนที่จะเดินทางไปยังประเทศสุดท้าย
ที่มา: • Around the World in 13...